หลิงมู่เอ๋อร์รับรู้ได้อย่างฉับไวว่าในบรรยากาศมีบางสิ่งไม่ค่อยถูกต้อง นางมองไปรอบๆ ลูบแก้ม “บนใบหน้าของข้ามีสิ่งใดหรือ?”
ซูเช่อหลุดหัวเราะออกมา ใบหน้าที่งดงามดุจสายลมและจันทราของบุรุษเมื่อแย้มสรวลเช่นนี้ ก็เจิดจ้าจนทำให้คนมิอาจละสายตาได้
หลิงมู่เอ๋อร์พบว่าที่มุมปากมีของเหลวที่น่าสงสัย นางลูบดู ก็มีน้ำลายไหลลงมา ในเวลานั้น นางอยากจะหารอยแยกบนพื้นมุดเข้าไปจริงๆ
ซูเช่อหัวเราะหนักกว่าเดิมแล้ว เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับใบหน้านี้มาก่อน แต่ทว่าในเวลานี้ในนาทีนี้ เขารู้สึกยินดีอย่างมากที่มีใบหน้านี้ อย่างน้อย ก็สามารถทำให้นางเสียสมาธิได้
ในใจของซั่งกวนเซ่าเฉินก็ไม่สวยงามแล้ว นางในดวงใจมองชายอื่น มองจนเหม่อลอย เช่นนี้จะให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร เขาเกิดความลังเลขึ้นมา จะเปิดเผย…ใบหน้าที่แท้จริงให้นางดูดีหรือไม่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาสนิทสนมถึงเพียงนี้แล้ว ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขามาก่อน
“พี่หลิง ท่านลองชิมที่ข้าย่างดู ข้าเรียนกับพ่อครัวใหญ่ตั้งนาน! ท่านดู บนมือของข้ามีแต่ตุ่มน้ำเต็มไปหมด ” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยกล่าว นำนิ้วทั้งสิบของตนไปโบกอยู่หน้าหลิงจือเซวียนสองสามครั้ง เป็ดังที่นางพูด บนนั้นมีร่องรอยอยู่มากจริงๆ แม้จะบอกว่าตุ่มน้ำได้แตกไปแล้ว และกำลังผสานกัน แต่ก็ดูออกถึงบริเวณที่เคยได้รับาเ็มาก่อน
หลิงจือเซวียนมองหญิงสาวที่เจิดจรัสเบื้องหน้าอย่างซับซ้อน นางเปล่งประกายอย่างมากจริงๆ ราวกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ไม่มีผู้ใดสามารถมองข้ามการคงอยู่ของนางได้
ที่จริงแล้ว ในตอนแรกเขาไม่ชอบนางจริงๆ หญิงสาวนางนี้เกเรเอาแต่ใจ เป็บุคคลที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองหลวง ที่แท้เป็เมื่อใดกัน ที่มองนางใหม่อย่างชื่นชม? เป็ตอนที่นางถามไถ่ขอทานพวกนั้นอย่างอ่อนโยน? เป็ตอนที่นางมอบเสื้อคลุมกันลมบนล่างให้บุตรน้อยของขอทาน? หรือเป็ยามที่เผชิญหน้ากับอันธพาลพวกนั้น ทั้งที่นางหวาดกลัวอย่างมากก็ยังแสร้งทำเป็เข้มแข็งกัน ?
ที่แท้การคงอยู่ของสตรีนางนี้ ได้สลักลึกลงไปในหัวใจของเขาแล้ว หากมีวันใดที่นางมิได้มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา เขาจะรู้สึกว่าตนได้ขาดบางสิ่งที่สำคัญไป
“ท่านกำลังดูสิ่งใด?” เจาหยางจวิ้นจู่มองหลิงจือเซวียนอย่างทะเล้น “ใช่พลันรู้สึกชอบข้าขึ้นมาบ้างแล้วหรือไม่?”
แก้มของหลิงจือเซวียนแดงขึ้นมา กระแอมเบาๆ เหลือบมองซูเช่อที่อยู่เบื้องหน้า ส่วนความสนใจของซูเช่อกลับอยู่บนตัวของหลิงมู่เอ๋อร์ทั้งหมด ไม่ได้สนใจสถานการณ์ของพวกเขาเลย หลิงจือเซวียนพลันรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา พูดจารักๆใคร่ๆกับน้องสาวของคนเขาต่อหน้าพี่ชายเช่นนี้ แบบนี้จะไม่ถูกตีจริงๆหรือ?
