อี๋เหนียงสองเสียใจแล้ว นางมิคาดว่าพ่อบ้านหวางจะเตือนฮูหยินผู้เฒ่าเื่งานการกุศลนี้ขึ้นมา หากเขาแจ้งนางเป็การส่วนตัว นางย่อมคิดหาวิธีหยิบยืมเงินมาก่อนได้
“พ่อบ้านหวาง เ้าพูดอะไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจัดแล้ว นางใจเย็นลงมาบ้างเมื่อฮวาชีเยว่กระซิบปลอบประโลมอยู่หลายคำ แล้วจึงมองพ่อบ้านหวางที่ยามนี้คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเ็า
พ่อบ้านหวางตัวสั่น หน้าผากแนบพื้น เหงื่อเย็นไหลซึมอ้อนวอน “ฮูหยินผู้เฒ่า... บ่าว... บ่าวทำพลาดไปแล้ว บ่าวไม่ควรปิดบังจากท่าน เป็เพราะ... อี๋เหนียงสองมักเป็ผู้สั่งให้บ่าวไปซื้อโอสถขอรับ!”
อี๋เหนียงสองพลันต้องมองพ่อบ้านหวางอย่างเ็า
พ่อบ้านหวาง้าฉวยโอกาสนี้สารภาพเพื่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าให้อภัย เขาต้องทำตามคำสั่งผู้อื่นเป็แน่ มิเช่นนั้นเหตุใดต้องมาถึงเรือนหลักเพื่อเตือนฮูหยินผู้เฒ่าด้วย?
“ดี! ดียิ่ง... พวกเ้าช่างกล้านัก! คิดว่าข้าไม่มีตัวตนกันแล้วรึ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเดือดจัดขึ้นมา ฮวาชีเยว่รีบพัดวีให้นางอย่างรวดเร็ว
“ท่านย่าอย่าโกรธไปเลยเ้าค่ะ เหตุใดต้องโมโหคนพวกนี้ด้วยเล่า? อย่างไรพ่อบ้านหวางก็เป็แค่บ่าวไม่อาจคิดเอง อย่างไรเขาก็รับใช้สกุลฮวามายี่สิบกว่าปี ละเว้นเขาเสียหน่อยดีไหมเ้าคะ? อีกประการ พ่อบ้านหวางเองก็เป็ผู้เจรจาราคาต้นหลงแดงมาให้หลานได้สูงทีเดียว ตอนเขานำไปวางขาย เราได้มาถึงห้าหมื่นตำลึง... เช่นนี้เป็อย่างไร หลานมีเงินในมืออยู่ห้าหมื่นตำลึง ก็ให้หลานจ่ายหนึ่งหมื่นตำลึงไปก่อน เช่นนี้คนในบ้านจะยังสามารถใช้เงินที่เหลือในคลังได้”
ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างใจเย็น ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจแรง ความวิงเวียนเข้าจู่โจม ทว่าเมื่อได้ยินคำของหลานสาวก็อดทอดถอนใจมิได้
ฮวาชีเยว่รีบส่งแตงโมให้นางชิ้นหนึ่ง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัดเข้าไปแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา
“ในเมื่อชีเยว่ขอความเมตตาให้เ้า ครั้งนี้ข้าก็จะละเว้นเ้าคราวหนึ่ง แต่เ้าต้องถูกหักเงินหกเดือน อีกหน่อยสมุดบัญชีและกุญแจคลังให้ชีเยว่เป็ผู้ดูแล”
ฮูหยินผู้เฒ่าผิดหวังในตัวอี๋เหนียงสองนัก นางไม่ได้ตาบอด ย่อมต้องทราบว่าคนสั่งหวางมามาให้ยักยอกเงินฮวาชีเยว่เป็ใคร บ่าวคนหนึ่งจะกล้าหักเงินของบุตรีคนโตแห่งสกุลฮวาเชียวหรือหากไร้คำสั่งจากผู้เป็นาย
