การยอมถอยของหนิวต้าลี่ ทำให้เหล่าจางรู้สึกซาบซึ้งใจมาก แม้คำพูดของเหล่าจางจะฟังดูดี แต่ในใจก็อดเสียดายที่ตนเองลงมือช้าไปอยู่บ้าง แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่กล้าฉวยโอกาส ถ้าหนิวต้าลี่ยอมเอาสินค้าที่อยู่ในมือออกมาได้ ก็ถือว่าพี่หนิวให้เกียรติกันแล้ว รู้จักพอประมาณ เหล่าจางยังเข้าใจดี
เพียงแต่ว่า เสื้อผ้าฤดูหนาวในรอบนี้ คงต้องขาดทุนไปบ้าง แต่ยังดีที่สามารถปูทางสำหรับเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่เสียแรงที่พูดไป
"พี่หนิว ต้องขอบคุณพี่มากจริงๆ"
หนิวต้าลี่โบกมือไปมา พี่น้องร่วมเป็ร่วมตายกันมา จะมีแค่เื่ผลประโยชน์ได้ยังไง มิตรภาพและความจริงใจก็ต้องรักษากันไว้ เขาเข้าใจหลักการนี้เป็อย่างดี การเป็คน อย่ามองแค่ผลประโยชน์ตรงหน้า แม้การยอมถอยครั้งนี้จะต้องเสียผลประโยชน์ไปบ้าง แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจเล็กน้อยนี้ ไม่ได้มากมายอะไรนัก
"ดูนายสิ พวกเราเป็พี่น้องกัน จะต้องมาเกรงใจอะไรกันนักหนา เหล่าจาง นายพูดแบบนี้ก็เกินไปแล้ว มิตรภาพสิบกว่าปีของเรา ไม่ใช่เื่เล่นๆ นะ"
ในเมื่อยอมถอยออกมาแล้ว ก็ต้องพูดให้ดูใจกว้างเข้าไว้
"ฉันว่าอย่างนี้นะคะ ฉันมีวิธีที่จะทำให้ทุกคนได้ผลประโยชน์มากขึ้น"
เห็นทั้งสองคนถ่อมตัวไปมา ก็แค่เื่จำนวนเสื้อผ้าที่ไม่ลงตัวเท่านั้น หมี่หลันเยว่เพิ่งเกิดความคิดขึ้นมา จึงเลือกที่จะสอดแทรกเข้ามาในเวลาที่เหมาะสม
"ว่ามาสิ"
หนิวต้าลี่มองหมี่หลันเยว่อย่างสนใจ สาวน้อยคนนี้ฉลาดเป็กรด บางทีเธออาจจะคิดหาวิธีที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้จริงๆ ทั้งไม่ทำให้ผลประโยชน์ของตนเองเสียหาย และให้เกียรติเหล่าจางอย่างเต็มที่
"อ้อ ใช่แล้ว หลันเยว่ เธอเรียกเขาว่าคุณลุงจางนะ จางเหรินซ่านเป็นักธุรกิจจากเมืองซื่อฟาง เขาทำธุรกิจร้านค้าอยู่ที่เมืองซื่อฟางเหมือนกับฉันที่เมืองชิงไถ ชื่อว่าร้านเสื้อผ้าต้าผู่ ขนาดก็พอๆ กับของฉัน มีความสามารถมากเหมือนกัน"
หมี่หลันเยว่รีบลุกขึ้นไปตรงหน้าจางเหรินซ่าน
"สวัสดีค่ะคุณลุงจาง ฉันเสียมารยาทไปหน่อย ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ"
นี่ก็เป็เพียงคำพูดตามมารยาทเท่านั้น จางเหรินซ่านไม่ได้คิดจะรับสินค้าในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงมาเงียบๆ สองครั้งแล้ว หมี่หลันเยว่ไม่ได้ผิดอะไร
"ที่ไหนกันๆ เป็ฉันเองที่ไม่ได้ให้พี่หนิวแนะนำให้พวกเรารู้จักกัน ถ้าจะต้องว่าใคร ก็ต้องว่าฉันต่างหาก ฉันดูออกว่าเธอเป็คนใจกว้าง หวังว่าจะไม่ถือสาอะไรคุณลุงจางคนนี้นะ"
จางเหรินซ่านไม่ได้มองข้ามเด็กสาวตรงหน้า การติดต่อสองครั้ง ประกอบกับท่าทีของหนิวต้าลี่ ทำให้เขาไม่สามารถดูถูกหมี่หลันเยว่ได้ แม้ว่าบางครั้งเขาจะขาดความเด็ดขาดไปบ้าง แต่ก็อยู่ในวงการธุรกิจมานานหลายปี ประสบการณ์ก็ไม่ใช่ของที่ได้มาง่ายๆ
