บทที่ 2 ทดลองทำชานมไข่มุก
พ่อครัวใหญ่แซ่หวัง เป็ชายร่างท้วมวัยกลางคน เขารีบเดินออกมาต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มประจบประแจง "โอ้ คุณหนูใหญ่ มีอะไรให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ เหตุใดจึงเดินมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง"
"ข้า้าใช้เตาและวัตถุดิบตามที่สั่งไปกับชิงเหอ จัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้" ไป๋ฟางซินกล่าวโดยไม่มองหน้าเขา แต่กวาดสายตาสำรวจไปทั่วห้องครัวแทน
พ่อครัวหวังชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ "คุณหนูจะทำอาหารหรือขอรับ? แหม...เื่แบบนี้ให้บ่าวไพร่ทำดีกว่า สถานที่สกปรกเช่นนี้ไม่เหมาะกับท่านเลยนะขอรับ ส่วนแป้งที่ท่านว่า...ข้าน้อยไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เกรงว่าจะหาให้ไม่ได้นะขอรับ"
น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะสุภาพ แต่แฝงไปด้วยความไม่ใส่ใจอย่างชัดเจน เขาคิดว่านี่เป็เพียงอารมณ์ชั่ววูบของคุณหนูเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้น
ไป๋ฟางซินหยุดเดินแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาของนางเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง "พ่อครัวหวัง ท่านทำงานในจวนนี้มากี่ปีแล้ว"
คำถามที่ไม่คาดคิดทำให้พ่อครัวหวังอึ้งไป "เอ่อ...สิบห้าปีแล้วขอรับคุณหนู"
"สิบห้าปี นานพอที่จะทำให้คนลืมตัวสินะ ว่าใครคือนายใครคือบ่าว" นางแค่นเสียงเย็น "ข้าเป็บุตรีของเ้าของจวนแห่งนี้ ข้าสั่งให้เ้าไปหาของมา เ้ามีหน้าที่แค่ทำตาม ไม่ใช่มาตั้งคำถามหรือบอกว่าทำไม่ได้ หากสมองของเ้าคิดได้แค่นี้ ข้าว่าจวนเสนาบดีคงไม่้าพ่อครัวที่ไร้ความสามารถเช่นเ้าไว้ทำงานอีกต่อไป พรุ่งนี้เ้าก็เก็บของออกไปได้เลย"
ความเงียบกริบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องครัว ทุกคนหยุดมือจากงานที่ทำแล้วหันมามองด้วยความตกตะลึง พ่อครัวหวังหน้าซีดเผือด เข่าอ่อนลงจนแทบจะทรุดลงไปกับพื้น เขาไม่เคยคาดคิดว่าคุณหนูใหญ่ที่ปกติเอาแต่กรี๊ดกร๊าดจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ คำพูดแต่ละคำเฉียบขาดยิ่งกว่ามีด!
"ขะ...ข้าน้อยผิดไปแล้ว! คุณหนูโปรดอภัยด้วย! ข้าน้อยจะรีบไปหามาให้เดี๋ยวนี้! เดี๋ยวนี้เลยขอรับ!" เขาค้อมตัวซ้ำๆ เหงื่อกาฬแตกพลั่ก
"ดีมาก" ไป๋ฟางซินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "จัดเตาเล็กที่มุมนั้นให้ข้า เตรียมวัตถุดิบอื่นที่ข้าสั่งให้พร้อมภายในหนึ่งเค่อ (15 นาที) ข้าจะรอ"
นางพูดจบก็เดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งในมุมห้องอย่างสง่างาม ไม่สนใจสายตานับสิบคู่ที่มองมาอย่างหวาดเกรงและอยากรู้อยากเห็น
นี่เป็เพียงก้าวแรกเท่านั้น... ก้าวแรกของการแสดงให้ทุกคนในจวนนี้ได้เห็นว่า ไป๋ฟางซินคนเก่าได้ตายไปแล้ว และคนใหม่ที่มาแทนที่นี้ ไม่ใช่คนที่ใครจะมาดูแคลนได้อีกต่อไป
ในใจของนางกำลังคำนวณแผนการขั้นต่อไปอย่างรวดเร็ว หลังจากทำชานมไข่มุกสำเร็จ นางจะเริ่มจากตรงไหนดี? จะขายให้ใคร? จะตั้งราคาเท่าไหร่? ทุกย่างก้าวต้องรอบคอบและรัดกุม
