เหยียนอู๋อวี้หมอบอยู่บนพื้น ฟังเสียงฝีเท้าคนหามขององค์หญิงใหญ่เดินจากไป ดวงตาจ้องไปที่พื้นเห็นลวดลายบนก้อนอิฐเต็มสองตา
คราวนี้ องค์หญิงใหญ่กับไทเฮาขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
ความอ่อนโยนที่นางมักจะแสร้งทำเป็สงบเสงี่ยมไม่ได้ผลอีกแล้ว การกระทำในครั้งนี้ของไทเฮาไม่ไว้หน้าองค์หญิงใหญ่อย่างสิ้นเชิง ต่อไปองค์หญิงใหญ่ไหนเลยจะเกรงใจนางอีกต่อไป
แม้ว่าเหยียนอู๋อวี้จะไม่ได้อยู่ในห้องโถงใหญ่ ทว่าหลังนางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พอคาดเดาสถานการณ์ด้านในว่าเป็อย่างไร หลายครั้งที่องค์หญิงใหญ่โต้เถียงกับไทเฮา องค์หญิงมักจะได้เปรียบเสมอ หลังจากเหตุการณ์ของอู๋เจาหรง ไทเฮาทรงระแวงว่าองค์หญิงใหญ่ว่ากำลังวางแผนทำร้ายซ่งอี้เฉิน วันนี้ยังให้เยวี่ยเซินกระตุ้นอารมณ์ของเขาอีก วันนี้นางไม่อาจนิ่งดูดายได้
รองเท้าัเคลื่อนมาอยู่เบื้องหน้าเหยียนอู๋อวี้ นางหยุดครุ่นคิด เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง นางมองซ่งอี้เฉินและเห็นเขายื่นมือออกมาแล้วพูดกับนางว่า “ไปเถิด เจิ้นจะพาเ้ากลับตำหนัก”
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือวางบนฝ่ามือเขา ปล่อยให้เขาดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน
“เสด็จแม่ เหยียนฉายเหรินได้รับาเ็ เจิ้นจะพานางกลับตำหนักก่อน” คราวนี้ซ่งอี้เฉินไม่ได้เดินหนีไปเหมือนเมื่อก่อน กลับขออนุญาตจากไทเฮาด้วยท่าทีนอบน้อม
ไทเฮามองเขาโอบกอดเหยียนอู๋อวี้แน่น ดวงตานางซับซ้อน ทว่านางยังคงโบกมือแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเ้าก็ไปส่งนางเถิด ฝ่าาเพิ่งหายจากอาการป่วย ไม่เหมาะที่จะออกแรงมาก”
เื่ของอู๋เจาหรงก่อนหน้านี้ทำให้ไทเฮากังวลเกี่ยวกับสุขภาพของซ่งอี้เฉินมาก โชคดีที่เขาหายดีแล้ว ทว่านางยังรู้สึกไม่พอใจมากที่เห็นซ่งอี้เฉินปกป้องเหยียนอู๋อวี้เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับบุตรนับว่าดีขึ้นมากกว่าก่อน ไทเฮาไม่้าให้ฝ่าาไม่พอพระทัย จำใจนิ่งเงียบไว้ก่อน
ซ่งอี้เฉินพยักหน้ามองนางสนมเ่าั้แล้วพูดว่า “คนอื่นก็แยกย้ายกันไปเช่นกัน อย่างไรพวกเขาทั้งหมดก็เป็สตรีหลีกเลี่ยงเื่นองเืเป็การดี เพราะอาจจะทำให้จิตใจไม่สงบเอาได้”
ทุกคนรู้สึกขอบพระทัยฝ่าา ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าขยับตัว จนกระทั่งไทเฮามีรับสั่งว่า “ยังไม่ขอบพระทัยฝ่าาอีก” จากนั้นทุกคนก็คุกเข่าลงบนพื้น ขอบพระทัยฝ่าาและรู้สึกโล่งใจ
ไทเฮามีแม่นมซูคอยประคองเข้าไปในตำหนัก คนข้างนอกต่างแยกย้ายกันไป ศพของหญิงงามทั้งสองและเยวี่ยเซินถูกลากออกไปนานแล้ว นางกำนัลและขันทีในวังหลวงกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดลานหน้าตำหนักและจุดธูปหอมเพื่อกลบกลิ่นคาวเื เพียงชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่าทุกสิ่งเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ไทเฮาทรงโน้มตัวบนตั่งนั่ง แม่นมซูคุกเขาทุบขาให้ไทเฮา บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมามองว่าไทเฮาทรง้าอันใดหรือไม่ ไม่คาดคิดว่าขณธที่นางมองขึ้นไป กลับเห็นเส้นผมสีขาวเงินบนหน้าผากที่แสดงถึงอารมณ์ขุ่นเคืองของไทเฮา มือนางหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นได้ยินไทเฮาทรงตรัสเบาๆ ว่า “เกิดอันใดขึ้น?”
