หลังจากอวิ๋นโส่วจงอุ้มอวิ๋นเจียวขึ้นเรือไปแล้ว ฉู่อี้ก็ยื่นมือมาจูงมือนางอย่างเป็ธรรมชาติ ตั้งใจจะพานางไปปล่อยโคมลอยแม่น้ำ ทว่าหญิงสาวชุดแดงผู้หยิ่งทะนงผู้นั้นกลับปรากฏตัวขึ้น พูดจาหยาบคาย เรียกนางว่าบ่าวรับใช้
อวิ๋นเจียวมองเห็นความริษยาในดวงตาของหญิงสาวผู้นั้น โอ้์ นางยังดูเด็กอยู่เลย ดูเหมือนจะอายุประมาณสิบขวบเท่านั้น อายุเท่านี้ก็เริ่มมีความรักใคร่แล้วหรือ เร็วเกินไปแล้วกระมัง? นางเหลือบมองฉู่อี้ สีหน้าของฉู่อี้เรียบเฉย ไร้แววยินดีที่ได้พบเจอคนรู้จัก
อวิ๋นโส่วจงและฟางซื่อไม่พอใจนักที่บุตรสาวอันเป็ที่รักของพวกเขาถูกคนอื่นมองว่าเป็บ่าวรับใช้ จึงประสานมือกล่าวลาฉู่อี้ “ท่านโหว นี่ก็ค่ำแล้ว ข้าน้อยขอพาลูกสาวกลับก่อนขอรับ”
เมื่อหญิงสาวผู้นั้นเห็นดังนั้นก็ยิ่งลำพองใจ แล้วยังมองอวิ๋นเจียวด้วยสายตาท้าทาย ช่างน่าขันนัก ไม่รู้จักเจียมตัวเลย เป็แค่เด็กสาวชาวบ้านยังกล้าเข้าใกล้ท่านโหว?
ฉู่อี้กล่าวขอโทษอวิ๋นโส่วจงด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย “ท่านลุงอวิ๋น ข้าไม่ได้มีความสนิทสนมกับคนพวกนั้น”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้อวิ๋นโส่วจงจึงไม่กล้าโกรธเคืองอีก เมื่อเห็นว่าอวิ๋นโส่วจงกับภรรยาไม่ได้เอ่ยปากขอตัวกลับแล้ว ฉู่อี้จึงสั่งให้คนนำเรือออกทันที
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินมาถึงข้างเรือ กำลังจะก้าวขึ้นไป ทว่าฉู่อี้กลับสั่งให้ออกเรือเสียก่อน ลูกเรือไม่สนใจว่าพวกเขาเป็ใครรีบดึงแผ่นไม้สำหรับเหยียบขึ้นเรือออก
หญิงสาวผู้นั้นเพิ่งจะยกเท้าขึ้น ทว่าลูกเรือก็ดึงแผ่นไม้กลับ ทำให้นางเสียหลักล้มลงไป
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น ทันใดนั้นนางก็ร้องไห้ด้วยความเ็ป ทั้งมือและจมูกของนางถลอกจนเป็แผลแสบร้อนไปหมด
“น้องหญิง!” ชายหนุ่มรีบเข้าไปพยุงนางขึ้น ส่วนสาวใช้ที่ติดตามมาก็รีบเข้ามาช่วยจัดเสื้อผ้าและผมของนางอย่างวุ่นวาย
“ไสหัวไป...” เมื่อเห็นเรือออกจากท่าเรือ หญิงสาวผู้นั้นก็โกรธจนแทบคุมสติไม่อยู่ ระบายอารมณ์ใส่คนรอบข้าง
นางยกเท้าถีบเข้าที่ท้องของสาวใช้คนหนึ่งอย่างแรง สาวใช้ผู้นั้นไม่ทันระวังตัวจึงล้มลงกับพื้น ไม่ทันได้ร้องก็กลิ้งตกลงไปในแม่น้ำ
ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างส่ายหน้า เมื่อคุณหนูไม่เอ่ยปาก บ่าวรับใช้อย่างพวกเขาก็ไม่มีใครกล้าลงไปช่วยสาวใช้ผู้นั้นได้ ทำได้เพียงมองดูนางดิ้นรนอยู่ในน้ำ ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของทุกคนบนเรือสำราญ
“ไปช่วยนางขึ้นมา”
“ขอรับ ท่านโหว!”
ทันทีที่ฉู่อี้เอ่ยปาก ช่างเรือหลายคนก็รีบะโลงไปในน้ำ ช่วยสาวใช้ผู้นั้นขึ้นมาบนเรือ
เมื่อหญิงสาวผู้นั้นเห็นดังนั้นก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น แม้แต่หญิงรับใช้ชั้นต่ำยังได้ขึ้นเรือของฉู่อี้ แต่ฉู่อี้กลับไม่แม้แต่จะชายตามองนาง
ท่านอาหญิงเคยสัญญากับบิดาของนางแล้วว่าจะให้นางได้แต่งเป็ฮูหยินของจวนโหว!
