เล่มที่ 6 บทที่ 179 หอว่านเย่ว
หนึ่งชั่วยามผ่านไป หลินเฟยก็พ่นควันสีดำออกมา ทันใดนั้นทั่วทั้งร้านหลอมอาวุธก็ปกคลุมไปด้วยกระแสไอเย็น อีกทั้งยังมีเสียงครวญครางดังมาเป็ระยะ หลังจากควันดำลอยออกมา มันก็กลายสภาพเป็หัวกะโหลกแสนอัปลักษณ์พุ่งตรงมาทางหลินเฟยทันที…
“จะกินข้างั้นหรือ?” หลินเฟยแค่นหัวเราะ ก่อนจะปล่อยปราณกระบี่ไท่อี๋ออกมา ภายในพริบตานั้นก็กลายเป็โซ่สีทองเกี่ยวกระหวัดควันดำเอาไว้อย่างแ่า ทว่าควันดำก็ไม่ยอมแพ้ มันกระเสือกกระสนพยายามดิ้นอย่างเอาเป็เอาตาย หวังจะหนีรอดออกไปได้…
แต่น่าเสียดายที่ปราณกระบี่ไท่อี๋อยู่ถึงขั้นขั้นเซียนเทียน แล้วจะรอดออกไปง่ายๆได้อย่างไร?
แม้จะเป็ไออสูรของอสุรกายขั้นกุ่ยหวังก็ตาม
โซ่สีทองรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไออสูรสีดำที่ดิ้นรุนแรงในตอนแรกก็อ่อนแรงลง กระทั่งนิ่งสนิท จากนั้นจึงสลายกลายเป็ผลึกสีดำก้อนหนึ่ง ลอยลงมายังฝ่ามือของหลินเฟย…
หลินเฟยจ้องมองผลึกสีดำขนาดเท่านิ้วโป้ง มันมีลักษณะโปร่งใส แถมยังเป็ประกายแวววาว ก่อนจะพบว่ามันมีไอหยินเข้มข้นแฝงอยู่ด้วย แม้แต่เทียนกุ่ยที่พันอยู่รอบแขน ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
“หยุดเลย สิ่งนี้ยังมีประโยชน์กับข้าอยู่…” หลินเฟยตบเทียนกุ่ยเบาๆเป็เชิงเตือน ไม่ให้มันเขมือบเข้าไปเสียก่อน จากนั้นก็เริ่มวาดมือบงการกระบี่ทั้งสามเล่มบนชั้นวาง เพียงครู่เดียวกระบี่ทั้งสามเล่มก็พุ่งกลับเข้าไปในกล่องกระบี่เจิงหนิงทันที
หลังจากเสร็จเื่ทั้งหมดแล้ว หลินเฟยจึงเดินออกมาจากร้านหลอมอาวุธฟานซื่อ
เวลาผ่านไปค่อนคืนแล้ว แต่เมืองวั่งไห่ยังคงครึกครื้นไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเทศกาลไห่หุ้ยที่เริ่มขึ้นทำให้เมืองวั่งไห่กลายเป็เมืองที่ไม่เคยหลับใหลก็ว่าได้ หลังจากออกจากร้านมา หลินเฟยก็เดินตามตรอกซอยไปเรื่อยๆ ถนนที่ดูเงียบเหงาในตอนแรก บัดนี้กลับมีผู้คนเดินขวักไขว่ เต็มสองข้างทาง และยังมีแผงลอยขายของมากมายอยู่ริมถนนอีกสองฝั่ง ของที่ตั้งขายส่วนมากก็เป็ของที่ได้จากการออกล่าในทะเลอูไห่ มีทั้งสมบัติล้ำค่าหายาก มีทั้งอาหารเลิศรสและผ้าแพรต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์หายากต่างๆนานาอีกด้วย
หลินเฟยเองก็ไม่ได้รีบร้อน เขาค่อยๆ เดินสำรวจไปทั่ว หากมีคนเชื้อเชิญก็จะเดินเข้าไปดู บางครั้งก็จะต่อราคาบ้างเป็ครั้งคราว หรือบางครั้งก็ทำเพียงดูผ่านๆเท่านั้น หลินเฟยเดินดูของมาหลายร้านแล้วก็จริง แต่เขากลับซื้อเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น หลังจากเดินมาได้สามซอย เขาก็ซื้อเพียงลูกแก้วเจียวสี่ลูก ปะการัง และหินขนาดเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ ส่วนราคาก็ไม่ถือว่าแพง แค่หลักร้อยถึงพันหินิญญาเท่านั้น…
และก็เป็เช่นนี้ตลอดทาง หากเจอของที่เข้าตาก็จะซื้อสักชิ้นสองชิ้น หากไม่เข้าตา ก็จะทำเพียงดูผ่านๆ บางครั้งเจอร้านโก่งราคา เขาก็จะต่อราคาอย่างใจเย็น บางครั้งราคาเพียงไม่กี่ร้อย แต่ก็ต่อราคาได้เป็นาน เมื่อเดินจนเหนื่อยก็จะหาโรงน้ำชาแวะนั่งพัก เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ใน่เทศกาลไห่หุ่ย โรงน้ำชาในเมืองจึงเปิดตลอดทั้งวันทั้งคืน…
กระทั่งบ่ายวันถัดมา หลินเฟยก็กลับมาถึงทางเหนือของเมือง
แต่เขาไม่ได้กลับร้านหลอมอาวุธทันที ทว่าเขาแวะมาที่หอว่านเย่วที่อยู่ถัดออกไปสี่ซอย ทั่วทั้งเมืองวั่งไห่ต่างก็รู้ว่าหอว่านเย่วเป็กิจการของสำนักเชียนซาน ล้วนแต่จะทำการค้าหลักหมื่นหินิญญาขึ้นไปเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็ที่ถลุงเงินซึ่งมีชื่อเสียงเป็อันดับต้นๆของเมืองเลยทีเดียว มีคนมากมายพูดกันมาว่า “ไม่ว่าจะเป็ผู้บำเพ็ญที่สูงศักดิ์เพียงใด แค่ย่างกรายเข้ามาที่หอว่านเย่วแห่งนี้ ก็จะต้องถูกสูบหินิญญาที่มีไปจนหมดทุกราย…”
และเมื่อถึงเทศกาลไห่หุ่ยเมื่อใด หอว่านเย่วก็จะสูบหินิญญาของแขกอย่างบ้าคลั่ง…
ที่เป็เช่นนี้เพราะทุกปีหอว่านเย่วจะมีการจัดงานประมูลอันยิ่งใหญ่ โดยหอว่านเย่วจะมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นแรกไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ ราคาที่ประมูลก็จะมีั้แ่หลักร้อยถึงหลักหมื่นหินิญญา โดยปกติผู้บำเพ็ญทั่วไปจะมาที่นี่เพื่อลิ้มลองรสชาติของการลงทุนหินิญญาปีละครั้ง
ส่วนชั้นสองจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย หากไม่มีหินิญญาหลักหมื่นขึ้นไปละก็ ย่อมไม่สามารถก้าวเท้าขึ้นมาได้ ผู้บำเพ็ญส่วนมากของชั้นนี้จะเป็เหล่าศิษย์สายในและสายตรงของสำนักต่างๆ บางครั้งก็เป็ผู้าุโของสำนักเล็กๆที่ปรากฏเป็ครั้งคราว คนพวกนี้ล้วนมาเสี่ยงโชค โดยมุ่งหวังจะได้สมบัติล้ำค่ากลับไป…
สำหรับชั้นที่สาม…
ปกติชั้นสามแห่งนี้จะไม่เปิดให้คนนอกเข้า คนที่จะเข้ามาได้ต้องเป็คนที่ได้รับเชิญเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ขึ้นมายังชั้นสาม ของทุกชิ้นที่ประมูลในชั้นนี้ ล้วนเป็สมบัติล้ำค่าหายาก หากเป็เพียงสมุนไพรทั่วไป อาวุธขั้นหยินฝู หรือลูกแก้วดวงไฟปีศาจที่มีพลังธรรมดา ก็ล้วนไม่อาจนำมาประมูลที่ชั้นนี้ได้ อย่างมากก็สามารถนำมาประมูลได้แค่ที่ชั้นสองเท่านั้น…
คนที่ขึ้นชั้นสามได้ อย่างน้อยต้องเป็ศิษย์สายตรงของสามสำนักใหญ่ บางครั้งยังมีผู้าุโของสามสำนักใหญ่ปรากฏตัวที่ชั้นนี้ทีเดียว คนที่มีสิทธิ์ขึ้นชั้นสามแห่งนี้ จึงจะต้องเป็บุคคลที่อยู่แนวหน้าของเมืองวั่งไห่เท่านั้น
