เจี่ยหยวนกับหวังเซิงมองหน้ากันทั้งสองมองผ้าก๊อซที่อยู่บนแขนตัวเอง แล้วก็มองกัวไฮว่ที่ทำหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์จากนั้นก็มีความรู้สึกไม่สบายกายแล่นเข้ามาในสมอง
“พี่ๆ สองคน ผมลืมเตือนพวกพี่เลยว่า่ใช้ยาห้ามโกรธไม่งั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาได้” กัวไฮว่พูดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์กว่าเดิม
“เ้าสี่ ปู่แกเถอะ” ทั้งสองคนอดด่าออกมาไม่ได้ “กินข้าว วันนี้พวกเราไม่กินเหล้าก็ได้ยังไงซะพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกเราก็ต้องมาแบกเหล้ากลับไปอยู่ดี”
“พี่หยวนพี่เซิง ผมขอเตือนพวกพี่หน่อยนะ เมื่อกี้พี่ด่าผมว่าปู่แกสิปู่ผมเป็ผู้าุโของพวกพี่นะ แล้วถ้าพวกพี่ไม่จ่ายค่ารักษาให้ผมงั้นผมจะไปหาปู่ผม” เมื่อกัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นก็กินเหล้าในแก้วจนหมดในอึกเดียว
“เ้าสาม แกว่าเ้าสี่จะรักษารอยแผลเป็ให้เราได้จริงเหรอ แต่แกคิดดูนะหมอนี่ดองเหล้าอร่อยได้เยอะขนาดนี้ ก็เป็ไปได้ว่าจะรักษาแผลเป็ให้หายได้นะ” ขณะที่เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเดินออกมาจากบ้านพักกัวไฮว่เจี่ยหยวนก็ถามขึ้นเบาๆ
“ช่างมันเถอะ ถ้ารักษาให้พวกเราได้จริง ผมก็จะจัดการเื่ใบประกอบให้มันขอแค่มันไม่ทำคนตาย ต่อไปเกิดเื่อะไรผมหาวิธีแบกมันเองใครใช้ให้มันเป็น้องของพวกเราล่ะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องวุ่นวายเื่เหล้าแล้วล่ะผมไม่เชื่อหรอกว่าถ้าพวกเรากินเหล้าจนหมด แล้วไปขอเติมจากมันอีกมันจะไม่ให้”
“เ้าสาม แกคำนวณได้ไม่เลวเลยนี่” เจี่ยหยวนยิ้มพลางผงกศีรษะ “ไอ้เด็กตระกูลมู่หรงนั่นมาส่งสมุนไพรให้มันดูท่าทางเ้าสี่นี่ก็เก่งหลายอย่างเลยนะ อาจจะเป็แบบที่พี่เย่าบอกหรือเปล่าเ้าสี่อาจจะถูกบุคคลสูงส่งอะไรนั่นรับเป็ศิษย์ตอนนี้เลยไม่ใช่ตัวอสรพิษอะไรนั่นแล้ว”
“ไปสนใจมันทำไม ไม่ว่ามันจะเป็ศิษย์บุคคลสูงส่งอะไรแต่ว่าเ้าสี่ตัวอสรพิษนั่นก็คือน้องสี่ของพวกเรา มันเคยช่วยชีวิตพี่เย่าเอาไว้พี่เย่าตามเช็ดก้นให้พวกเราสองคนมาั้แ่เด็กถ้าพวกเราทำให้น้องตัวเองเสียเปรียบในเมืองอู่เฉิงงั้นพวกจะนับว่าเป็พี่น้องกันได้ยังไงกัน” หวังเซิงพูดเสร็จก็มุดเข้าไปในรถของตน
“เ้าสาม ตอนที่แกเปิดผ้าก๊อซออกบอกฉันด้วยนะว่าผลเป็ยังไงฉันไปจัดการเื่บ้านของเ้าสี่ให้เรียบร้อยก่อนล่ะ” พูดเสร็จรถของเจี่ยหยวนก็บึ่งตรงไปยังบริษัทของตน
“พี่เขย พี่ฝึกคัมภีร์โบราณไทเก๊กได้ไม่เลวเลยนะ กินยาลูกกลอนนี่หน่อยสิจำส่วนสำคัญของไทเก๊กไว้ให้ดี คุมกำลังของตนเองไว้ดีๆเขตแดนเซียนเทียนเป็เพียงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ ผม แล้วผมล่ะ” เสี่ยวเฟยถามยิ้มๆ
