โจวเฉิงและคังเหว่ยได้ไปเยือนแถบชนบทมาหนึ่งหน
ไม่ต้องขับรถจนถึงหมู่บ้านต้าเหอด้วยซ้ำ แค่จอดไว้ที่ข้างทางแล้วคุยกับเหล่าผู้หญิงที่ทำงานในไร่นา ในขณะนั้นพวกเธอก็พูดถึงเื่ของหมู่บ้านต้าเหอกันอึกทึกตระกูลเซี่ยแห่งหมู่บ้านต้าเหอมีสองเื่ที่น่ายินดีหนึ่งคือหลานสาวคนโตของตระกูลเซี่ย เซี่ยจื่ออวี้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้กลายเป็หงส์ฟ้าทองคำที่โบยบินออกจากครอบครัวชนบทและเป็แบบอย่างของเด็กน้อยในหลายหมู่บ้าน
“ปีนี้โรงเรียนอันดับหนึ่งของเมืองมีไม่กี่คนที่สอบติดมหาวิทยาลัยเซี่ยจื่ออวี้คือหนึ่งในนั้น เด็กคนนั้นหน้าตาสะสวยนัก หน้ารูปไข่หงส์คิ้วหน้าตากลมโต มัดผมเปียอันใหญ่ที่ทั้งดำและเงางามสองข้างใครจะไม่อยากได้เธอไปเป็สะใภ้กัน? แต่คนเขาก็มีคู่หมายแล้ว เป็นักศึกษามหาวิทยาลัยเหมือนกันเหมาะสมกันดีจริงๆ ”
ตระกูลเซี่ยนี่มีควันออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษ [1] จริงๆ ไม่รู้ว่าจุดธูปหอมไปเท่าไร ครอบครัวถึงได้มีนักศึกษาสักคน!”
“ทำให้หมู่บ้านต้าเหอพลอยได้ดีไปด้วยเลย”
“ดังนั้นพวกหลานสาวที่เหลือของตระกูลเซี่ยก็ไม่โดดเด่นเสียแล้ว”
“มีที่โดดเด่นนะ ก็เซี่ยเสี่ยวหลานคนนั้นคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?”
เมื่อพูดถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน ผู้หญิงเหล่านี้ก็หัวเราะด้วยความประสงค์ร้ายสายตาพิจารณาโจวเฉิงและคังเหว่ยหัวจรดเท้า ชายหนุ่มสองคนมาสอบถามเื่เซี่ยเสี่ยวหลานแม่สาวรองเท้าผุนั่นเรียกร้องความสนใจอยู่ข้างนอกอีกแล้วหรือ?
ไม่ต้องให้คังเหว่ยคะยั้นคะยอถามคนพวกนี้ก็พร้อมจะพลิกปูมหลังที่ไม่น่าอภิรมย์ของเซี่ยเสี่ยวหลานให้หงายขึ้นฟ้า
ตระกูลเซี่ยไม่แยกครอบครัว ลูกชายสามคนอัดอยู่ในบ้านเดียวกัน รวมกันแล้วพี่น้องทั้งสามมีลูก 6 คน ลูกสาว 3 คน และลูกชาย 3 คน เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในลำดับที่สองของบ้านพี่สาวคนโตของบ้านเซี่ยก็คือ เซี่ยจื่ออวี้ ที่สอบติดมหาวิทยาลัยสามพี่น้องตระกูลเซี่ยประกอบด้วยลุงของเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยฉางเจิง บิดาของเธอ เซี่ยต้าจวินและอาของเธอเซี่ยหงปิง
เซี่ยฉางเจิงมีลูกชายหนึ่งลูกสาวหนึ่งเซี่ยจื่ออวี้ผู้มุมานะที่สุดคือหลานคนโตของบ้าน
เซี่ยต้าจวินกับหลิวเฟินผู้เป็ภรรยาเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวมาหลายปีก็คือรองเท้าผุพัง เซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยหงปิงมีลูกสาวหนึ่งคนและลูกชายสองคน
