เขาััได้ถึงความไม่พอใจ
หวงฝู่จินเห็นภาพเด็กสาววัยสิบสามในชุดสีดอกบัว ร่างนั้นต้องแสงสะท้อนมัวๆ ของเชิงเทียน ขับให้ใบหน้าเยาว์วัยนั่นยิ่งดูงดงามขึ้น คิ้วที่ขมวดแน่นของเขาจึงผ่อนคลายลง
แต่สิ่งที่ทำให้ใจเขาสั่นไหวมากที่สุดคือสีหน้าของนาง เรียวคิ้วเลิกสูง ั์ตาเบิกกว้าง แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความทะนงตนที่เขาไม่เคยพบ…
หากไม่ได้ลอบเข้าเรือนนางในยามค่ำคืนเช่นนี้ ก็คงไม่มีทางได้รู้เป็แน่ว่านางทำสีหน้าเช่นนี้เมื่ออยู่ตามลำพัง
หลินฟู่อินกำลังใเพราะไม่ทันตั้งตัว หวงฝู่จินจึงสามารถชื่นชมได้อย่างสบายใจเช่นนั้น
ทั้งสองจ้องกันและกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลินฟู่อินจึงได้สติ นางอยากทำท่าทีเอียงอายเช่นที่สตรีในยุคโบราณควรจะทำ แต่ก็ทำไม่ได้ นางจึงเพียงเบิกตาขึ้นแล้วหรี่ลง โดยไม่มีใครเปิดการสนทนาก่อน
บรรยากาศยิ่งอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเสียงหนึ่งสร้างความสะดุ้งให้กับหลินฟู่อิน เป็ย่าหลี่หรือไม่ก็แม่นมฉินที่ลุกขึ้นมาดื่มน้ำในตอนดึก และคงได้สลบแน่หากเจอบุรุษผู้นี้อยู่หน้าห้องนอน
นางจึงไม่สนภาพลักษณ์อีก รีบใส่รองเท้าแล้ววิ่งไปลากเขาเข้าไปยังห้องครัวผ่านทางประตูฝั่งตะวันตกทันที
หวงฝู่จินก้มมองมือเล็กๆ ของนางที่ดึงชายเสื้อเขาอยู่ ััได้ถึงความเย็นจากปลายนิ้วของนาง
คิ้วเรียวได้รูปย่นลงโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้อยู่ใน่รอยต่อของฤดูร้อนและใบไม้ร่วง แล้วเหตุใดมือของนางจึงเย็นเช่นนี้กัน?
หลินฟู่อินไม่สนคำถามในใจของเขา เมื่อพาเขาไปถึงห้องครัวแล้ว คิ้วคู่นั้นจึงเลิกขั้นอีกครั้งอย่างไร้ความกลัวเกรง “คุณชายมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้มีธุระอันใดหรือ? แล้วท่านตวนมู่เฉิงและเหล่าลิ่วหายไปไหนกัน? เหตุใดท่านจึงไม่มีองครักษ์อยู่ข้างกาย?”
มีแต่คำถามเกี่ยวกับเื่ของเขา แต่มีเพียง์เท่านั้นที่รู้ว่าที่นางถามเช่นนี้เพราะนางอยากให้คนสนิทของเขารีบๆ มาพาตัวเขาออกไปจากที่นี่
แต่ดูเหมือนจะสื่อไปไม่ถึง
พริบตานั้น แสงเทียนพลันสั่นไหว แล้วห้องครัวจึงส่องสว่างขึ้นมา
หลินฟู่อินตกตะลึง เมื่อเห็นว่าหวงฝู่จินยังอยู่ดี แต่คราวนี้มีเหล่าคนคุ้นหน้าเพิ่มมาด้วยแล้ว
นี่มัน… ทำได้อย่างไรกัน? หลินฟู่อินจมสู่ห้วงความคิดโดยลืมคำถามเื่ที่ว่าเขาบุกเข้าห้องนางมาในยามวิกาลเพื่ออะไรไปเสียสิ้น
หวงฝู่จินยกมุมปากขึ้น ดูท่าคำถามเมื่อครู่นี้จะถามเพื่อความปลอดภัยของตัวเขา และความกังวลในสายตานั้นมิใช่เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของตัวนางเอง แต่มันเป็ความกังวลต่อความปลอดภัยของเขา เขาจึงรู้สึกขอบคุณในน้ำใจ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหย่อนร่างนั่งลงบนเก้าอี้เล็กอย่างสบายอารมณ์พลางมองนาง
“ข้าแค่หิว และในเมืองก็ไม่มีอะไรที่กินได้ ข้าจึงอยากรบกวนเ้าช่วยเตรียมอาหารให้ข้าหน่อย”
เขาไม่ได้สุภาพเลย ท่าทีนั้นราวกับกำลังคุยกับคนรู้จักที่คบหากันมาหลายปี
บุกเข้าบ้านนางในยามวิกาล เพื่อมากินอาหารหรือ?
หลินฟู่แทบอยากะโถามออกมา นี่มันเื่บ้าอะไรกัน?
บุรุษผู้นี้… นางเคยช่วยชีวิตม้าของเขาไว้ ซึ่งถือเป็การตอบแทนบุญคุณไปแล้ว เขาเองก็บอกว่าเจ๊ากันแล้ว และหลังจากนั้นนางก็ช่วยชีวิตเขาไว้อีกมิใช่หรือ?
ช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว นี่คือวิธีการตอบแทนหรือ?
แต่เขาไม่คิดเช่นนั้นอย่างนั้นหรือ?
นางอยากออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ นี่มันบ้านนาง แล้วนางจะหนีไปไหนได้กัน?
“คุณชายอยากทานอะไรหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินกัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถามออกมา
หวงฝู่จินเห็นนางกัดฟัน และในสายตายังแฝงไว้ด้วยความอดกลั้นจึงกล่าวว่า
“เ้าเลือกสิ่งที่เ้าถนัดมาเลย” หวงฝู่จินจงใจแกล้งนาง แน่นอนว่านี่เป็ผลให้หลินฟู่อินที่มีท่าทีสงบนิ่งมาตลอดแทบจะก่ายหน้าผาก
แปลว่ามันเป็ของที่ร้านในเมืองไม่มีอย่างนั้นหรือ แล้วจะให้ทำนางตอนนี้เลย? ไม่เื่มากไปหน่อยหรือไง?
ในใจของหลินฟู่อินมีประกายของความไม่พอใจ แต่ก็ยังถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มดูวัตถุดิบ แต่ก็ไม่อยากให้บุรุษผู้นี้ได้อะไรตามที่หวัง นางจึงผายมือออกหลังจากที่มองหาอยู่นาน “ข้ามีเพียงถั่วปากอ้าสำหรับวันพรุ่งนี้เท่านั้น…”
หวงฝู่จินที่นั่งมองนางที่ทำทีเป็ยุ่งมาตลอด ก็ไม่พลาดที่จะชี้วัตถุดิบที่นางไม่เอ่ยถึงออกมา
“จำได้ว่าในห้องเก็บของของเ้ามีของดีๆ อยู่เยอะนี่” หวงฝู่จินกล่าวอย่างสงบ
หลินฟู่อินสาปส่งความแสนรู้นั่นเงียบๆ ในใจจนแทบจะเผลอส่งจิตสังหารออกมา ชายผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่งดงามนัก มากจนคนทั่วไปมิกล้าเข้าใกล้ และเมื่อใบหน้านั้นผ่อนคลายลงภายใต้แสงเทียนอ่อนๆ แล้ว หลินฟู่อินจึงหายใจอย่างอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เพราะนางไม่อยากให้เขาได้ตามที่หวัง จึงยกมุมปากขึ้นเป็รอยยิ้มเยาะเย้ย “คุณชายรู้เื่ของฟู่อินละเอียดนัก แต่ที่ข้าไม่ทำเช่นนั้นมิใช่เพราะข้าขี้เหนียวหรืออะไร แต่หากข้าไปยังห้องเก็บของตอนนี้ เหล่าผู้าุโในบ้านข้าคงได้สะดุ้งตื่นกันหมดแน่…”
หวงฝู่จินเบิกตาขึ้น นางมองว่าสองคนนั้นเป็ผู้าุโอย่างนั้นหรือ เขานึกว่าเป็เพียงคนรับใช้เสียอีก
หวงฝู่จินเคยคุยกับนางมาหลายคราแล้วนับั้แ่พบกันคราแรก แม้ความระแวงที่นางมีต่อเขาจะคลายลงไปมากแล้ว แต่มันก็ยังทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ดี
แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่กล่าวอะไรเช่นนั้น เขาจึงเม้มปากแล้วกล่าวเสียงเบา “ผู้าุโทั้งสองหลับสนิทแล้ว ไม่ตื่นแน่ เ้าไม่ต้องกังวล”
คนในบ้านนางต่างก็เป็คนหลับลึก ต่อให้คนข้างบ้านลุกขึ้นมาโหวกเหวกกันยามดึกพวกนางก็ไม่ตื่นแน่
คิดมาดี แม้จะไร้ตวนมู่เฉิงอยู่ใกล้ๆ ก็ยังไม่ต้องเป็กังวล แต่การจะให้เด็กสาวตรงหน้ายอมรับนั้นไม่ใช่เื่ง่าย
หลินฟู่อินกำลังโมโหอยู่แล้ว นางเข้าใจดีว่าเขาพูดจริง เพราะหากมาถึงขั้นนี้แล้วยังมีใครไม่เข้าใจเื่เช่นนั้นอีก มันก็คงเป็คนเขลาแล้ว!
เมื่อเห็นว่านางเม้มปากแน่นด้วยใบหน้าตึงเครียดแต่กลับไร้ความรำคาญ ทั้งยังเป็ห่วงคนอื่นเช่นนี้อีก คิ้วของเขาจึงโค้งขึ้นเล็กน้อย
เขาอยากคุยกับนางมากขึ้นอีก
“จำได้ว่าเจียนปิ่งที่เ้าทำอร่อยมากนี่ เนื้อแพะผัดก็รสชาติดีด้วยใช่หรือไม่ และ… ไข่เยี่ยวม้านั่น… มันเรียกว่าไข่เยี่ยวม้าใช่หรือไม่?” เขามองนางแล้วถามออกมา ไม่สนว่านางดูเครียดยิ่งกว่าเดิม
หลินฟู่อินโมโหมากจนอยากะโเข้าไปขย้ำคอหอยเขาเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อครู่บอกให้ทำของที่นางถนัด แต่ตอนนี้กลับเจาะรายการลงมาหรือ
“เป็อะไรไป มันเป็ของหายากหรืออย่างไร?” หวงฝู่จินถามต่อเมื่อเห็นนางมีสีหน้าบิดเบี้ยว
สีหน้านั้นไม่หลุดพ้นสายตาของตวนมู่เฉิงและเหล่าลิ่วที่ลอบมองจากบนเพดาน
แต่พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจ คำขอของนายท่านของพวกเขานั้นง่ายดายนัก ทั้งยังไม่เื่มากเื่วัตถุดิบ เพราะทั้งหมดต่างก็เป็สิ่งที่นางมีอยู่แล้ว แล้วเหตุใดจึงมีสีหน้าเช่นนั้นกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้