หลังจากที่สาวใช้ผู้นั้นถูกช่วยขึ้นมาบนเรือก็มีคนพานางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดและต้มน้ำขิงให้นางดื่ม
ฉู่อี้พาอวิ๋นเจียวไปลอยโคมไฟรูปดอกไม้ หรือที่เรียกว่าโคมลอยแม่น้ำ โคมไฟเหล่านี้ทำเป็รูปทรงดอกไม้นานาพรรณ งดงามยิ่งนัก ไม่ใช่โคมไฟที่ใช้ในเทศกาลหยวนเซียว [1]
อวิ๋นเจียวไม่ใช่คนที่ปล่อยให้คนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาส่งผลต่ออารมณ์ของตนได้ ยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของฉู่อี้เมื่อครู่ก็ถือว่าตบหน้าหญิงสาวผู้นั้นไปอย่างแรงแล้ว ดังนั้นนางจึงไปที่ดาดฟ้าเรือกับฉู่อี้ด้วยความยินดี ยืนพิงราวบันไดมองสาวใช้ปล่อยโคมลอยน้ำ
สาวใช้คนหนึ่งถือไม้ไผ่ยาวปลายไม้ไผ่ถูกไฟลนจนโค้งงอ มัดติดกับห่วงกลมๆ สาวใช้จุดโคมลอยน้ำ วางลงบนห่วงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นไม้ไผ่ออกไป โคมลอยน้ำก็ค่อยๆ ลอยไปตามกระแสน้ำ
หลังจากที่สาวใช้สาธิตวิธีการปล่อยโคมลอยน้ำเสร็จแล้ว อวิ๋นเจียวก็อยากลองปล่อยเองบ้าง นางเป็คนจุดไฟ ส่วนฉู่อี้เป็คนถือไม้ไผ่
“นี่เป็ประเพณีของเมืองจิ่วเจียง ปล่อยโคมลอยน้ำหนึ่งดวงขอพรได้หนึ่งข้อ”
อวิ๋นเจียวหันไปมองฉู่อี้ “โคมแต่ละดวงบรรจุคำอธิษฐานหนึ่งข้อ แต่ข้าไม่ได้ปรารถนาอะไรมากมาย ท่านมีคำอธิษฐานเยอะหรือไม่เ้าคะ?”
ฉู่อี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยตอบ “ข้ามีสี่ห้าข้อ”
อวิ๋นเจียวครุ่นคิดตาม “ข้ามีสามข้อ โคมมากมายเช่นนี้ พวกเรานำไปแบ่งให้คนอื่นๆ ดีหรือไม่เ้าคะ ให้ทุกคนได้ขอพรกันบ้าง”
ฉู่อี้ยิ้มรับปาก ส่วนสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างต่างก็ขอบคุณด้วยความยินดี
ฟางซื่อที่เพิ่งจะจุดโคมเสร็จ อวิ๋นโส่วจงก็ปล่อยโคมลงไปในน้ำ มองโคมไฟค่อยๆ ลอยออกไปไกล พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความคิดของเจียวเอ๋อร์ช่างดีนัก ทุกคนจะได้ขอพรกัน เป็มงคลยิ่งนัก”
อวิ๋นเจียวปล่อยโคมไปสามดวง ดวงแรกขอให้ครอบครัวสุขภาพแข็งแรง ประสบแต่ความสำเร็จ ดวงที่สองขอให้พี่ชายทั้งสองคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ดวงที่สามขอให้ครอบครัวร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไปและได้อยู่อย่างสงบสุข
จากนั้นฉู่อี้ก็ปล่อยโคมไฟห้าดวง ทุกครั้งที่ปล่อยโคมเขาจะหลับตาลงแล้วอธิษฐานอย่างตั้งใจ
หลังจากที่เขาปล่อยโคมเสร็จแล้ว อวิ๋นเจียวก็หันไปถามเขา “ท่านขอพรอะไรหรือเ้าคะ?”