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับสายตาที่เฉียบคมของหนิวต้าลี่ แต่เมื่อเทียบกับนักธุรกิจคนอื่นๆ ก็ถือว่าคมกริบพอตัวแล้ว ไม่ต้องดูอะไรมาก แค่ขนาดร้านของเขากับหนิวต้าลี่ก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว แต่หมี่หลันเยว่ก็มั่นใจว่ายอดขายและกำไรของเขา เมื่อเทียบกับหนิวต้าลี่แล้ว คงต้องด้อยกว่าแน่นอน วิสัยทัศน์และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของหนิวต้าลี่ ถือเป็สุดยอดของวงการ
"คุณลุงจางพูดเกินไปแล้วค่ะ สนามการค้าก็เหมือนสนามรบ ใครจะเปิดไพ่ก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้ายคะ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ถ้าเป็ฉัน ฉันก็จะทำแบบคุณลุงจางเหมือนกัน แต่ในเมื่อตอนนี้เรา้าร่วมมือกันแล้ว เราก็ต้องเปิดอกคุยกันอย่างตรงไปตรงมาค่ะ"
หมี่หลันเยว่เริ่มจากการยึดความถูกต้องก่อน เมื่อได้เริ่มก่อนเท่านั้น แผนการในภายหลังของตนเองจึงจะมีโอกาสสำเร็จได้ เธอต้องทำให้ผู้ใหญ่ที่มีอายุสามสิบกว่าปีสองคนนี้เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง จากนั้นแผนการของตนเองก็จะราบรื่น
"แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อ้าร่วมมือกับหลันเยว่ ฉันก็ต้องจริงใจอยู่แล้ว เชื่อใจฉันเถอะ"
จางเหรินซ่านรีบแสดงความจริงใจออกมา ความร่วมมือครั้งนี้ พี่หนิวเป็คนยกให้ ถ้าตนเองยังไม่แสดงความจริงใจออกมา ความร่วมมือครั้งนี้ก็คงจะไร้ความหมายเกินไป
"ดีเลยค่ะ ในเมื่อคุณลุงจางพูดแบบนี้ ฉันจะบอกแผนการของฉันนะคะ ลองดูว่าคุณลุงทั้งสองจะรับได้ไหม ถ้าคุณลุงเห็นว่าแผนการของฉันใช้ได้ เราก็จะทำสัญญากันค่ะ ถ้าคุณลุงทั้งสองเห็นว่ามีช่องโหว่ เราก็จะมาปรึกษากันใหม่นะคะ"
การซื้อขายไม่ได้สำเร็จได้ในครั้งเดียว หมี่หลันเยว่ไม่ได้หวังว่าพวกเขาจะตกลงกันได้ในครั้งนี้ เพราะแผนการของหมี่หลันเยว่ จะเป็ประโยชน์ต่อคุณลุงจางอย่างแน่นอน แต่การดำเนินการในส่วนแรก อาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคุณลุงหนิว ดังนั้นเธอจึงยังไม่แน่ใจว่าคุณลุงหนิวจะยอมรับได้หรือไม่
"คุณลุงหนิวคะ เื่นี้คุณลุงอาจจะต้องถอยก่อนนคะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าฉันจะไม่ทำให้คุณลุงเสียหายอย่างแน่นอน ถ้าเราสามารถประสานงานกันได้ดี ทั้งสามฝ่ายก็จะได้รับประโยชน์ เพียงแต่ว่า คนงานของฉันคงจะต้องลำบากหน่อยนะคะ"
หมี่หลันเยว่แจ้งให้ทุกคนรู้ก่อน หนิวต้าลี่มีความเชื่อมั่นในหมี่หลันเยว่อย่างเต็มที่ เขาไม่คิดว่าหมี่หลันเยว่จะสัญญาโดยไม่มีหลักประกัน ในทางกลับกัน เขาคิดว่าตราบใดที่หมี่หลันเยว่เห็นว่าแผนการเป็ไปได้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีอย่างน้อยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
"หลันเยว่ มีแผนการอะไรก็พูดมาได้เลย ยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ ตราบใดที่ฉันบอกว่ามีหลักประกัน ฉันก็จะให้ความร่วมมือกับเธออย่างเต็มที่ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ความสามารถของเธอ ฉันไม่มีข้อกังขา"
ความไว้วางใจของหนิวต้าลี่ ทำให้จิตใจของหมี่หลันเยว่พลุ่งพล่าน เธอยังไม่ได้สร้างผลงานอะไรที่ยิ่งใหญ่เลย แต่กลับได้รับการประเมินที่สูงขนาดนี้ เธอจึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
