นี่คือละครฉากเด็ดที่โม่เสวี่ยิ่้าแสดงให้นางดูใช่หรือไม่ คำพูดหนึ่งช่วยเบี่ยงเบนความผิดของฟางอี๋เหนียงออกไป อีกคำพูดหนึ่งก็แสดงความละอายใจเพื่อไม่ให้บิดาติดตามสืบสาวราวเื่ต่อ ความหมายที่ส่อเจตนายั่วยุของโม่เสวี่ยิ่เ่าั้ไฉนนางจะฟังไม่ออกเล่า
จากเรือนของนางมายังเรือนของโม่เสวี่ยิ่ระยะทางค่อนข้างไกล นางสามารถเดินมาถึงที่นี่ได้ ก็แสดงว่าอาการาเ็ที่เข่ามิได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้น เป็การแสร้งเจ็บเกินจริง
คนเราล้วนมีตรรกะเช่นนี้ในใจ หากเื่ใดเื่หนึ่งเป็เื่โกหกเสแสร้ง ก็จะเหมารวมว่าทุกเื่ล้วนเป็เช่นนั้นด้วย หากวันนี้อาการเจ็บเข่าของนางเป็เื่เกินจริง เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมด ทั้งเื่เสื้อผ้า ทั้งเื่าแที่เข่าล้วนเป็เื่ ‘เกินจริง’ ทั้งสิ้น! และหากเป็เช่นนั้น ฟางอี๋เหนียงก็ย่อมได้รับความไม่เป็ธรรม...
ความคิดของโม่เสวี่ยิ่ช่างละเอียด ลุ่มลึกและร้ายกาจยิ่ง
“พี่หญิงใหญ่เกรงใจไปแล้ว ถงเอ๋อร์ได้ยินว่าพี่หญิงไม่สบายก็รีบมาทันที ไฉนพี่หญิงต้องไปคุกเข่าที่ห้องบูชาบรรพชนด้วย อี๋เหนียงทำผิดย่อมเป็เื่ของอี๋เหนียง แต่พี่หญิงเป็ถึงคุณหนูใหญ่ของสกุลโม่ จะทำร้ายตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร พลอยทำให้ท่านพ่อวิตกกังวล และทำให้ถงเอ๋อร์ร้อนใจไปด้วย” ดวงตาใสแจ๋วประกายหยดน้ำจ้องเขม็งขณะเดินเข้าไปจับมือของโม่เสวี่ยิ่
แต่ด้วยความรีบร้อนเกินไปจึงชนถูกตู้ข้างเตียง เจ็บจนทนไม่ไหวร้องออกมา ปล่อยมือจากโม่เสวี่ยิ่ แล้วก้มศีรษะลงลูบหัวเข่า หน้าขาวซีดในพริบตาน้ำตาไหล
“คุณหนูเป็อย่างไรบ้าง เมื่อคืนก็นอนปวดทรมานไปเสียค่อนคืน วันนี้ก็จะมาเยี่ยมคุณหนูใหญ่ให้ได้ บ่าวห้ามแล้วก็ไม่ยอมฟัง หากเจ็บซ้ำอีกอาจเสียขาได้นะเ้าคะ ต่อให้เป็ห่วงคุณหนูใหญ่เพียงใด ก็ไม่อาจไม่นำพาต่อร่างกายตนเองนะเ้าคะ” โม่อวี้ถลาเข้ามาประคองโม่เสวี่ยถงที่เจ็บจนหน้าซีด กล่าวด้วยความวิตกกังวล
“ถงเอ๋อร์ เป็อย่างไรบ้าง” โม่ฮว่าเหวินกล่าวอย่างลนลาน ผุดลุกขึ้นทันที ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วประคองนางไปอีกด้านหนึ่ง
“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ” โม่เสวี่ยถงเจ็บจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ สูดหายใจเฮือกใหญ่สองคราก่อนเงยศีรษะขึ้นฝืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่เท้ากลับยืนไม่อยู่จนต้องพิงร่างไว้กับโม่อวี้ ริมฝีปากไร้สีเืกำลังกล้ำกลืนความเ็ปอย่างเห็นได้ชัด ด้วยกลัวโม่ฮว่าเหวินจะเป็กังวล
