“คุยอะไร”
เสิ่นเสวียนเหลือบตามองผู้คุมเรือเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกดีต่อเขาสักเท่าไร
ผู้โดยสารขึ้นมาบนเรือเสวียนอู่ เรือเสวียนอู่ควรรับผิดชอบเื่ความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ เมื่อมีอันตรายพวกเขากลับเป็กลุ่มแรกที่ปัดความรับผิดชอบ ให้ผู้โดยสารทั้งหลายต้องรับผิดชอบตนเอง
ดีที่เมื่อครู่เริ่นเสี้ยวเทียนสามารถเอาชนะได้ หากไม่ชนะอาจโดนโจรสลัดอากาศเ่าั้ฆ่าตายไปแล้ว และผู้คุมเรือคงไม่มาหาพวกเขา
“ผู้โดยสารเ่าั้เสียเงินไปเป็จำนวนมาก ทว่าท่านกับโจรสลัดเ่าั้ได้เป็สหาย...”
ผู้คุมเรือกล่าวกับเสิ่นเสวียนอย่างระมัดระวัง
“ตาบอดหรือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวเสียงเย็น
“ข้า...”
ผู้คุมเรือกล่าวพึมพำไม่กล้าหันมองเริ่นเสี้ยวเทียน แม้เริ่นเสี้ยวเทียนจะโดนโจมตีจนหน้าบวมแต่ยังไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินได้ เขาสามารถสู้กับขั้นจักรพรรดิได้ขนาดนั้นต้องมีพลังน่ากลัวอย่างแน่นอน
“ข้าเกือบโดนคนเ่าั้ฆ่าตาย พวกเ้าตาบอดหรือไรถึงมองไม่เห็น เ้าเป็ถึงผู้คุมเรือกลับไม่กล้าทำอะไรเลย”
เดิมทีเริ่นเสี้ยวเทียนอดกลั้นเพลิงโทสะเอาไว้ และโดนเฉินชิงชิงดับเพลิงโทสะเ่าั้ไป แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะดับมอดลงจริงๆ
และผู้คุมเรือคนนี้กลับทำให้เพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
“สหาย จะกล่าวแบบนี้ก็ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกข้าก็สูญเสียเงินไปแล้ว แต่เ้ากลับได้รับศาสตราวิเศษขั้นปฐีมา ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”
ขณะนั้นเอง บุรุษวัยกลางคนร่างท้วมผู้หนึ่งเดินหน้าออกมาสองก้าว กล่าวโต้เถียงเริ่นเสี้ยวเทียนเสียงดัง
บุรุษวัยกลางคนร่างท้วมผู้นี้มีพลังไม่ธรรมดา ขณะเขาเดินมีคลื่นพลังแผ่ซ่านออกมาด้วย เป็ยอดฝีมือขั้นราชันเช่นกัน เมื่อสักครู่นี้เขา ‘บริจาค’ เงินไปมากถึงหกล้านเหรียญทอง ซึ่งเป็จำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจเื้ัของเขาด้วย
“ใช่แล้ว! มูลค่าของศาสตราวิเศษขั้นปฐีชิ้นนั้นต้องได้มากถึงห้าสิบล้านเหรียญทองแน่ๆ เ้าคิดไว้คนเดียวไม่ค่อยดีหรือเปล่า!”