"ขอบคุณฉันที่ไว้วางใจนะคะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นค่ะ"
หมี่หลันเยว่ปรับอารมณ์ของตนเอง แล้วเริ่มเล่าแผนการของตนเอง
"เอาอย่างนี้ได้ไหมคะ ฉันจะเอาสินค้าในคลังให้คุณลุงหนิวก่อนสามส่วน ส่วนที่เหลืออีกสองส่วน ให้คุณลุงจางเอาไปก่อน"
หนิวต้าลี่ยังไม่ได้รีบร้อนที่จะพูดอะไร เพราะการจัดสรรของหมี่หลันเยว่ เขาเพียงแต่รอฟังหมี่หลันเยว่พูดต่ออย่างเงียบๆ ส่วนทางด้านจางเหรินซ่าน ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสินค้าห้าในสองส่วนนั้น แตกต่างจากตอนแรกที่เขาแค่้าเอามาเป็ตัวอย่างเพื่อประดับตกแต่งอย่างสิ้นเชิง
เห็นหนิวต้าลี่ไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย หมี่หลันเยว่ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
"ถ้าคุณลุงจางเอาแค่เสื้อผ้าฤดูหนาวไปทำเป็ตัวอย่าง แม้ว่าจะช่วยประชาสัมพันธ์เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิได้บ้าง แต่คงจะไม่เพียงพอค่ะ และเสื้อผ้าฤดูหนาวชุดเดียว ก็ขายยากด้วยค่ะ"
หนิวต้าลี่เข้าใจเื่นี้ดี ไม่อย่างนั้น เขาคงจะไม่ขอให้เอาเสื้อผ้าั้แ่สองชุดขึ้นไปขึ้นรถั้แ่ตอนที่เอาเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงครั้งแรก การเอาสินค้าชุดเดียวไป อาจจะไม่มียอดขายที่ดี นี่เป็เื่ปกติ แต่ในเมื่อไม่มีสินค้าคงคลัง นี่ก็เป็วิธีการที่ไม่มีทางเลือก ดีกว่าไม่มีสินค้าเลย
"ดังนั้นฉันคิดว่า คุณลุงหนิวน่าจะยอมให้สินค้าคุณลุงจางไปก่อน เพื่อให้เขาผ่านพ้น่เทศกาลขายดีก่อนตรุษจีนไปได้ แม้ว่าสินค้าจำนวนนี้อาจจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็ดีกว่าแขวนตัวอย่างเพียงไม่กี่ตัวมากค่ะ ส่วนคุณลุงหนิว ฉันจะให้คุณลุงเอาสินค้าชุดนี้ไปขายให้หมดก่อน แล้วฉันจะรีบผลิตสินค้าชุดใหม่ให้อีกค่ะ"
ความคิดนี้ทำให้หนิวต้าลี่สนใจ แม้ว่าสินค้าจะเอาไปมากแค่ไหน ก็ต้องค่อยๆ ขาย ถ้าเอาไปก่อนส่วนหนึ่ง แล้วค่อยมาเอาสินค้าชุดใหม่อีกครั้งก่อนที่จะขายหมด เขาก็จะประหยัดเงินทุนสำหรับสินค้าคงคลัง และประหยัดพื้นที่เก็บสินค้าคงคลัง แถมยังไม่เสียยอดขายใน่ก่อนตรุษจีนอีกด้วย ช่างเป็วิธีที่ดีจริงๆ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หมี่หลันเยว่จะยังสามารถผลิตสินค้าออกมาได้มากขนาดนั้นก่อนตรุษจีนหรือไม่
"หลันเยว่ ความคิดของเธอดีนะ แต่ถ้าสินค้าคงคลังของเธอถูกฉันกับคุณลุงจางเอาไปจนหมด แล้วในร้านของเธอก็จะเหลือแค่ตัวอย่างเท่านั้น ถ้าเธอจะผลิตเสื้อผ้าฤดูหนาวให้พวกเราอีก ร้านของเธอจะทำยังไง"
ไม่คิดเลยว่าคุณลุงหนิวจะยังนึกถึงร้านของตนเองในเวลานี้ หมี่หลันเยว่ชื่นชมในตัวเขาเป็อย่างมาก ไม่ว่ายังไง การทำธุรกิจก็เป็เื่ที่ถูกต้อง แต่ธุรกิจของเขาก็ทำได้ดี ก็แยกไม่ออกจากวิธีการปฏิบัติตนของเขาเช่นกัน ใจกว้างเกินไป และรู้จักเข้าสังคม คนแบบนี้ แค่เครือข่ายความสัมพันธ์ก็เป็ทรัพย์สินที่ไม่น้อยแล้ว
หนิวต้าลี่จะเป็คู่ค้าที่ดีที่สุดของเธอ หมี่หลันเยว่รู้สึกว่าความคิดของเธอนั้นหนักแน่นยิ่งขึ้นในขณะนี้ ตราบใดที่หนิวต้าลี่ยังอยู่ในวงการเสื้อผ้า และยังเห็นคุณค่าในสินค้าของเธอ เธอก็จะมอบความสะดวกสบายให้เขามากที่สุด เพื่อที่จะสามารถร่วมมือกับเขาในระยะยาว