“ใครไปแจ้งข่าวคุณหนูสาม” เห็นลูกสาวได้รับความลำบากแล้วยังมีท่าทางดื้อรั้นอีก โม่ฮว่าเหวินก็หน้าครึ้มกล่าวด้วยโทสะ
“นายท่าน มีบ่าวรับใช้สองสามคนเดินวนไปวนมาคุยกันให้ได้ยินเ้าค่ะ เดิมทีบ่าวก็ไม่อยากพูด แต่กลัวว่าคุณหนูจะร้อนใจเป็ห่วงสุขภาพคุณหนูใหญ่ แล้วจะมาโทษบ่าว” โม่อวี้ตัวสั่นอยู่ข้างๆ ก้มหน้างุดตอบด้วยท่าทางหวาดกลัว
ระยะทางจากเรือนฝูฉิงไปเรือนชิงเวยก็มิใช่น้อย เื่ของิ่เอ๋อร์เพิ่งพบเมื่อเช้านี้ จะล่วงรู้ไปถึงเรือนชิงเวยซึ่งอยู่ห่างไกลได้อย่างไร แล้วเหตุไฉนจึงจำเพาะให้สาวใช้ประจำกายของถงเอ๋อร์ได้ยิน แม้ว่าโม่ฮว่าเหวินจะไม่ได้เป็ผู้จัดการเรือนชั้นใน แต่ยามนี้ก็ฟังออกถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบุตรสาวทั้งสองคน หัวคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน น้ำเสียงดุดัน “ประเดี๋ยวไปตามฉิงอี๋เหนียงมาตรวจสอบ ว่าใครเป็คนนำเื่คุณหนูใหญ่ไปบอกคุณหนูสาม”
“เ้าค่ะ”
พอแลเห็นโม่เสวี่ยถงท่าทางจะยืนไม่ไหว หัวใจของโม่ฮว่าเหวินประหนึ่งถูกกระชากออกมา เบื้องลึกในหัวใจยังอดตำหนิโม่เสวี่ยิ่อยู่เล็กน้อยไม่ได้ แต่พอนึกถึงว่าที่ิ่เอ๋อร์ต้องทุกข์กายเช่นนี้เพราะฟางอี๋เหนียง ชั่วขณะนั้นก็โกรธอนุภรรยาหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไหนเลยจะระแคะระคายว่าเป็แผนการอันแยบยลของบุตรสาวคนโต
“ท่านพ่อ ถงเอ๋อร์ไม่เป็อะไรจริงๆ เ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่มีความกตัญญู ที่ทำไปก็เพื่อฟางอี๋เหนียง ถงเอ๋อร์เจ็บเล็กน้อยแค่นี้เทียบกับพี่หญิงใหญ่แล้วจะนับว่าเป็อะไรได้” ดวงหน้าเล็กจ้อยขาวซีดของโม่เสวี่ยถงกระดกขึ้น แววตาดั่งหยกใสดูเฉลียวฉลาดน่าเอ็นดู เห็นถึงความอ่อนหวานแช่มช้อยในแบบดรุณีน้อยอยู่หลายส่วน
ไปคุกเข่าเพื่ออี๋เหนียง? เมื่อครู่โม่ฮว่าเหวินใส่ใจเพียงอาการป่วยของโม่เสวี่ยิ่ ยามนี้พอย้อนคิดดู เพื่ออนุภรรยาที่ทำความผิดคนหนึ่ง จะให้บุตรสาวคนโตต้องมาลงโทษตัวเองด้วยการคุกเข่าโดยไม่สนใจสถานภาพของตนเองได้อย่างไร หากเื่นี้เผยแพร่ออกไปย่อมนำความเสื่อมเสียมาให้แท้ๆ เพราะถึงอย่างไรสถานะอนุภรรยาก็เป็กึ่งนายกึ่งบ่าวเท่านั้น
สีหน้าของเขาพลันขรึมลงทันที ก่อนกล่าวตำหนิ
