เวลาผ่านไปไวราวกับสายน้ำที่ไหลผ่านในแม่น้ำเพียงไม่นานเวลาก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
หลินหยางค่อยๆ ลืมตาขึ้นภายในห้องเล็กๆของเขา คิ้วที่ขมวดเป็ปมเริ่มคลายออกมาแล้ว
“ฝึกสำเร็จถึงระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางแล้ว”
เขาลุกขึ้นยืนเพื่อทดสอบร่างกายของตัวเองลองขยับแขนขาดู รู้สึกว่าภายในตัวเขาเหมือนมีูเาไฟลูกหนึ่งแฝงเอาไว้พร้อมที่จะะเิพลังอันมหาศาลได้ตลอดเวลา
ต่อมาเขาก็ลองเร่งพลังขึ้นทั่วร่างทั่วทั้งตัวเขาเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดงเข้มดุจเปลวเพลิงนี่คือผลลัพธ์ที่ได้จากการสำเร็จวิชาพลังเทพอัคคีในระดับเชี่ยวชาญ - วิชาเกราะเทพอัคคี
หลินหยางััได้ถึงร่างกายของเขาที่แข็งแกร่งขึ้นดุจเหล็กกล้าอันทนทานรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ร่างกายของข้าตอนนี้ น่าจะทนรับการโจมตีระดับหนึ่งพันสองร้อยจินได้ในระดับหนึ่งแล้วต่อให้ต้องปะทะกับครูฝึกนั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร”
หลายวันมานี้หลินหยางต้องคอยระวังการลอบกัดของครูฝึกหวังอยู่ทุกเมื่อทุกครั้งที่เขาออกห่างจากเรือนไม้ไปเขาก็มักจะััได้ถึงสายตาอาฆาตที่เพ่งเล็งมาที่เขาตลอดเวลาซึ่งมันทำให้หลินหยางรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็อย่างมาก
มาวันนี้เขาสามารถยกระดับความสามารถไปถึงระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางแล้ว มีพละกำลังอยู่ที่เจ็ดร้อยจินเมื่อรวมกับเคล็ดวิชาพลังเทพอัคคี และพลังเกราะเพลิงคุ้มกายด้วยแล้วตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาจะต้องกำจัดเ้าตัวน่ารำคาญอย่างครูฝึกหวังนั่นเสียที
นอกจากนี้ก่อนที่เวินติ่งเทียนจะกลับมานั้น เขายังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ถึงเวลาที่เขาจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับใช้วิชาการช่างนั่นแล้ว
“วิชาส่วนนั้นต้องเตรียมวัตถุดิบบางอย่างด้วยสิข้าคงต้องออกไปหาด้วยตัวเองเสียแล้ว”
หลินหยางสามารถระลึกความทรงจำของวิชาการช่างในส่วนที่เขา้าได้ทั้งหมดแล้วสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการจัดเตรียมวัตถุดิบและสถานที่ที่จะใช้ทดลองวิชาเมื่อเขากำหนดเป้าหมายได้แล้วก็เริ่มเขียนจดหมายข้อความเล็กๆ ทิ้งไว้ให้เวินชิงชิงหนึ่งฉบับ‘ไปข้างนอกเจ็ดวัน ไม่ต้องเป็ห่วง’
หลังจากนั้นเขาก็ผลักประตูแล้วออกจากเรือนไม้ไปเขาพุ่งออกจากสวนหย่อมไปอย่างรวดเร็วะโข้ามกำแพงที่ล้อมรอบดุจนกนางแอ่นโผบินเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถออกมานอกคฤหาสน์ได้แล้ว
ขณะเดียวกันนั้นก็มีเงาดำสายหนึ่งแอบตามหลังหลินหยางมาด้วย เงานั้นก็คือเงาของครูฝึกหวังนั่นเอง
เขาเห็นหลินหยางกล้าออกจากคฤหาสน์ตระกูลเวินเช่นนี้บนใบหน้าเขาจึงปรากฏรอยยิ้มที่ดูสยดสยองขึ้น “ไอ้เด็กเวรนี่เ้ารนหาที่ตายเองนะ ความเ็ปที่คุณชายสามได้รับ เ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
จิตสังหารของครูฝึกหวังะเิออกเงาร่างของเขาเริ่มขยับ เขาสะกดรอยตามหลังของหลินหยางตลอดเวลา รอคอยโอกาสและจังหวะอันเหมาะสมในการลงมือสังหารหลินหยางทิ้งเสีย
แต่เขาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันเ้าเด็กนี่อยู่ในคฤหาสน์เฉยๆ ก็ดีอยู่แล้ว มันจะแอบออกมาข้างนอกคนเดียวทำไม?
