หลังจากที่หลี่หวงมองไปที่ เฟิงเทียน เขาก็ได้ถามระบบขึ้นทันทีว่า "เ้าช่วยอธิบายตัวตนของ บุตรแห่งโชคชะตา ให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม?"
เสียงของระบบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว [บุตรแห่งโชคชะตา คือผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากเต๋า์อย่างแท้จริง หากเต๋า์ยังคงอยู่ พวกเขาจะไม่มีวันตายได้เลย บุตรแห่งโชคชะตาจะได้รับความช่วยเหลือจากโชคเสมอโดยพวกเขาสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็โอกาสได้ตลอด ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม พวกเขาจะรอดพ้นได้อย่างปาฏิหาริย์พร้อมกลับมาด้วยความแข็งแกร่งที่มากขึ้นเสมอ]
หลี่หวงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขามองไปที่ร่างิญญาหญิงสาวที่น่าจะเป็อาจารย์ของเฟิงเทียน หญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าหลี่หวงด้วยความนิ่งสงบและทำลายลูกบอลเพลิงของหลี่หวงได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อหลี่หวงพยายามตรวจสอบข้อมูลของนาง ข้อมูลกลับไม่ปรากฏขึ้นเหมือนปกติ เขาเริ่มสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็เช่นนี้ก่อนจะถามระบบ
“ทำไมข้าถึงไม่สามารถดูข้อมูลของนางได้”
ระบบตอบ [เนื่องจากว่ามันเป็เศษเสี้ยวิญญาของนางและมันมีความพิเศษบางอย่างที่น่าจะมาจากร่างกายของนางด้วย การตรวจสอบข้อมูลอาจทำให้มีการคลาดเคลื่อนมากเกินไป จึงตัดปัญหาทุกอย่างทิ้งโดยการไม่ขึ้นข้อมูลใดๆ ทั้งนั้น]
หลี่หวงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขามองไปที่แต้มสังหารของตัวเอง
[แต้มสังหารทั้งหมด: 34,981,481,120 แต้ม]
แต้มจำนวนมหาศาลนี้ได้มาจากการฆ่าิญญาในถ้ำที่ผ่านมาเมื่อกี้ประมาณหนึ่งหมื่นล้านแต้ม รวมถึงสังหารกองกำลังบางส่วนในทวีปจันทราขาวด้วย หลี่หวงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับระบบว่า “ยกระดับการบ่มเพาะของข้าไปที่ระดับจักรพรรดินักบุญ ระดับที่ 1 ซะ”
ระบบตอบรับทันที [การบ่มเพาะระดับกษัตริย์นักบุญมีราคา 1,000,000,000 แต้มสังหารต่อหนึ่งระดับย่อย และการบ่มเพาะระดับจักรพรรดินักบุญมีราคา 10,000,000,000 แต้มสังหารต่อหนึ่งระดับย่อย รวมราคาทั้งหมด 18,000,000,000 แต้ม] "
[แต้มสังหารทั้งหมด: 16,981,481,120 แต้ม]
ทันใดนั้น พลังการบ่มเพาะของหลี่หวงพุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาล สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาสั่นะเื แรงกดดันอันมหาศาลแผ่กระจายออกไปทั่วพื้นที่ ขณะที่พลังของหลี่หวงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กษัตริย์นักบุญ ระดับที่ 2...
กษัตริย์นักบุญ ระดับที่ 6...