ฮวาชีเยว่รีบส่ายหน้า “ท่านย่า เช่นนี้ไม่เหมาะสมเ้าค่ะ อย่างไรในจวนก็ยังมีอี๋เหนียงอยู่อีกสองคน หลานเป็เพียงลูกสาวคนโต จะดูแลสมุดบัญชีสกุลฮวาได้อย่างไร? พ่อบ้านหวางเองก็รับใช้จวนมายี่สิบห้าปี ทั้งยังมีประสบการณ์มากมาย นอกจากไม่รายงานเื่ที่ทราบก็มิได้ทำอะไรอย่างอื่นผิดอีก อีกประการ เขาก็เฉลียวฉลาด เช่นนี้ก็ให้เขาเป็ผู้ดูแลคลังสมบัติดีไหมเ้าคะ แล้วให้อี๋เหนียงกับหลานเป็ผู้ตรวจสอบบัญชีดีหรือไม่? หากเขาทำงานได้ไม่ดีย่อมสามารถโอนงานให้ผู้อื่นได้ทุกเมื่อ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าหัวเราะ “เยว่เอ๋อร์พูดถูก สิ่งที่พ่อบ้านหวางทำให้สกุลฮวามิอาจมองข้าม... ยามที่พ่อเ้ายังไม่ใช่แม่ทัพ ก็มีพ่อบ้านหวางที่พยายามแก้ไขปัญหาให้พวกเราเสมอ พ่อบ้านหวาง เห็นแก่เยว่เอ๋อร์ข้าจะมอบโอกาสให้เ้าอีกครั้งหนึ่ง!”
ดวงตาพ่อบ้านหวางทอประกายขึ้น เขารอดจากการถูกลงโทษมาได้ ซ้ำยังได้ “เลื่อนตำแหน่ง” จึงรีบคุกเข่าโขกหัวขออภัยทันที
“เฉิงอี๋เหนียง เมิ่งซือ พวกเ้าเองก็ต้องรับผิดชอบการกระทำโง่งมของตนเอง... เฮ้อ ข้าจะหักเงินพวกเ้าทั้งคู่หกเดือน หากพวกเ้ายังคงทำอะไรไม่ดีงามอยู่อีก ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย! กลับห้องไปได้แล้ว!”
อี๋เหนียงสองรีบขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่เมตตา ในขณะที่เมิ่งซือได้แต่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร คราวนี้พวกนางถูกตีอย่างรุนแรงแล้วจริงๆ ไม่เพียงแต่อับอาย ทั้งยังเสียความเชื่อมั่นจากฮูหยินผู้เฒ่าอีกด้วย
ฮวาชีเยว่นิ่วหน้าเล็กน้อย แล้วจึงมองเทียนซีที่ตะกายออกจากอ้อมกอดนางเพื่อเล่นหินอ่อนบนเตียงหยก
ยามนี้เทียนซีเป็คนละคนกับในอดีตโดยสิ้นเชิง
เมื่อก่อน เทียนซีเป็เ้าหนูจำไมที่พูดไม่หยุด นำเสียงหัวเราะไปทั่วทุกที่
ยามนี้เขาทำเพียงเล่นกับหินอ่อนอย่างเงียบเชียบ บนใบหน้ายังคงมีวี่แววหวาดกลัว
“เยว่เอ๋อร์ เป็อะไรไป? ทำไมดูเป็กังวลนัก?”
วันนี้ฮูหยินโปรดปรานฮวาชีเยว่นัก ยามนี้ฮวาชีเยว่สามารถได้เมล็ดพันธุ์หลงแดงมา หมายความว่าอีกหน่อยสกุลฮวาย่อมได้รับโชคลาภมาอย่างง่ายดาย ทั้งชื่อเสียงย่อมเป็ที่รู้จักไปทั่วดินแดน
เมื่อฮ่องเต้ทราบเข้าย่อมต้องส่งจอมยุทธ์มากฝีมือมาคุ้มภัยเพื่อมิให้หลงแดงถูกขโมยเข้ามาแย่งชิงไป
“ท่านย่า อย่างไรเทียนซีก็เป็ลูกบุญธรรมของหลาน เห็นเขาเป็เช่นนี้ทีไร…” ดวงตาของฮวาชีเยว่ปริ่มน้ำ นับแต่เกิดใหม่ จิตใจนางก็แน่วแน่ ทั้งยังด้านชากว่าที่เคย
ทว่าเมื่อเป็เื่เทียนซี นางกลับไปอาจทำใจแข็งต่อเขาได้เลย
นางรู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็ผู้ทำให้เทียนซีต้องทุกข์ทรมานเพราะความไร้ประโยชน์ไม่รู้ความของตนเมื่อก่อน
คำพูดของโจวจื่อเฉิงที่กล่าวก่อนนางตายนั้นหมายความว่าอะไรกัน?