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ครูฝึกหวังก็เห็นหลินหยางเดินอยู่บนถนนใหญ่ของเมืองอวิ๋นเฉิงแล้วแรกเริ่มก็เข้าไปซื้อของบางอย่างในร้านขายอาวุธธรรมดาๆ ร้านหนึ่งแล้วก็พูดคุยกับพ่อค้าด้วยเล็กน้อยจากนั้นก็เดินตามฝูงชนขนาดใหญ่ไปยังทิศตะวันตกของเมืองจนกระทั่งเดินออกจากประตูเมืองไป เดินเข้าสู่ถนนทางหลวง
เ้าเด็กนี่จะออกจากเมืองรึ?
ครูฝึกหวังยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่เขาสะกดรอยตามหลินหยางที่เดินไปตามทางหลวงกว่าครึ่งค่อนวัน จากนั้นก็เปลี่ยนเส้นทางออกจากทางหลวงมุ่งเข้าสู่พื้นที่ป่าเขาที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองอวิ๋นเฉิง
หลังจากที่เห็นหลินหยางเดินหน้าเข้าไปโดยไม่หันหลังกลับถึงในใจจะแอบสงสัยอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็ปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ฟ้าช่างเป็ใจโดยแท้”เ้าเด็กนี้มันเข้าไปใน ‘เทือกเขาเมฆมรกต’ เองคนเดียวอย่างนี้... นี่มันโอกาสชั้นดีเลยไม่ใช่หรือ?
ดูท่าทางหลินหยางจะไม่รู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตามมาด้วยเขาเดินเข้าไปในเทือกเขานั่นคนเดียวโดยไม่มีท่าทีหวาดระแวงเลย
ที่นี่คือเทือกเขาเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่โตถึงแม้ว่าจะถูกยอดฝีมือของอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นจัดการกวาดล้างเหล่าสัตว์ประหลาดอันดุร้ายจนไม่หลงเหลืออยู่ในบริเวณรอบนอกและกลายเป็สถานที่เก็บของล่าสัตว์ของชาวบ้านทั่วไปไปแล้วแต่ตัวเทือกเขาเองมีทั้งความสูงและความยาวมากกว่าพันลี้ส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขาก็เป็เขตต้องห้ามที่ไม่ค่อยมีคน แถมยังมีข่าวลือว่ายอดฝีมือระดับเซียนเทียนบางคนที่เคยเข้าไปในนั้น ก็ไม่เคยได้กลับออกมาอีกสถานที่แห่งนี้จึงยังคงเต็มไปด้วยปริศนาลึกลับมากมาย
หลินหยางที่มุ่งหน้าเข้าสู่เทือกเขาเมฆมรกตนั้นไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไรอยู่ เห็นแต่เขาที่เดินเข้าไปในนั้นอย่างมั่นใจระหว่างทางก็บังเอิญพบเข้ากับพวกนายพราน หรือคนเก็บสมุนไพรอยู่บ้างแต่เมื่อฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ทั้งเทือกเขาเริ่มตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดแล้วถึงอย่างนั้นหลินหยางก็ยังไม่ทีท่าว่าจะหันหลังกลับแต่อย่างใด
ครูฝึกหวังสะกดรอยตามหลินหยางตลอดเวลาตามจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็สีดำสนิทของยามค่ำคืนจนกระทั่งทั้งสองมาถึงป่าทึบอันเงียบเชียบแห่งหนึ่งในบริเวณรอบนอกของเทือกเขาเมฆมรกตแสงจันทร์สีขาวบริสุทธิ์สาดส่องลงตรงใจกลางผืนป่าอันเงียบสงบแห่งนี้ เงียบจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยมีแค่เสียงร้องอันมืดมนชวนหดหู่ของอีกาที่ดังขึ้นเบาๆ เป็่ๆ ไป
ครูฝึกหวังคิดในใจว่าได้เวลาแล้ว
แต่เขาไม่คิดว่าหลินหยางที่เดินเงียบๆ มาตลอดทางนั้นอยู่ดีๆ ก็หยุดเดิน จากนั้นจึงค่อยๆ หันหลังกลับมาแสยะยิ้มอย่างเ็า”ยังไม่คิดจะลงมืออีกหรืออย่างไร?”