เปลวไฟในเตาถูกจุดขึ้น เช่นเดียวกับเปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานในใจของนาง
บรรดาคนครัวต่างลอบมองด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง คุณหนูใหญ่ที่ปกติไม่เคยแม้แต่จะจับถ้วยชาด้วยตัวเอง บัดนี้กำลังยืนอยู่หน้าเตาไฟด้วยท่าทีสงบนิ่งและเคร่งขรึม นางไม่สนใจสายตาเ่าั้แม้แต่น้อย สมาธิทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่กับวัตถุดิบเบื้องหน้า
พ่อครัวหวังวิ่งวุ่นจนเหงื่อท่วมตัว ในที่สุดเขาก็หาแป้งมันเทศมาได้ตามตลาดมืดของพวกพ่อค้าแดนใต้ เขาไม่เข้าใจว่าคุณหนู้าของพรรค์นี้ไปทำอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาคมกริบคู่นั้น เขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอีก
ไป๋ฟางซินเริ่มลงมือด้วยความคล่องแคล่วราวกับทำมานับร้อยครั้ง ความทรงจำจากโลกอนาคตที่นางเคยดูคลิปสอนทำอาหารนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน นางต้มน้ำร้อนเพื่อชงชา คัดเลือกใบชาชั้นดีที่บิดามักใช้รับรองแขก กลิ่นหอมกรุ่นของใบชาลอยฟุ้งไปทั่วห้องครัว
จากนั้นนางจึงเติมนมวัวสดที่เพิ่งรีดใหม่ๆ ลงไปในปริมาณที่พอเหมาะ ตามด้วยน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนกลายเป็สีน้ำตาลอ่อนน่าดื่ม นี่เป็เพียงขั้นตอนพื้นฐานเท่านั้น
หัวใจสำคัญอยู่ที่ "ไข่มุก"
นางนำแป้งมันเทศมาผสมกับน้ำร้อนจัดและน้ำตาลทรายแดงเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ ก่อนจะเริ่มนวดแป้งด้วยตนเอง ท่าทางการนวดของนางทั้งหนักแน่นและนุ่มนวลจนน่าประหลาดใจ บรรดาพ่อครัวที่แอบมองอยู่ถึงกับตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ทำงานที่ต้องใช้แรงเช่นนี้มาก่อน
เมื่อแป้งเข้ากันดีแล้ว นางก็เริ่มปั้นมันเป็เม็ดกลมเล็กๆ ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอทุกเม็ด ก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดจนมันลอยขึ้นมาและเปลี่ยนเป็สีน้ำตาลใสแวววาว นางตักขึ้นมาแช่ในน้ำเชื่อมเข้มข้นที่เตรียมไว้ทันที
บัดนี้ ส่วนประกอบทุกอย่างพร้อมแล้ว
นางตักไข่มุกที่ชุ่มฉ่ำใส่ลงในถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวสะอาด ตามด้วยน้ำแข็งที่สั่งให้คนไปทุบมาละเอียด แล้วจึงรินชานมที่เย็นแล้วลงไปจนเต็ม ภาพของไข่มุกสีน้ำตาลเข้มที่นอนก้นอยู่ใต้ชานมสีนวลตา ช่างเป็ภาพที่แปลกใหม่และน่าลิ้มลองอย่างที่สุด
"ชิงเหอ" นางเรียกสาวใช้คนสนิทที่ยืนมองตาไม่กะพริบอยู่ข้างๆ
"เ้าค่ะ คุณหนู"
"ลองชิมดู" นางยื่นถ้วยให้
ชิงเหอรับมาด้วยมือสั่นเทา นางมองของเหลวในถ้วยด้วยความลังเล "นี่...นี่คืออะไรหรือเ้าคะคุณหนู"
"มันคือชาไข่มุก" ไป๋ฟางซินตั้งชื่อให้มันง่ายๆ "ลองดื่มดู แล้วบอกข้าว่าเป็อย่างไร"
ชิงเหอสูดกลิ่นหอมหวานของชานมเข้าไป ก่อนจะตัดสินใจยกถ้วยขึ้นจิบ คำแรกที่นางได้ััคือรสชาติหอมหวานกลมกล่อมของชากับนมที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน มันทั้งสดชื่นและนุ่มนวล แต่สิ่งที่ทำให้นางเบิกตากว้างคือเมื่อนางลองเคี้ยวเม็ดกลมๆ ที่ดูดขึ้นมาด้วย ความรู้สึกนุ่มหนึบสู้ฟันผสมกับความหวานของน้ำเชื่อมที่เคลือบอยู่ ทำให้เกิดรสััใหม่ที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต!