กษัตริย์นักบุญ ระดับที่ 9
จักรพรรดินักบุญ ระดับที่ 1
หญิงสาวที่อยู่ในร่างิญญายิ้มบาง ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยสนใจอย่างชัดเจน นางมองหลี่หวงที่กำลังเปล่งประกายไปด้วยอำนาจอย่างเงียบ ๆ และไม่มีความคิดที่จะขัดขวางหลี่หวงแม้แต่น้อยพร้อมปล่อยให้หลี่หวงได้ยกระดับพลังของเขาจนถึงจุดที่เทียบเท่ากับเศษเสี้ยวิญญาของนางเอง
เฟิงเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กวาดสายตามองหลี่หวงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์ในทวีประดับต่ำเช่นนี้จะสามารถบรรลุถึงพลังระดับจักรพรรดินักบุญได้
หลี่หวงรู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจอยู่ในร่างของเขา เขามองไปที่ิญญาหญิงสาวตรงหน้าและถามด้วยน้ำเสียงท้าทาย “พวกเ้าเป็ใครกันทำไมถึงได้มารุกรานดินแดนของข้ากัน”
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่ั์ตาของนางฉายแววสนุกสนานเล็กน้อย
ทันใดนั้น เสียงะเิดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วบริเวณเมื่อพลังิญญาอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลี่หวงเพื่อสร้างเป็หนังสือเล่มหนึ่งที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ แต่ก่อนที่หลี่หวงจะได้ใช้หนังสือเล่มนั้น เสียงอันน่าเกรงขามจากการโจมตีของิญญาหญิงสาวคนนั้นก็พุ่งมาหาหลี่หวงอย่างรวดเร็วและพลังนั้นมันได้กระแทกใส่หลี่หวงอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงของนางที่ะโเตือนเฟิงเทียน "รีบหนีไปซะ! ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเ้า"
เฟิงเทียนเงยหน้ามองนางด้วยความลังเล "แต่ท่านอาจารย์… แล้วท่านละ?"
หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "นี่เป็เพียงเศษจิติญญาของข้าเท่านั้น และที่สำคัญถ้าเ้าอยู่ที่นี้เ้าอาจจะตายไปพร้อมกับเ้าเด็กคน…." แต่ก่อนที่นางจะได้พูดจนจบ เศษจิติญญาของนางก็ถูกะเิเพลิงอันร้อนแรงที่หลี่หวงผสมพลังหยินหยางและพลังดวงดาวไว้ในนั้นกระแทกใส่อย่างรุนแรง เสียงะเิดังก้องไปทั่วสนามรบ พร้อมกับเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกสิ่งอย่างไม่มีความปรานี
หลี่หวงไม่ได้ใส่ใจกับการโจมตีของตัวเอง เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า จ้องมองพลังงานมหาศาลที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว พลังนั้นปะทะเข้ากับหลี่หวงอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเปลวเพลิงที่หลี่หวงปล่อยออกมาเสียอีก แรงะเิทำให้บริเวณรอบตัวมืดครึ้มไปด้วยควันและฝุ่นฟุ้งกระจายจนบดบังทุกสิ่ง
เมื่อควันจางลง เฟิงเทียนยังคงยืนอยู่ได้ แม้ร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยาแก็ตาม ขณะที่เศษจิติญญาของอาจารย์เขาสลายหายไปแล้ว และพวกคนที่รุมโจมตีเฟิงเทียนก่อนหน้านี้ก็ได้ตายไปหมดแล้ว
ฝั่งของหลี่หวงเองก็ได้รับาเ็ไม่น้อย แต่เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ในตัวเขาก็เริ่มทำหน้าที่รักษาอย่างรวดเร็ว าแที่เคยมีค่อยๆ จางหายไป และในขณะเดียวกัน เขาก็ดูดซับพลังการโจมตีเมื่อกี้มาใช้เป็พลังงานของตนเอง หลี่หวงยืนขึ้นอย่างมั่นคง ก่อนจะยกนิ้วชี้ไปที่เฟิงเทียนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "นี้งั้นหรือพลังของเต๋า์ช่างน่ากลัวจริงๆ แต่ข้าหวังว่าเ้าจะปกป้องชีวิตของมันได้นะ"
เฟิงเทียนจ้องมองหลี่หวงอย่างแน่วแน่ แม้ในใจของเฟิงเทียนจะสั่นคลอน แต่แววตาของเขาก็ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ทันใดนั้นเองเงาทมิฬคนหนึ่งได้เข้ามาหาหลี่หวงพร้อมรายงานข่าวบางอย่างให้หลี่หวงทราบและหลี่หวงก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะสลายการโจมตีนั้นไปทันทีและกล่าวขึ้น "ข้าว่าพวกเราหยุดการต่อสู้กันแค่นี้ดีกว่า"
คำพูดนั้นทำให้เฟิงเทียนถึงกับตกตะลึง เขาจ้องมองไปที่หลี่หวงด้วยความสับสน "เหตุใดเ้าถึงได้หยุดกันละ?"