ท่ามกลางผืนฟ้ายามค่ำคืนรอยยิ้มของหลินหยางช่างดูคล้ายกับราชันอสูรจากความมืดมิดทำให้ครูฝึกหวังขนลุกไปทั่วทั้งตัว
เ้าเด็กนี่มันรู้อยู่แล้วว่าตัวเองถูกสะกดรอยตาม
ครูฝึกหวังเดินออกมาถึงเขาจะรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของหลินหยางอยู่บ้าง แต่ความมั่นใจของตัวเขาเองก็ยังคงเต็มเปี่ยม
อาทิตย์ก่อนเขาเห็นระดับความสามารถของหลินหยางแล้ว ซึ่งก็คือระดับชุ่ยถี่ขั้นกลาง มาถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปแค่เจ็ดวันเท่านั้นเขามั่นใจหนึ่งหมื่นจากร้อยส่วนเลยว่าจะสามารถสังหารหลินหยางได้อย่างง่ายดาย
เขาเดินยิ้มเหี้ยมเขาหาหลินหยาง“หึหึ เด็กน้อย ดูไม่ออกเลยนะว่าเ้าความรู้สึกไวขนาดนี้แต่มันก็ช่วยอะไรเ้าไม่ได้หรอก เตรียมตัวตายหรือยัง?”
หลินหยางไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเขาตอบว่า ”ถ้าข้าเป็ท่าน ข้าคิดว่ารีบไสหัวกลับคฤหาสน์ตอนนี้น่าจะยังทันอยู่นะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”ครูฝึกหวังหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “ข้าละสงสัยจริงๆว่าเ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน เดี๋ยวอีกสักพัก พอเ้าลงไปนอนกองกับพื้นเหมือนหมาใกล้ตายเมื่อไหร่ข้าจะดูว่าเ้าจะยังอวดเก่งแบบนี้ได้อีกหรือเปล่า เอาละ ตายได้แล้ว”
ครูฝึกหวังเป็พวกโเี้อำมหิตเขาลงมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง บุกเข้าใส่หลินหยางอย่างรวดเร็ว
“ฝ่ามือวชิระ”
เขาลงมือโดยไร้ความปรานีอีกทั้งยังใช้ออกด้วยวรยุทธ์ที่เขาเชี่ยวชาญและมั่นใจที่สุดอย่างฝ่ามือวชิระฝ่ามือทั้งสองข้างพลันเปล่งแสงสีทองหม่นๆ ฝ่ามือที่พุ่งทะลวงเข้ามาอย่างรุนแรงจนเกิดเป็เกลียวคลื่นในอากาศเศษใบไม้ที่อยู่บนพื้นสั่นะเืจนปลิวว่อนไปทั่วเป็ฝ่ามือที่ดูรุนแรงจนน่าสะพรึง
แต่หลินหยางไม่ได้ถอยหนีเลยแม้แต่ก้าวเดียวแถมยังพุ่งสวนกลับไปหาอีกฝ่ายด้วย หมัดเล็กๆ ของหลินหยางนั้นดูคล้ายกับลูกแกะน้อยที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาพุ่งเข้าหาใส่ศัตรูอย่างดื้อรั้นจนสามารถประชิดตัวได้
เพียงแต่หลินหยางนั้นยังอยู่แค่ระดับชุ่ยถี่ขั้นกลางถึงจะสามารถเข้าประชิดตัวได้แต่เขาก็ยังด้อยกว่าอีกฝ่ายทั้งในด้านของพละกำลังและท่าร่าง
“หึไม่เจียมตัว”
เมื่อครูฝึกหวังเห็นวิธีรับมือของหลินหยางก็กล่าววาจาดูถูกอีกฝ่าย
ฝ่ามือวชิระของเขาพุ่งตรงเข้าใส่หน้าอกของหลินหยางในขณะเดียวกันก็รอรับเอาการโจมตีของหลินหยางที่ช้ากว่าหนึ่งจังหวะโดยที่ไม่หลบหนีหรือป้องกันเขามั่นใจมาก มั่นใจว่าฝ่ามือนี้จะสามารถซัดหลินหยางให้กระเด็นออกไปก่อนได้โดยที่การโจมตีของอีกฝ่ายไม่มีทางมาถึงตัวเขาอย่างแน่นอน
แต่เขากลับไม่ทันได้สังเกตเห็นร่างกายของหลินหยางที่เปลี่ยนเป็สีแดงอ่อนๆท่ามกลางท้องฟ้าสีดำยามค่ำคืน...