"อร่อย! อร่อยมากเ้าค่ะคุณหนู!" ชิงเหออุทานออกมาอย่างลืมตัว "มันทั้งหอมหวาน และเ้าเม็ดกลมๆ นี่ก็...หนึบๆ เคี้ยวสนุกดีเหลือเกินเ้าค่ะ!"
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของไป๋ฟางซิน นี่คือปฏิกิริยาที่นาง้า!
"พี่ใหญ่! กลิ่นอะไรหอมๆ ข้าได้กลิ่นมาั้แ่หน้าเรือน!" เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มอายุราวสิบสองปีในชุดผ้าไหมเนื้อดี เขาก็คือ "ไป๋จื่อเซวียน" น้องชายแท้ๆ ของนางนั่นเอง
ในชาติก่อน จื่อเซวียนต้องจบชีวิตลงในสนามรบเพราะถูกส่งไปเป็ทหารระดับล่างเพื่อลดทอนอำนาจของตระกูลไป๋หลังจากที่นางแต่งเข้าวังไปแล้ว การได้เห็นใบหน้าที่ยังคงความซุกซนไร้เดียงสาของเขาอีกครั้ง ทำให้หัวใจของไป๋ฟางซินกระตุกวูบ ชาตินี้นางจะไม่มีวันยอมให้น้องชายของนางต้องไปตายอย่างไร้ค่าเช่นนั้นเด็ดขาด!
"จื่อเซวียน มานี่สิ" นางกวักมือเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋จื่อเซวียนวิ่งเข้ามาเกาะแขนพี่สาวอย่างออดอ้อน สายตาจับจ้องไปที่ถ้วยชาในมือของชิงเหอ "นั่นอะไรหรือขอรับท่านพี่ กลิ่นหอมน่ากินยิ่งนัก ข้าขอลองบ้างได้หรือไม่"
ไป๋ฟางซินยิ้มและหันไปรินชาไข่มุกอีกถ้วยส่งให้น้องชาย "ลองดูสิ นี่คือของว่างชนิดใหม่ที่พี่เพิ่งคิดขึ้นมา"
จื่อเซวียนรับไปดื่มอย่างไม่ลังเล และปฏิกิริยาของเขาก็ยิ่งกว่าชิงเหอเสียอีก "โอ้โห! พี่ใหญ่! นี่คือสุดยอดของว่างที่ข้าเคยกินมาเลย! ไอ้เม็ดกลมๆ นี่มันคืออะไรขอรับ อร่อยเป็บ้า! ข้าอยากกินอีก!"
"ถ้าเ้าชอบ พรุ่งนี้พี่จะทำให้เ้าอีก" นางกล่าวพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ ในใจก็นึกแผนการต่อไป น้องชายของนางเป็ที่รู้จักกันดีในแวดวงคุณชายลูกหลานขุนนาง ถ้าหากนางใช้จื่อเซวียนเป็คนโปรโมทสินค้าชิ้นนี้...มันจะต้องกลายเป็ที่พูดถึงในชั่วข้ามคืน!
"พ่อครัวหวัง" นางหันไปหาพ่อครัวใหญ่ที่ยืนตัวลีบอยู่
"ขอรับคุณหนู!"
"ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ให้เ้าส่งคนไปกว้านซื้อแป้งมันเทศ... ไม่สิ ไปหาซื้อหัวมันสำปะหลัง จากพ่อค้าแดนใต้มาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ บอกพวกเขาไปว่าจวนเสนาบดีรับซื้อทั้งหมดในราคาสูง แล้วหาที่ลับตาคนในจวนเพื่อแปรรูปมันให้เป็แป้งซะ เื่นี้ต้องทำอย่างเงียบๆ ห้ามให้คนนอกรู้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่"
นี่คือการตัดตอนวัตถุดิบ นางจะต้องควบคุมแหล่งผลิตแป้งที่สำคัญที่สุดไว้ในมือแต่เพียงผู้เดียว
"ขอรับ! ข้าน้อยจะรีบไปจัดการทันทีขอรับ!" พ่อครัวหวังรับคำอย่างแข็งขัน ตอนนี้เขาไม่ได้มีความคิดที่จะดูแคลนคุณหนูผู้นี้อีกแล้ว ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกหวาดเกรงในสายตาที่มองการณ์ไกลของนาง
ไป๋ฟางซินพยักหน้าอย่างพอใจ นางสั่งให้คนทำความสะอาดห้องครัว ก่อนจะเดินกลับเรือนพุดตานของตนเอง โดยมีไป๋จื่อเซวียนเดินตามพลางบรรยายรสชาติของชาไข่มุกไม่หยุดปาก
คืนนั้น ไป๋ฟางซินไม่ได้นอนหลับในทันที นางยืนอยู่ที่ระเบียงเรือน ทอดสายตามองไปยังหลังคาพระราชวังที่อยู่ไกลออกไป ในมือนางถือพู่กันและกระดาษ กำลังร่างแผนธุรกิจฉบับแรกในชีวิตใหม่อย่างละเอียด
1. กลุ่มเป้าหมาย: ลูกหลานขุนนางและเชื้อพระวงศ์ คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงและชอบของแปลกใหม่ ทันสมัย
2. กลยุทธ์การตลาด: ใช้ไป๋จื่อเซวียนและเพื่อนๆ ของเขาเป็ผู้จุดกระแส สร้างความพิเศษ และหายากให้กับสินค้าใน่แรก อาจจะเปิดให้ชิมเฉพาะในงานเลี้ยงของตระกูลใหญ่ๆ ก่อน
3. ช่องทางการจัดจำหน่าย: นางเป็สตรี ไม่สามารถออกหน้าเปิดร้านค้าได้เองโดยตรง แต่จวนเสนาบดีมีโรงน้ำชาและร้านอาหารในเครืออยู่สองสามแห่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็ผู้ดูแล นางจะต้องหาวิธีโน้มน้าวท่านย่าให้นำสินค้าของนางเข้าไปวางขายให้ได้
4. การควบคุมการผลิต: แป้งมันสำปะหลังคือหัวใจหลัก นางจะต้องผูกขาดวัตถุดิบนี้ไว้ให้ได้ และต้องฝึกคนครัวที่ไว้ใจได้เพียงไม่กี่คนให้รู้วิธีทำไข่มุกสูตรลับของนาง
5. การตั้งราคา: ต้องตั้งราคาสูงสมฐานะของสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของความหรูหราและเพิ่มกำไรให้ได้มากที่สุด
นางวางพู่กันลง มองแผนการบนกระดาษด้วยแววตาที่ลุกโชน ชาไข่มุกเป็เพียงหินก้อนแรกที่นางจะโยนลงไปในทะเลสาบอันนิ่งสงบของเมืองหลวงแห่งนี้ เพื่อสร้างระลอกคลื่นที่จะสั่นะเืไปทั่วทั้งแผ่นดิน
เมืองหลวงเอ๋ยข้า ไป๋ฟางซิน กลับมาแล้ว และครั้งนี้ ข้าไม่ได้กลับมาเพื่อทวงคืนบุรุษคนใดคนหนึ่งแต่จะกลับมาเพื่อกวาดต้อนทุกสิ่งที่ข้า้ามาไว้ในกำมือ! อาณาจักรแห่งความมั่งคั่งของนาง กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้
