เริ่นเสี้ยวเทียนในตอนนี้ฉีกใบหน้าออกไปแล้ว เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริงของตนเอง
เขายังคงมีเสน่ห์อย่างน่าทึ่ง ตอนเขายิ้มยังเหมือนสตรีอีกด้วย อาจเป็เพราะไม่ได้แต่งหน้าเป็เวลานานเนื่องจากต้องปลอมตัว จึงทำให้สีสันของริมฝีปากและเปลือกตาอ่อนลง ไม่ค่อยมีสีสันเท่าที่ควร
“เฮือก!”
ภายในมิติ เสวียนหลิงเอ่อร์คิดที่จะพักผ่อนกลับได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเริ่นเสี้ยวเทียน หากไม่ใช่ว่าตอนนี้นางเหลือเพียงร่างจิติญญาคงอาเจียนออกไปแล้ว!
“เ้ารู้จักใครบ้าง อยู่กับคนแบบนี้มาครึ่งปีเลยเนี่ยนะ”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวกับเสิ่นเสวียน รู้สึกน่าขันอย่างปิดไม่มิด
เสิ่นเสวียนหน้าง้ำลง ไม่รู้ควรกล่าวอะไรดี
ในตอนนี้ความทรงจำของเขาค่อนข้างลึกซึ้งมาก แต่แม้ว่าอีกฝ่ายจะค่อนข้าง ‘มีเสน่ห์’ กลับมีพลังแข็งแกร่งมากเช่นกัน และอีกฝ่ายยังเป็หนึ่งในสามคนที่คิดฆ่าเสิ่นเสวียนอีกด้วย
เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยเห็นรูปร่างหน้าตาของเริ่นเสี้ยวเทียนก็ตกตะลึงเป็อันดับแรก จากนั้นก็ปิดปากไว้ทันทีแล้วหัวเราะออกมา
“อะแฮ่ม!”
เริ่นเสี้ยวเทียนสีหน้าเก้อเขิน แม้ตนเองค่อนข้างเหมือนสตรีแต่เขาก็เป็คนดี
“ความจริงแล้วข้าแสร้งทำให้พวกเขาเห็นต่างหาก พวกเ้าก็เห็นว่าตอนนี้ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนอธิบายให้เสิ่นเสวียนฟัง
ไม่รู้ว่าเพราะก่อนหน้านี้เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายมาก่อนหรือเปล่า ตอนนี้แม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวเป็ปกติแต่ก็ยังแปลกอยู่ดี
“ข้าเข้าใจ! ความจริงแล้วพี่สาวน้องสาว ไม่สิ พี่ชายน้องชายไม่จำเป็ต้องฝืนธรรมชาติของตนเอง การฝึกฝนคือทำตามใจตนเอง พวกข้าไม่คิดมากหรอก”
เดิมทีเสิ่นเสวียนอยากเข้าไปตบบ่าเริ่นเสี้ยวเทียน แต่กลัวว่าจะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้ จึงตัดสินใจแค่กล่าวออกไปเฉยๆ
“เฮ้อ แล้วแต่พวกเ้าจะคิดก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ข้ายังไม่เปิดเผยตัวตนออกไปดีกว่า”
แล้วเริ่นเสี้ยวเทียนก็แปะใบหน้านั้นกลับเข้าไปเหมือนเดิม กลายเป็บุรุษหล่อเหลาเหมือนก่อนหน้านี้
“หน้าตาแบบนี้ค่อนข้างคุ้นตากว่า แต่พี่ใหญ่เริ่น เมื่อครู่เ้างามมากจริงๆ นะ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมีแววตาไม่เหมือนกับเสิ่นเสวียนและเสิ่นเลี่ยน ในสายตาของเสิ่นเสี่ยวเม่ย ใบหน้าเดิมของเริ่นเสี้ยวเทียนงดงามมาก ตาโต จมูกโด่ง ปากเล็ก ผิวขาวเนียน เรียกว่าเป็บุรุษรูปงามได้เลยทีเดียว น่าเสียดายที่เป็บุรุษ หากเป็สตรีต้องงามมาก งามยิ่งกว่าใครในเมือง
“น้องสาวของข้า อย่าล้อเล่นกับพี่ใหญ่เริ่นของเ้าแบบนี้สิ”
เริ่นเสี้ยวเทียนทำสีหน้าหดหู่ รู้สึกเสียใจที่เปิดเผยตัวตนออกไป
ความจริงแล้วเขาไม่ชอบหน้าตาของตนเองเลย โดยเฉพาะบุคลิกแบบนั้น
แต่เขาไม่มีทางเลือก
“เดิมทีข้าคิดว่าหากมีโอกาสจะสังหารสามคนนั้นให้ได้ แต่พอได้เจอเ้าข้ากลับล้มเลิกความคิดเ่าั้ไปแล้ว”