“ิ่เอ๋อร์ ความผิดของฟางอี๋เหนียงไม่เกี่ยวข้องกับเ้า จำไว้ว่าเ้าเป็คุณหนูใหญ่ของสกุลโม่ อย่าได้ทำเื่เช่นนี้อีก ตลอดมาเ้าก็เป็คนเฉลียวฉลาดรู้กาลเทศะ ไฉนครานี้จึงลืมตัวทำเื่แบบนี้ได้ ฟางอี๋เหนียงจะเป็อย่างไรล้วนไม่สำคัญ เ้ามีสถานะเป็นาย เป็คุณหนูใหญ่สกุลโม่ จำไว้!” แม้น้ำเสียงจะไม่ดังมาก แต่กลับทำให้โม่เสวี่ยิ่โมโหจนแทบกระอัก เกือบรักษาสีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนเอาไว้ไม่อยู่ จะหน้ามืดเป็ลมไปเสียให้ได้
คำพูดของโม่เสวี่ยถงแต่ละประโยคล้วนกล่าวเพื่อนาง ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใส่ใจอาการาเ็ของตนเองทั้งสิ้น ที่รีบมาเยี่ยมมิใช่ว่าขานางไม่เจ็บ เพียงแต่เห็นแก่สายใยความเป็พี่น้อง คำกล่าวที่ว่ามีสาวใช้สองคนมาคุยกันให้สาวใช้ประจำตัวของโม่เสวี่ยถงได้ยิน ทำให้บิดาเกิดความแคลงใจจึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา
เมื่อสองเื่มาชนกัน โม่เสวี่ยิ่ซึ่งเป็ถึงคุณหนูใหญ่สกุลโม่กลับไม่คำนึงถึงสถานะตน ร้องหาความเป็ธรรมเพื่ออี๋เหนียงคนหนึ่งจนป่วยหนักเกือบตาย ทั้งยังลากน้องสาวที่ได้รับาเ็ลงจากเตียงมาเยี่ยมอีก ไม่เพียงแต่ไม่รู้จักกาลเทศะเท่านั้น แต่ยังทำให้คนเกิดความคลางแคลงใจอีก
ฝีไม้ลายมือของโม่เสวี่ยถงครานี้นับว่าสวยงามยิ่ง ไม่เพียงแต่จับผิดจุดที่นางมองข้ามไปได้แล้ว ยังใช้ช่องโหว่นี้มาบิดเบือนพลิกผันสถานการณ์อย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำให้บิดานึกถึงความอำมหิตของฟางอี๋เหนียง ทั้งยังเกิดความเคลือบแคลงใจในตัวนางอีกด้วย
นังแพศยาน้อยโม่เสวี่ยถงช่างเ้าเล่ห์เพทุบายนัก น่าโมโหจริงๆ แค่เหตุผลที่นางยกขึ้นมากล่าวแต่ละข้อ ก็ทำให้คนหมดหนทางโต้แย้งได้แล้ว
แม้แต่บิดาที่ถูกปะเหลาะจนใจอ่อนไปแล้ว พอเจอคำพูดของโม่เสวี่ยถงก็ยังมองนางด้วยสายตานิ่งลึกขึ้นหลายส่วน แล้วจะไม่ให้โม่เสวี่ยิ่นึกแค้นใจจนต้องลอบกำมือทั้งสองข้างไว้แน่นได้อย่างไร
ฝ่ายนางยังไม่เอ่ยปาก แต่โม่เสวี่ยถงกลับยิ้มพราย กล่าวด้วยวาจาชาญฉลาด “ท่านพ่อ พี่หญิงเป็คุณหนูใหญ่ที่แสนดีของจวนโม่มาโดยตลอด ถงเอ๋อร์ต่างหากที่ไม่รู้เื่ แล่นมาถึงที่นี่จนทำให้ท่านพ่อกับพี่หญิงไม่สบายใจ ต่อไปถงเอ๋อร์จะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้วเ้าค่ะ” นางได้รับการประคองให้นั่งลงอย่างมั่นคง แม้ใบหน้าจะซีดขาว ขาก็ยังเจ็บอยู่ แต่มิวายกล่าวปลอบใจผู้อื่น