พูดคุยเื่ตระกูลเซี่ยมีสมาชิกกี่คนจนชัดเจนแล้วจึงวกมาเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานอีกครั้ง
“ก็เป็มารป่วนบ้าน [2] อ้องแอ้งไม่ทำงานคนในชนบทเลี้ยงลูกสาวไม่ได้เลี้ยงคุณหนูเสียหน่อยไม่เป็คนรักการเรียนเหมือนพี่สาวเธอ ดันทุรังเรียนจบมัธยมแล้วก็ไม่เรียนต่อตัวเองไม่ยินดีจะขยันขันแข็ง แต่พอจะเด็ดผลของคนอื่นนี่เก่งนักสองสามปีก่อนในเมืองส่งจือชิง [3] กลุ่มสุดท้ายมาหมู่บ้านต้าเหอก็ได้รับคนมาด้วย หนุ่มคนนั้นดูซื่อตรง อีกทั้งตั้งใจก้าวไปมีอนาคตที่ดีข้างหน้าได้ยินมาว่าหลายปีมานี้ทำงานไปด้วยแต่ไม่ละทิ้งการเรียนหนังสือ คนเรียนหนังสือกับคนเรียนหนังสือก็คุยกันรู้เื่น่ะสิจือชิงหนุ่มคนนั้นเลยคบหากับเซี่ยจื่ออวี้ ปีนี้ทั้งสองคนสอบติดมหาวิทยาลัยทั้งคู่จึงเปิดตัวกับผู้ปกครองที่บ้าน คราวนี้ก็กลายเป็ไปแหย่รังแตนเข้า [4] หรือก็คือเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นแหละ เธออิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอสอบติดมหาวิทยาลัยและเจอชายหนุ่มดีๆจึงปรากฏตัวออกมาแย่งผู้ชายของพี่สาว เธอฉวยโอกาสตอนพี่สาวไม่อยู่เปลือยกายยั่วยวนว่าที่สามีของพี่สาวกลางวันแสกๆ !”
“ว่าที่พี่เขยเป็คนซื่อสัตย์ เลยดึงดันจะพาน้องสาวคนรักที่แก้ผ้ากลับบ้านลูกเดียว”
“ถุย ว่าที่พี่เขยไม่ติดกับ ไม่ใช่ว่าหล่อนยังไปเกลือกกลั้วกับจางเสเพล[5] หมู่บ้านข้างๆ ด้วยหรือ?”
“ยั่วว่าที่พี่เขยไม่สำเร็จ พี่สาวก็ไม่โทษหล่อนพอข่าวลือแพร่ไปทั่ว ผู้ใหญ่ในบ้านด่าหล่อนไม่กี่คำ ทำเป็จะชนเสาบ้าง จะะโน้ำบ้าง!”
“เสแสร้งนั่นแหละ ไม่ตายสมใจหรอก โดนตระกูลเซี่ยไล่ออกจากบ้านแล้ว”
“ขนาดแม่หล่อนยังติดร่างแหไปด้วยสองแม่ลูกกลับบ้านแม่ไปด้วยกันแล้ว... ตระกูลหลิวก็ช่างโชคร้ายเหลือเกิน”
คนเหล่านี้ไม่เพียงนินทาเท่านั้นแต่ยังกล่าวถึงรายละเอียดได้สมจริงสมจัง พวกผู้หญิงพูดกันไปพวกผู้ชายที่ทำงานในไร่นาก็หัวเราะไป เื่น่าอับอายที่เซี่ยเสี่ยวหลานก่อกลายเป็หัวข้อสนทนาชั้นดีในการคลายความเหนื่อยล้า
คังเหว่ยฟังต่อไปไม่ไหว เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าหญิงสาวผู้ทำให้เขาตกตะลึงในความงามตอนครั้งแรกที่พบกันที่แผงบะหมี่จะมีอดีตอันโชกโชนเช่นนี้ขับไล่พวกผู้หญิงปลิ้นปล้อนทั่วถนนปักกิ่งได้นี่ช่างสุดยอดจริงๆแต่หญิงปลิ้นปล้อนก็ยังรู้จักรักษาชื่อเสียง ไม่คิดว่าจะโง่งมเท่าเซี่ยเสี่ยวหลานไปยุ่งกับผู้ชายของคนอื่นแล้วคนยังรู้กันโดยทั่วอีก
ให้มันโฉ่งฉ่างน้อยๆ หน่อยมิได้หรือ?
