บทที่ 7: สร้างชีวิตใหม่
เมื่อกลับถึงกระท่อม ชุนฮวาวิ่งออกมารับพี่สาวด้วยความดีใจ ดวงตาเป็ประกายเมื่อเห็นถุงของมากมายในมือของไป๋หรูซิน
"พี่หรูซิน! พี่ซื้ออะไรมาบ้างเ้าคะ!" ชุนฮวาร้องอย่างตื่นเต้น
ไป๋หรูซินยิ้มกว้าง "พี่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เราสองคนจ้ะ แล้วก็ผ้าห่มอุ่นๆ ด้วยนะ ส่วนนี่... เ้าลองดูสิ" เธอหยิบถุงเกลือออกมา ชุนฮวาทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่สาวถึงดีใจกับเกลือเพียงอย่างเดียว
"เกลือ... คืออะไรหรือเ้าคะ?" เด็กน้อยถามอย่างใสซื่อ เพราะในบ้านแม่เลี้ยง พวกเธอไม่เคยได้แตะต้องเกลือเลยแม้แต่น้อย อาหารที่ได้รับก็ล้วนจืดชืด
"นี่คือสิ่งที่ทำให้อาหารอร่อยขึ้นยังไงล่ะจ๊ะ" ไป๋หรูซินยิ้ม ก่อนจะตักเกลือเล็กน้อยใส่ฝ่ามือน้องสาว "ลองชิมดูสิ"
ชุนฮวาลองชิมเกลือด้วยความระมัดระวัง ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อรสเค็มจัดแล่นเข้าสู่ปลายลิ้น "โอ้โฮ! รสชาติแปลกดีเ้าค่ะพี่หรูซิน!"
สองพี่น้องผลัดกันลองสวมเสื้อผ้าใหม่ที่อบอุ่นและนุ่มสบาย ไป๋หรูซินห่มผ้าห่มผืนหนาให้ชุนฮวา พลางลูบผมของน้องสาวอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกอบอุ่นไม่ได้มาจากเนื้อผ้าเท่านั้น หากยังมาจากความสุขที่ได้เห็นน้องสาวมีความสุขด้วย
"ต่อไปนี้เราจะไม่หนาวอีกแล้วนะชุนฮวา" ไป๋หรูซินกระซิบเบาๆ
รุ่งเช้าของอีกวัน ไป๋หรูซินตัดสินใจเดินไปยังบ้านของไป๋หลงเพื่อขอความช่วยเหลือในการทำแปลงผักและการวางระบบน้ำจากบนเขาลงมายังแปลงผัก ซึ่งต้องใช้แรงกายมหาศาล เกินกำลังของเธอและชุนฮวาอย่างแน่นอน เธอไม่ลืมที่จะแบ่งเนื้อหมูที่ซื้อมาจากตลาดไปให้เขากับป้าหลินด้วย
ไป๋หลงกำลังง่วนอยู่กับการลับจอบอยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นไป๋หรูซินเดินมา เขาก็ยิ้มต้อนรับทันที "น้องหรูซิน! มีอะไรให้พี่ช่วยหรือ? ดูวันนี้เ้าดูสดใสขึ้นมากเลยนะ" ไป๋หลงเอ่ยทัก
ไป๋หรูซินยิ้มให้ไป๋หลง แล้วชูห่อผ้าขึ้นมาในมือ
“ข้าซื้อหมูมาจากตลาดเมื่อวาน วันนี้เลยแวะเอามาฝากท่านกับป้าหลินนิดหน่อยเ้าค่ะ ขอโทษที่ให้ไม่มากนักนะเ้าคะ”
ไป๋หลงยังไม่ทันตอบ เสียงป้าหลินก็ดังมาจากในบ้าน
“ใครเอาอะไรมาให้หรือ หลงเอ๋อร์?”