"เื่นี้คุณลุงหนิวไม่ต้องกังวลค่ะ ลูกค้าในร้านของพวกเราคุ้นเคยกับการสั่งตัดเสื้อผ้าแล้ว ฉันจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ ทำสินค้าของพวกคุณลุงออกมาก่อน แล้วค่อยทำเสื้อผ้าที่สั่งตัดในร้านของพวกเราอย่างเต็มที่ ยังไงก็ตาม แค่ให้ลูกค้าได้สวมเสื้อผ้าใหม่ก่อนตรุษจีน ไม่ว่าอะไรเื่ฉันจะไม่ยอมให้เสียเวลาอันมีค่าไปหรอกค่ะ"
จะต้องมีความมั่นใจขนาดไหน ถึงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ หนิวต้าลี่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ดีที่สุด ที่ลูกค้าจะไม่ว่าอะไรเื่ที่เสียเวลาไป ก็เพราะพวกเขาชอบไง พวกเขาชอบเสื้อผ้าของหลันเยว่เท่านั้น ดังนั้นตราบใดที่ได้สวมก่อนตรุษจีน แม้ว่าจะได้รับเสื้อผ้าในวินาทีสุดท้ายก่อนตรุษจีน พวกเขาก็ยินดี
"ในเมื่อหลันเยว่มีความมั่นใจขนาดนี้ ฉันก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว สนับสนุนแผนการของเธออย่างเต็มที่ แถมยังช่วยเหล่าจางได้อีกด้วย นี่เป็กลยุทธ์ที่เป็ประโยชน์ต่อทั้งสามฝ่ายจริงๆ ก็ทำตามนี้เลย ตอนนี้ก็เอาสินค้าออกจากคลังได้เลย พวกเราก็ไปรับสินค้าของตัวเอง"
หมี่หลันเยว่พยักหน้าเห็นด้วยว่าจะเอาสินค้าออกจากคลังได้ทันที แต่หนิวต้าลี่ก็ยื่นข้อเสนอเล็กๆ น้อยๆ ออกมาอีก
"แต่ว่า หลันเยว่ ในเมื่อเธอสามารถจัดสรรได้ขนาดนี้ ฉันคิดว่ากำลังการผลิตของเธอคงเชื่อถือได้แน่นอน ถ้าอย่างนั้น...จะพอเพิ่มรายการสินค้าให้พวกเราบ้างได้ไหมนะ นอกเหนือจากของที่ฉันแบ่งให้เหล่าจางไปแล้วน่ะ?"
รู้อยู่แล้วว่าคุณลุงหนิวจะต้องมีข้อเรียกร้องแบบนี้ออกมา แต่หมี่หลันเยว่ไม่สามารถตอบเขาได้อย่างแน่นอน
“คุณลุงหนิวคะ โดยปกติแล้ว ตอนเราทำงานให้เสร็จตามแผน ก็จะมี่ที่เหลือเล็กน้อยอยู่แล้ว ซึ่งฉันก็กันเวลาส่วนนั้นเอาไว้เรียบร้อยค่ะ แต่่เวลานั้นน่ะ ฉันเตรียมไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินจริงๆ”
“ฉันไม่สามารถทำให้พอดีทุกขั้นได้หรอกค่ะ ใครจะไปรู้ว่าอาจมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ดังนั้นตอนนี้ฉันคงยังรับปากเื่เพิ่มสินค้าไม่ได้ แต่ที่ฉันยังไม่ตอบตกลงตอนนี้...ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีทางเป็ไปได้หรอกนะคะ ถ้าระหว่างการผลิตทุกอย่างเป็ไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย พอถึงวันที่คุณลุงมารับของ ฉันก็จะรวมสินค้าที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในสินค้าของคุณลุงเลย เป็ไงคะ ตกลงไหม?”
คำพูดนั้นจริงใจอย่างที่สุด จนหนิวต้าลี่ซาบซึ้งจนใจเต้นแรง
"เสี่ยวหลันเยว่ เก่งจริง ทำได้ถึงขนาดนี้ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว"
นี่เป็ความจริงใจอย่างแท้จริง จางเหรินซ่านที่อยู่ด้านข้างมองตาเป็มัน การจัดการแบบนี้ หนิวต้าลี่ไม่เพียงแต่จะไม่เสียหาย แต่ยังมีโอกาสที่จะได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย ช่างเป็เื่ที่ทุกคนมีความสุขจริงๆ