บุรุษวัยกลางคนอีกคนหนึ่งเดินออกมา สายตาจับจ้องอยู่ที่แส้ทองในมือของเริ่นเสี้ยวเทียน เด็กร้องไห้ยังได้ดื่มนม พวกเขาเพิ่งเห็นว่าพวกเริ่นเสี้ยวเทียนมีบุคลิกอ่อนแอ แม้พวกเสิ่นเสวียนจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจได้รับส่วนแบ่งจากพวกเสิ่นเสวียนด้วยก็ได้
ไม่ว่าอย่างไร หากได้ทดแทนสิ่งที่ต้องเสียไปก่อนหน้านี้คงจะดีไม่น้อย
“แล้วเ้าเอาเงินออกมาเท่าไร”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองบุรุษวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพลางถามเสียงเย็น
“ข้าเอาออกมาห้าล้านเหรียญทอง พวกข้าสูญเสียไปไม่ได้ เ้าแบ่งให้พวกข้าสักหน่อยคงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงหรอก” บุรุษวัยกลางคนกล่าว
“เมื่อครู่ตอนโจรสลัดอากาศยังอยู่ ไม่เห็นว่าเ้าจะกล้าพูดพล่ามแบบนี้เลยนี่”
เสิ่นเสวียนกล่าวถาม
“เมื่อครู่ พูดพล่าม... เ้า...”
บุรุษวัยกลางคนกล่าวไปเล็กน้อยแล้วจึงจับใจความได้ว่าเสิ่นเสวียนด่าเขา เขากำลังจะด่ากลับ แต่พอนึกย้อนไปถึงพลังของเสิ่นเสวียนก่อนหน้านี้จึงปิดปากเงียบ ไม่กล้าส่งเสียงด่าออกมา
อย่างไรก็ตามมันเป็คนละเื่กัน หากได้เงินที่เสียไปกลับคืนมา เื่อื่นเขาไม่อยากคิดมากอีก
“ใช่แล้ว! เ้าแบ่งให้พวกข้าสักหน่อย พวกเขาเป็โจรสลัดอากาศ แต่พวกเ้าไม่ใช่”
ด้านหลังมีจำนวนคนมากกว่า จึงมีคนออกมาเรียกร้องเพิ่มขึ้นอีก
มูลค่ารวมมากถึงเจ็ดสิบกว่าล้านเหรียญทอง เพียงพอที่จะทำให้คนเหล่านี้บ้าคลั่งขึ้นมาได้
รังแกคนอ่อนแอกว่าแต่หวาดกลัวคนแข็งแกร่งกว่า ถูกแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วที่นี่
“ท่านพี่ คนเหล่านี้น่ารังเกียจยิ่งนัก”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นด้วยความรังเกียจ
“โลกภายนอกก็เป็อย่างนี้ ดังนั้นมีพลังอย่างเดียวยังคงทำอะไรไม่ได้ จำเป็ต้องมีความน่าเกรงขามด้วย การทำให้พวกเขาหวั่นเกรงพวกเ้าอยู่เสมอไม่มีอะไรไม่ดี”
เสิ่นเสวียนปรายตามองทุกคนตรงนั้น ผู้คนเริ่มได้รับอิทธิพลจากฝูงชนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความคิดจะโจมตีพวกเสิ่นเสวียน
ท่ามกลางคนเหล่านี้ นอกจากผู้คุมเรือสามคนที่มีพลังยุทธ์ขั้นราชันแล้ว ยังมีอยู่อีกเจ็ดคน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เจ็ดคนนั้นปกปิดพลังของตนเองไว้ เริ่นเสี้ยวเทียนจึงไม่รู้และคิดว่ามีขั้นราชันอยู่เพียงสามคน
ตอนนี้ขั้นราชันทั้งเจ็ดคนออกมาเรียกร้องแล้ว คนที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังขั้นราชันระดับกลาง หากนับรวมยอดฝีมือขั้นบรรพบุรุษอีกหลายร้อยคนเข้าไปด้วย เรียกได้ว่าเป็พลังที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว แม้จะเข้าปะทะกับโจรสลัดอากาศเ่าั้ก็อาจทำให้โจรสลัดอากาศาเ็ได้