สองฝ่ายเข้าประชิดกันหนึ่งหมัดกับหนึ่งฝ่ามือต่างพุ่งเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ก็เกิดเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวกลางอากาศ
ฝ่ามือของครูฝึกหวังซัดโดนหลินหยางก่อนหนึ่งจังหวะ
แต่ฝ่ามือนี้ไม่เพียงไม่สามารถซัดหลินหยางให้ปลิวออกไปได้แต่ยังโดนแรงปฏิกิริยาอันมหาศาลสวนกลับมาจนเกิดอาการชาไปทั่วทั้งแขน
แย่แล้ว
ครูฝึกหวังรู้สึกถึงเื่ผิดปกติแล้วแต่เพิ่งมารู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว
หมัดของหลินหยางถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังมหาศาลที่กำลังลุกไหม้อย่างเกรี้ยวกราดดูคล้ายกับราชสีห์เพลิงที่กำลังขู่คำรามหมัดนั้นชกเข้าใส่หน้าอกของครูฝึกหวังเต็มๆ จนเกิดะเิขึ้น
ตูมมม
หน้าอกของครูฝึกหวังถูกกระแทกใส่จนยุบเป็วงกลมถูกซัดกระเด็นราวกับหุ่นไล่กาที่ถูกค้อนั์ซัดจนปลิวลอยเลียบกับพื้นไปไกลสิบกว่าเมตรจนกระทั่งไปชนเข้ากับลำต้นของต้นไม้ขนาดใหญ่จนหักโค่นถึงจะหยุดลง
อักก
เขากระอักเืแดงสดออกจากปากกระดูกซี่โครงบริเวณหน้าอกของเขาคงหักไปแล้วอย่างต่ำก็ห้าซี่ แต่ถ้าเทียบกับอาการบาเจ็บทางใจแล้วผลกระทบทางด้านจิตใจดูจะรุนแรงกว่ามาก
“เ้า...”
ผุดด
กระอักเืออกมาอีกหนึ่งคำโตครูฝึกหวังไม่อยากจะเชื่อในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้านี้เลย
“เ้าทำได้อย่างไร...”
หลินหยางค่อยๆ เดินเข้าไปหาครูฝึกหวังมุมปากของเขาก็มีเืไหลออกมาเช่นกัน
เขาใช้ความแข็งแกร่งของวิชาเกราะเพลิงคุ้มกายฝืนรับฝ่ามือวชิระของครูฝึกหวังโดยตรงจึงทำให้เขามีโอกาสโจมตีสวนกลับใส่อีกฝ่ายได้ซึ่งวิธีนี้ต้องอาศัยทั้งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และความดุดันเด็ดขาดผลลัพธ์ก็คือหลินหยางเป็ฝ่ายชนะ
“ปล่อยให้ท่านหนีท่านก็ไม่ยอมหนี หาเหาใส่หัวเองแท้ๆ” หลินหยางชนะแล้วเขาค่อยๆ เดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้มอันคุ้นเคย
ครูฝึกหวังยังคงทำเสียงแข็งกัดฟันตอบกลับไปว่า ”ไม่ ไม่คิดเลยว่า ข้า หวังชง ผู้นี้ต้องมาจบชีวิตด้วยน้ำมือของเด็กน้อยอย่างเ้า ได้ ข้ายอมแพ้แล้ว จะฆ่าก็ฆ่าเถอะ”
“ฆ่าท่านหรือ? ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
ในอนาคตหลินหยางยังต้องติดต่อกับตระกูลเวินอยู่ถึงครูฝึกหวังนี่จะน่าฆ่าให้ตายก็ตาม แต่ในเมื่อมันเป็คนของตระกูลเวินถ้าฆ่ามันทิ้งก็เท่ากับว่าหลินหยางไปหักหน้าของตระกูลเวิน ซึ่งมันจะกลับกลายเป็ผลเสียต่อแผนการที่เขาวางเอาไว้แทน
แต่ถึงโทษตายจะละเว้นได้ แต่บทลงโทษอื่นก็ยังต้องมี
หลินหยางหยิบเอามีดสั้นที่เขาซื้อไว้ตอนอยู่ในเมืองอวิ๋นเฉิงออกมาจากในกระเป๋าเสื้อหนึ่งเล่ม
ฉึก ฉึก ฉึกคมมีดตวัดตัดผ่านไปไม่กี่ครั้ง เสื้อผ้าของครูฝึกหวังก็กลายเป็เศษเล็กเศษน้อยทันที
ครูฝึกหวังรู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านรู้สึกเย็นตรง่ล่าง “เ้าจะทำอะไร?”