หลี่หวงยิ้มบาง ๆ และตอบกลับ "สภาพของเ้าในตอนนี้ไม่เอื้อต่อการต่อสู้แล้ว อีกทั้งข้าเองก็ไม่อยากเห็นอัจฉริยะและคนที่ช่วยชีวิตประชาชนของข้าต้องมาจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของข้าด้วย"
เฟิงเทียนฟังคำตอบอย่างเงียบงัน เขานึกได้ว่าเขาเคยช่วยเหลือเมืองแห่งหนึ่งไว้จากลูกหลงของการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตน 2 ฝ่าย ที่ไม่น่าจะใช่กองกำลังในท้องถิ่นเอาไว้ เฟิงเทียนพูดขึ้นเบา ๆ "หรือว่าเ้าเป็คนจากกองกำลังในทวีปนี้งั้นเหรอ แล้วทำไมเ้าถึงโจมตีข้าก่อนหน้านี้กันละ?"
หลี่หวงถอนหายใจและกล่าว "ข้าเป็จักรพรรดิของราชวงศ์เพลิง์ หน้าที่ของข้าคือการปกป้องและดูแลประชาชนของข้า เ้าก็น่าจะรู้ว่าการต่อสู้แย่งชิงสมบัติของผู้แข็งแกร่งบางคน ย่อมนำภัยมาสู่ผู้บริสุทธิ์เสมอไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดประชาชนของข้าอาจถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้ และเื่แบบนั้นมันก็เกิดขึ้นกับราชวงศ์ของข้าเช่นกัน ในเมืองแห่งหนึ่งในราชวงศ์ของข้า ทั้งเมืองเหลือเพียงแค่เศษซากร่างกายที่ไร้ชีวิตและไม่สมประกอบของคนในเมือง เด็กหลายคนนั่งร้องไห้เขย่าร่างที่ไร้ิญญาของพ่อแม่พวกเขาด้วยความหวังจอมปลอม เมื่อข้าเห็นภาพเ่าั้มันทำให้ข้ารู้สึกโกรธและขาดสติไปชั่วครู่"
เฟิงเทียนได้ยินเช่นนั้นก็พอเข้าใจ เขาเองก็นึกถึงตัวในอดีตและคิดอยู่ว่าตัวเขาเองในตอนนี้ไม่มีทางสู้ชายตรงหน้าเขาได้อย่างแน่นอนและการต่อสู้ระหว่างพวกเขาก็ดูเหมือนจะเป็เพียงการเข้าใจผิดเท่านั้นและเฟิงเทียนเองก็ไม่ได้รับาเ็มากนัก จากการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน มีเพียงแค่เศษเสี้ยวจิติญญาของอาจารย์เขาเท่านั้นที่หายไป แต่จากคำพูดของอาจารย์ของเฟิงเทียน นางน่าจะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ตลอดเวลาดังนั้นก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไร ผ่านสักพักก่อนที่เฟิงเทียนจะเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม "ท่านช่างเป็คนที่กล้าหาญและมีเมตตายิ่งนัก ตัวข้ามีนามว่า เฟิงเทียน หากว่าชะตาชีวิตพาเราให้ได้มาพบกันอีก ข้าขอดื่มกับท่านได้หรือไม่?"
หลี่หวงยิ้มและพยักหน้า "ได้สิ และข้าจะตั้งตารอเลยละ"
เฟิงเทียนยิ้มตอบและโค้งคำนับอย่างเคารพ ก่อนจะหันหลังจากไป แต่แล้วทันทีที่เขาหันหลัง หลี่หวงก็เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมรวบรวมพลังิญญาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นเอง สายฟ้าสว่างวาบก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า กระแทกใส่หลี่หวงอย่างรุนแรง เกิดเสียงดังสั่นะเืพื้นดิน
เฟิงเทียนที่กำลังบินออกไปแล้วแต่หันกลับมามองอย่างประหลาดใจ เขาพึมพำเบา ๆ "ช่างเป็คนที่แข็งแกร่งยิ่งนัก เพียงแค่การเคลื่อนไหวของเขาก็ทรงพลังถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็ผู้ที่รักและห่วงใยประชาชนของตน คนดีเช่นนี้ช่างหายากยิ่งนักในโลกที่โหดร้ายเช่นนี้…"
เฟิงเทียนถอนหายใจอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วหันหลังจากไปทันที