ทว่าตอนนี้คนเหล่านี้กลับเบนเป้าหมายมายังพวกเสิ่นเสวียนแทน
เห็นได้ชัดว่า้าให้มอบแส้แก่พวกเขา ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ต้องเสียไปคงไม่ได้มีเพียงแส้เฉยๆ
“พวกเ้าที่เป็ผู้คุมเรือไม่คิดทำอะไรเลยหรืออย่างไร”
เริ่นเสี้ยวเทียนหันมองคนเ่าั้เดินเข้ามาหาตนเอง แล้วกล่าวกับผู้คุมเรือทั้งสามคน
“พวกเ้าคุยกันเองจะดีกว่า ไม่จำเป็ต้องทำให้เป็เื่ใหญ่”
ผู้คุมเรือกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ราวกับกำลังรอให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอยู่
“ไปเล่นหมากกับข้าดีกว่า”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเริ่นเสี้ยวเทียน แล้วเดินกลับไปยังห้องของตนเอง
“เล่นหมากหรือ ดีเลย รอข้าด้วย”
เมื่อได้ยินว่าเล่นหมาก เริ่นเสี้ยวเทียนก็ดีใจขึ้นมาทันที
เสิ่นเสวียนเป็คนสอนเขาเล่นหมาก ในตอนแรกเริ่มเขายังไม่เข้าใจ แต่หลังจากได้ลองเล่นหลายครั้งก็พบว่ามันมีความลึกลับซับซ้อนมาก ทำให้เขาชื่นชอบสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว
เริ่นเสี้ยวเทียนเดินตามเสิ่นเสวียนไป ส่วนเฝิงเป่าเป่าเห็นเริ่นเสี้ยวเทียนเดินไปแล้วจึงตามเขาไปด้วย
ทำให้ที่ตรงนั้นเหลือเพียงเสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ย
พลังโจมตีก่อนหน้านี้ของเสิ่นเลี่ยนเหมือนทำให้เขาหมดพลังไปกว่าเก้าส่วน แต่เขากินยาเรียกลมปราณไปแล้วสองเม็ด ทำให้พลังของเขาเริ่มกลับมา
ส่วนเสิ่นเสี่ยวเม่ยไม่ค่อยได้ลงมือเท่าไร นางก็เหมือนกับเสิ่นเลี่ยนที่ได้ดูดซับพลังเข้าไปเป็จำนวนมาก ทำให้ตอนนี้มีพลังยุทธ์ถึงขั้นราชันระดับกลางแล้ว
หากรวมไอิญญาและทักษะท่าร่างที่เสิ่นเสวียนสอนนางเข้าไปแล้ว พลังของนางจึงแข็งแกร่งมากเช่นกัน
และนางก็เหมือนกับเสิ่นเลี่ยนที่แม้ว่าจะมีพลังแล้ว แต่ไม่มีประสบการณ์จากสถานการณ์จริงเลย
ในตอนแรกเริ่ม ความคิดของเสิ่นเสวียนคือให้เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยเข้าปะทะกับโจรสลัดอากาศ แต่ตอนนี้กลายเป็จัดการคนบนเรือแทนแล้ว
มาคิดๆ ดูก็รู้สึกน่าขันเล็กน้อย
ภารกิจที่เสิ่นเสวียนมอบหมายให้พวกเขาคือ ทำให้าเ็ ห้ามสังหาร ส่วนเื่อื่นให้ตัดสินใจเอง
เพียงไม่นานทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน ขั้นราชันเ่าั้เห็นว่าเหลือเพียงเด็กตัวเล็กๆ สองคน โดยเฉพาะคนหนึ่งเป็เด็กหญิงอายุสิบกว่าปีเท่านั้น จึงกระโจนเข้าไปทันที
แล้วพวกเขาก็ได้ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าไม่ควรมองคนแค่ภายนอก และยิ่งไม่ควรตัดสินคนจากอายุ