เขาเริ่มลนลาน
หลินหยางยิ้มพลางใช้เท้าเขี่ยเอาถุงฟ้าดินของครูฝกหวังขึ้นมาพอลองเปิดดู ก็ต้องหนักใจ
“ขาดทุนขาดทุนขาดทุนต้องเหนื่อยเสียขนาดนั้นแต่ได้เงินกลับมาแค่นี้ ข้าว่านะท่านครูฝึกท่านจะจนเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
“เ้าเด็กเวร”ครูฝึกหวังโมโหจนด่าไปถึงบุพการี
โดยทั่วไปจอมยุทธ์ด้วยกันมักจะให้เกียรติกันเสมอถึงจะชนะอีกฝ่ายได้ อย่างน้อยก็ยังไว้หน้าอีกฝ่าย แต่ หลินหยาง ผู้นี้ไม่มีคุณธรรมอยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย อะไรที่มันเอาได้มันเก็บหมดทุกอย่าง
หลินหยางเก็บถุงฟ้าดินนั่นเอาไว้แล้วยกมีดเล็กขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงกรีดลงบนหน้าอกของครูฝึกหวังจนกลายเป็ข้อความที่ถูกเขียนขึ้นด้วยเื “อย่า ยุ่ง กับ ข้า อีก”
“กลับไปบอกเวินโฮ่วด้วยว่าถ้ามันมาหาเื่ข้าอีก ข้าจะเขียนตัวอักษรบนหน้ามันให้สักสองสามตัว เอาละท่านไสหัวไปได้แล้ว”
“เ้าเด็กนี่เ้า บังอาจ” หวังชงเ็ปจนสั่นไปทั้งตัว ทั้งยังโกรธจนหัวแทบลุกเป็ไฟ
“พูดมากจริงยังต้องให้ท่านบอกหรือ” หลินหยางไม่อยากคุยด้วยแล้วจึงหันหลังกลับ แล้วก็เดินลึกเข้าไปภายในป่าทึบแห่งนั้น
เขาคิดว่าที่เขาทำไปน่าจะมากพอที่จะข่มขู่เด็กน้อยที่ไม่เคยเผชิญกับโลกกว้างอย่างเวินโฮ่วแล้วหลังจากนี้แค่รอให้เวินติ่งเทียนกลับมาฐานะของเขาในตระกูลเวินจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็หลังเท้าเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่เวินโฮ่วก็ยังต้องให้ความเคารพยิ่งทำให้เขาไม่ต้องเกรงกลัวอะไรเวินโฮ่วอีก
ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะทิ้งหวังชงเอาไว้และเชื่อว่ามันต้องเอาคำพูดของเขากลับไปบอกให้นายมันแน่นอน
แต่หลินหยางคงคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาเดินจากไปไม่นาน หวังชงก็พยามหยิบเอายาจินชวงขึ้นมาขวดหนึ่งด้วยมือที่สั่นเทาโดยยานี้เป็ยาที่ใช้รักษาาแที่เกิดจากของมีคมได้ หลังจากทาเข้าที่าแแล้วเขาก็ฝืนลุกขึ้นยืน เตรียมกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเวิน ทันใดนั้นเองก็มีเงาร่างสายหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากข้างหลังเขา