ฉู่อี้เผยรอยยิ้มอ่อนโยน “บอกเ้าไม่ได้ บอกไปแล้วจะไม่เป็จริง”
ฟางซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจียวเอ๋อร์ การขอพรนั้นบอกใครไม่ได้นะ บอกไปแล้วจะไม่สัมฤทธิผล”
อวิ๋นเจียวพยักหน้า “เช่นนั้นก็ขอให้คำอธิษฐานของทุกคนเป็จริง”
ไม่นานนักโคมลอยน้ำในมือของทุกคนก็ถูกปล่อยลงน้ำจนหมด แม้แต่ลูกเรือก็ยังได้รับแจกคนละดวง โดยรอบเรือสำราญเต็มไปด้วยโคมลอยน้ำนับไม่ถ้วน ดั่งดวงดาวส่องแสงระยิบระยับบนผืนน้ำ งดงามเป็อย่างยิ่ง
บนท้องฟ้าอันมืดมิดเหนือแม่น้ำ ทิวทัศน์ราวกับดอกไม้มากมายเบ่งบานอยู่ทั่วพื้นน้ำ บนเรือสำราญที่แล่นผ่านไปมาต่างก็บรรเลงดนตรีเป็ระยะๆ บางครั้งก็มีเสียงขับร้องอันไพเราะดุจนกขมิ้นดังมาแต่ไกล ภาพตรงหน้าทำให้อวิ๋นเจียวหลงใหลไปชั่วขณะ
ความรุ่งเรืองเช่นนี้ แท้จริงแล้วนอกจากที่ที่นางจากมา แคว้นต้าเยี่ยในยุคโบราณเช่นนี้ก็มีความรุ่งเรืองเช่นกัน
“ลมบนแม่น้ำแรง พวกเรากลับเข้าไปข้างใน ฟังบทละครกันดีหรือไม่? ขอให้นักเล่าเื่ เล่า ‘ลำนำศาลากลางคลื่นลม’ บทประพันธ์เื่ใหม่ของอาจารย์หลานหลิง”
หลังจากที่ฉู่อี้พูดจบ ฟางซื่อก็พยักหน้าเห็นด้วย “เช่นนั้นก็ดี ลมแรงนักเดี๋ยวจะไม่สบายเอา ฟังบทละครสักหน่อยแล้วค่อยกลับไปกันเถิด”
นี่เป็ครั้งแรกที่อวิ๋นเจียวได้ฟังบทละคร เทียนเฉาก็มีการเล่าเื่เช่นกัน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ศิลปะการเล่าเื่แบบดั้งเดิมเช่นนี้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ทว่าบนโลกออนไลน์กลับมีรูปแบบใหม่เกิดขึ้น นั่นก็คือการฟังนิยายเสียง เป็การนำนวนิยายออนไลน์ยอดนิยมมาเล่าในรูปแบบเสียง
นักเล่าเื่หญิงเล่าเื่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงล้วนสื่ออารมณ์ได้อย่างเหมาะเจาะ เข้ากับเนื้อเื่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้อวิ๋นเจียวฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม
หลังจากที่นักเล่าเื่หญิงเล่าจบอวิ๋นเจียวยังรู้สึกติดใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับตอนที่นางอ่านนิยายออนไลน์ในชาติที่แล้วไม่มีผิด นางจึงรีบถามต่อ “แล้วต่อมาเล่าเ้าคะ? แล้วท่านแม่ทัพเป็อย่างไรบ้าง?”
นักเล่าเื่หญิงตอบ “อาจารย์หลานหลิงยังไม่ได้เขียนบทต่อไปเ้าค่ะ”
โอ้ น่าเจ็บใจนัก ยังมีตอนต่อไปอีกหรือ? อวิ๋นเจียวให้รางวัลนักเล่าเื่หญิงไปสองตำลึง ส่วนฉู่อี้โบกมือ สั่งให้บ่าวรับใช้มอบเงินให้นักเล่าเื่หญิงไปสองตำลึง
“ท่านเล่าเื่ได้ดีมาก หากมีดนตรีประกอบด้วย คงจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”
ฉู่อี้เกิดความสนใจ “เ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้หรือ?” นักดนตรีและนักเล่าเื่เหล่านี้ ล้วนเป็คนของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้เรียกใช้บ่อยนัก แต่ใครเล่าจะไม่อยากให้สิ่งของของตนเองดียิ่งขึ้น?
อวิ๋นเจียวเอ่ย “ควรจะมีดนตรีประกอบ บรรเลงเพลงตื่นเต้นเร้าใจในตอนที่เข้มข้น บรรเลงเพลงเศร้าโศกในตอนที่เศร้าเสียใจ และบรรเลงเพลงสนุกสนานในตอนที่ร่าเริง... คนบรรเลงดนตรีอยู่ห่างออกไปสักหน่อย ให้เสียงดนตรีเบาๆ ได้ยินเสียง แต่ไม่รบกวนการเล่าเื่ ไม่กลบเสียงคนเล่าเื่”
“วิเศษมาก! ความคิดของคุณหนูช่างดีเยี่ยมยิ่งนัก!” เมื่อได้ยินดังนั้นนักเล่าเื่หญิงก็เอ่ยชมพร้อมดวงตาที่เป็ประกาย
แววตาของฉู่อี้ฉายแววประหลาดใจ วิธีนี้ช่างดีเยี่ยมยิ่งนัก! เขามีร้านน้ำชาอยู่มากมาย แต่ละร้านต่างก็มีนักเล่าเื่ หากใช้วิธีที่อวิ๋นเจียวแนะนำกิจการร้านน้ำชาของเขาจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
อวิ๋นเจียวช่างเป็ดาวนำโชคของเขาโดยแท้ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโวยวายมาจากข้างนอก
เชิงอรรถ
[1] เทศกาลหยวนเซียว (元宵节) หรือเทศกาลโคมไฟ ตรงกับวันที่ 15 ค่ำ เดือนอ้าย ตามปฏิทินจันทรคติของจีน อันเป็วันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีน