“ข้าเห็นนายท่านแอบมองอยู่ตรงนั้น ข้าเชื่อว่านายท่านไม่ได้อยากให้คุณหนูไปจากจวน คุณหนูอย่าไปเลยนะเ้าคะ”
“เ้าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ลองได้เห็นว่าท่านพ่อปกป้องพวกมันเช่นนั้น ข้ากับท่านแม่จะมีความหมายอะไร ไม่น่าเชื่อว่าจิตใจท่านพ่อ จะเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเพียงนั้น เวลาแค่ไม่กี่เดือน ทำให้ท่านพ่อหลงมันถึงขนาดยอมเสียข้ากับท่านแม่ เ้าจะให้ข้ากับท่านแม่อยู่ต่อแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร จิ่นจิน! เ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนเ้า รับเงินนี้ไว้” ซินหยางยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้สาวใช้ ในฐานะที่นางดูแลซินหยางมาั้แ่เด็ก ก่อนจะเบี่ยงตัวขึ้นรถม้าไป
“คุณหนู อย่าไปนะเ้าคะ คุณหนู” เสียงเรียกของจิ่นจิน ไม่เป็ผล รถม้าค่อย ๆ วิ่งออกจากบริเวณหน้าจวนไปช้า ๆ จนหายลับไป ก่อนฝีเท้าของเซิ่นหลานจะค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาใต้เท้าหลี่พลันเอื้อมไปจับแขนเขาช้า ๆ
“ท่านแอบมองพวกนางอยู่ตรงนี้จะมีผลอันใด เหตุใดจึงไม่ห้ามพวกนาง” หญิงกลางคนพูดพร้อมใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแดงจากฝีมือของซินหยาง
“หากข้าใจอ่อน ข้าจะควบคุมที่นี่ได้อย่างไร ข้าเชื่อว่าพวกนางไปได้ไม่กี่วันหรอก เดี๋ยวก็ต้องกลับมา โลกภายนอกโหดร้ายนัก พวกนางต่อสู้ไม่ไหวหรอก” คำพูดของใต้เท้าหลี่ ทำให้เซิ่นหลานรู้ว่าเขายังอาลัยอาวรณ์พวกนางอยู่มาก
หลังจากนั้นฟางเหมยก็ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องของซินหยาง ใช้ของทุกอย่าง ที่เป็ของนางไม่ว่าจะเป็เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกฟางเหมยรวบไว้เป็ของตัวเอง
“แม่นางฟางเหมย เครื่องประดับชิ้นนั้นเป็ของคุณหนูซินหยางนะเ้าคะ” จิ่นจินเอ่ยท้วง เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบเครื่องประดับใส่หีบ ก่อนฟางเหมยจะชะงักมือ แล้วจับจ้องมองมายังสาวใช้ด้วยสายตาราบเรียบ
“ตอนนี้ ข้าเป็คุณหนูสกุลหลี่แล้ว ส่วนซินหยางไม่รู้ไปอยู่ที่ใด ของของนางก็เป็ของของข้า มิใช่รึ?”
“แต่ว่า...” จิ่นจินอึกอัก ก่อนฟางเหมยจะเอ่ยขึ้น
“ต่อไป เ้าต้องเรียกข้าว่าคุณหนู เหมือนที่เรียกซินหยาง!” สายตาแข็งกระด้าง มองตรงมายังจิ่นจิน ก่อนสาวใช้จะก้มหน้าแล้วเอ่ยปากรับ
“เ้าค่ะ”
ระหว่างที่รถม้าวิ่งแล่นเข้ามายังตัวเมือง ซินหยางหันมองไปยังมารดาที่นั่งเหม่อด้วยความเสียใจ ความสัมพันธ์หลายสิบปีแตกสลายหายไปเพียงชั่วข้ามคืน คำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ พังทลายเพราะหญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็เพื่อนรัก ซูซินยิ่งคิดก็ยิ่งเ็ปพลันปาดน้ำตาออก แล้วหันจับมือบุตรสาวแน่น
“แม่ไม่รู้ว่าจะพาเ้าไปเริ่มต้นใหม่ที่ใด ซินหยาง..หากเ้าจะกลับไปอยู่กับพ่อ เ้าก็ไปเถอะนะ! อยู่กับแม่เ้าต้องลำบากไปชั่วชีวิต”
“ไม่เ้าค่ะ” ซินหยางกำมือมารดาแน่น แล้วปาดน้ำตาให้มารดาอย่างเบามือ
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ข้าโตแล้ว ไม่ใช่เด็กตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะดูแลท่านเอง” สิ้นเสียงของซินหยาง นางก็หยิบห่อผ้าขึ้นมาแล้วเปิดออก ก่อนมารดาจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นสิ่งของมีค่าที่อยู่ภายในห่อผ้านั้น
“นี่เ้า นำของมีค่าพวกนี้ ติดมาด้วยงั้นเหรอ” หญิงสาวหน้านิ่ง แล้วตอบมารดาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ของพวกนี้ เดิมทีข้าตั้งใจเก็บไว้ให้ฟางเหมย หลังจากนางขายจวนได้แล้ว ข้าจะสมทบให้นางไปทำการค้า แต่ไม่คิดเช่นกัน ว่าสุดท้ายแล้ว เป็ข้าเองที่ต้องออกมา” หญิงสาวหยิบของมีค่าอย่างเครื่องประดับทองคำ และเงินอีกจำนวนหนึ่งขึ้นมอง
“ส่วนเงินพวกนี้เป็เงินของท่านพ่อ ที่ฝากข้าทำบัญชีรายเดือน แต่ข้าก็เก็บมาหมดนั่นแหละ เื่อะไรข้าจะยอมออกมาตัวเปล่า” คำพูดของลูกสาวทำให้มารดาหลุดยิ้ม
“ไม่กลัวพ่อเ้า ส่งคนมาตามรึ”
“มาตามก็ดี ข้าจะได้ประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ ว่าท่านพ่อหลงผู้หญิงอื่น จนทิ้งลูกเมีย คอยดูว่าใครที่จะเดือดร้อนมากกว่ากัน” ซินหยางนึกโกรธบิดาอยู่มาก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เครื่องประดับที่ท่านแม่เคยซื้อให้ ข้าไม่ได้หยิบมาเพราะ ค่าน้อยกว่าทรัพย์สินพวกนี้ จึงทิ้งไว้ที่จวน คิดว่าเวลานี้ฟางเหมยคงยึดไปแล้วล่ะ” นางพูดอย่างนึกเสียดาย ก่อนมารดาจะก้มหน้าลงอย่างคนรู้สึกผิด
“แม่ขอโทษที่ ไว้ใจผู้อื่นมากเกินไป จนทำให้เ้าต้องลำบาก” ซินหยางยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบกลับ
“นับจากเด็กจนโต ข้าเห็นพวกนางเปรียบเสมือนคนในครอบครัว ขนาดข้ายังมองไม่ออก ท่านแม่จะมองพวกนางออกได้อย่างไร ตอนนี้ข้ามาคิดดูแล้ว เพราะข้าเป็คนเปิดเผย คิดสิ่งใดมักทำสิ่งนั้น ส่วนฟางเหมย เป็คนนิ่งเงียบ คิดสิ่งใดซ่อนไว้ ข้าไม่เคยรับรู้ สุดท้ายเพราะความไว้ใจ ทำให้ข้ากับท่านแม่ต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้!”
“ลูกแม่โตมากแล้วจริง ๆ” หญิงกลางคนเงยหน้ามองลูกสาว ก่อนซินหยางจะส่ายศีรษะ
“ถึงอย่างนั้น ข้าจะไม่มีวันให้อภัยพวกนาง เมื่อใดที่ข้ามีโอกาส ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม สองแม่ลูกต้องกลับไปอยู่ในจุดเดิมที่พวกนางเคยอยู่!” สายตามุ่งมั่นของซินหยางฉายแววออกมาจนมารดาชะงักนิ่ง ขณะที่รถม้ายังคงเดินทางเข้าไปในเมืองเรื่อย ๆ
“ท่านแม่...ข้าพอรู้จักคนในเมืองอยู่บ้าง วันก่อนข้าเห็นว่าข้าง ๆ ร้านตัดผ้า ยังมีที่ว่างเหลืออยู่ หากเราไปขอเช่า เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น ท่านว่าดีหรือไม่” ซูซินมองลูกสาวแล้วยิ้มรับ
“หากเ้าว่าดี แม่ก็เห็นด้วย” สองแม่ลูกส่งยิ้ม พลันโอบกอดกันอีกครั้งเพื่อสร้างกำลังใจ พวกนางออกจากจวนสกุลหลี่พร้อมเสื้อผ้าไม่กี่ชุด และของมีค่าอีกจำนวนหนึ่งที่ซินหยางลอบนำออกมาพอให้ตั้งตัวได้ หลังจากเดินทางมาถึงจุดหมาย ซินหยางก็เข้าไปพูดคุยเจรจากับร้านตัดผ้า เป็หญิงอายุราวสี่สิบกว่า
