“ท่านโหว นายท่านนำสิ่งนี้มาให้ขอรับ ท่านบอกว่าเป็ของที่บ้านของอวิ๋นเจียวมอบให้ เขาเก็บไว้หนึ่งชุดและนำมาให้ท่านโหวอีกหนึ่งชุด เขาบอกว่าเครื่องประทินผิวนี่ใช้สำหรับบุรุษโดยเฉพาะ ส่วนน้ำยาสระผมและสบู่เหลวอาบน้ำก็เป็ของบุรุษเช่นกันขอรับ” ผู้มาเยือนยืนก้มศีรษะรายงานอยู่เบื้องหน้าฉู่อี้
“อืม ฝากขอบคุณนายท่านของเ้าด้วย บอกเขาด้วยว่าข้าซาบซึ้งในน้ำใจยิ่งนัก ใครก็ได้ มอบรางวัลให้เขาด้วย!”
“ขอบคุณท่านโหวขอรับ!” หลังจากพ่อบ้านพาตัวผู้มาเยือนออกไป จางหลิงก็เดินเข้ามา
“ท่านโหว อีกไม่กี่วันตระกูลอวิ๋นจะไปที่โรงผลิตเครื่องเคลือบจิงผิงที่เมืองจิ่วเจียงขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว เ้าออกไปก่อน”
“ขอรับ ท่านโหว!”
เหตุใดวันนี้ท่านโหวไม่ซักถามอะไรเพิ่ม? ปกติเมื่อได้ยินเื่ราวของตระกูลอวิ๋น ท่านโหวมักจะซักถามอะไรเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่วันนี้...
จางหลิงคิดไม่ออกจึงเดินออกจากห้องไป ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฉู่อี้สั่งให้คนเตรียมน้ำอาบน้ำ เขาเงยหน้ามองดูดวงอาทิตย์ กลางวันแสกๆ แบบนี้ท่านโหวจะอาบน้ำทำไมกัน?
หรือว่า... ท่านโหวฝันเปียกหรือ? ตอนที่เขายังเด็กก็เคยฝันเปียกตอนกลางคืน... แต่ทำไมท่านโหวกลางวันแสกๆ ก็...
ยิ่งคิดจางหลิงก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านโหวของเขาช่างน่าสงสาร คุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์คนอื่นๆ มีมารดาจัดการให้ ตอนอายุขนาดนี้ก็มักมีสาวใช้สามสี่คนที่ฉลาดรู้ความ คอยปรนนิบัติและคอยดูแลเื่แบบนี้ แต่ข้างกายท่านโหวมีเพียงบ่าวรับใช้หนุ่มๆ ที่ซื่อบื้อไม่ประสีประสาคอยดูแลเท่านั้น
ฉู่อี้หารู้ไม่ว่าการที่เขาคันไม้คันมืออยากลองใช้น้ำยาสระผมและสบู่เหลวอาบน้ำที่อาจารย์ตั่งมอบให้ กลับทำให้ผู้ติดตามคนสนิทของเขาคิดไปไกลจนเกิดภาพในหัวที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
เนื่องจากเป็่ต้นฤดูใบไม้ผลิ แม้กลางวันจะนานขึ้น แต่ความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิยังไม่จางหายไป อวิ๋นเจียวจึงไม่ได้ใส่ส่วนผสมของป๋อเหอลงในสบู่เหลวอาบน้ำและน้ำยาสระผมที่เตรียมไว้ให้อาจารย์ตั่งเพราะเกรงว่าอาจารย์ตั่งอาจจะหนาวได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉู่อี้ก็หลับตาลงสูดดมกลิ่นหอมของชาเขียวอ่อนๆ ที่อบอวลอยู่ตามร่างกาย เส้นผมที่เช็ดจนแห้งหมาดๆ รู้สึกนุ่มลื่นราวกับเคลือบขี้ผึ้ง
ตระกูลอวิ๋นทำให้เขาต้องประหลาดใจอยู่เสมอ ด้วยฐานะอันสูงส่งของเขา สิ่งของดีๆ ในแคว้นต้าเยี่ยล้วนผ่านมือเขามานับไม่ถ้วน แต่น้ำยาสระผมและสบู่เหลวอาบน้ำของตระกูลอวิ๋น เขาเพิ่งเคยได้ใช้เป็ครั้งแรก
ของสองสิ่งนี้นับว่าหาได้ยากยิ่งในแคว้นต้าเยี่ย หากส่งเข้าไปในวังหลวง คงต้องทำให้เกิดความฮือฮาอีกเป็แน่ แต่ดูเหมือนว่าตระกูลอวิ๋นจะไม่มีเจตนาที่จะขายสิ่งของสองอย่างนี้ออกมา
พวกเขาไม่้าขาย ฉู่อี้ก็จะไม่ฝืนใจ เครื่องประทินผิวสูตรต่างๆ ที่มอบให้คราวก่อนก็เพียงพอแล้วสำหรับคนผู้นั้นในเมืองหลวง
เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็นึกถึงเด็กสาวอวิ๋นเจียวขึ้นมา รอยยิ้มแสนหวานและแววตาเ้าเล่ห์ของนางปรากฏขึ้นในมโนสำนึก ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเขา
ส่วนทางด้านบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า หลังจากที่อวิ๋นโส่วจู่ถูกจับตัวไปบรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบไปหลายวัน ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่กล้าออกจากบ้านเพราะอับอายชาวบ้านที่คอยนินทา เ้าสี่ถูกจับไปแล้ว เ้าใหญ่ เ้ารองและเ้าสามก็แยกบ้านออกไป ตอนนี้ในบ้านไม่มีแม้แต่แรงงานผู้ชายสักคน งานในไร่นาก็ไม่มีใครทำ
“เป็เพราะเ้ารองตัวแสบนั่น หากไม่ใช่เพราะเขา เ้าสี่คงไม่ถูกจับไปหรอก หากพวกเขาไม่แอบสลับของกัน เ้าสี่จะถูกจับได้อย่างไร?”
“เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับถูกพวกมันตามใจจนเสียคน เื่นี้โยนความผิดให้เด็กอวิ๋นเจียวนั่นก็จบเื่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เ้าสี่ถูกจับไปแล้ว สะใภ้สี่ก็หนีไปแล้ว บ้านหลังนี้ก็เหลือแค่ยายแก่คนนี้ที่ต้องทำงานหนักจนหลังแอ่น!” เถาซื่อบ่นด้วยความไม่พอใจ พลางยกกะละมังน้ำร้อนเข้าไปซักผ้าในห้องโถง
ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินก็รู้สึกหงุดหงิดใจจึงตบโต๊ะพลางตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “ก็เป็เพราะลูกชายที่เ้าสั่งสอนมาดีนั่นแหละ ถึงกับกล้าคิดร้ายกับพี่คนรองของตัวเอง ร่วมมือกับคนนอกมาทำร้ายคนในครอบครัว เ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ? หากเขาทำสำเร็จ คนที่ต้องติดคุกก็คือครอบครัวของเ้ารอง!”
เื่วุ่นวายในครอบครัวพวกนี้ ต่อหน้าหัวหน้าตระกูลและผู้ใหญ่บ้านเขาปกป้องเถาซื่อมาตลอด แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่เขลาที่ไม่อาจแยกแยะถูกผิดได้
เขาแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ตราบใดที่ไม่ใช่เื่คอขาดบาดตายก็ปล่อยให้เถาซื่อจัดการเื่ต่างๆ ในบ้านตามใจชอบ
อย่างแรก เขาคิดว่าเถาซื่อเป็หญิงสาวพรหมจรรย์ยอมแต่งงานกับเขาที่เป็พ่อม่ายลูกติด อย่างที่สอง เถาซื่อแต่งงานกับเขาแล้วให้กำเนิดลูกๆ ให้เขามากมาย เขาจึงตามใจนางมาโดยตลอด
ยิ่งไปกว่านั้น... ลึกๆ ในใจเขาก็โทษเ้ารองอยู่บ้าง ก่อนที่เ้ารองจะกลับมา ครอบครัวของเขาก็อยู่กันอย่างสงบสุขดี ถึงแม้เ้าสี่จะเป็คนเกียจคร้าน แต่สุดท้ายก็ยังทำงานบ้าง และไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่พอเ้ารองกลับมาไม่เพียงแต่ยุยงให้ทุกคนแยกบ้านออกไป แล้วยังทำให้เ้าสี่ติดคุกอีก
เถาซื่อพูดถูก เ้าสี่ทำผิดก็จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็บุตรชายของตระกูลอวิ๋น มีภรรยาและลูกแล้ว เื่นี้ควรให้เด็กอวิ๋นเจียวคนนั้นแบกความผิดไป เด็กผู้หญิงเป็เพศที่ต้องเสียเงินเสียทองเลี้ยงดู โตขึ้นก็ต้องแต่งออกไปเป็คนอื่นอยู่ดี
น่าเจ็บใจยิ่งนัก ตอนนี้ครอบครัวของเ้ารองไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว ผู้เฒ่าอวิ๋นครุ่นคิดด้วยความหงุดหงิด ส่วนเถาซื่อพอถูกตวาดกลับก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน
“เ้านี่นะตาแก่ไม่ตาย เ้าดูสิ ดูให้ดี ตอนนี้บ้านหลังนี้ใครเป็คนปรนนิบัติเ้า? ในบ้านมีลูกชายสองคน ลูกสะใภ้สองคน หลานชายสองคน หลานสาวสองคน แล้วมีใครมาสนใจว่าเ้าจะเป็ตายร้ายดีบ้างไหม?”
“หรือมีใครสักคนที่มาช่วยเหลือข้าบ้าง? ก่อนที่เ้ารองตัววุ่นวายจะกลับมา งานพวกนี้ก็มีสะใภ้ทำทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ตอนนี้กลับมาเป็หน้าที่ยายแก่เช่นข้า ย่าบ้านไหนยังต้องมาทำงานงกๆ แบบนี้อีก?”
“เ้าบอกมาสิ? โถ่เอ๊ย ชะตากรรมข้าช่างน่าเวทนายิ่งนัก หญิงสาวแรกรุ่นยอมแต่งกับเ้า ให้กำเนิดลูกให้เ้า แต่พอแก่เฒ่า ก็ต้องตกอยู่ในสภาพ...”
ผู้เฒ่าอวิ๋น “เ้าบ่นอะไรนักหนา เ้าไม่มีลูกสาวหรือไร? งานพวกนี้ลูกสาวเ้าทำไม่ได้หรือ? ไม่ได้ให้เ้าไปทำงานที่ไร่เสียหน่อย!”
อวิ๋นเหมยเอ๋อร์นั่งแกะเมล็ดแตงโมอยู่บนเตียงอุ่น พอได้ยินบิดาพูดถึงตัวเอง นางก็รีบลงจากเตียงแล้วเดินกลับห้อง ก่อนเข้าห้องนางก็ทิ้งท้ายไว้ว่า “ท่านแม่ อีกสักพักอาหารเย็นเสร็จแล้วเรียกข้าด้วยนะ!” กล่าวจบก็ปิดประตูทันที
เถาซื่อจ้องมองผู้เฒ่าอวิ๋นแล้วพูดว่า “ลูกสาวข้าต้องได้แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย จะมาทำงานหนักได้ที่ไหน? หากมือหยาบกร้านขึ้นมาจะทำยังไง? รอให้เ้าห้าสอบเป็ซิ่วไฉ ได้รู้จักคนมากมาย ค่อยหาคู่ครองให้เหมยเอ๋อร์ก็ไม่สาย!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นลุกขึ้นยืนแล้วกระทืบเท้า “แล้วเ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? คงจะไม่ให้ข้าที่เป็ตาเฒ่ามาปรนนิบัติพวกเ้าสองแม่ลูกหรอกกระมัง?”
เถาซื่อเอ่ยว่า “ลูกสะใภ้เต็มบ้าน แม้แยกบ้านออกไปแล้วจะอย่างไรเล่า? เ้าก็ยังเป็พ่อของพวกเขาอยู่วันยังค่ำ! พวกเขาไม่นับญาติข้าที่เป็แม่เลี้ยง แต่พวกเขากล้าไม่นับญาติเ้าที่เป็พ่อหรือ?”
“เ้าไปบอกให้บ้านใหญ่ส่งคนมาช่วยงานที่ไร่สองคน บ้านเ้ารองร่ำรวยแล้วเ้าไม่กล้าเรียกใช้ งั้นก็ไปหาเ้าสาม ในบ้านมีลูกสาวตั้งสองคน ส่งมาปรนนิบัติปู่ย่าสักคนก็ยังดี!”
เถาซื่อพูดเช่นนี้ ผู้เฒ่าอวิ๋นก็รู้สึกว่ามีเหตุผล บ้านเ้าใหญ่เป็คนซื่อสัตย์เชื่อฟังคำสั่งว่านอนสอนง่าย ลูกชายดูแลพ่อแม่เป็เื่ที่สมควรทำอยู่แล้ว
ส่วนบ้านเ้าสาม เป็ลูกชายที่เขาและเถาซื่อให้กำเนิดขึ้นมา หลานสาวมาปรนนิบัติพวกเขาก็เป็เื่ที่สมควรทำเช่นกัน
“ข้าจะไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละ” ผู้เฒ่าอวิ๋นเดินออกจากห้องโถงไปก็เห็นอวิ๋นฉี่เสียงกับอวิ๋นฉี่ชิ่งสองพี่น้องกำลังผูกเกวียนวัวไว้ที่หน้าประตูบ้านพอดี
อวิ๋นหลานเอ๋อร์ได้ยินเสียงเข้าก็รีบขนผักที่จัดเตรียมไว้ขึ้นเกวียนวัว ส่วนฉี่เสียงกับฉี่ชิ่งก็ช่วยกันขนของจากในบ้านขึ้นเกวียนวัวอยู่หลายเที่ยว
“ต้าหลาง เอ้อร์หลาง พวกเ้ากำลังทำอะไรกัน?” ผู้เฒ่าอวิ๋นมักจะเรียกหลานชายตามลำดับ ดังนั้นแม้บางครั้งจะเรียกชื่อของพวกเขา แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเรียกพวกเขาตามลำดับเช่นนี้