หญิงชราผมหงอกขาวเดินออกมาหน้าบ้าน สีหน้าอบอุ่นแต่แฝงแววเหนื่อยล้า เมื่อเห็นไป๋หรูซินกับห่อผ้าในมือ สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป
“หรูซิน? เ้าเอาเนื้อหมูมาให้หรือ?” นางพูดพลางมองห่อผ้าแล้วรีบยกมือโบกไปมา “ไม่เอา ไม่เอา! เอากลับไปกินเองเถิดลูก เ้าเพิ่งจะย้ายมาอยู่ไม่นาน ยังต้องประหยัดเอาไว้ใช้เอง”
“แต่ข้าอยากแบ่งให้จริง ๆ เ้าค่ะ” ไป๋หรูซินยิ้มบาง ๆ พลางยื่นห่อให้ “พวกท่านก็ต้องกินเหมือนกันนี่เ้าคะ”
ป้าหลินยืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ดวงตาสั่นระริกด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ
“เ้าเด็กคนนี้…ยังจะคิดถึงคนอื่นอีกหรือ ลูกเอ๋ย เ้าเองก็อยู่กับน้องเพียงลำพัง ข้ายังไม่เข้าใจเลยว่าเด็กสองคนจะอยู่กันไปได้อย่างไรในหมู่บ้านนี้...”
นางค่อย ๆ เอื้อมมือมาลูบแขนของไป๋หรูซินเบา ๆ น้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าแก่แล้ว ยังพออดได้ แต่เ้าสองคนสิ ยังเด็ก ยังต้องเจริญเติบโต ข้าจะรับของจากเ้าลงได้อย่างไร? เ้าคงไม่รู้หรอก เวลาข้าเห็นพวกเ้าเดินกลับบ้านพร้อมผักเล็ก ๆ ไม่กี่ต้น ข้าใจหายทุกที...เหมือนมองเห็นหลานข้าตอนยังเล็ก”
ไป๋หรูซินเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ก็ยิ้มออก
“ข้ากับชุนฮวาไม่เป็อะไรหรอกเ้าค่ะ ป้าหลินใจดีเกินไปแล้ว...ถึงข้าจะไม่มีอะไรมาก แต่อย่างน้อยแบ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้ใจข้าสบายขึ้นนะเ้าคะ”
ป้าหลินพยักหน้าเบา ๆ พลางหันไปทางไป๋หลง
“เอาเถิด ถ้าอย่างนั้น เ้าหลง แบ่งเก็บไว้ให้น้องชายเ้าสักหน่อย ส่วนที่เหลือ เราจะเอาไปทำต้มกับผักให้พวกเ้าได้กินด้วยกันดีหรือไม่?”
ไป๋หลงหัวเราะเบา ๆ “เช่นนั้นก็ดีขอรับ จะได้กินด้วยกันอุ่น ๆ อย่างครอบครัว”
"พี่ไป๋หลงเ้าคะ... หนูมีเื่อยากจะรบกวนขอแรงพี่ชายหน่อยเ้าค่ะ" ไป๋หรูซินเอ่ยอย่างเกรงใจ "หนูอยากจะทำแปลงผักที่กระท่อม และอยากจะทำระบบน้ำเพื่อการเพาะปลูกเ้าค่ะ แต่ลำพังหนูกับชุนฮวาคงทำไม่ไหว จึงอยากขอแรงพี่ชายมาช่วยขุดถางพื้นที่สักหน่อยนะเ้าคะ"
ไป๋หลงวางจอบลงทันที "เื่แค่นี้เองรึ! ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยน้องหรูซิน! พี่ยินดีช่วยอยู่แล้ว! เมื่อวานท่านแม่รองไม่ได้มาหาเื่เ้าอีกใช่ไหม?" เขาถามด้วยความเป็ห่วง
ไป๋หรูซินยิ้ม "ไม่เ้าค่ะ ขอบพระคุณพี่ไป๋หลงมากนะเ้าคะ"
ไม่รอช้า ไป๋หลงคว้าจอบคู่ใจ แล้วเดินตามไป๋หรูซินมายังกระท่อมริมชายเขา เมื่อมาถึง ไป๋หลงก็ถึงกับใกับสภาพของกระท่อมที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม และบริเวณรอบๆ ที่ดูสะอาดตาขึ้น เขาไม่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ อย่างไป๋หรูซินจะทำได้ถึงเพียงนี้