“ค่อยๆ ไปทีละก้าวก็จะสำเร็จ จะใช้ยาลูกกลอนไปตลอดไม่ได้แต่มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายไปจัดการเป็เพื่อนฉันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายเตรียมตัวเลยนะหนึ่งเดือนหลังจากนี้ไปหาตระกูลกู่กับฉัน ฉันมีเื่ต้องจัดการนิดหน่อย”
“พี่ไฮว่ พี่คงไม่ได้มีปัญหากับตระกูลกู่ใช่ไหม” มู่หรงเฟยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นเบาๆ “ตระกูลกู่ไม่ธรรมดาเลย”
“ไม่ธรรมดา? งั้นก็ดี ง่ายไปก็หมดสนุกสิ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“น้องเขย จะให้ตระกูลมู่หรงเราออกหน้าให้ไหมถ้าเกิดไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรฉันให้พ่อช่วยออกหน้าจัดการให้ได้นะไม่ต้องไปขัดแย้งกับตระกูลกู่หรอก” มู่หรงหลงพูดขึ้นเบาๆถึงแม้ว่าสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงจะมีตระกูลมู่หรงตระกูลหนานกงและตระกูงเซวียนหยวนแต่ทุกตระกูลในเมืองเยี่ยนจิงต่างรู้ดีว่าตระกูลที่ละทางโลกอย่างตระกูลกู่ถึงจะเป็ตระกูลใหญ่สุดในเมืองเยี่ยนจิงทว่ากิจการที่พวกเขาสืบทอดกันมาไม่อาจดำเนินการอย่างเปิดเผยได้
“แย่งผู้หญิงของลูกชายตระกูลกู่ เื่นี้พวกพี่เจรจาให้ได้หรือเปล่า ฮ่าๆพี่เขย ตระกูลมู่หรงอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
เมื่อมู่หรงหลงกับมู่หรงเฟยฟังจบก็หน้าถอดสีเด็กหนุ่มที่อายุใกล้เคียงกับตนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้สามารถเลือกเส้นทางของตัวเองในด้านผู้หญิงได้ อย่าว่าแต่สาวหวานอย่างมู่หรงเวยเวยเลยเด็กสาวในโรงเรียนฟู่จง ใครบ้างไม่ใช่ความภาคภูมิใจของครอบครัวแต่สุดท้ายก็ยินยอมพร้อมใจมาเป็แฟนของหมอนี่
“เื่นี้น้องเขยจัดการเองเถอะ” มู่หรงหลงพูดเบาๆ “เมื่อกี้ได้ยินพี่หยวนบอกว่านายจะเปิดคลินิกไว้วันนายเปิดร้านพวกเราจะมาแสดงความยินดีนะ”
“เจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกจะเปิดกิจการ อย่าหาว่าฉันไม่บอกพวกเธอเลยนะทุกวันคลินิกจะรักษาแค่สิบคนเท่านั้น ถ้าพวกเธอมีเพื่อนสนิทๆก็บอกให้มาต่อแถวก่อนได้ มาช้าเดี๋ยวต้องรอ อย่ามาแซงคิวอะไรเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่เปิดคลินิก ไว้ตอนนี้พวกเรามาแน่นอน เหอะๆ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ
รอส่งมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลงเสร็จกัวไฮว่ก็เรียกเซวียนต้าจู้กับอวี้เอ๋อร์มายังห้องรับแขกจากนั้นก็วางน้ำเต้านายท่านไว้บนโต๊ะ
“พี่ไฮว่ ทำไมน้ำเต้าพี่วางไว้นั่นล่ะ ผมรู้สึกไม่สบายแปลกๆรู้สึกเหมือนมันจ้องผมอยู่เลย” เซวียนต้าจู้หาที่ออกห่างน้ำเต้านั่นไปไกลแต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายกายอยู่
“พี่ไฮว่ อย่าบอกนะว่าวันนี้ยังจะลองอีก” อวี้เอ๋อร์มองน้ำเต้าที่อยู่บนโต๊ะแล้วถามยิ้มๆ
“ลองอีกซิ มีของล้ำค่าอยู่ในมือแต่ทำได้แค่ดู ไม่ไหวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ครั้งนี้ฉันคิดดีแล้วล่ะให้ต้าจู้ถ่ายเื ใช้เืของต้าจู้เป็จุดดวงตาฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะเปิดผนึกน้ำเต้านี่ไม่ได้น่ะ”
“จะใช้เืของต้าจู้จริงๆ เหรอ แบบนี้ต้าจู้จะาเ็เอานะนิสัยไม่ดูไม่เหมือนนายเลย” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ในน้ำเต้ามีของของนักเวทอยู่ ฉันััได้ถึงตอนนั้นจะเสียหายหนักเบาแค่ไหน ฉันก็จะชดใช้ต้าจู้เป็สองเท่า อวี้เอ๋อร์เตรียมตัวเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ พี่บอกจะให้ผมถ่ายเื จะถ่ายยังไงเหรอ” เซวียนต้าจู้พูดพลางกุมศีรษะ “พี่ไฮว่เืน่ะถ่ายได้ แต่ว่าถ่ายเท่าไหร่พี่ก็ต้องชดใช้เหล้าให้ผมเท่านั้นนะ”
“อะแฮ่มๆๆ ตอนนี้ยังจะอยากกินเหล้าอีกเหรอแกไม่กลัวพี่จะถ่ายเืจนแกตายหรือไง” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งก่อนจะพูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ถ้าพี่ไฮว่ทำผมตายจริง ผมก็จะยอมรับ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ “ฮีโร่ผู้กล้าในเหล้าไม่งั้นพี่ไฮว่ให้ผมสั่งก่อนไหม”
“กินเถอะ กินนี่ให้หมด ให้เืร้อนพลุ่งพล่าน” กัวไฮว่พูดเสียงดังพลางโยนน้ำเต้าไปให้เซวียนต้าจู้ต้าจู้เองก็ดื่มไปคำใหญ่
“อวี้เอ๋อร์ เธอรักษาตำแหน่งเฉียนกับตำแหน่งข่าน ส่วนที่เหลือฉันจัดการเองทำจิตให้สงบ ค่ายกลนี่ไม่น่าใช่แค่ค่ายกลปิดผนึก แต่ยังมีไอสังหารอยู่ด้วยต้องระวังให้ดี” กัวไฮว่ตะคอกเสียงดังพลางกวัดแกว่งกระบี่เฟยเจี้ยนกับตราประทับพลิกฟ้าขึ้นพร้อมกันน้ำเต้าที่เดิมสั่นอยู่ก็หนีออกไปไกลราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต
“ไม่ว่าว่าเ้าของของแกเป็ใคร ในเมื่อเราเจอกันในแดนมนุษย์แสดงว่าเรามีวาสนาต่อกัน ให้ฉันทำลายค่ายกลเถอะต่อไปมากินดีอยู่ดีกันที่แดนมนุษย์เถอะ ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง
“ค่ายกลปิดผนึกสี่สภาพ ดูทรงแล้วปรมาจารย์ลัทธิเต๋า จะไม่ได้เชี่ยวชาญสร้างค่ายกลกับน้ำเต้านะ” กัวไฮว่ลอบพูดขึ้นในใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้