เฮ่อเหลียนที่สลบอยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้ว่าฟื้นขึ้นมาตั้งเมื่อไร นางมองอย่างตกตะลึงกับฉากที่ฮูหยินสวี่ตบบุตรชายของตนเอง จนกระทั่งเห็นใต้เท้าโอวหยางผู้เป็เ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่นางจึงจะเข้าใจ
จนในที่สุด มือของฮูหยินสวี่ก็หมดเรี่ยวแรง และใบหน้าของหานอวี้ฉีก็แดงและบวมเหมือนหน้าหมู ฮูหยินสวี่คุกเข่าลง “หวังเฟย ดูสิ...มันบวม! มันบวมแล้วจริงๆ...”
“เงยหน้าขึ้นมาดูสิ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างเ็า
ต่อให้หานอวี้ฉีจะเจ็บอีกแค่ไหน ก็จะต้องเจ็บอยู่อย่างนั้น เขารีบเงยหน้าขึ้น เมื่อหานอวิ๋นซีเห็นหน้าที่แดงเหมือนหมูแดงขนาดใหญ่ ก็เกือบจะหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่นางยังกลั้นไว้ได้
“อืม ถือว่าบวมแล้วก็ได้” นางพูดอย่างราบเรียบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮูหยินสวี่และหานอวี้ฉีต่างก็ทรุดตัวลงนั่ง และถอนหายใจออกมา แต่ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซีกลับพูดต่อว่า “ความผิดเื่นี้ถือว่าแล้วกันไป แต่ความผิดเื่ที่ข่มขู่ข้า...”
นางที่ยังพูดไม่ทันจะจบ และมองไปที่ใต้เท้าโอวหยาง
อะไรกัน?
ตบจนกลายเป็แบบนี้แล้วยังต้องโดนข้อหาความผิดต่ออีกหรือ? ทั้งยังเป็ความผิดในข้อหาข่มขู่
ใต้เท้าโอวหยางที่ไม่คาดคิด หัวใจจึงเต้นไม่เป็จังหวะ คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะเซ้าซี้ขนาดนี้
ฮูหยินสวี่และหานอวี้ฉีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็กลายเป็เช่นนี้ หานอวิ๋นซีคิดที่จะทำอะไรกันแน่?
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งลานก็เต็มไปด้วยความเงียบสงัด คนรับใช้ทั้งหมดต่างหวาดกลัวจนแทบจะกลั้นหายใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เมื่อครู่ทุกคนได้ยินใต้เท้าโอวหยางบอกว่าการข่มขู่ฉินหวังเฟยเป็ความผิดร้ายแรงถึงชีวิต!
“ใต้เท้าโอวหยาง คุณชายใหญ่หานนำคนรับใช้จำนวนมากมาข่มขู่ข้า ทั้งยังขโมยของของข้าอีก สิ่งนี้ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของข้า เื่นี้ควรจะตัดสินตามกฎหมายว่าอย่างไร?” หานอวิ๋นซีถามอย่างจริงจัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา คนรับใช้ที่อยู่รอบๆ ก็คุกเข่าลงใน “ตุ้บ” เสร็จแน่ โดนแน่ๆ พวกเขาเองก็ต้องโดนเหมือนกัน!
และในขณะเดียวกัน ลานบ้านก็ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่มาหลังจากได้ยินข่าว คนรับใช้เกือบทั้งหมดมาที่นี่ หลี่ซื่ออี๋เหนียงสามและหานรั่วเสวี่ยซึ่งเป็บุตรสาวของนางเองก็ซ่อนตัวอยู่ในนั้นเช่นกัน
หลี่ซื่ออายุประมาณสามสิบปี นางได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เพียงแต่สวยเหมือนสาวแรกแย้ม ทว่ายังมีเสน่ห์มากกว่าสตรีวัยปักปิ่นเสียอีก ส่วนหานรั่วเสวี่ยที่เป็บุตรสาวของนางก็มีหน้าตาคล้ายกับนางมาก โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่แวววาว
พวกนางไม่พูดอะไร แค่มองอยู่เงียบๆ เมื่อเปรียบเทียบกับสองแม่ลูกตระกูลสวี่แล้ว แม่ลูกตระกูลหลี่ดูสงบและเยือกเย็นกว่ามาก
ในลานบ้านเต็มไปด้วยความเงียบ ใต้เท้าโอวหยางรู้สึกลำบากใจอย่างมาก “หวังเฟย เอ่อ...คือ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฮูหยินสวี่ก็ะโออกมาทั้งน้ำตาว่า “อวิ๋นซี! เ้าต้องใจร้ายขนาดนี้เลยหรือไร?”