แม่นมซูติดตามไทเฮามาหลายสิบปี นางเข้าใจสิ่งที่ไทเฮากำลังครุ่นคิด และไทเฮาก็เข้าใจการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของแม่นมซูด้วย
“บ่าวกำลังคิดว่า เมื่อเช้านางลืมบอกหัวหน้าหมอหลวงให้ปรับปรุงเทียบยาของไทเฮา เพิ่มตัวยาเหอโส่วอู[1]” แม่นมซูไม่ได้ปิดบัง นางแค่พูดอย่างมีไหวพริบ
ไทเฮาไม่ได้ลืมตา เพียงพูดว่า “เื่ของิชิ่งวันนี้ อายเจียเป็กังวลมากจริงๆ”
แม่นมซูนิ่งเงียบไป นางเห็นเื่ต่างๆ ในราชสำนักลมามาก ทว่าไทเฮาไม่้าอธิบาย นางก็ไม่ควรพูดมากเช่นกัน
“เดิมทีคิดว่าจะเก็บิชิ่งไว้สักระยะ กำจัดซ่งอี้หานก่อน คิดว่าตอนนี้เหมือนจะเก็บนางไว้ไม่ได้แล้ว” ไทเฮาพึมพำ “อดีตฮ่องเต้มีรับสั่งให้อายเจียดูแลบุตรีของเขาอย่างดี เกรงว่าครั้งนี้อายเจียคงกระทำตามที่พระองค์ฝากฝังไม่ได้แล้ว”
เมื่อแม่นมซูเห็นว่าไทเฮาทรงครุ่นคิดหนัก จึงพูดปลอบใจว่า “ไทเฮาทรงไม่ต้องรู้สึกผิดอันใดเพคะ บ่าวขอบังอาจพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด องค์หญิงใหญ่มีแผนสังหารฝ่าาแล้ว หากไม่กำจัดนาง ต่อไปไม่เพียงแต่ฝ่าาจะตกอยู่ในอันตราย แม้แต่ไทเฮาเองทรงอยู่ในอันตรายเช่นกันเพคะ หากไม่สามารถปกป้องฝ่าาได้ คงละอายใจต่ออดีตฮ่องเต้เช่นกันเพคะ ิญญาอดีตฮ่องเต้บนสรวง์คงเข้าใจความลำบากใจของไทเฮาเพคะ”
ไทเฮากระชากเสียงฮึเบาๆ แล้วตรัสว่า “ตอนนั้นอายเจียเห็นแก่นางที่ช่วยเหลือให้ฝ่าาครองบัลลังก์ อายเจียไม่ใช่คนเนรคุณ นางลำพองใจต่อความดีความชอบนี้เกินไป โดยไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา ท้ายที่สุดแล้วก็อยู่ด้วยกันมานาน ตอนนั้นฉือหยวนไทเฮาเองก็ไม่ได้รังแกอายเจีย......”