พูดถึงเื่เปลือยกายยั่วยวนว่าที่พี่เขยนั่นแล้วต้องกระสันก่อเื่กลางวันแสกๆ รอฟ้ามืดก่อนไม่ไหวเลยหรือ!
คังเหว่ยไม่กล้ามองสีหน้าของโจวเฉิง
โจวเฉิงนั่งยองข้างทางฟังโดยไม่กล่าวอะไรทั้งสองนั่งยองจนเท้าเป็ตะคริว เื่ราววุ่นวายของตระกูลเซี่ยถึงได้เล่าจบโจวเฉิงฟังจบเงียบๆ เรียกคังเหว่ยขึ้นรถเงียบๆ ไม่ส่งเสียงอันใดเลยคังเหว่ยได้แต่ครุ่นคิด กว่าพี่เฉิงจื่อจะอยากมีความรักใครจะรู้ว่าสายตาไม่ค่อยแหลมคม ไปชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเสียได้ในใจต้องเ็ปอย่างแน่นอน
เขาเชี่ยวชาญในการเข้าใจคนต่อจากนี้ไปอย่ากล่าวถึงชื่อนี้และอย่าพูดถึงเื่นี้อีกดีกว่า
อย่างไรเสียในอนาคตพี่เฉิงจื่อก็ไม่ทำธุรกิจนี้แล้วโอกาสผ่านเขตอันชิ่งนั้นมีน้อยมาก คงค่อยๆ ลืมเื่ราวอันน่ากระอักกระอ่วนนี้ไปเอง
เมื่อกลับไปถึงที่พัก คังเหว่ยจะเก็บของเพื่อคืนห้องโจวเฉิงเรียกเขาเอาไว้
“นายทำอะไร?”
โจวเฉิงจุดบุหรี่ ควันปกคลุมใบหน้าเขาเหมือนผ้าตาข่ายคังเหว่ยจึงดูอารมณ์ของเขาไม่ชัดเจน
“ใครบอกว่าจะไปแล้ว? นายวางของลงเลย”
คังเหว่ยไม่อยากจะเชื่อ ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ไป?
“พี่เฉิงจื่อ พี่คงจะไม่อยากไปหาเธอเพื่อเผชิญหน้ากันหรอกนะ? ผมขอร้องพี่อย่าเป็แบบนี้เลย ผู้หญิงก็หลอกลวงคนได้ทั้งนั้น!”
เซี่ยเสี่ยวหลานต้องไม่ยอมรับแน่!
ใครทำเื่เช่นนี้แล้วจะยอมรับเล่าคนก็มักจะตกแต่งการกระทำของตนให้สวยงาม โจวเฉิงไม่เคยมีคนรักมาก่อน พอใจเต้นแรงครั้งแรกก็ดันพบกับนางจิ้งจอก ฝีไม้ลายมือของสองคนต่างกันเกินไป เลยหลงใหลเข้าเสียแล้วสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานพูดในร้านอาหารก่อนหน้านี้ก็คงเป็การทำให้ตายใจแกล้งเสียสละปฏิเสธไปก่อนทำให้โจวเฉิงยิ่งปล่อยมือไปไม่ได้
คังเหว่ยเป็คนใช้ใจแลกใจและใช้เหตุผลแลกเหตุผล [6] แต่ก็ไม่เกลี้ยกล่อมโจวเฉิง
โจวเฉิงเป็คนยืนหยัดในความคิดของตนั้แ่เด็กมีคุณลักษณะของผู้นำ คังเหว่ยและพวกพ้องล้วนฟังคำพูดของโจวเฉิงพี่โจวเฉิงนั้นเป็ที่้าของตลาด [7] มาก เมื่อเห็นว่าเขาจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของสาวบ้านนอกคนหนึ่งคังเหว่ยร้อนใจจนจะตายเสียให้ได้
“พี่... พี่ใจเย็นก่อนนะ”
“เสี่ยวเหว่ย นายรู้หรือไม่ว่าทำไมนายต้องเรียกฉันว่าพี่?”