แต่ละประโยคเหมือนพูดเพื่อช่วยโม่เสวี่ยิ่ให้หลุดพ้นข้อสงสัย ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความน่ารักไร้เดียงสา ฉลาดฉอเลาะให้คนใจอ่อนยวบ
แต่ในสายตาของโม่เสวี่ยิ่กลับเป็การเย้ยหยันอย่างที่สุด
“ขอบใจน้องสามมาก พี่สาวเลอะเลือนไปเอง ต่อไปจะไม่ทำให้ท่านพ่อต้องวิตกกังวลเช่นนี้อีกแล้ว น้องสามก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด รอให้ข้าลงจากเตียงได้จะแวะไปหาเ้า” โม่เสวี่ยิ่น้ำตาคลอเบ้าแข็งใจลุกขึ้นมา แต่ครานี้โม่ฮว่าเหวินยั้งไว้ไม่ทัน ตัวนางจึงเกือบจะหล่นจากเตียง โชคดีที่มีสาวใช้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างตาไวยื่นมือเข้ามาประคองไว้
นางหัวหมุนไปหมด ยิ่งเห็นโม่เสวี่ยถงหลบหนักรับเบา ซ้ำยังเปิดโปงแผนการของตนเอง ก็ได้แต่กัดฟันยอมรับความผิดพลาด
การยอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างกล้าหาญ จึงจะเป็การแสดงถึงภูมิปัญญาและตระหนักถึงเหตุผล สอดคล้องกับการวางตัวของนางตลอดมา
เมื่อโม่ฮว่าเหวินเห็นบุตรสาวคนโตน้ำตาไหลสำนึกผิด ท่าทางแข็งกร้าวก็ค่อยๆ อ่อนลง แต่กลับไม่เอ่ยถึงเื่ของฟางอี๋เหนียงอีก โม่เสวี่ยิ่ก็มีไหวพริบ วันนี้แผนการทุกข์กายของนางล้มเหลว ไม่อาจสั่นคลอนหัวใจของบิดาได้ดังคาดหมาย จำเป็ต้องระงับเื่ขอผ่อนโทษแทนฟางอี๋เหนียงเอาไว้ก่อน
ที่น่าแค้นใจที่สุดก็คือทั้งหมดล้วนเป็โม่เสวี่ยถงที่ทำให้เสียเื่ แต่ยามนี้นางจำเป็ต้องอดทนไว้
ยามที่โม่เสวี่ยถงกับโม่ฮว่าเหวินออกมาจากเรือนฝูฉิง โม่เสวี่ยิ่ก็กินยาหลับไปแล้ว
ด้านนอกฝนหยุดแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม พื้นดินเฉอะแฉะ ใบไม้ร่วงเกรียว ให้ความรู้สึกว้าเหว่และหดหู่ ใบไม้ที่ร่วงลงมาสองสามใบเปียกฝน ติดหนึบอยู่ที่ฝ่าเท้าของทั้งสองคน
โม่เสวี่ยถงยืนมอง ริมฝีปากผลิยิ้มงามเจิดจรัสให้โม่ฮว่าเหวินอยู่ตรงทางเดินเล็กๆ ในสวนดอกไม้ “ท่านพ่อ อากาศไม่ค่อยดี ท่านก็อย่ากรำงานเหนื่อยจนเกินไป พี่หญิงใหญ่กับลูกมิได้เจ็บหนัก เมื่อครู่ท่านหมอก็ตรวจให้พวกเราแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง แม้ว่าฟางอี๋เหนียงจะทำความผิด แต่ก็ไม่ควรถูกกักบริเวณนะเ้าคะ งานภายในเรือนชั้นในจะขาดฟางอี๋เหนียงไม่ได้จริงๆ”
งานภายในเรือนชั้นในจะขาดฟางอี๋เหนียงไม่ได้จริงๆ?
พอได้ยินคำพูดนี้โม่ฮว่าเหวินก็แค่นเสียงเย็นออกมา แต่ในใจกลับอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ เรือนหลังของตนเองขาดฟางอี๋เหนียงไม่ได้จริงๆ แค่เช้าวันนี้ก็เกิดเื่ผิดพลาดมากมาย เดี๋ยวก็ส่งเสื้อผ้ามาผิดบ้างล่ะ เดี๋ยวก็มารายงานว่าหญิงรับใช้าุโไปแอบอู้งานที่ไหนบ้างล่ะ...
เพียงแค่วันเดียว โม่ฮว่าเหวินก็ถึงกับกุมหน้าผาก นึกโมโหฉิงอี๋เหนียงกับโม่อี๋เหนียงอยู่เงียบๆ แต่ก็ต่อว่าไม่ลง แล้วจะอารมณ์ดีได้อย่างไร ยุ่งวุ่นวายจนคิดว่าหากฟางอี๋เหนียงอยู่ เขาคงไม่ต้องทนรำคาญอยู่เช่นนี้ เื่ภายในเรือนหลังจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก แต่เหล่านายท่านทั้งหลาย ไหนเลยจะมีเวลามาดูแลเื่จุกจิกเหล่านี้ในเรือนหลังได้
ในสมองพลันเกิดความคิดผุดขึ้นมา หรือว่าจะฟังคำถงเอ๋อร์ปล่อยฟางอี๋เหนียงออกมา? แต่พอความคิดนี้เกิดขึ้น ก็ถูกเขาตัดฉับทิ้งไปทันที
ขนาดอยู่ใต้หนังตาฟางอี๋เหนียงยังกล้าทำกับนางเช่นนี้ หากมีอีกครั้งหนึ่ง ไหนเลยถงเอ๋อร์จะมีชีวิตรอดอยู่ได้อีก แม้ว่าบุตรสาวจะยอมใจกว้างไม่เอาเื่เพื่อเขา แต่เขาก็ไม่อาจไม่วางแผนใดเพื่อนางได้เช่นกัน บุตรสาวถูกทอดทิ้งไว้ที่อวิ๋นเฉิงอย่างเดียวดายก็ลำบากมากพออยู่แล้ว จะปล่อยให้ถูกหญิงใจอำมหิตผู้นั้นทำร้ายอีกได้อย่างไร
ครานี้ตนเองจะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด!
“เ้าอย่ากังวลใจไปเลย เื่ในเรือนหลังพ่อจัดการได้ เ้าพักผ่อนรักษาร่างกายตนเองให้ดีก็พอแล้ว” เห็นบุตรสาวจ้องมองตนเองอย่างไร้เดียงสา ช่างน่าทะนุถนอมและเอ็นดูยิ่ง โม่ฮว่าเหวินก็เก็บความขุ่นข้องหมองใจลง แล้วยื่นมือมาลูบศีรษะนางพลางกล่าวปลอบใจด้วยรอยยิ้ม นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเกิดความคิดอยากแต่งภรรยาใหม่ที่ดีงามและเฉลียวฉลาดเข้ามาดูแลจัดการเรือนหลังของตน
“ท่านพ่อคิดจะจัดการเรือนหลังด้วยตนเองหรือ แต่นี่มันไม่ถูกธรรมเนียมนะเ้าคะ ท่านพ่อมีภาระหน้าที่ยิ่งใหญ่ จะมาดูแลเื่เล็กๆ น้อยๆ ในเรือนหลังได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ฟางอี๋เหนียงก็ดูแลจัดการทุกอย่างได้ดี แต่ไฉนแค่ถูกกักบริเวณทุกอย่างก็วุ่นวายทันที ท่านพ่อ... ถงเอ๋อร์ยอมให้อภัยฟางอี๋เหนียงก็ได้เ้าค่ะ ท่านก็ปล่อยนางออกมาเถิด ฟางอี๋เหนียงจะต้องจัดการเรือนหลังให้เป็ระเบียบเรียบร้อยได้อย่างแน่นอน” โม่เสวี่ยถงมองตาแป๋ว มุ่ยริมฝีปากยื่นกล่าวกระเง้ากระงอด
ก้นบึ้งดวงตาจับสังเกตสีหน้าลังเลใจของโม่ฮว่าเหวินได้ สีหน้าก็เผยแววเยาะหยันบางๆ ปรากฏออกมาวูบหนึ่ง