แม่นมซูแนะนำว่า “น่าสงสารหัวใจของผู้เป็บิดามารดาทุกคนบนโลกนี้อย่างยิ่ง ไทเฮาทรงทำเช่นนี้เพราะความจำเป็”
ในที่สุดไทเฮาลืมตาขึ้น มองตำหนักอี้คุนที่ตกแต่งโอ่อ่าหรูหรา ฉือหยวนไทเฮาไม่เคยัั นางกลับประทับอยู่ที่นี่เป็เวลานาน อดีตฮ่องเต้ตแล้ว นางเคยคาดหวังว่าจะติดตามไปพร้อมกับอดีตฮ่องเต้ อยู่ร่วมกันในสุสานของฮ่องเต้ สิ่งเดียวที่นางยังพะวงอยู่ก็คือความรักที่นางมีต่อซ่งอี้เฉิน เพราะเป็สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนาง “ใช่แล้ว หัวใจผู้เป็บิดามารดาทุกคนบนโลกนี้ หากองค์หญิงใหญ่เชื่อฟังก็ดี อายเจียจะได้ไม่ต้องทำร้ายนาง นางอยากอยู่ดีกินดีหรูหราฟุ้งเฟ้อเยี่ยงไร อายเจียจัดหาให้บริบูรณ์ หาก้าบุรุษงดงามคอยพะเน้าพะนอ อายเจียก็จะทำทีปิดตาข้างหนึ่ง น่าเสียดายที่นางไม่รู้ว่าจะทะนุถนอมความรู้สึกนี้ ได้คืบเอาศอก กดดันนางมากเกินไป หรือว่านาง้าจะเป็จักรพรรดินีหรือ?”
“เื่นี้เป็การกระทำที่ทรยศต่อเชื้อพระวงศ์และผิดครรลองธรรม” แม่ซูกล่าวเตือน “หากนางนั่งบนตำแหน่งนั้นจริงๆ ใต้หล้าคงสับสนวุ่นวาย เพื่อพสกนิกรและส่วนรวมจำเป็ต้องทำอย่างยิ่ง ”
ในที่สุดไทเฮาก็เผยรอยยิ้ม “ยังเป็เ้าที่เข้าใจอายเจีย หลังจากพูดคุยกับเ้า อายเจียรู้สึกโล่งใจ”
เมื่อเห็นว่าไทเฮากำลังจะลุกขึ้น แม่นมซูรีบก้าวเข้ามาประคองนางแล้วพูดว่า “ไทเฮาใจดีเกินไป”
ไทเฮาถอนหายใจและพูดว่า “หากอาลักษณ์อู๋ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมปริปาก เช่นนั้นก็ปะาเสีย ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ สิ่งของของิชิ่งอายเจียจะตามหาเอง”
แม่นมซูพยักหน้าเห็นด้วย ไทเฮาเอ่ยปากถามอีกครั้ง “ใครคือผู้ที่รับผิดชอบเื่บรรเทาภัยพิบัติและโรคระบาดที่เขตเหอเป่ย”
“รองเ้ากรมการคลังฝ่ายขวา เฉาอี๋เพคะ” แม่นมซูตอบ
“เหอเป่ยอยู่ใกล้เมืองหลวงมาก โรคระบาดจะต้องจัดการโดยเร็วที่สุด ให้รองเ้ากรมฝ่ายขวาลองจัดการ คนที่ไร้ประโยชน์ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งนั้น เ้ากรมการคลังดูแลไม่เรียบร้อย ต้องลงโทษและลดตำแหน่งเขา”
แม่นมซูตอบรับอีกครั้งและจดจำคำพูดนี้ในใจ นางอายุมากขึ้นแล้ว ลำบากนิดหน่อย อีกเดี๋ยวนางจะออกไปถ่ายทอดคำสั่งเพื่อไม่ให้นางลืม ทำให้เสียเื่ใหญ่
ขณะที่นางกำลังท่องจำอย่างระมัดระวัง นางได้ยินเสียงไทเฮาถอนหายใจและพูดว่า “อายเจียหวังว่าฮ่องเต้จะชอบสตรีที่อายเจียเลือกให้เขา ไม่ต้องถูกสตรีมากเล่ห์เ่าั้ยั่วยวนจนขาดสติ ส่วนเหยียนฉายเหริน จัดการได้ก็ทำ”
แม่นมซูนึกถึงใบหน้าที่งดงามของเหยียนอู๋อวี้ ภายในใจรู้สึกสงสารเล็กน้อย แล้วพยายามจดจำเื่นี้ด้วย
ไทเฮาพลันคิดถึงเหตุการณ์ของอู๋เจาหรงอีกครั้ง แม้ไทเฮาจะไม่พูดถึงเื่นี้ ทว่าทันทีที่อาลักษณ์อู๋ถูกตัดสินลงโทษจะต้องถูกปะาชีวิตทั้งตระกูล อู๋เจาหรงไม่อาจหลบหนีได้ โทษปะาเป็สิ่งที่นางหลีกเลี่ยงไม่ได้
แทบทุกที่ในวังหลวงแห่งนี้เจิ่งนองไปด้วยเื
......