“อวิ๋นซี...อวี้ฉีเป็บุตรชายคนโตของตระกูลหาน เป็ทายาทของตระกูลหาน และเป็ความหวังของตระกูลหาน! พ่อของเ้าเองก็เป็เช่นนั้น หรือเ้าคิดที่จะทำลายความหวังสุดท้ายของตระกูลหาน?”
“ข้าขอร้องล่ะ ครั้งนี้ได้ไว้ชีวิตเขาเถอะ!” ฮูหยินสวี่ทำได้เพียงแสร้งทำเป็น่าสงสาร เช็ดน้ำตา โดยไม่สนใจแม้กระทั่งภาพลักษณ์
หานอวี้ฉีเองก็ร้องไห้อ้อนวอนเช่นกัน “ท่านพี่ ท่านจะสั่งให้ข้าทำอะไรก็ได้ ท่านแค่ปล่อยข้าไปเถอะนะ คราวหน้าข้าจะไม่ทำอีกแน่นอน”
ต้องบอกว่าฉากนี้ ทำให้ตำแหน่งของสองแม่ลูกในใจของคนตระกูลหานลดลง และหานอวิ๋นซีก็สร้างความยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
แม้แต่สองแม่ลูกนี้ยังขอร้องนางขนาดนั้น ในอนาคตบางทีทั้งในและนอกตระกูลหาน คงไม่มีใครกล้าเมินนางและไม่กลัวนาง?
หานอวิ๋นซียิ้มเยาะเย้ยอยู่ในใจ นางกำลังรอประโยคนี้จากหานอวี้ฉี นางแค่ทำให้สองแม่ลูกกลัวก็เท่านั้น จะนำเื่นี้ไปที่ศาลต้าหลี่แล้วลงโทษหานอวี้ฉีถึงตายได้อย่างไรกันล่ะ?
หากลงโทษจริงๆ นางคงได้กลายเป็สตรีชั่วที่ไร้น้ำใจไร้คุณธรรมในสายตาของทุกคนไม่ใช่หรือ?
นอกจากนี้ หานฉงอันเองก็ไม่ได้เื่แล้ว ตระกูลหานต้องมีคนคอยดูแล ในฐานะบุตรสาวที่แต่งงานแล้ว ไม่ว่าจะมีอำนาจแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็คนนอกอยู่ดี
ภูมิหลังของฮูหยินสวี่แข็งแกร่งที่สุด มีนางอยู่ อย่างน้อยญาติเ่าั้ในตระกูลเดียวกันจะไม่โลภในทรัพย์สินของตระกูลหาน ท้ายที่สุดแล้วอี๋เหนียงเจ็ดอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถรักษาปัญหาทั้งภายในและภายนอกได้
หานอวิ๋นซีพิจารณาหานอวี้ฉีเป็เวลานานก่อนที่จะพูดอย่างเ็าว่า “เอาล่ะ เห็นแก่หน้าท่าน ไม่โดนโทษปะาชีวิต แต่ก็ยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรับโทษ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สองแม่ลูกราวกับได้รับการนิรโทษกรรม หัวใจของฮูหยินสวี่ที่ลอยอยู่สูงก็กลับเป็ดังเดิม และหานอวี้ฉีที่เป็คนแข็งแกร่งเองก็เกือบเป็ลมจากความใ โชคดีที่มารดาของเขาช่วยไว้ได้ทันและแอบหยิกเอวเขาอย่างแรงเพื่อให้เขามีสติ
แค่นี้ก็น่าอายมากพอแล้ว หากเป็ลมจากความใในตอนนี้ ในอนาคตจะเชิดหน้าชูคอในตระกูลหานได้อย่างไรกัน!
“ขอบคุณหวังเฟยที่เมตตา ขอบคุณหวังเฟยที่เมตตา!”