ไม่อย่างนั้นการเหยียดหยามก่อนหน้านี้จะกลายเป็พลังโจมตีที่รุนแรงกลับมา
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
“อ๊าก!!!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด บางคนที่ลงมือค่อนข้างโเี้โดนตัดแขนขาไป แม้จะต่อกลับเข้าที่เดิมได้ แต่พลังยุทธ์คงหยุดนิ่งอยู่เพียงเท่านี้
ขั้นบรรพบุรุษหลายร้อยคนและขั้นราชันเข้ามาสู้กับเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน ทำให้พวกเขาพึงพอใจมาก ตอนแรกพวกเขาค่อนข้างหวาดกลัว ต่อมากลับไร้ซึ่งความกลัวไปแล้ว ผู้ที่เข้ามาต่อสู้เ่าั้ได้รับรู้อย่างแท้จริงว่าอะไรคือปีศาจ
สิ่งที่เสิ่นเลี่ยนฝึกฝนมาั้แ่แรกคือวิถีสังหาร ต้องสังหารให้ได้ในกระบวนท่าเดียว แต่สิ่งนี้ทำให้เขาปลดปล่อยตนเองได้ยากมาก ตอนนี้สิ่งที่เสิ่นเสวียนให้เขาฝึกฝนคือการทำให้เขาปลดปล่อยตนเองออกมา ทำให้าเ็แต่ห้ามสังหาร สิ่งนี้ต่างหากที่เป็บททดสอบอย่างแท้จริงสำหรับเสิ่นเลี่ยน
เมื่อเทียบกับเสียงร้องโหยหวนด้านนอก ภายในห้องตอนนี้กลับเงียบอย่างน่าประหลาด
เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนนั่งอยู่คนละฝั่งของกระดานหมาก ตัวหมากขาวดำวางเรียงราย ทั้งเกี่ยวเนื่องกันและต่อต้านกันเอง
เฝิงเป่าเป่ายืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยความหลงใหล
“ดีมาก! เยี่ยมมาก! ที่แท้ในโลกนี้ก็มีของเล่นแบบนี้ด้วย”
หลังจากมองทั้งสองเล่นหมากกันมาสักพัก เฝิงเป่าเป่าอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
“เ้าเข้าใจด้วยหรือ”
เสิ่นเสวียนมองเฝิงเป่าเป่าอย่างประหลาดใจ พวกเขาไม่ได้สอนเฝิงเป่าเป่าเลย เฝิงเป่าเป่าเพียงแค่มองอยู่เฉยๆ กลับสามารถเข้าใจหลักการเดินหมากได้
“เข้าใจสิ ข้าไม่ได้โง่นะ คุณชาย ขายกระดานหมากนี้ให้ข้าเถอะ ข้าจะให้ราคาอย่างงามเลยทีเดียว”
เฝิงเป่าเป่ามองเสิ่นเสวียนด้วยสีหน้าคาดหวัง สำหรับเขาแล้วนี่คือการค้าครั้งใหญ่ หากกระดานหมากนี้ถูกผลักดันออกไปอาจขายดีและทำเงินให้เขาได้มากมาย
เสิ่นเสวียนเหลือบตามองเฝิงเป่าเป่าเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มแล้วส่ายหัว ไม่ได้สนใจเขาอีก
“หากคุณชายคิดว่ากำลังโดนเอาเปรียบ ข้าให้คุณชายก่อนเลยสิบล้านเหรียญทอง แล้วยอดขายหลังจากนี้ค่อยมาแบ่งกัน เ้าแปดสิบ ข้ายี่สิบ”
เฝิงเป่าเป่าคิดคำนวณอย่างรวดเร็วพลางกล่าว
ไหวพริบในการค้าขายของเขาอยู่ในระดับที่เหนือชั้นมาก ซึ่งมันเป็พร์ของเขา
“แบ่งส่วนกำไร? ได้เลย! ไหนลองว่ามา”
เสิ่นเสวียนสนใจขึ้นมาทันที เงินสิบล้านเหรียญทอง อีกฝ่ายบอกจะเอาเงินมาให้ก็เอาให้เลย เหมือนไม่คิดว่ามันคือเงินอย่างไรอย่างนั้น!