ซ่งอี้เฉินประคองเหยียนอู๋อวี้ลับไปที่ตำหนักเฟิ่งชัย หมอหลวงรออยู่ด้านข้างนานแล้ว เมื่อหมอหลวงเห็นพวกเขากลับมา ก็รีบเข้าไปตรวจดูอาการจับชีพจรอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดกับซ่งอี้เฉินว่า “เหยียนฉายเหรินได้รับาเ็ที่ิัเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสั่งยาทาสมานแผล ไม่เป็อันใดร้ายแรงพ่ะย่ะค่ะ ”
ซ่งอี้เฉินเห็นาแของเหยียนอู๋อวี้เืหยุดแล้วและรู้ว่าไม่ร้ายแรง เขาจึงรู้สึกโล่งใจ จากนั้นได้ยินเหยียนอู๋อวี้พูดเสียงเบา “ท่านหมอหลวงไม่จำเป็ต้องสั่งเทียบยา ไทเฮาทรงมอบครีมหยกบำรุงผิวมายังไม่ได้ใช้เลย วันนี้ได้ใช้พอดี”
ซ่งอี้เฉินถามด้วยความประหลาดใจ “ไทเฮาทรงประทานครีมหยกบำรุงผิวให้เ้าโดยไม่มีสาเหตุหรือ?”
[1] ห่อสิ่วโอว 何首烏 หรือ เหอโส่วอู ในภาษาจีนกลาง เป็สมุนไพรจีนที่ได้ชื่อมาจากสรรพคุณที่มีตำนานหนึ่งเล่าว่า ชายคนหนึ่งได้กินสมุนไพรชนิดนี้แล้วทำให้ผมที่ขาวกลับเป็ดำ จึงได้ชื่อว่า ห่อสิ่วโอว ซึ่งแปลว่า คนแซ่ฮ้อ (เหอ) ผมดำ
สิ่วโอวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Radix Polygoni Multiflori (Preparata)
มีชื่อสามัญว่า Fleeceflower Root , Flowery Knotweed Root, mbing Knotwood , Fo Ti, Chinese Cornbind
คุณลักษณะ รสฝาด-หวาน ฤทธิ์อุ่นเล็กน้อย ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของตับ และไต
สรรพคุณ
บำรุงสารจำเป็”จิง” บำรุงเื เสริมการทำงานของระบบกักเก็บของไต ทำให้ผมดำ บำรุงตับ บำรุงกระดูกและเส้นเอ็น ใช้ในผู้มีอาการเืพร่อง วิงเวียน ตาลาย ใจสั่น นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม ซีดเหลือง อ่อนเพลีย ตับและไตพร่อง วิงเวียน หูมีเสียง ปวดเมื่อยเอว เข่า ฝันเปียก ผมหงอกก่อนวัย