กลางดึก ณ สนามหญ้าของสวนนกกระยางขาว เสิ่นิและเซี่ยวอี๋นั่งอยู่ข้างกองไฟอันแสนอบอุ่น เหมือนกับคู่รักที่ออกไปปิกนิกกันนอกบ้าน เสิ่นิผู้อ่อนโยนเล่าเื่นิรวานอันลึกลับให้เซี่ยวอี๋ฟัง
โครงการนิรวานรวบรวมมนุษย์ประหลาดจากทั่วทุกมุมโลก พัฒนาวิธีฆาตกรรมรอบด้านที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สรรพสิ่งล้วนเป็อาวุธสังหารอันสุดยอด แค่น้ำตาลทรายขาวถุงหนึ่ง ก็ยังสามารถสังหารเป้าหมายที่เป็โรคเบาหวานในระยะที่ 3 ได้
ด้วยวิธีการต่อสู้อันไร้มนุษยธรรม เป็เื่ธรรมดาที่จะต้องลุยเดี่ยว ด้วยเหตุนี้นิรวานบางคนจึงพัฒนากลวิธีให้ตนเองมีสัตว์เป็สหายร่วมรบ ใช้ภาษาสัตว์ที่มีเอกลักษณ์ในการสื่อสาร หนู สุนัข แมว นก กระทั่งแมลงสาบก็ยังเอามาใช้ประโยชน์ได้จนเหนือจินตนาการ
พวกมันสามารถเป็เรดาร์คอยเตือนภัยล่วงหน้าให้เหล่านิรวานได้ เพื่อตรวจจับภัยที่ไม่สามารถพบเห็น ยังเป็หน่วยสอดแนมที่เข้าถ้ำเสือและล่าถอยออกมาได้
พวกมันสื่อสารกับนิรวานด้วยภาษาจำเพาะ แม้จะเผลอถูกศัตรูรวบตัวได้ พวกมันก็จะไม่ทรยศเหล่านิรวานเพราะการถูกทรมาน เป็เพื่อนร่วมทีมที่ควรค่าแก่การไว้ใจยิ่งกว่ามนุษย์
แต่การฝึกสหายร่วมรบที่เป็สัตว์นั้นไม่ใช่เื่ง่าย ก่อนอื่นคุณต้องหาสัตว์ที่มีไอคิวสูงๆ ซึ่งก็หายากแล้ว ตัวอย่างเช่นมีประชากร 6 พันล้านคนบนโลก แต่มีไอน์สไตน์เพียงคนเดียว มีสตีเฟน ฮอว์คิงเพียงคนเดียว อีกอย่าง สัตว์ที่มีไอคิวสูงๆ ก็ใช่ว่าจะมีวงจรชีวิตที่ยาวพอ เช่นแมลงสาบ ยังไม่ทันได้จบหลักสูตรการฝึกอบรม มันก็แก่ตายเสียก่อนแล้ว สุดท้าย แม้ว่าจะมีไอคิวสูงและอายุยืนยาวก็ตาม แต่การขาดความคล่องตัวก็อาจจะไม่ทันได้ใช้การ ยกตัวอย่างเช่นเต่า...มันอยู่ได้นานกว่าคุณอีก แต่จะรอใช้การได้หรือไม่?
แน่นอนว่า นอกเหนือจากปัจจัยทางธรรมชาติเหล่านี้แล้ว สนามรบก็ยังจำกัดบทบาทของสหายสัตว์เหล่านี้ด้วย ตัวอย่างเช่นกว่าคุณจะฝึกสุนัขทหารได้สำเร็จแล้วพามันออกไปปฏิบัติภารกิจที่เมืองอวี้หลิน1 เมื่อคุณ้ากำลังเสริมจากเพื่อนร่วมทีมอย่างเร่งด่วน แต่พอรู้ตัวอีกที เพื่อนร่วมทีมของคุณก็กลายเป็อาหารบนโต๊ะของคนอื่นไปเสียแล้ว...