ฮูหยินสวี่ขอบคุณนางซ้ำแล้วซ้ำอีก ในตอนที่ก้มศีรษะลง ร่องรอยของความเกลียดชังก็ฉายแววในดวงตา
นางเป็คนเอาแต่ใจและเย่อหยิ่ง นางเป็นายหญิงของครอบครัวนี้ แต่วันนี้เพื่อช่วยชีวิตบุตรชายแล้ว นางต้องถ่อมตัว หรือแม้แต่ร้องไห้ในที่สาธารณะเพื่อขอร้อง แล้วจะไม่ให้นางเกลียดหานอวิ๋นซีได้หรือไร?
หญิงสาวป่าเถื่อนคนนี้มีพ่อแต่ไม่มีแม่สั่งสอน นางคิดว่าตัวเองเป็หงส์บินอยู่บนกิ่งไม้จริงๆ งั้นหรือ?
อย่าคิดว่าช่วยชีวิตไท่จื่อแล้ว ไท่เฮากับฮองเฮาจะปล่อยนางไป อย่าคิดว่าหลังจากเข้าจวนฉินอ๋องแล้ว อี้ไท่เฟยจะยอมรับนาง อย่าคิดว่าการเป็ฉินหวังเฟย แล้วนางจะมีสิทธิ์ที่จะกลับมาจัดการกับเื่ของตระกูลหาน!
ครั้งนี้ นางและอวี้ฉีอดทนและเผชิญกับความทุกข์ทรมาน หากอำนาจไม่ตกไปอยู่ในมือนาง นางจะไปทำอะไรกับพวกเขาได้?
มีชีวิตอยู่เพื่อรับโทษอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว ถึงไม่ตายแต่ก็ต้องทนทุกข์ทรมาน หานอวิ๋นซีจะทำอะไรกับหานอวี้ฉีกันนะ?
เื่ของตระกูลหาน ก็ยังเป็นางและบุตรชายคนโตนั่นก็คือหานอวี้ฉีที่เป็ผู้ตัดสินใจ หากหานอวิ๋นซี้าเอาแม้แต่เศษอีแปะจากตระกูลหานหรือ้าที่จะปกป้องฝั่งอี๋เหนียงเจ็ด ก็ฝันไปเถอะ ไม่มีวันอย่างเด็ดขาด!
ใต้เท้าโอวหยางที่ไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ก็ไหลไปตามน้ำ กล่าวชื่นชมอย่างรวดเร็วว่า “หวังเฟยทรงใจกว้าง เป็พรของตระกูลหานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
หานอวิ๋นซียิ้ม “เช่นนั้นใต้เท้าโอวหยางคิดว่าเขาควรถูกตัดสินว่าได้อย่างไรดีล่ะ?”
เอ่อ…
ฮูหยินสวี่และหานอวี้ฉีต่างมองไป ใต้เท้าโอวหยางคิดว่าตนจะไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนเด็ดขาด เขาอยากจะตอบเหลือเกินว่าหน้าก็ถูกตบจนบวมแล้ว เช่นนั้นการลงโทษเป็โทษสถานเบาจะดีกว่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหานอวิ๋นซีเช่นนั้นแล้ว เขาจะกล้าพูดเสียที่ไหนกัน ทำได้แค่เพียงยิ้มด้วยความอับอาย “หวังเฟยทรงตัดสินใจเองจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา แววตาของสองแม่ลูกเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“เสี่ยวเฉินเซียง เ้าคิดว่าอย่างไร?” หานอวิ๋นซีถามอย่างเกียจคร้าน
“นายหญิง ในเมื่อละเว้นโทษปะาแล้ว เช่นนั้นก็ควรที่จะลงโทษด้วยการเฆี่ยนหนึ่งร้อยทีเพคะ” เสี่ยวเฉินเซียงตอบอย่างสบายๆ ราวกับกำลังพูดถึงสภาพอากาศ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ดวงตาของหานอวี้ฉีก็เบิกกว้าง ฮูหยินสวี่ระงับความโกรธและพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “แม่สาวน้อยคนนี้ช่างรู้จักล้อเล่นจริงๆ...”