"น้องหรูซิน... เ้าจัดการได้ดีทีเดียวเลยนะนี่" ไป๋หลงเอ่ยชม
"ข้าจะทำให้มันดีขึ้นกว่านี้เ้าค่ะ" ไป๋หรูซินตอบด้วยรอยยิ้ม
ไป๋หรูซินเริ่มอธิบายแผนการของเธออย่างละเอียด เธอพาไป๋หลงเดินสำรวจพื้นที่รอบกระท่อม "พี่ไป๋หลงเ้าคะ... หนูอยากจะถางพื้นที่ตรงนี้ให้โล่ง แล้วทำเป็แปลงผักหลายๆ แปลงเ้าค่ะ" เธอชี้ไปยังพื้นที่รกร้างที่เต็มไปด้วยวัชพืชและก้อนหิน "เราจะปลูกผักกาดเขียว ผักบุ้ง ถั่วต่างๆ ข้าวโพด และสมุนไพรอีกหลายชนิดเ้าค่ะ"
ไป๋หลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเริ่มลงมือถางหญ้าและขุดดินด้วยความแข็งขัน แรงกายของเขาสามารถทำให้พื้นที่โล่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไป๋หรูซินและชุนฮวาก็ช่วยเก็บกวาดเศษหญ้าและก้อนหินออกไป
หลังจากถางพื้นที่เสร็จแล้ว ไป๋หรูซินก็พาไป๋หลงเดินขึ้นไปยังลำธารบนเขา
"ทีนี้ก็ถึงคราวของระบบน้ำแล้วเ้าค่ะ" ไป๋หรูซินกล่าวพลางชี้ไปยังลำธารที่ไหลเอื่อยๆ "เราจะตัดไม้ไผ่มาทำเป็ท่อน้ำ ต่อจากลำธารตรงนี้ ให้ไหลลงมายังแปลงผักของเราเ้าค่ะ"
ไป๋หลงทำหน้างงเล็กน้อย "ทำท่อน้ำหรือ? จะเป็ไปได้อย่างไร?" เขาไม่เคยเห็นใครทำระบบน้ำแบบนี้มาก่อน
ไป๋หรูซินอธิบายอย่างใจเย็น "พี่ไป๋หลงสังเกตดูสิเ้าคะ ที่นี่สูงกว่าแปลงผักของเรา หากเราทำท่อไม้ไผ่ต่อกันเป็ทอดๆ น้ำก็จะไหลลงไปเองได้เ้าค่ะ"
ไป๋หลงแม้จะไม่เข้าใจหลักการทั้งหมด แต่ก็เชื่อมั่นในความฉลาดของไป๋หรูซิน เขาใช้จอบและแรงกายอันแข็งแกร่งของเขา ช่วยไป๋หรูซินตัดไม้ไผ่ลำยาวๆ มาเป็จำนวนมาก ไป๋หรูซินสาธิตวิธีการผ่าไม้ไผ่ให้เป็รางน้ำครึ่งซีก และวิธีต่อท่อไม้ไผ่แต่ละท่อนเข้าด้วยกันอย่างแ่า ไป๋หลงทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้าง แต่ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคน งานก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดทั้งวันนั้น ทั้งสามคนช่วยกันอย่างขะมักเขม้น ไป๋หลงใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีขุดถางพื้นที่และตัดไม้ไผ่ ไป๋หรูซินใช้สติปัญญาและความรู้ที่เธอมีวางแผนและควบคุมงานทุกขั้นตอน ชุนฮวาก็ช่วยเก็บเศษไม้และหินเล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เมื่อยามเย็นมาเยือน ระบบท่อน้ำไม้ไผ่ก็เสร็จสมบูรณ์ น้ำจากลำธารไหลลงมายังบ่อพักน้ำที่ขุดเป็บ่อแล้วใช้ก้อนหินวางเรียงกันเป็ขอบบ่อ เพื่อจะเก็บน้ำแล้วค่อยระบายน้ำไปยังแปลงผักที่เพิ่งถางเสร็จใหม่ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไป๋หลงยืนมองด้วยความประหลาดใจระคนชื่นชมในความสามารถของไป๋หรูซิน