นางไม่เห็นหน้าบุรุษผู้นั้นที่เข้ามาในคืนแต่งงานจริงๆ เมื่อคิดไปแล้วใจนางก็ให้ร่วงหล่นลง
โจวจื่อเฉิงไม่มีทางโกหก นับแต่วันแต่งงาน ท่าทีของเขาต่อนางก็เ็าดุจน้ำแข็ง เพียงเท่านี้ก็เป็หลักฐานได้แล้ว
“ชีเยว่ ยังมีคำกล่าวว่าผู้ได้รับความโปรดปรานจะมีความโชคดี ยามนี้เทียนซีได้เ้าคอยดูแล อีกหน่อยย่อมได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็แน่ เ้าไม่ต้องกังวลไป” ฮูหยินผู้เฒ่าฮวาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง
“อ้อ ใช่ ชีเยว่ หนานอ๋องเป็แพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนี้ เ้าไปหาให้เขาช่วยรักษาจริงหรือ?”
“จริงเ้าค่ะ ทว่ายังต้องอาศัยสมุนไพรที่ชื่อว่าปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างเพื่อขับพิษที่เหลือจากร่างเทียนซี หนานอ๋องตกลงยอมช่วยเหลือรักษาเทียนซีหนึ่งเดือน…” ฮวาชีเยว่ตอบอย่างใจเย็น การที่ต้องใช้เวลารักษาถึงหนึ่งเดือนแสดงให้เห็นความโหดร้ายขององค์หญิงฮุ่ยเจินแล้ว ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าปรมาจารย์พิษผู้นั้นมีฝีมือร้ายกาจเพียงใด!
“ปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างหรือ? ข้าเคยได้ยินว่าเป็สมุนไพรเทพที่มีอยู่บนโลกนี้เพียงน้อยนิด…” ฮูหยินผู้เฒ่าฮวาอดมิได้ที่จะเป็ห่วงเทียนซี ฮวาชีเยว่เองก็แปลกใจที่ท่านย่าผู้นี้รู้จักสมุนไพรดังกล่าว อดมิได้ให้ยิ้มออกมา นางยังมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง
“ท่านย่าไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ หลานย่อมสามารถจัดหาปทุมหงสาเกล็ดน้ำค้างนี้มาได้แน่” ฮวาชีเยว่เอ่ยเสียงเรียบ
ฮูหยินผู้เฒ่ามองฮวาชีเยว่อย่างมีความหมายแล้วจึงยิ้มออกมา
เช้าวันต่อมา ในเรือนเตี๋ยหว่านแห่งจวนสกุลฮวาก็มีเสียงเครื่องเคลือบแตกกระจายและเสียงสบถด่าดังออกมา
“บัดซบ! นางแพศยานั่น... กล้าดีอย่างไรมาต่อต้านข้าครั้งแล้วครั้งเล่า!”
เสียงก่นด่าของฮวาเมิ่งซือเบาจนหายลับไปตามสายลม ในเรือนห้องรับรอง ฮวาเมิ่งซือขว้างปาถ้วยชา สาวใช้ข้างกายนางล้วนแต่เงียบสนิทไม่กล้าเอ่ยคำ
อี๋เหนียงสองนิ่วหน้าเล็กน้อย “เมิ่งซืออย่าใจร้อนไป เื่นี้แม่ไม่เข้าใจ เหตุใดนังสารเลวนั่นจึงเฉลียวฉลาดขึ้นมาได้?”
เฉิงอี๋เหนียงไม่เข้าใจเื่นี้จริงๆ ฮวาชีเยว่เคยขี้ขลาดหัวทึบมาตลอด หรือที่ผ่านมาคนเพียงเล่นละครเท่านั้น?
“คุณหนูรองเ้าคะ คุณหนูรอง…” ทันใดนั้นสาวใช้คนหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นหน้าฮวาชีเยว่ก็อดตัวสั่นมิได้ นางเอ่ยเสียงเบา “คารวะคุณหนูและอี๋เหนียง คุณหนูใหญ่นำเด็กนั่นไปรักษาเ้าค่ะ ได้ยินว่าต้องอาศัยเวลารักษาอีกหนึ่งเดือน”
สาวใช้ผู้นี้เป็สาวใช้ใหม่ของฮวาชีเยว่ที่เฉิงอี๋เหนียงจัดให้หลังหลานจูถูกตีจนตาย มีนามว่าชิวอวิ๋น
สาวใช้อีกคนหนึ่งชื่อชิวหงยิ้มออกมา “คุณหนู เหตุใดท่านไม่ไปแอบดูต้นหลงแดงในตำนานเสียหน่อยเล่าเ้าคะ?”
ฮวาเมิ่งซือไม่พอใจฮวาชีเยว่ หากมีฮวาชีเยว่อยู่ นางย่อมไม่เข้าใกล้เรือนกุ้ยฮวา เมื่อได้ยินว่าฮวาชีเยว่ไม่อยู่ นางก็หรี่ตาลง
“เมิ่งซือ มิใช่เ้าอยากไปดูมันเสียหน่อยหรือ? เรือนของนางไม่ได้ลงกลอน เราไปดูหน่อยดีหรือไม่?”
เฉิงอี๋เหนียงเอ่ยอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นใบหน้าของฮวาเมิ่งซือบิดเบี้ยวด้วยความริษยาเกลียดชัง
ฮวาเมิ่งซืออยากปฏิเสธ แต่เมื่อคิดถึงหลงแดงที่ขายได้ถึงต้นละห้าหมื่นตำลึง นางก็ยังอดลุกขึ้นมิได้ “ไปดูกันเสียหน่อยเถอะ”
ดังนั้น พวกนางจึงได้เดินไปยังเรือนกุ้ยฮวา
พ่อบ้านหวางที่อยู่ไม่ไกลหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินมา คุณหนูใหญ่พูดถูก เมื่อนางออกไปแล้ว คนพวกนี้ย่อมต้องเข้ามาขโมยหลงแดงแน่
เขาอดมิได้ให้สงสัยว่าเหตุใดฮวาชีเยว่ไม่จัดบ่าวไพร่ไว้เฝ้าระวังหลงแดงเสียหน่อย
ทว่าหากว่ากันตามเหตุผลแล้ว แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่อยู่ในจวน ทว่าเมื่อฮวาชีเยว่รายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่าว่าต้นหลงแดงถูกทำลาย ผู้ลงมือย่อมต้องได้รับโทษ
คนกลุ่มนี้บังเอิญเจอเข้ากับอี๋เหนียงสามและฮวาเสี่ยวอีที่สวนด้านหลังพอดี ทั้งสองกลุ่มมองหน้ากันอย่างมีความหมาย เอ่ยทักทายกันก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเรือนกุ้ยฮวาด้วยท่าทีไม่เป็มิตร
ฮวาเสี่ยวอีมักพูดจาหยาบคาย ทว่าเมื่อถูกอี๋เหนียงสามสั่งสอน นางก็กัดปากตนเองเอาไว้ได้
ทั้งกลุ่มมาถึงหน้าเรือนกุ้ยฮวา เห็นพื้นดินที่เคยว่างเปล่ายามนี้ชั้นดินที่คลุมพื้นที่ หลงแดงหกต้นถูกปลูกเอาไว้ในดิน แต่ละแถวล้วนแต่เติบโตอย่างงดงาม
ลำต้นงดงามของหลงแดงดูราวกับยิ่งเปล่งประกายภายใต้แสดงอาทิตย์ ดอกสีแดงสดใสส่งกลิ่นหอมออกมา
ดอกไม้สีแดงสดใสเหล่านี้ ทำให้ทั้งเรือนราวกับเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต
ทุกคนมองต้นหลงแดงทั้งหก สายตาทอประกายซับซ้อน รวมไปถึงความริษยา
ฮวาเมิ่งซือข่มกลั้นความเกลียดชัง เอ่ยพร้อมรอยยิ้มสดใส “มิคาดว่าสมุนไพรชื่อดังที่พี่หญิงใหญ่เป็ผู้เพาะปลูกจะมีชีวิตชีวาเช่นนี้ ย่อมต้องนำโชคลาภมาสู่จวนสกุลฮวาแล้วจริงๆ”
ฮวาเสี่ยวอีแค่นเสียงเย้ยหยันใส่คำเสียดสีของฮวาเมิ่งซือ “พี่รองเลิกเสแสร้งเถอะเ้าค่ะ ท่านคงอยากได้สมุนไพรนี้แทบตายแล้ว ถึงอย่างไรสมุนไพรนี้ก็นับว่าประเมินค่ามิได้ ใครกล้ากล่าวว่าไม่้าบ้างเล่า?”
ฮวาเสี่ยวอีเป็คนตรงไปตรงมา คำพูดนางกระแทกใส่หลายคนที่มาด้วยกัน
นางไม่งดงามเท่าฮวาเมิ่งซือ ทั้งยังไม่มีฝีมือด้านพลังชี่เช่นเดียวกับฮวาเมิ่งซือ ทำให้นางอิจฉาฮวาเมิ่งซืออย่างรุนแรง
ดังนั้นเมื่อมีโอกาสย่อมต้องแดกดันฮวาเมิ่งซือ เช่นนี้ยังทำให้นางรู้สึกภูมิใจขึ้นมา
อี๋เหนียงสามดึงเสื้อของอีกฝ่ายเบา “เสี่ยวอี เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว พี่สาว เมิ่งซือ เสี่ยวอียังเด็ก มักพูดอะไรไร้สาระ อย่าเก็บไปจริงจังเลยนะเ้าคะ”
ฮวาเมิ่งซือปิดปากตนเองอย่างสง่างาม “ไม่ต้องห่วงเ้าค่ะ น้องสามเป็คนตรงไปตรงมา เกรงว่าคนที่นางทำให้ไม่พอใจคงมีอยู่นับไม่ถ้วน”
เฉิงอี๋เหนียงค่อยๆ ยิ้มออกมา “ไม่เลยๆ เป็คนตรงไปตรงมา ย่อมดีกว่าลอบแทงข้างหลังไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ ถูกต้องแล้ว” ทุกคนพร้อมใจกันเห็นด้วย จากนั้นจึงมองต้นหลงแดงอย่างละโมบ
หลงแดงหนึ่งต้นมูลค่าห้าหมื่นตำลึง มีใครบ้างจะไม่้า?
ฮวาเมิ่งซือคิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกระซิบอะไรกับชิวอวิ๋นที่อยู่ข้างกาย ชิวอวิ๋นพยักหน้าแล้วจึงจากไปอย่างเงียบๆ
ไม่นานนัก ชิวอวิ๋นก็กลับมาพร้อมสุนัขสีดำตัวหนึ่งที่อี๋เหนียงสามเลี้ยงดูเอาไว้
หมาดำตัวนี้กำลังจะหันไป ทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงปังดังสนั่นจากด้านหลัง จากนั้นบางสิ่งก็บินเข้ามาโจมตีหมาดำ
เ้าหมาสีดำเห่าดังลั่น จากนั้นจึงวิ่งอย่างบ้าคลั่งเข้าไปในสวน ทุกคนอุทานอย่างใเมื่อเห็นมันวิ่งไปยังต้นหลงแดงที่ฮวาชีเยว่ปลูกเอาไว้!