“ทำไมต้องล้อเล่นด้วยล่ะ ข้าคิดว่าความคิดนี้ก็ไม่เลวเลยนะ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างสบายๆ ราวกับกำลังพูดถึงสภาพอากาศ
ในเวลานี้ ใบหน้าของทุกคนต่างซีดเซียว แม้แต่ใบหน้าของฮูหยินสวี่เองก็มืดมนเช่นกัน นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ใต้เท้าโอวหยางเองก็อดกลั้นไม่ได้อีกต่อไปเช่นกัน เขาจึงรีบเกลี้ยกล่อมอย่างรวดเร็วว่า “หวังเฟย การเฆี่ยนหนึ่งร้อยครั้งสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อครู่ก็ตบไปแล้ว กระหม่อมเห็นว่าการลงโทษเองควรได้รับการผ่อนปรนพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่าหานอวิ๋นซีรู้ว่าการเฆี่ยนหนึ่งร้อยครั้งสามารถฆ่าคนได้ อย่างไรก็ตามนางแค่อยากจะทำให้ฮูหยินสวี่หวาดกลัวเพียงเท่านั้น ต้องรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนรองเสนาบดีกระทรวงขุนนางมีสีหน้าเช่นนี้
หานอวิ๋นซีเติบโตมาภายใต้การกดขี่ข่มเหงั้แ่เด็กจนโต ถูกดุด่าทุกสามเวลา เฆี่ยนตีทุกๆ ห้าวัน หลายครั้งที่ใช้แส้ไม้ไผ่ตีแขนของนางทั้งสองข้างจนหนังแทบจะหลุดออกมา
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฮูหยินสวี่เป็ส่วนใหญ่ นั่นเป็นิสัยของฮูหยินสวี่เอง แล้วนางจะไม่รู้ชัดเจนได้อย่างไรกัน?
สตรีผู้นี้ ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมด้วยดีหรืออ้อนวอนอย่างไร จิตใจของนางก็ยังร้ายกาจเหมือนกับงูพิษร้ายที่คอยซุ่มกัดได้ทุกเมื่อ
และสิ่งเดียวที่จะยับยั้งนางได้อย่างไม่ต้องสงสัยก็คือบุตรชายสุดที่รักของนาง
หานอวิ๋นซีชำเลืองมองฮูหยินสวี่ พร้อมกับเผยสีหน้าครุ่นคิด “ผ่อนปรนงั้นหรือ? เื่นี้...”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างประหม่าขึ้นมา ฮูหยินสวี่เองก็ขยิบตาให้ใต้เท้าโอวหยางอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าโอวหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่งและโน้มน้าวอย่างระมัดระวัง “หวังเฟย กระหม่อมว่า...ปฏิบัติตามกฎของตระกูลหานจะดีกว่าหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
กฎของตระกูลหานเองก็เข้มงวดไม่น้อยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็ข้อใด มันก็เบากว่าการลงโทษด้วยการเฆี่ยนร้อยครั้ง
ั้แ่เด็กหานอวิ๋นซีถูกลงโทษด้วยกฎของตระกูลอยู่หลายครั้ง กฎตระกูลมีมากกว่าหนึ่งร้อยข้อ นางจำมันได้ขึ้นใจ ดูเหมือนว่าใต้เท้าโอวหยางและฮูหยินสวี่เองก็ยังเต็มไปด้วยความหวัง
ในไม่ช้า นางก็ปล่อยให้ความหวังของพวกเขาสิ้นสุดลง พูดอย่างเ็าว่า “สิ่งที่ข้าพูดอยู่ตอนนี้คือการลงโทษเขาในความผิดฐานที่ข่มขู่ข้า ใต้เท้าโอวหยาง เ้าอย่าเข้าใจผิด!”