เสิ่นเสวียนยิ้มให้เริ่นเสี้ยวเทียนพลางกล่าว ในน้ำเสียงดูคล้ายผ่อนคลาย แต่ในพริบตาที่เสิ่นเสวียนกล่าวคำว่าสังหารออกมา เริ่นเสี้ยวเทียนรู้สึกได้ทันทีว่าเสิ่นเสวียนต่างออกไป
สำหรับคนอื่นแล้ว คำว่าสังหารอาจกล่าวได้ทั่วไป
แต่สำหรับเสิ่นเสวียน มันมีโอกาสเป็จริงถึงแปดหรือเก้าส่วน
ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณการตัดสินใจของตนเองที่เข้ามาทำความรู้จักเสิ่นเสวียน ไม่อย่างนั้นอาจสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองได้ในภายหลัง
“ว่ามา เ้าเข้าใกล้ข้าเพราะอะไร อย่าบอกนะว่า้าผูกมิตร”
เสิ่นเสวียนมองเริ่นเสี้ยวเทียน อยากให้อีกฝ่ายอธิบายให้ชัดเจน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขามีพลังต่ำอยู่ เขาเข้าไปหาของที่ปากปล่องูเาไฟแล้วโดนไล่ล่า หากไม่ใช่เพราะสู้ไม่ได้ เสิ่นเสวียนคงเข้าเผชิญหน้ากับพวกเขาไปแล้ว
“ความจริงข้าออกมาท่องเที่ยว อยู่ดีๆ ก็ััได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่ปากปล่องูเาไฟ อาจจะมีสัตว์วิเศษปรากฏตัวขึ้นก็ได้ และน่าจะมีของล้ำค่าเทียบเทียมฟ้าดินปรากฏขึ้นด้วย มีเื่ดีเกิดขึ้นเช่นนี้และข้าอยู่ไม่ไกลจึงอยากเข้าไปเห็นกับตา หากว่าอำนาจอื่นๆ แย่งชิงไปได้คงน่าเสียดายไม่น้อย”
เริ่นเสี้ยวเทียนหยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “เ้าเองก็รู้ว่าของล้ำค่าเทียบเทียมฟ้าดินมีความสำคัญมาก ข้าคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เจอกับสองคนนั้นด้วย แต่ในเมื่อเจอแล้วและยังไม่ได้ของมา ก็ต้องอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่ได้ของไป และต้องดูต่อไปว่าจะขอส่วนแบ่งได้ไหม”
“แล้วได้ส่วนแบ่งมาหรือเปล่า” เสิ่นเสวียนถาม
“ไม่ได้เลย ฝีมือของสหายเสิ่นยอดเยี่ยมมาก ทำให้พวกเขาถูกหลอก ใช่แล้ว ตอนนั้นเ้าอยู่ตรงนั้นด้วยเหมือนกันใช่ไหม เพียงแต่พวกข้ามองไม่เห็น”
“ใช่ ข้าอยู่ตรงนั้น ในสามคนนั้น การสังเกตของเ้ายอดเยี่ยมที่สุด”
“ขอบคุณสำหรับคำชม แต่เ้าเองก็ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าหาเ้าไม่เจอเลย”
เริ่นเสี้ยวเทียนรู้สึกสนใจเสิ่นเสวียนั้แ่ตอนนั้น จะต้องทำความรู้จักด้วยให้ได้
“จากนั้นล่ะ” เสิ่นเสวียนถามต่อ
“จากนั้นข้าเห็นคนของเผ่าอนธการตายอยู่ตรงนั้น จึงไปถามถึงเื่ที่เกิดขึ้นจากสำนักอนธการ แต่พวกเขาก็ไม่รู้เื่เช่นกัน ข้าจึงล้มเลิกความคิดไปและท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ กระทั่งข้าััได้ถึงไอพลังคุ้นเคยของเ้าที่หมู่บ้านชิงซาน”
“ดังนั้นเ้าก็เลยปลอมตัวเปลี่ยนใบหน้าเพื่อเข้าหาข้า”
“อืม หวังว่าสหายเสิ่นจะไม่ขุ่นเคืองใจ! ข้ารับรองได้ว่าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ข้าเพียงอยากผูกมิตรกับเ้าเท่านั้น อัจฉริยะอย่างเ้า หากข้าไม่ผูกมิตรเอาไว้อาจทำให้ข้าเดือดร้อนได้ในภายหน้า และเื่นี้ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าการคาดเดาของข้าถูกต้อง”
“เอาล่ะ ข้าจะเชื่อเ้า”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า ค่อนข้างพอใจในคำอธิบายของเริ่นเสี้ยวเทียน ตอนที่อีกฝ่ายกำลังเล่าเื่ เขาสังเกตคลื่นพลังจิติญญาของอีกฝ่ายอยู่ตลอด แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก
“ทุกคนออกมา!”