การวางหมากตานี้ของฟางอี๋เหนียงช่างร้ายกาจนัก ให้มามากับสาวใช้ใต้บังคับบัญชาของนางก่อความวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่า้าบังคับให้บิดาปล่อยนางออกมา และที่ร้ายกาจยิ่งกว่าก็คือแผนการแสร้งป่วยของโม่เสวี่ยิ่ ที่มาสอดคล้องกับแผนการของฟางอี๋เหนียงพอดี คิดจะใช้อารมณ์สั่นคลอนความรู้สึกของบิดา ต่อไปหากโม่อวี่เฟิงเกิดเื่อะไรขึ้นอีก การปล่อยฟางอี๋เหนียงออกมาก็เป็เพียงเื่ของเวลาช้าหรือเร็วเท่านั้น
ดังนั้น ครั้งนี้นางจะต้องให้ฟางอี๋เหนียงไม่อาจพลิกกายขึ้นมาผงาดได้อีก
ไม่เพียงเท่านั้น นางยังจะทำให้ฟางอี๋เหนียงนึกเสียใจภายหลังกับการวางแผนครานี้
เมื่อได้ยินโม่เสวี่ยถงเอ่ยถึงฟางอี๋เหนียงครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังขอร้องเพื่อนางอีก รอยยิ้มอ่อนบางที่ไม่ถือสาหาความของบุตรสาวมิได้ทำให้โม่ฮว่าเหวินรู้สึกปลาบปลื้มใจแม้แต่น้อย กลับมีแต่ความรู้สึกผิดต่อบุตรสาว สีหน้าพลันเย็นะเื ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีเวลาไตร่ตรองอย่างละเอียด แต่พอโม่เสวี่ยถงเอ่ยถึงในสมองจึงกระจ่างแจ้งในพริบตา
ปรกติยามฟางอี๋เหนียงดูแลจัดการเรือนหลังไม่เคยเกิดเื่อะไรขึ้น แต่เพราะเหตุใดเพียงนางถูกกักบริเวณเมื่อวาน วันนี้ก็มีคนวิ่งมาฟ้องโน่นฟ้องนี่กับตนเองและอี๋เหนียงทั้งสองมากมายถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็ประมุขของบ้าน เื่ราวในเรือนชั้นในเดิมทีก็ไม่ควรมาถาม ผู้เป็ขุนนางเบื้องบนรับใช้องค์จักรพรรดิ เบื้องล่างดูแลงานในราชสำนัก มีนายท่านของบ้านไหนบ้างที่ต้องมาดูแลเื่จุกจิกวุ่นวายเหล่านี้
แต่กลับมีหญิงรับใช้าุโขยันเป็พิเศษแล่นมาหาแต่เช้าตรู่ ใจกล้าบุกมาถึงห้องหนังสือของเขา เป็แค่หญิงรับใช้จะเอาความกล้าจากไหนมารบกวนความสงบสุขของเขา นี่แสดงให้เห็นว่ามีคนหนุนหลังคอยชี้นำอยู่ชัดๆ คิดแล้วเป็ไปได้ที่เื่ราวทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับฟางอี๋เหนียง โม่ฮว่าเหวินสีหน้าเปลี่ยนเป็เขียวคล้ำดำทะมึน กระชากเสียงด้วยความโมโห “ไม่ต้องไปสนใจนาง ให้สำนึกตัวอยู่ที่นั่นไปเถอะ”
“ท่านพ่อ...” ดูเหมือนว่าโม่เสวี่ยถงจะยังคิดอยากเกลี้ยกล่อม แต่พอเห็นบ่าวชายของโม่ฮว่าเหวินวิ่งมาแต่ไกลก็หยุดปาก
บ่าวผู้นั้นมองโม่ฮว่าเหวินด้วยความร้อนใจ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อพลางกล่าวละล่ำละลัก “นายท่าน มีมามาสองคนทะเลาะกันอยู่หน้าห้องหนังสือของนายท่านขอรับ...”