ใต้เท้าโอวหยางถึงกับใจสั่นระรัว ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า ครานี้ดูเหมือนว่าหานอวี้ฉีจะไม่สามารถหลีกหนีหายนะนี้ได้
ฮูหยินสวี่ไม่ยอมแพ้และยัง้าเกลี้ยกล่อม แต่หานอวิ๋นซีพูดอย่างเ็าว่า “เฆี่ยนหนึ่งร้อยครั้ง หากมีใครขอร้องเื่เขาอีก ข้าจะให้โดนเฆี่ยนไปด้วย!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนต่างปิดปากเงียบ ฮูหยินสวี่มองไปที่หานอวิ๋นซีด้วยความไม่เชื่อ ไม่เคยคิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าทำเช่นนี้จริงๆ
การเฆี่ยนห้าสิบครั้ง แม้ว่าจะไม่พิการแต่ก็จะไม่สามารถลุกจากเตียงได้เป็เวลาหนึ่งหรือสองเดือน ใน่เวลาสำคัญในการต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล ในฐานะคุณชายใหญ่ หากหานอวี้ฉีลุกจากเตียงไม่ได้ เช่นนั้นจะไปสู้กับอี๋เหนียงสามและอี๋เหนียงเจ็ดได้อย่างไรล่ะ?
นี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณชายใหญ่ถอนตัวออกก่อนหรือไร?
ฮูหยินสวี่กำหมัดแน่น เมื่อกำลังจะะเิโทสะออกมา ใครจะรู้ว่าหานอวี้ฉีจะอดทนไม่ได้ก่อน และพุ่งเข้าไปตรงหน้าหานอวิ๋นซีอย่างรวดเร็ว “หานอวิ๋นซี เ้าอย่าไร้ยางอายไปหน่อยเลย! ข้าทนมามากพอแล้ว ข้าบอกเ้าไว้เลยนะ วันนี้ถ้าเ้ากล้าที่จะ...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ใต้เท้าโอวหยางก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา “คุณชายใหญ่ อย่าเสียมารยาท!”
หานอวี้ฉีที่พูดโพล่งออกไป ทั้งยังคงด่าทอต่อไป ใต้เท้าโอวหยางรีบเข้ามาและเตือนด้วยเสียงต่ำว่า “ฮูหยินสวี่ ขนาดนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ! หากเื่ยังเป็แบบนี้ต่อไปคงไม่มีทางจัดการได้แน่นอน ต้องรู้ว่าคุณชายใหญ่ล่วงเกินหวังเฟยต่อหน้า ทั้งยังไม่คำนึงถึงสถานะของหวังเฟยในจวนอ๋องในตอนนี้ด้วย...โอ๊ย อย่างไรนางก็เป็หน้าเป็ตาของจวนฉินอ๋อง หากเื่ราวต่างๆ ใหญ่โตขึ้น มันอาจจะไม่ใช่แค่ซ่างซูที่ออกหน้าก็ได้...”
ใต้เท้าโอวหยางไม่ได้พูดต่อ แต่ฮูหยินสวี่กลับเข้าใจเหตุผลนี้ นางที่ไม่ได้อยากจะยอมเสียเท่าไร แต่ก็ต้องดึงบุตรชายกลับมาทันที “อวี้ฉี เ้าถูกตบจนสมองกลับไปแล้วหรือไร? เ้ายังจะ...”
หานอวี้ฉีคุ้นเคยกับการรังแกผู้อื่นอยู่เสมอ แต่วันนี้เป็ฝ่ายที่ถูกรังแกอย่างรุนแรงขนาดนี้ แล้วจะให้สงบสติอารมณ์ได้อย่างไร เขาพูดกับฮูหยินสวี่ด้วยความโกรธว่า “ท่านแม่ ท่านจะไปกลัวทำไม? ท่านพูดเองไม่ใช่หรือไรว่า ถึงนางจะเป็หวังเฟย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับเราได้ พวกเรายังมีท่านตาคอยหนุนหลังอีกด้วย! ท่านตาไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน!”
แน่นอนว่าฮูหยินสวี่เคยพูดเช่นนั้น ทั้งยังมีคำพูดที่เกินจริงยิ่งกว่านั้นอีก แต่ไม่สามารถพูดออกมาต่อหน้าหานอวิ๋นซีได้!
นางหยิกแขนของหานอวี้ฉีอย่างแรงเพื่อบอกให้เขาปิดปาก
“พอได้แล้ว! ถ้าเ้ายังเอาแต่พูดเื่ไร้สาระบ้าๆ บอๆ อีก ข้าจะไล่เ้าออกจากตระกูลหาน!” ฮูหยินสวี่ทำได้เพียงพูดเตือนเท่านั้น
สุดท้ายแล้ว หานอวี้ฉีก็กลัวมารดาคนนี้มากที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนี้ จึงทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ...