เซวียเสี่ยวหรั่นนึกไม่ถึงว่าพวกนางเพิ่งไปร้านเป่าฟางไจมาเมื่อเช้า ตกบ่ายเมิ่งหว่านเหนียงก็มาหาแล้ว
สาวใช้ติดตามด้านหลังยังถือกล่องของขวัญทั้งใบใหญ่ใบเล็ก และแพรพรรณติดมือมาอีกด้วย
"ดูเ้า มาก็มาสิ ไยต้องนำสิ่งของมามากมายเพียงนี้ ทำเอาข้ารู้สึกละอายยิ่งนัก เมื่อเช้ายามไปร้านของเ้า หาได้นำสิ่งใดไปสักอย่าง"
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นกล่องของขวัญกับแพรพรรณกองสูง ก็นึกละอายใจอยู่บ้าง
"โอ พี่หญิงเซวียอย่าได้คิดเช่นนี้เลย ท่านเป็หุ้นส่วนคนสำคัญของวาณิชสกุลเมิ่งของพวกเรา ของขวัญเล็กน้อยเหล่านี้แสดงถึงความจริงใจของพวกเรา"
ดวงหน้าของเมิ่งหว่านเหนียงอาบรอยยิ้ม เข้ามาจับมือนางอย่างกระตือรือร้น
เซวียเสี่ยวหรั่นใกับท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมของอีกฝ่าย
พวกนางมีไมตรีต่อกันลึกซึ้งขนาดนี้ั้แ่เมื่อไร
แต่อีกไม่ช้าก็คงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อวิ๋นเสี่ยงเก๋อเป็ร้านค้าในย่านเจริญที่สุดของเมืองชางตาน ที่นั่นมีขายทั้งเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง รวมถึงกระเป๋าใหญ่น้อยหลากหลายรูปแบบสีสัน
ถูกต้อง ก็คือกระเป๋านี่เอง
กระเป๋าหลากชนิด ทั้งกระเป๋าถือใบเล็ก กระเป๋าสายเดี่ยวสะพายข้าง กระเป๋าคาดอก กระเป๋าใส่เครื่องสำอางที่หิ้วได้ กระเป๋าสะพายหลังทั้งใบใหญ่และใบเล็ก
สีสันละลานตา รูปแบบแปลกใหม่ สามารถใช้งานได้หลากหลาย
เสื้อผ้าสำเร็จงามวิจิตรยามแขวนบนชั้นแลดูเข้ากับกระเป๋าน่ารักแบบต่างๆ เป็ที่สะดุดตาของเหล่าคุณหนูผู้มีฐานะ
แต่แท้จริงแล้ว กระเป๋าหลากหลายรูปแบบเ่าั้ขายไม่ค่อยดีนัก ด้วยเป็ของใหม่ ประกอบกับกระเป๋าสะพายใบใหญ่ทั้งหลายก็ไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับสตรีในห้องหอ
ที่ขายดีก็มีแต่กระเป๋าถือใบเล็กจ้อยน่ารัก กับกระเป๋าเครื่องสำอางที่สามารถบรรจุตลับแป้งชาดของสตรี คุณหนูสามารถถือเอง หรือให้สาวใช้ช่วยถือ ช่วยอำนวยความสะดวกในการแต่งหน้า
แม้กระเป๋าจะขายไม่ดีนัก แต่มันกลับผลักดันให้ยอดขายอาภรณ์สำเร็จรูปของอวิ๋นเสี่ยงเก๋อเพิ่มขึ้น
"พี่ชายข้าบอกว่า้าให้ท่านช่วยออกแบบสินค้าตัวอย่างเพิ่มสักสองสามแบบ จะได้เฉิดฉายคู่กับอาภรณ์ฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึงนี้"
เมิ่งหว่านเหนียงเองก็คาดไม่ถึงว่าตนเองเพิ่งมาถึงเมืองหลวงได้ไม่กี่วัน ยังไม่ทันไปตามหาเซวียเสี่ยวหรั่น เ้าตัวก็มาหาตนเองถึงร้านเป่าฟางไจ
"ได้สิ ระหว่างเดินทางข้าตัดเย็บแบบใหม่ๆ ไว้ไม่น้อย เดี๋ยวเ้าเอากลับไปได้เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มหน้าบาน
นับว่าเธอมองคนไม่ผิด เมิ่งเฉิงเจ๋อผู้นี้เป็คนหัวการค้า รู้จักนำแบบกระเป๋าที่เข้ากับอาภรณ์มาขาย
เมื่อเปรียบกับการขายกระเป๋าอย่างเดียว ผลลัพธ์ย่อมดีกว่ามาก
ถึงอย่างไรกระเป๋าก็ยังเป็ของใหม่สำหรับที่นี่ ต้องจับคู่กับอาภรณ์ถึงจะสร้างความโดดเด่นรวมถึงแสดงคุณประโยชน์ของกระเป๋าได้อย่างเต็มที่
"แต่จะให้เพียงสินค้าสำเร็จเพียงอย่างเดียวไม่ได้ วาดแบบใส่กระดาษเช่นเดียวกับที่เ้าวาดให้พี่ชายข้าครั้งก่อนถึงจะดี การขนส่งสินค้าสำเร็จกว่าจะไปถึงเมืองชางตานระยะทางไกลเกินไป ดังนั้นเป็กระดาษย่อมสะดวกกว่า ระบุสี แบบผ้า และรายละเอียดต่างๆ ในนั้น ทำออกมาก็ไม่ยากแล้ว"
ยามเมิ่งหว่านเหนียงอยู่เมืองชางตาน ก็ช่วยเมิ่งเฉิงเจ๋อดูแลกิจการอยู่บ่อยๆ ความสามารถในการค้าขายไม่ด้อยเลยสักนิด
เซวียเสี่ยวหรั่นผงกศีรษะ "ได้สิ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ค่อยส่งไปให้เ้า"
ภาพบางอย่างเธอก็วาดไม่เก่งเท่าไร ต้องปรับเสริมสักหน่อยถึงจะใช้ได้
"พรุ่งนี้ข้าจะให้ชิวอวี้มารับ ไม่ต้องรบกวนพวกท่านไปส่งถึงที่" เมิ่งหว่านเหนียงรีบชิงบอกก่อน
"ก็ได้ ตอนนี้เ้าพักอยู่ที่ไหน เข้าออกสะดวกหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นถาม
"ข้าพักอยู่กับท่านน้าชั่วคราว รอหลังจากพี่ชายมาถึง ก็จะย้ายไปคฤหาสน์ที่พวกเราซื้อไว้ในเมืองหลวง" เมิ่งหว่านเหนียงยิ้มอย่างประหม่า ตอนนี้นางอาศัยอยู่บ้านท่านน้า การเข้าออกไม่ค่อยสะดวกนัก
"นายน้อยเมิ่งจะมาเมื่อใด" เซวียเสี่ยวหรั่นผงกศีรษะอย่างเข้าใจ อาศัยใต้ชายคาผู้อื่น แม้จะเป็ญาติกันก็ไม่สะดวกสบายมากนัก
"ยังไม่แน่เลย ต้องดูสถานการณ์อีกที" เมิ่งหว่านเหนียงนึกถึงข่าวสารที่พี่ชายส่งมา่นี้ ทำให้นางอดที่จะมองเซวียเสี่ยวหรั่นอย่างพิจารณาไม่ได้
พอนางเข้ามาในจวนสกุลเซวียก็พบว่า เซวียเสี่ยวหรั่นเปลี่ยนทรงผมจากเมื่อก่อนที่เคยไว้ทรงเช่นสตรีที่ออกเรือนแล้วมาเป็ทรงผมของหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน
ทำให้นางใอย่างมาก ควรรู้ว่าสถานะของสตรีที่ยังไม่ออกเรือนกับสตรีที่ออกเรือนแล้วไม่อาจเอามาล้อเล่นกันได้
แต่พี่ใหญ่บอกว่า ที่เขาต้องตาโดยหลักแล้วก็คือคำมั่นสัญญาของคนที่ชื่อเหลียนเซวียนผู้นั้นมากกว่า หากสกุลเมิ่ง้าขยายกิจการร้านค้าในแคว้นฉี ก็ต้องมีบรรพตพึ่งพิงที่มั่นคง
เซวียเสี่ยวหรั่นตรงหน้ากลับมาไว้ผมเช่นหญิงสาวทั่วไปนี่เป็การบอกความนัยบางอย่าง หรือว่าแท้จริงแล้วนางกับบุรุษที่ชื่อเหลียนเซวียนผู้นั้นมิได้มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน?
เมิ่งหว่านเหนียงตื่นตระหนกในใจ แต่ใบหน้ากลับยังคงสงบนิ่ง
ทั้งสองพูดคุยกับสิ่งที่พบเจอระหว่างการเดินทาง แลกเปลี่ยนความรู้สึกได้มาถึงเมืองหลวง สุดท้ายเมิ่งหว่านเนียงถึงแกล้งถามขึ้นว่า
"พี่หญิงเซวีย ทรงผมของท่าน..."
นางไม่ถามให้จบ แต่ก็รู้ว่าเซวียเสี่ยวหรั่นเข้าใจความหมายของตนเอง
"เื่นี้น่ะหรือ..." เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง พลางยกมือลูบผมของตนเอง "ตอนอยู่ชางตาน เพราะมีความจำเป็บางอย่าง จึงต้องเกล้าผมเช่นสตรีออกเรือนแล้ว แต่ที่จริงข้ายังไม่ออกเรือนเลย"
กล่าวจบ ก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อก่อนที่หวีผมทรงเดียวกับสตรีออกเรือนยังไม่รู้สึกอะไร มานึกดูตอนนี้ถึงพบว่าเป็วิธีที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก
เมิ่งหว่านเหนียงรู้ได้ทันที จากนั้นก็ผงกศีรษะแสดงว่าเข้าใจ
"แล้วชีหลางจวินผู้นั้น เขาอยู่เมืองหลวงหรือไม่" นางเลียบเคียงถามอ้อมๆ
"แฮ่ม เขาย่อมจะอยู่แน่นอน เพียงแต่่นี้ค่อนข้างจะยุ่ง หากพวกเ้า้าพบเขาคงต้องรอสักสองสามวัน" เซวียเสี่ยวหรั่นหาใช่คนเขลา ดวงตากลอกไปรอบหนึ่ง นึกถึงคำมั่นสัญญาของเหลียนเซวียนตอนนั้น
"ฮ่าๆ ถูกต้อง ถูกต้อง เพิ่งมาถึงเมืองหลวง ใครก็ยุ่งมากทั้งนั้น บ้านของข้าก็วุ่นวายมากอยู่เหมือนกัน" เมิ่งหว่านเหนียงฟังแล้วก็ลอบโล่งอกในใจ ของเพียงแค่เขาสามารถช่วยได้ก็พอ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคน นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ที่ไหน
"อื้อ ก็นั่นน่ะสิ เขากลับมาถึงก็งานยุ่งตัวเป็เกลียว มีแต่ข้าคนเดียวที่ว่างมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ "แต่นายน้อยเมิ่งอยากทำสิ่งใด เ้าบอกกับข้าได้ รอข้าได้พบเขา จะช่วยถามให้พวกเ้าเอง"
เมิ่งหว่านเหนียงดวงตาลุกวาว
เมิ่งเฉิงเจ๋ออยากเปิดร้านอวิ๋นเสี่ยงเก๋อในเมืองหลวง สถานที่ตั้งร้านค้าพวกเขาหาเองได้ เพียงแต่ร้านค้าแบบนี้สะดุดสายตาคนได้ง่าย หากไม่มีคนหนุนหลังที่มีเส้นสายแข็งแกร่งพอ เกรงว่าจะอยู่ไม่ยาว
"เื่นี้เอง ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงสถานะของเหลียนเซวียน แต่เธอยังไม่กล้ารับปากส่งเดช "ข้าจะช่วยถามให้ แต่ต้องรอให้เขาว่างก่อนอีกสองสามวัน เ้าทิ้งที่อยู่ไว้ให้ข้า ถึงเวลาข้าจะให้หลันฮวาไปส่งข่าว"
ทันทีที่ได้ยินว่าไม่มีปัญหา เมิ่งหว่านเหนียงก็ดีใจมาก
พี่ชายนางวางเดิมพันไม่ผิด สถานะของเหลียนเซวียนผู้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย เื่อย่างนี้ยังสามารถรับปากได้อย่างง่ายดาย
นางรีบแจ้งที่อยู่ของตนเองอีกรอบหนึ่ง
ระหว่างที่พูดคุย ก็ยิ่งทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม นางถึงลุกขึ้นกล่าวอำลา พร้อมนำกระเป๋าแบบใหม่หีบหนึ่ง ออกจากจวนสกุลเซวียด้วยรอยยิ้ม