เสียงดังก้องพลันดังขึ้นทำให้พวกเสิ่นเสวียนได้ยินอย่างชัดเจน
เสียงนั้นทะลุผนังเข้ามาถึงในห้องได้ ห้องพักเหล่านี้เดิมทีมีผนังกันเสียงอยู่แล้ว พลังทะลุทะลวงระดับนี้แสดงให้เห็นว่าพลังของคนผู้นี้ไม่น่าต่ำกว่าขั้นราชันระดับสูง
“คุณชายช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย”
เฝิงเป่าเป่าในตอนนี้ยืนเคาะประตูห้องของเสิ่นเสวียนอยู่ด้านนอกเบาๆ เ้าหนุ่มนี่หวาดกลัวมากจริงๆ เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อหาซื้อของ แต่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เฉียดตายอยู่หลายครั้ง หากไม่ใช่ว่าเขาโชคดีคงตายไปนานแล้ว
เริ่นเสี้ยวเทียนควันออกหัว เขากล่าวกับพวกเสิ่นเสวียน “ไม่มีทางเลือก รับงานมาแล้วก็ต้องทำให้เสร็จ”
จากนั้นเริ่นเสี้ยวเทียนก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตูให้เฝิงเป่าเป่าเข้ามา
“ได้เห็นคุณชายข้าก็อุ่นใจแล้ว”
เมื่อเห็นว่าพวกเสิ่นเสวียนอยู่ที่นี่ด้วย เฝิงเป่าเป่ารู้สึกอุ่นใจขึ้นไม่น้อย แม้เขาไม่รู้ว่าพวกเสิ่นเสวียนมีพลังยุทธ์ขั้นไหนแล้ว แต่เขารู้ว่าต้องแข็งแกร่งกว่าตนเอง เขามีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษ อีกฝ่ายต้องเหนือกว่าอยู่แล้ว มีคนเหล่านี้ปกป้องอยู่ เขาต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
“อีกเดี๋ยวทำตามที่ข้าบอก คนที่มามีพลังยุทธ์ขั้นราชันระดับสูงสุดแล้ว หากไม่เชื่อฟังระวังจะไม่เหลือชีวิตให้ใช้”
“ออกมาเร็วเข้า ใครออกมาช้าจะต้องตาย!”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ด้วย
“ไปเถอะ ออกไปดูกัน”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับทุกคนพลางยิ้ม เขาไม่ได้ให้เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยเข้าไปในมิติ
สำหรับพวกเขาแล้ว แม้พลังจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยแต่ยังขาดประสบการณ์อยู่มาก
อย่างเช่นครั้งก่อน หากไม่ใช่เพราะเสิ่นเสวียนเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง จะพึ่งพาเสิ่นเลี่ยนให้ลอบสังหารเองคนเดียวเหมือนจะเป็ไปไม่ได้เลย
ส่วนโจรสลัดอากาศครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็โอกาสของพวกเขาแล้ว
“พวกข้าก็ต้องไปด้วยหรือ”
เฝิงเป่าเป่าที่เพิ่งฟื้นจากการลอบสังหารก่อนหน้านี้มาได้ยินว่าต้องออกไปสู้อีกแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว หากทุกคนสามัคคีกัน เจรจากันได้ไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องสู้กันด้วย!
“ถ้าออกไปช้าอาจต้องตายนะ ข้าสู้พวกเขาไม่ได้หรอก”
เริ่นเสี้ยวเทียนหัวเราะเสียงดังแล้วเดินนำออกไปก่อน
เขารู้ว่าเสิ่นเสวียน้าฝึกฝนเสิ่นเลี่ยนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย เขาอยากเห็นเหมือนกันว่าพลังแท้จริงของเสิ่นเลี่ยนอยู่ในขั้นไหนแล้ว