แม้สำนักเชียนซานจะตกต่ำเพียงใด แต่ก็ยังสามารถรักษาตำแหน่งหนึ่งในสามของสำนักใหญ่ได้ หนึ่งในนั้นก็เป็เพราะหอว่านเย่ว เพราะหอว่านเย่วสามารถทำกำไรมหาศาลให้สำนักได้ สำนักเชียนซานจึงยังสามารถครองตำแหน่งสามสำนักใหญ่ได้จนถึงทุกวันนี้ หากไม่มีหอว่านเย่วละก็ เกรงว่าคงถูกถีบให้ตกอันดับไปั้แ่เมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้วด้วยซ้ำ
หลังจากที่ก้าวเข้ามาในหอว่านเย่ว หลินเฟยก็จ่ายไปร้อยหินิญญา เพื่อแลกกับป้ายประมูลเบอร์เจ็ดสิบแปด จากนั้นก็ค่อยๆเดินขึ้นชั้นสอง ก่อนจะหาที่นั่ง
ศิษย์สำนักเชียนซานที่มอบป้ายเบอร์เจ็ดสิบแปดให้หลินเฟย ก็คงคิดไม่ถึงว่าอีกหลายชั่วยามถัดมา คนผู้นี้จะทำเื่เหลือเชื่อออกมา…
เวลาผ่านไปสองชั่วยาม…
“นี่คือหยกทงหลิงที่ได้มาจากเกาะร้างแห่งหนึ่งในทะเลอูไห่ ว่ากันว่าที่เกาะนี้มีเผ่าพันธุ์ประหลาดอาศัยอยู่ คนของเผ่านี้จะไม่บำเพ็ญเพื่อตนเอง แต่กลับบูชาเทพเซียน และหยกทงหลิงนี้ก็ได้มาจากรูปปั้นเซียนที่เกาะแห่งนี้ ได้ยินว่าขณะที่ศิษย์สำนักเฟยซิงบินผ่านมาเห็นเข้า เลยลงแงะหยกที่อยู่บนหน้าผากรูปปั้นออกมา หลังจากผ่านการตรวจสอบโดยปรมาจารย์ของหอว่านเย่ว จึงพบว่าหยกชิ้นนี้นอกจากมีไอิญญาเข้มข้นแล้ว ยังสามารถดึงดูดไอหยินและไอชั่วร้ายได้อีกด้วย หาก้าสร้างค่ายกลที่ต้องใช้ไอหยินและไอชั่วร้ายเข้มข้นละก็ การมีหยกชิ้นนี้ช่วย ย่อมถือว่าช่วยได้มากเลยทีเดียว บัดนี้จึงขอเปิดราคาประมูลที่สองพันหินิญญา และทุกครั้งจะต้องเคาะเพิ่มไม่ต่ำกว่าสองร้อย…”
สิ้นเสียงศิษย์สำนักเชียนซานประกาศแนะนำหยก บรรดาผู้ที่เข้าร่วมประมูลก็เริ่มะโแข่งราคากันทันที เพียงครู่เดียวราคาก็มาแตะที่สองพันสี่ร้อยหินิญญาแล้ว
จากนั้นก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็สองพันหกร้อย สองพันแปดร้อย และสามพัน…
ไม่นานราคาประมูลหยกทงหลิงก็พุ่งทะยานแตะที่ห้าพันหินิญญา
“แปดพัน”
“แปดพันหินิญญา ศิษย์พี่เบอร์เจ็ดสิบแปดให้ราคาแปดพัน มีใครให้มากกว่านี้หรือไม่ แปดพันครั้งที่หนึ่ง แปดพันครั้งที่สอง แปดพันครั้งที่สาม ตกลงตามนี้ ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่เบอร์เจ็ดสิบแปดที่ได้หยกทงหลิงไปในราคาแปดพันหินิญญา…”
ศิษย์สำนักเชียนซานผู้นี้พูดเร็วมาก ทั้งที่เป็ประโยคยาวๆ แต่กลับพูดออกมารวดเดียวโดยไม่หยุดหายใจเลยทีเดียว…
ช่วยไม่ได้ เพราะสองชั่วยามที่ผ่านมา ศิษย์สำนักเซียนซานพูดประโยคนี้ซ้ำๆติดกันถึงสามสิบกว่าครั้งแล้ว…
เพราะคนที่ถือป้ายเบอร์เจ็ดสิบแปดเป็คนรวยที่สติฟั่นเฟือน ั้แ่เข้ามาก็เอาแต่เคาะราคา กวาดซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------