สรุปแล้วก็คือ แม้ว่าสหายสัตว์จะใช้งานได้จริง แต่การฝึกนั้นยากเกินไป ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนในนิรวานที่ใช้สหายประเภทนี้จริงๆ ยิ่งที่ใช้การได้เข้าขั้นนั้นก็ยิ่งหาได้ยาก
“สัตว์มันทำได้หลายอย่างขนาดนั้นเลยหรือ? น่าทึ่งมาก!” เซี่ยวอี๋อุทาน
“มนุษย์เป็กลุ่มสัตว์ที่ป่วยที่สุด คนพัฒนาวิธีการต่อสู้ด้วยสัตว์มาั้แ่ยุคต้นๆ ตัวอย่างเช่นนกพิราบให้บริการส่งจดหมาย ม้าศึกออกรบ ใน่าโลกครั้งที่สอง เสือรถถังแห่งนาซีเยอรมันซึ่งอยู่ยงคงกระพัน มันคันเดียวขย้ำรถถังของเหล่าพันธมิตรไปถึง 4 คัน ย่อยยับเหมือนกับหั่นผักหั่นแตงโม
ต่อมาพันธมิตรได้พัฒนาวิธีแผลงๆ คิดค้นะเิรถถังโดยอาศัยสุนัขทหาร พวกเขาปล่อยให้สุนัขทหารหิวโซอยู่ 3 วันก่อนจะปล่อยให้มันกินไส้กรอกใต้เสือรถถัง เพื่อฝึกความคิดของสุนัข จากนั้นก็ให้มันไปที่แนวหน้า ผูกไดนาไมต์ไว้กับสุนัขทหารและปล่อยมันออกไป
สุนัขผู้หิวโหยกระโจนเข้าไปที่ด้านล่างของเสือรถถังโดยอัตโนมัติ เครื่องจักรสังหารในาที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพียงแค่สุนัขหมอบลง” เสิ่นิอธิบาย ในขณะที่จับด้ามไม้ปิ้งบาร์บีคิวซึ่งอยู่ใกล้ๆ แล้วหมุนไปเรื่อย
“แคว้ก! แคว้ก!” นกกระยางขาว แพนด้า สหายสัตว์ของผีูเาผูกจับมัดติดกับด้ามไม้ปิ้งบาร์บีคิว นกผู้หยิ่งยโสตัวนี้กำลังนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตาบาร์บีคิวเหมือนกับเป็ดย่าง น้ำตาของมันไหลพราก
“นายโหดเกินไปแล้ว นกมันอาจจะทรยศนายไปบ้าง อย่างน้อยนายก็น่าจะ...ถอนขนมันก่อนแล้วค่อยเอาไปอบ” เซี่ยวอี๋จ้องไปที่นกที่มีสีหน้าดำคล้ำด้วยความสงสาร
“แคว้ก! แคว้ก! (ระบบแปลภาษา:อบพ่อแกสิ!) ” แพนด้าคำรามเสียง
“หยุดเห่าหอนได้แล้ว แกก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าการเป็ไส้ศึกต้องมีฉากจบเช่นไร ใครใช้ให้แกทรยศบอกตำแหน่งของไพรล่ะ เดี๋ยวฉันจะสับขาแกไว้ให้ไพรกินบำรุงร่างกาย” เสิ่นิคว้าเกลือขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วโรยไปบนตัวของแพนด้า
“แคว้ก! แคว้ก! (ระบบแปลภาษา:อย่ากินฉันเลย! ฉันกินปลาแซลมอนไปเยอะมาก คอเลสเตอรอลสูง! กินฉันแล้วนายอาจตายด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจเฉียบพลัน!) ” แพนด้าร้องขอความเมตตา
“มันร้องเสียน่าสงสาร...ฉันทนฟังต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว” น้ำตาของเซี่ยวอี๋เอ่อล้นขึ้นมาภายในเสี้ยววินาที หญิงสาวควักกระบี่ออกมาจากด้านหลัง “หรือว่าจะปาดคอให้เืมันพุ่งออกมาก่อนดี!”
