ตอนที่ 3
คีย์เหม่อมองออกไปด้านนอกกระจกของห้องทำงาน หวนคิดถึงวันเวลาที่ล่วงเลยผ่าน เขาถูกเลี้ยงดูด้วยความรักจากพ่อและแด๊ด หลังจากที่เขาลืมตาบนโลกใบนี้แด๊ดก็เลิกเป็อาจารย์แต่ยังคงนั่งแท่นผู้บริหารของมหาวิทยาลัย แต่ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัวเราที่คีย์ไม่ค่อยชอบมันนัก นั่นก็คือคลับบาร์ ส่วนสาเหตุที่เขาไม่ชอบอาจเป็เพราะควบคุมตัวเองได้ยากเมื่ออยู่ในสถานที่แบบนั้น เขามักชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ซึ่งบางครั้งก็มากจนเกินพอดี
ั้แ่จำความได้ทุกๆ ปีคีย์จะต้องไปเยี่ยมคุณตาและคุณยายที่ฮ่องกง หลังเรียนจบเขาจึงเปิดบริษัทเป็ของตัวเอง ซึ่งแด๊ดกับพ่อก็ไม่ว่าอะไรทั้งยังสนับสนุนไม่ว่าคีย์จะทำอะไร บริษัทที่คีย์สร้างมันขึ้นมาตอนนี้กำลังไปได้สวยแม้ว่าจะเพิ่งเริ่มได้แค่เกือบสองปีเท่านั้น
เพราะเขาเป็คนอินโทรเวิสชีวิตนี้เลยมีเพื่อนสนิทแค่สองคนเท่านั้น เกลคือเพื่อนรักที่จากเขาไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน การตายของเธอนั่นคือสาเหตุที่ทำให้คีย์เอาแต่โทษตัวเอง หลังจากเกลตายเพื่อนอีกคนก็เก็บตัวเงียบหรือเรียกว่าต่างคนต่างใช้ชีวิต พอเรียนจบเราก็มีติดต่อกันบ้างแต่ไม่ได้สนิทเหมือนอย่างเมื่อก่อน รอบกายมีลูกน้องคอยตามประกบไม่ห่างเพราะแด๊ดเป็ห่วง แต่ก็เว้นระยะพอสมควรเพราะพี่การ์ดที่อยู่กับเขามาั้แ่เด็กต่างรู้นิสัยเขาดีเลยไม่ทำให้อึดอัดเท่าที่ควร
เขาชอบกินข้าวคนเดียว ช็อปปิ้งคนเดียว ไปเที่ยวคนเดียว ชอบที่เงียบๆ รักความสงบ แต่ก็มีบ้างที่ไปดื่มไปดริ้งแต่ก็ไปคนเดียว นั่งดื่มเงียบๆ คลับที่ไปส่วนใหญ่ก็เป็คลับดังในย่านกลางกรุงซึ่งก็ไม่พ้นคลับของแด๊ดกับพ่อของตัวเอง
ส่วนเพื่อนอีกกลุ่มจะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะพวกมันทั้งหมดมีศักดิ์เป็พี่ชายคือ ไฟท์ ฟิล พาย ลูกชายของคุณอาพายุกับลุงฟีนิกซ์ซึ่งเป็เพื่อนของพ่อกับแด๊ด นอกจากนี้ยังมี ไดม่อน สิงห์ อากิ พอร์ช กันต์และคราม
คืนนี้เขาเลือกนั่งดื่มตรงหน้าบาร์ ซึ่งเป็เป้าสายตาสำหรับนักท่องเที่ยวยามราตรีได้ดีเพราะใบหน้าหล่อได้รูปชวนหลงใหล เส้นผมสีเงินที่ถูกเซตเป็ทรง ั์ตาสีดำอมเทามีเสน่ห์น่าดึงดูด ยิ่งพอได้สบตาราวกับต้องมนต์สะกด
เพียงไม่นานก็มีหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเดินมาขอนั่งด้วย
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?”
“ได้สิครับ”
“ผมชื่อ ฟีฟาร์ ไม่ทราบว่าพี่ชื่ออะไรครับ?”
“คีย์ครับ”
“ไปต่อด้วยกันไหมครับ?”
เรานั่งดื่มด้วยกันสักครู่ก่อนจะที่คีย์จะชวนน้องฟีฟาร์ขึ้นไปยังชั้นสามของคลับและจบด้วยการพาขึ้นเตียงเพื่อระบายความใคร่อย่างเช่นทุกครั้ง
คีย์ตื่นั้แ่เช้าตรู่เพื่อออกกำลังกายและดื่มชาก่อนมาทำงานที่บริษัท
“คุณคีย์ครับ มีพัสดุจ่าหน้ากล่องถึงคุณคีย์ครับ”
แบงค์เดินเข้ามาหาคีย์ที่ลานจอดรถพร้อมยื่นกล่องพัสดุให้กับเ้านาย
“ขอบคุณครับ ส่งมาอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
คีย์ไม่ลืมขอบคุณรปภ. เขารับกล่องพัสดุโยนเข้าไปเก็บในรถก่อนจะล็อครถเพื่อเดินเข้าตัวตึก
“เห้ย !”