"ไม่น่าเชื่อเลยน้องหรูซิน! เ้าทำได้จริงๆ! สุดยอดไปเลย!" ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ไป๋หรูซินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "ต่อไปเราก็จะมีน้ำใช้ในการเพาะปลูกแล้วเ้าค่ะ"
เมื่อเสร็จสิ้นการทำงานอันหนักหน่วง ไป๋หรูซินก็ชวนไป๋หลงไปกินข้าวที่กระท่อมของเธอ เธอตั้งใจจะทำอาหารมื้อพิเศษเพื่อตอบแทนน้ำใจของไป๋หลงที่มาช่วยเธอ
ไป๋หรูซินใช้ปลาที่เหลืออยู่จากเมื่อวาน มาทำเมนูใหม่ เธอสับเนื้อปลาให้ละเอียด คลุกเคล้ากับสมุนไพรที่เธอพบเจอในป่า ซึ่งบางชนิดมีกลิ่นหอมคล้ายพริกไทย และบางชนิดมีรสเผ็ดร้อนเล็กน้อย เธอใช้เกลือที่เพิ่งซื้อมาวันนี้มาปรุงรส และยังใส่เครื่องปรุงรสที่เธอทำเองลงไปด้วย จากนั้นก็นำไปห่อด้วยใบไม้ใหญ่ๆ แล้วนำไปย่างบนกองไฟจนสุกหอมและทำเมนูหมูอีกสักจาน ไป๋หรูซินเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสันนอกที่ได้มาจากตลาด เธอบรรจงหั่นเป็ชิ้นพอคำ หมักด้วยเกลือเล็กน้อย ตามด้วยรากผักชีป่าทุบละเอียด กระเทียมป่าโขลก และพริกไทยดำเม็ดหยาบที่ได้จากสมุนไพรในป่า เคล็ดลับอยู่ที่การเติมน้ำผึ้งป่าเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหอมหวานและสีสันน่ารับประทาน จากนั้นนำไปย่างบนถ่านไม้ที่คุโชนอย่างช้าๆ จนเนื้อหมูสุกเหลือง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งยั่วยวนชวนน้ำลายไหล ผิวนอกเกรียมเล็กน้อยแต่เนื้อในยังคงฉ่ำนุ่ม ชวนให้ลิ้มลองยิ่งนัก
กลิ่นหอมของปลาย่างผสมกับสมุนไพรลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ไป๋หลงที่กำลังนั่งรออยู่หน้ากระท่อมถึงกับท้องร้อง เขาไม่เคยได้กลิ่นอาหารที่หอมยวนใจถึงเพียงนี้มาก่อน
"หอมเหลือเกินน้องหรูซิน... นี่เ้าทำอะไรหรือขอรับ?" ไป๋หลงถามด้วยความอยากรู้
"ปลาย่างสมุนไพรกับหมูย่างสมุนไพรเ้าค่ะ" ไป๋หรูซินตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกปลาและหมูที่ย่างสุกแล้วออกมาจากเตา วางลงบนใบไม้ใหญ่ที่ใช้แทนจาน
ไป๋หลงรีบหยิบปลาย่างขึ้นมาชิมทันที
วินาทีที่ปลาย่างชิ้นแรกเข้าปาก ดวงตาของไป๋หลงก็เบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนประหลาดใจอย่างที่สุด รสชาติของเนื้อปลาที่นุ่มละมุนลิ้น ผสมผสานกับกลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิด และรสเค็มที่พอดีจากเกลือ มันเป็รสชาติที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อนในชีวิตนี้ มันทั้งอร่อยล้ำและแปลกใหม่จนยากจะบรรยาย!
"อื้อหือ! อร่อย! อร่อยเหลือเชื่อเลยน้องหรูซิน! นี่มัน... นี่มันสุดยอดไปเลยขอรับ!" ไป๋หลงอุทานเสียงดัง ดวงตาเป็ประกายด้วยความชื่นชมอย่างสุดซึ้ง เขาไม่รอช้า รีบตักปลาย่างเข้าปากอีกคำแล้วอีกคำอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากปลาย่างหมดไปอย่างรวดเร็ว ไป๋หลงก็ไม่รอช้าที่จะลองชิมเมนูหมูย่างที่วางอยู่ข้างกัน เขากัดชิ้นหมูย่างคำโต เนื้อหมูที่นุ่มชุ่มฉ่ำละลายในปาก เคล้าด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของสมุนไพรที่หมักอย่างเข้าเนื้อ รสชาติหวานนำเค็มตามกำลังดี พร้อมกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำผึ้งที่ช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น ความลงตัวของรสชาติและกลิ่นหอมชวนฝัน ทำให้ไป๋หลงต้องหลับตาพริ้ม เคี้ยวช้าๆ เพื่อซึมซับรสชาติอันเป็เลิศนี้ "นี่ก็อร่อยจนไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้วน้องหรูซิน! เหมือนได้ขึ้น์เลยขอรับ!" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความสุขอย่างแท้จริงชุนฮวา ที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่สาว กำลังจ้องมองสีหน้าของไป๋หลงด้วยความสนใจ นางซ่อนยิ้มเล็กๆ ไว้ในใจอย่างปิดไม่มิด ดวงตากลมโตของเด็กน้อยเป็ประกายระยิบระยับด้วยความสนุกสนาน พลางลุ้นดูปฏิกิริยาของไป๋หลงอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับกำลังดูการแสดงตลกที่น่าตื่นเต้นที่สุด เมื่อเห็นไป๋หลงแสดงท่าทางใและอร่อยจนตาโต ชุนฮวาก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ
"จริงหรือเ้าคะพี่ไป๋หลง? อร่อยใช่ไหมเ้าคะ? พี่หรูซินทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกเลย!" ชุนฮวารีบเอ่ยเสริมอย่างภาคภูมิใจในตัวพี่สาว
ไป๋หลงพยักหน้าหงึกหงัก ทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยหมูย่างสมุนไพร "ใช่แล้วชุนฮวา! พี่เ้าทำอาหารได้อร่อยล้ำเหลือเกิน! อร่อยกว่าที่ข้าเคยกินมาทั้งชีวิตเสียอีก!"
ไป๋หรูซินมองท่าทางของทั้งสองด้วยรอยยิ้มอบอุ่นในหัวใจ ความสุขที่ได้เห็นคนที่เธอรักมีความสุขจากการที่เธอสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมานั้น มีค่าเกินกว่าเงินทองใดๆ
ค่ำคืนนั้น ทั้งสามคนนั่งกินอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะและบทสนทนาดังขึ้นเป็ระยะในกระท่อมเล็กๆ ที่เคยเงียบเหงา บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ความผูกพันของพวกเขาแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
ไป๋หรูซินมองออกไปนอกกระท่อม แสงจันทร์สาดส่องลงมายังท่อน้ำไม้ไผ่ที่พาดผ่านลงมายังแปลงผักของเธอ พรุ่งนี้เธอจะเริ่มลงมือปลูกผักจริงๆ แล้ว ความฝันที่จะสร้างดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์บนชายเขาแห่งนี้ กำลังจะเป็จริงทีละน้อย
เธอเชื่อมั่นว่าด้วยความพยายาม สติปัญญา เธอจะสามารถพลิกฟื้นชีวิตที่ยากลำบากนี้ ให้กลายเป็ชีวิตที่รุ่งโรจน์และมีความสุขได้อย่างแน่นอน