โจวเฉิงตอบกลับไม่ตรงคำถาม คังเหว่ยเงยหน้ามองเขา
โจวเฉิงกลับไม่มากความตอบว่า “เพราะว่านายโง่”
คังเหว่ยคิดในใจ ต่อให้โง่แค่ไหนก็ไม่เท่าพี่หรอกจิตใจโดนจิ้งจอกสาวหลอกล่อให้เคลิบเคลิ้มแล้ว
“พรุ่งนี้นายไปหาตัวจางเสเพลมาให้ฉัน อยู่หมู่บ้านสือพัวจื่อ มีทั้งชื่อและแซ่ ฉันเชื่อว่านายหาได้ไม่ยาก”
นี่คือจะประจันหน้ากับชายชู้ของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วหรือ?
หาก็หา ท่าทางพี่เฉิงจื่อยังคงไม่ยอมแพ้
“พี่... พี่ไม่ไปกับผมหรือ?”
โจวเฉิงส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้นายจะเข้าเมืองมาขายไข่ไก่หรือ? ฉันกลัวเธอทำคนเดียวจะเหนื่อยเกินไป!”
คังเหว่ยอ้าปากกว้าง
เขายังนึกว่าพี่เฉิงจื่อจะวัดกันไปเลยกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียอีก? ที่คิดตั้งนานคือกลัวคนเขาจะเหนื่อยเกินไป? เมื่อก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไปขายไข่คนเดียวไม่ใช่หรือ?คังเหว่ยไม่อยากถกเถียงกับคนบ้า แค่หาจางเสเพลจากหมู่บ้านสือพัวก็คงได้คำตอบแล้วถ้ายื้อเวลาอยู่ในเขตอันชิ่งอีกสักหนึ่งวันต่อไป ให้ได้เจอกับความจริงของคนที่แอบชอบในท้ายที่สุดพี่เฉิงจื่อคงจะต้องตัดใจยอมแพ้แล้วสินะ?
เชิงอรรถ
[1]祖坟冒青烟 มีควันออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษ มีที่มาจากผู้นับถือลัทธิเต๋ามีความเชื่อว่าคนตายแล้วจะกลายเป็เซียน ร่างกายจะสลายเป็เหมือนควันบางๆ ดังนั้นการที่มีควันลอยออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษจึงถือว่าเป็เื่น่ายินดีเพราะบรรพบุรุษกลายเป็เซียนและจะคุ้มครองลูกหลานรวมถึงบันดาลโชคลาภเลยถูกนำมาเปรียบเปรยว่า เกิดเื่ที่น่ายินดีมากแต่ก็สามารถนำมาใช้ในการเสียดสีหรือด่าทอได้
[2]搅家精 มารป่วนบ้านหมายถึง ผู้หญิงที่ทำให้ครอบครัววุ่นวายไม่เป็สุข
[3]知青 จือชิง คือคนหนุ่มสาวที่มีความรู้และถูกส่งไปตามชนบทเพื่อทำงานใน่ปฏิวัติวัฒนธรรม
[4]捅马蜂窝 แหย่รังแตนหมายถึง ไปยั่วยุคนหรือเื่ที่รับมือได้ยาก
[5]คนเสเพลที่แซ่จาง
[6]动之以情,晓之以理 ใช้ใจแลกใจใช้เหตุผลแลกเหตุผล หมายถึง ต้องใช้ความรู้สึกในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นและต้องใช้เหตุผลในการทำให้ผู้อื่นเข้าใจ
[7]行情多俏 เป็ที่้าของตลาด หมายถึง สินค้ามีผู้คน้ามากในที่นี้เปรียบเปรยว่า โจวเฉิงเป็ที่นิยม ใครๆ ก็้าเขา