คีย์ร้องเสียงดังลั่นด้วยความใหลังถูกฉกโทรศัพท์ไป มือเรียวยกขึ้นจับบริเวณริมฝีปากเพราะรู้สึกปวด น่าจะโดนต่อยในจังหวะที่เขาพยายามยื้อแย่ง
ยังไม่ทันที่จะได้วิ่งตามไปจัดการไอ้หัวขโมยกระจอกนั่นก็มี รปภ.คนหนึ่งวิ่งตามออกไป คีย์จึงทำเพียงแค่ยืนดูเหตุการณ์เท่านั้น
“นี่โทรศัพท์ของคุณใช่ไหมครับ คุณเป็ไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า เมื่อกี้มันได้ทำอะไรคุณไหมครับ?”
“ขอบคุณมากครับแต่ผมไม่เป็ไร” คีย์รับโทรศัพท์มาถือและบอกด้วยรอยยิ้ม
“คุณเืออก มานั่งก่อนเดี๋ยวผมทำแผลให้”
วินสังเกตเห็นคราบเืตรงมุมปากบาง เขาจึงพาอีกฝ่ายมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงป้อมยาม รีบเอากล่องปฐมพยาบาลออกมา
“ขอโทษนะครับ คุณเจ็บไหมครับ?”
วินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะเริ่มเช็ดคราบเืที่ริมฝีปากบางอย่างเบามือ
“นิดหน่อยครับ ขอบคุณมาก” คีย์นั่งนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายทำแผลให้จนเสร็จ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“คุณเลิกงานกี่โมง ?” คีย์ถามขึ้นในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเก็บอุปกรณ์กลับเข้าที่
“คุณถามว่าอะไรนะครับ ?” วินเงยหน้าขึ้นมองเ้านายตัวเองอย่างไม่เข้าใจคำถาม
“ผมถามว่าวันนี้คุณเลิกงานกี่โมง ?”
“เลิกงาน 2 ทุ่มครับ คุณมีอะไรหรือเปล่า ?”
“เลิกงานไปทานข้าวกัน ผมอยากเลี้ยงขอบคุณ”
“ไม่เป็ไรครับ” เมื่อได้ยินคำพูดต่อมา วินก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่าย้าเลี้ยงข้าวเป็การตอบแทน
“แต่ผมอยากขอบคุณที่ช่วยผมไว้”
“ก็ได้ครับ” สุดท้ายวินก็ต้องยอมตกปากรับคำเพราะั์ตาคู่สวยมองมาอย่างมุ่งมั่น หากไม่ตกลง เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะหาวิธีพาเขาไปเลี้ยงข้าวจนได้
“คุณชื่ออะไร ผมคีย์”
ั์ตาคู่สวยมองไปยังป้ายชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอก แต่ภายในนั้นมันไม่มีชื่อเล่นคีย์จึงจำเป็ต้องถาม
“วินครับ”
“ครับ งั้นตอนค่ำเจอกันนะวิน”
หลังจากพูดคุยทำความรู้จักกันเสร็จเรียบร้อย คีย์จึงเดินเข้าไปทำงานในห้องส่วนตัวของบริษัท เขาต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จก่อน่เที่ยงเนื่องจากวันนี้มีนัดทานข้าวกับครอบครัว
“่นี้คีย์ไม่มาหาพ่อบ้างเลย”
ธีร์ว่าอย่างงอนๆ เมื่อเห็นใบหน้าของลูกชาย พอเมื่อคืนน้องคีย์มาเที่ยวที่คลับนี้แต่เขากลับอยู่ที่คลับเค ทำให้เราไม่ได้เจอกัน
“ครับ ก็่นี้คีย์ยุ่งๆกับโปรเจ็คใหม่ครับ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้พ่อกับแด๊ดเลย”
“ไม่เป็ไรเลยครับ ถ้าเหนื่อยก็พักบ้าง ความจริงน้องคีย์ไม่ต้องทำก็ได้นิครับ ไม่อยากไปเที่ยวบ้างรึไง ?”
“ก็คีย์อยากทำงานนิครับ คีย์รักบริษัทนี้”
“อืม ถ้าอย่างนั้นพ่อตามใจน้องคีย์ครับ แต่ถ้าไม่ไหวหรือมีเื่อะไรน้องคีย์ต้องรีบบอกพ่อธีร์เข้าใจไหมครับ ?”
“เข้าใจครับ น้องคีย์ขอกอดพ่อธีร์หน่อยสิครับ คิดถึงมากๆ”
“คิดถึงก็มาที่คลับบ่อยๆ สิ”
ธีร์โอบกอดลูกชายเอาไว้ ยกมือขึ้นลูบผมสีเงินเบาๆ เขาเข้าใจในเหตุผลทุกอย่างที่ลูกเลือกทำ อะไรที่เป็ความสุขของถูกเขายินดีเสมอ
“กอดแต่พ่อ แด๊ดน้อยใจเหมือนกันนะ” เควินวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วเดินมาหาทั้งคู่ที่ยืนกอดกันกลมกลางห้องทำงาน
“มาสิครับแด๊ด น้องคีย์กอดทั้งสองคนเลย”
“แด๊ดได้ข่าวมาว่า วันนี้น้องคีย์มีเื่ ?” เควินเอ่ยถามลูกชายหลังจากที่กอดกันเป็เวลานาน
“แค่โจรมันวิ่งราวครับ ไม่มีอะไร พอดีมีคนมาช่วยเอาไว้น้องคีย์เลยไม่ได้ออกแรงสักนิด แค่ยืนดูเฉยๆ” คีย์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“หืม ?”
เควินถึงกับเลิกคิ้วมองลูกชายอย่างแปลกใจ น้องคีย์ต่อสู้ได้ดีเยี่ยมถึงแม้จะไม่เก่งเท่าไฟท์ลูกชายของฟีนิกซ์ เื่แค่นี้ไม่น่าจะต้องให้ใครช่วย
“ครับ เขาฝีมือดีมากเลยครับ”
“น้องคีย์พูดแบบนี้แด๊ดชักจะอยากรู้จักแล้วสิ”
“เขาเป็ยามที่หน้าบริษัทของน้องคีย์เองครับ แต่รู้สึกว่าเขาน่าสนใจ”
“ปะกินข้าวกันดีกว่า พ่อเตรียมของที่ลูกชอบไว้เต็มเลย”
“พ่อน่ารักที่สุด จุ๊บ”
“น้องคีย์ครับ แก้มพ่อเป็ของแด๊ด”
“น้องคีย์แค่จุ๊บนิดหน่อยเองนะ ทำไมแด๊ดขี้หวงจังครับ”
คีย์ว่าอย่างขำขัน ไม่ว่าเมื่อไหร่แด๊ดก็ยังคงหวงคุณพ่อเสมอ ซึ่งคีย์มองว่าเป็อะไรที่ดูน่ารักดี
“ก็หวง ถึงจะเป็น้องคีย์แด๊ดก็หวง ฟอด”
ธีร์ได้แต่ส่ายหน้าให้กับทั้งคู่ ั้แ่น้องคีย์อายุได้สองขวบ เ้าลูกชายไม่ชอบให้เควินเข้าใกล้เขา ไม่ว่าจะกอดหรือหอม เรียกได้ว่าแสดงความรักให้เห็นไม่ได้เลย และที่สำคัญคือชอบขัดจังหวะ สวีทหวานเสมอทำให้เควินต้องทำหน้าบึ้งบ่อยๆ แต่ถึงจะเป็อย่างนั้นแต่เควินก็รักน้องคีย์มาก
เราทั้งสามคนนั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกันที่ห้องพักส่วนตัวชั้นบนสุดของคลับธีร์ บรรยากาศอบอวนไปด้วยความรักความอบอุ่นทำให้มื้อนี้มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
“คืนนี้น้องคีย์จะกลับไปนอนที่บ้านไหม ?”
“น้องคีย์มีนัดทานมื้อค่ำครับ ว่าจะตอบแทนคุณยามคนนั้นสักหน่อย กลับจากร้านอาหารก็คงนอนที่คอนโดเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
“ครับคุณพ่อ”
ธีร์มองแผ่นหลังลูกชายที่เดินออกไปจากห้องพักด้วยรอยยิ้มร้ายก่อนจะหันมาสบตากับสามีอย่างรู้กัน
“อีกไม่นานคงได้ลูกเขยสินะ”
เควินพูดอย่างขำขัน เขาเป็ห่วงน้องคีย์มากเพราะลูกชายเกิดมาพิเศษเหมือนกับธีร์ แต่ในอนาคตน้องคีย์ก็ต้องมีครอบครัวเป็ของตัวเอง พวกเขาจึงทำได้เพียงคอยช่วยเหลือในยามที่ลูกลำบาก ได้แต่หวังว่าลูกชายจะเจอกับคนที่เหมาะสมกับตัวเอง คนที่พร้อมจะรับทุกข้อเสียของน้องคีย์ได้
“มึงอุ้มกูมาที่เตียงทำไมเนี่ยเควิน ?”
“หึ ธีร์ไม่รู้จริงเหรอ ?”
…………………………………………………