“แคว้ก! แคว้ก! (ระบบแปลภาษา: เธอมันแม่สาวใจร้าย! อย่างไรเราก็ขายาวเหมือนๆ กัน แล้วเธอคิดเอาชีวิตฉันลงคอได้อย่างไร?!) ” แพนด้าร่ำไห้
“คุณชอบทานรสยี่หร่าหรือรสดั้งเดิม?” เสิ่นิถาม
“รสยี่หร่าสิ ไม่ต้องใส่พริกแล้ว ่นี้ฉันกำลังเดือด” เซี่ยวอี๋ยังไม่เคยทานนกกระยางขาว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันรสชาติเป็อย่างไร
“แคว้ก! แคว้ก! (ระบบแปลภาษา: พระเ้าช่วย! เธอสองคนช่างโรคจิต! ต่อให้ฉันตายกลายเป็ผี ฉันก็จะไม่ปล่อยพวกเธอไปแน่! ฉันออกจะน่ารักขนาดนี้ ต้องรสดั้งเดิมสิถึงจะได้อรรถรส! ไร้มนุษยธรรม!) ” แพนด้าแผดเสียงพ่นความคิดทุกอย่างออกมา
วินาทีนั้นเอง พ่อบ้านไท่ซึ่งได้กลิ่นบาร์บีคิวก็พุ่งตัวเข้ามา “คุณเสิ่นิ ดับไฟแล้วปล่อยนกเถอะ!”
“พ่อบ้านไท่! ยังไม่นอนอีกเหรอ คุณอยากทานปีกนกสักปีกไหม?” เสิ่นิกล่าวทักทายด้วยความอบอุ่น
“คุณเสิ่นิ แพนด้าเป็สมาชิกคนหนึ่งของคฤหาสน์จักรพรรดิ ฆ่าไม่ได้!” พ่อบ้านไท่ก้าวเท้าขึ้นมาเพื่อหยุดเสิ่นิ
“แต่ถ้าไม่ฆ่ามัน ก็จะยิ่งมีแต่เื่ปวดหัว...” และในขณะนั้นเอง เสิ่นิก็ได้เล่าถึงคุณงามความดีของนกตัวนี้ให้พ่อบ้านไท่ทราบ เขาและผีูเาจะต้องสู้กันอีกในอนาคต นกเลวตัวนี้อาจทำให้เสียเื่อีก เกรงว่าตัวเขาเองจะต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
พ่อบ้านไท่เป็ผู้ที่มีตรรกะแจ่มชัด แต่แพนด้าอยู่ในคฤหาสน์จักรพรรดิมาเกือบ 20 ปี มันกลายเป็สัตว์นำโชคของคฤหาสน์จักรพรรดิมาเป็เวลาช้านาน เขาและนายน้อยเป็เหมือนกับพี่น้องกัน การที่มันช่วยเหลือนายน้อยจึงเป็เื่ที่เข้าใจได้
ในที่สุด พ่อบ้านไท่ก็ขอให้เสิ่นิเห็นแก่หน้าคนเฒ่าคนแก่ ปล่อยนกเสีย แม้โทษตายจะได้รับการยกเว้น แต่โทษเป็ก็มิอาจหลีกเลี่ยง
ในที่สุดแพนด้าผู้น่าสงสารก็ถูกปล่อยออกมาจากไม้ปิ้งบาร์บีคิว มันน่าจะล้างเครื่องปรุงบนตัวออกได้หมดหลังจากการแช่บ่อน้ำพุร้อนหลายๆ หน แต่คอที่ยาวเหยียดของมันกลับถูกสวมปลอกคอเหล็ก โซ่โลหะขึงและยึดมันไว้กับรัง
“นกชั่ว ตอนนี้แกรู้ผลของการเป็คนทรยศแล้วใช่ไหม?” เสิ่นิอบรมแพนด้า
“แคว้ก! แคว้ก!” แพนด้ากระพือปีกใส่เสิ่นิ มันอยากจะะเิไข่นกของไอ้คนชั่วผู้นี้เต็มทน แต่ด้วยความยาวของโซ่ ทำให้มันหยุดอยู่ได้แค่ตรงหน้าของเสิ่นิ
“กำจัดสหายสัตว์ของผีูเาไปได้แล้ว สบายใจแล้ว!” เสิ่นิหมุนตัวจากไปด้วยความพึงพอใจ ชายหนุ่มกลับห้องไปนอน
เมื่อปราศจากภัยคุกคามจากผีูเา คืนนี้ทุกคนก็ได้นอนหลับอย่างสงบสุข รวมทั้งผีูเา เย่าจู่เองก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ภายในโพรงต้นไม้เช่นกัน
เช้าตรู่ พระอาทิตย์ยังคงขึ้นจากทางทิศตะวันออก หมู่บ้านเบเลอร์อันเงียบสงบเริ่มต้นวันใหม่เฉกเช่นเคย เด็กๆ ไปโรงเรียน ผู้ใหญ่ง่วนกันจนหัวหมุน คนแก่ร้องเล่นเต้นรำ การซุ่มยิงติดต่อกันหลายวันไม่ได้สร้างผลกระทบต่อพวกเขาแต่อย่างใด
ที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยก็คือกรรมการหมู่บ้านหลายคนเริ่มตกแต่งแท่นบูชาด้วยตัวของพวกเขาเอง เทศกาลที่กำลังจะมีขึ้นในอีก 4 วันข้างหน้า สำคัญกว่าวันปีใหม่ เป็วันที่ทุกคนตั้งตารอคอย
ไพรไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับบรรยากาศของงานเฉลิมฉลอง มือของเธอได้รับาเ็สาหัส เมื่อคืนแพทย์ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงเต็มในการกำจัดเศษหินทั้งหมดที่ฝังอยู่ใต้ิัของเธอ เส้นเอ็นได้รับความเสียหายบางส่วน หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ประสิทธิภาพในการใช้งานอาจลดลงถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในภายหลัง
เช้าตรู่ เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดแขน ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว ต่อมาคือระยะฟื้นตัวซึ่งมาคู่กับความเ็ป เหมือนตอนที่ฝึกวิทยายุทธ์ ไพรชินกับความเ็ปมานาน เพียงแต่ไม่อาจพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นมาได้ เธอทำอะไรไม่ค่อยสะดวก โดยเฉพาะเวลาที่จะถ่ายปัสสาวะในตอนเช้า...
ไพรไม่ได้มีชีวิตดั่งลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ต่อให้ได้รับาเ็ เธอก็ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง และในขณะที่เธอพยายามใช้ฟันกัดขอบไม้ที่หัวเตียงในยามที่อยากจะลุกขึ้นนั่งนั้น เสิ่นิก็ถือโจ๊กร้อนเดินเข้ามา
ฉากนั้นทำเอารู้สึกกระอักกระอ่วน ไพรสวมเพียงชุดชั้นในลูกไม้ กำลังกัดท่อนไม้ที่กลมยาว ผ้าห่มไม่รักดีก็ดันเคลื่อนลงไปอยู่ที่เอว เผยให้เห็นหุ่นอันสะโอดสะอง
“สหาย ถึงจะหิว แต่ท่อนไม้ก็ทานไม่ได้นะ” เสิ่นิถอนหายใจ
“กินบ้านป้านายสิ...ฉันอยากลุกขึ้นนั่ง...” ในขณะที่ไพรพูด น้ำลายก็พุ่งพรวดออกมา ไหลย้อยไปตามท่อนไม้ แลดูอนาจารไปสักนิด
“ให้ผมช่วยเถอะ” เสิ่นิค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาไพร ประคองเธอให้นั่งบนเตียงด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะดึงผ้าห่มเ้ากรรมขึ้นมาคลุมร่างของเธอเอาไว้
“ต้องงดอาหารอะไรหรือเปล่า?” เสิ่นินั่งอยู่ที่ข้างเตียงและชูโจ๊กต้นหอมที่ใส่เนื้อไม่ติดมันขึ้นมา
“กินได้ทุกอย่าง ยกเว้นเนื้อของนาย” ความเป็ปรปักษ์ของไพรเป็ไปโดยอัตโนมัติราวกับแสงอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า
“งั้นก็ดี” เสิ่นิชอบบทสนทนาเช่นนี้อยู่แล้ว เหมือนกับการโดนมัสตาร์ดป้ายจมูก เขายิ้มให้ไพรและยกโจ๊กเนื้อไม่ติดมันขึ้น “ตอนนี้มือของคุณใช้งานไม่สะดวก อย่าฝืน มีอะไรก็บอกกล่าวกัน”
“ฉันอยากให้นายตาย ช่วยเชือดคอตัวเองให้ดูหน่อย” ไพรกล่าวอย่างเ็า
“น่าจะยากนะ เพราะผมเรียนรู้มาว่าต้องอยู่ให้ได้ไม่ว่าจะในสภาวะแวดล้อมแบบไหน การเชือดคอตัวเองดูไม่เข้ากับสไตล์ของผมเท่าไร แต่ถ้าคุณอยากเห็นผมตายเสียเหลือเกิน ไว้รอให้ถึงวันนั้นแล้วผมจะถ่ายคลิปและส่งไปให้คุณทางอีเมลนะ” เสิ่นิเสนอตัวเป็มิตร
“นายมันชอบทำเป็ทองไม่รู้ร้อน ไม่สะทกสะท้านต่ออะไรทั้งสิ้นอย่างนั้นเหรอ?” ในขณะที่เผชิญหน้ากับเสิ่นิ เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามอย่างยิ่ง ที่จะใช้คำพูดที่เลวร้ายที่สุดในโลก แต่ก็อับจนหนทางที่จะหุบยิ้มบนใบหน้าของเขาได้
“เปล่าเลย ตอนที่ผมคิดว่าคุณกำลังจะตาย ผมก็ตระหนกอยู่เหมือนกัน” เสิ่นิกล่าวด้วยความจริงใจ
“ไม่ต้องมาทำท่าสงสารฉันขนาดนั้น อย่าดีกับฉันมากเกินไป!” จู่ๆ ไพรก็ปัดชามโจ๊กในมือของเสิ่นิ “ฉันไม่ใช่สาวน้อยผู้อ่อนแอที่ต้องคอยหลบซ่อนอยู่ภายใต้วงแขนของนายและทำตัวเหมือนเด็ก ความอ่อนโยนของนายทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง! ออกไป! แล้วก็อย่าเหยียบเข้ามาในห้องของฉันอีก!”
เสิ่นิถอนหายใจและเก็บกวาดเศษชามบนพื้น เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน “ทราบแล้ว คุณสั่ง ผมจะทำตาม”
“ทำไม...ทำไมถึงได้มีคนทำฉันเหลืออดได้ขนาดนี้?” ความโกรธทำให้แขนของไพรกระตุกจากความเ็ป หญิงสาวทรุดตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้งอย่างเหนื่อยล้า ไพรอยากร้องไห้ เนื่องจากรู้สึกะเืใจ เพียงเพราะมีผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองได้รับการดูแล ทำให้เธอตื่นเต้น ทำให้เธอรู้สึกสุขใจที่ได้รับการปกป้อง...
ไพรใช้เวลา 20 ปีในการฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็เหล็กกล้า เธอเชื่ออย่างสนิทใจว่าความแตกต่างระหว่างตนเองกับผู้ชายมีแค่วิธีการใช้ห้องน้ำเท่านั้น ความเยือกเย็นและความแข็งแกร่งเช่นนี้ที่สามารถทำให้เธอได้กลายมาเป็มือขวาของนายน้อยตระกูลเฝิง แต่เมื่อต้องยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง เมื่อต้องยอมรับว่าเธอต้องพึ่งพาเขา เธอก็จะไม่สามารถเป็ทาสอันดับหนึ่งของตระกูลเฝิงได้อีกต่อไป ยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่จะประกาศศักดาว่าเป็ "นักบู๊ผู้ไม่มีใครเทียม"
“เป็ไง? จะขี่ม้าแล้วถูกม้าเตะออกมาเหรอ?” เซี่ยวอี๋ที่รออยู่ที่ประตูพอเห็นเสิ่นิเดินออกมาก็หัวเราะเยาะ
“รถ Mustang (ม้า) ก็แบบนี้แหละ เธอช่วยดูแลต่อก็แล้วกัน เธอไม่เหลือบุพการีอยู่แล้ว สหายในทีมก็ตายไปหมด ซ้ำยังอยู่กับนายน้อยตระกูลเฝิงผู้ใจไม้ไส้ระกำอีก เธอช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน” เสิ่นิถอนหายใจ
********************
1 เมืองอวี้หลิน คือ เมืองภายใต้เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งเลื่องชื่อเื่เทศกาลกินเนื้อสุนัขประจำปี