ไม่ถูก! เ้าเด็กนั่นก็กำลังหมายมาดน้องสาวของเขาเช่นกัน แบบนี้… ถือว่าเสมอกันแล้ว? เพ้ย! เพ้ย! ไม่ได้ น้องสาวไม่อาจถูกเ้าเด็กนั่นหลอกไปได้ ที่น้องสาวชอบคือซั่งกวนเซ่าเฉิน ไม่อาจตกมาอยู่ในส่วนลึกของตระกูลใหญ่แห่งนี้ได้
“จวิ้นจู่ ท่านกลับไปนั่งเถอะ อย่าให้คนหัวเราะเยาะเอาได้” หลิงจือเซวียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยมองหลิงจือเซวียนอย่างน้อยใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คนเช่นเ้านี่…ทั้งที่มีความรู้สึกต่อข้าถูกหรือไม่? เหตุใดจึงมักจะไร้น้ำใจเช่นนี้? ข้าชอบเ้า เ้าชอบข้า เป็เื่ที่เรียบง่ายอย่างมาก เหตุใดต้องทำให้ซับซ้อนเช่นนั้นด้วย?”
หลิงจือเซวียนถอนใจอยู่ในใจ นางคือเจาหยางจวิ้นจู่น้อย มารดาคือองค์หญิงใหญ่ ท่านยายคือไท่โฮ่ว จะเข้าใจความลำบากใจของเขาได้อย่างไร?
มุมปากของจูฉีโค้งขึ้น เขาคบหากับหลิงจือเซวียน เข้าใจทุกเื่ราวของเขา เจาหยางจวิ้นจู่น้อยมิได้สังเกตเห็นความรักเข้มข้นที่ไม่อาจละลายได้ในดวงตาของเขา เพื่อนสนิทเช่นเขากับเห็นอยู่กับตา เ้าเด็กนี่ก่อนหน้านี้ก็ได้ถูกจวิ้นจู่น้อยผู้เกเรตกไปอย่างไม่รู้ตัวแล้ว เพียงแต่เขาไม่อาจผ่านด่านในใจของตนด่านนั้นได้ เพราะฐานะของคนทั้งสองต่างกันมากจนเกินไป
แต่งออกสูงแต่งเข้าต่ำ[1] นี่เป็กฎที่ไม่เป็ลายลักษณ์อักษรของเหล่าตระกูลใหญ่ เจาหยางจวิ้นจู่น้อยได้รับความรักความโปรดปรานอย่างที่สุด หลิงจือเซวียนเป็เพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าแต่งสูงเลยสักนิด
“จวิ้นจู่ ผู้แซ่หลิงไม่คู่ควรให้จวิ้นจู่ปฏิบัติด้วยเป็พิเศษเช่นนี้ เชิญกลับไปเถิด!” พูดจบ ก็วางเนื้อที่เจาหยางจวิ้นจู่น้อยย่างกลับไปด้วย
ใบหน้าของเจาหยางจวิ้นจู่น้อยพลันมืดครึ้มลงทันที นางมองหลิงจือเซวียน เห็นความดึงดันในดวงตาของเขา หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็ทาง
“หลิงจือเซวียน ข้า เจาหยาง ไม่เคยดีกับผู้อื่นเช่นนี้มาก่อน เ้าก็มองไม่เห็นความดีของข้าหรือ?” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองใหญ่ขนาดนี้ แม้ทางซูเช่อจะประชันกันรุนแรงเพียงใด ก็ถูกพวกเขาทางด้านนั้นดึงความสนใจไป
หลิงมู่เอ๋อร์มองหลิงจือเซวียน จากนั้นก็มองเจาหยางจวิ้นจู่ที่ร้องไห้จนกลายเป็มนุษย์น้ำตา นางขมวดคิ้วกล่าวว่า “จวิ้นจู่ ข้าประคองท่านกลับไปพักที่ห้อง!”
“ไม่เอา” เจาหยางจวิ้นจู่เช็ดน้ำตา นั่งกลับลงไปใหม่ “ข้ายังกินไม่อิ่มเลย!”
ซูเช่อมองเจาหยางจวิ้นจู่ สาวน้อยเติบโตแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจริงๆ บางทีความรักในครั้งนี้ อาจไม่ใช่เื่ไม่ดีสำหรับนางไปเสียหมด
“ครั้งนี้ฝ่าาทรงมีแผนการจะส่งคนไปเมืองชิ่งเฉิง เปิ่นจวิ้นอ๋องได้เสนอใต้เท้าซั่งกวนให้แก่ฝ่าา” ซูเช่อมองซั่งกวนเซ่าเฉิน
การย่างเนื้อของซั่งกวนเซ่าเฉินหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าเป็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาก็กลับมาเป็เช่นเดิม
เนื้อย่างในมือพลิกหมุน รักษาสภาพสดใหม่น่ารับประทานที่สุดไว้ จนกระทั่งโชยกลิ่นหอมกรุ่นออกมา จึงได้วางลงในชามของหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มให้ซั่งกวนเซ่าเฉิน ท่าทางนั้นก็ราวกับแมวน้อยจอมเกียจคร้านที่กำลังออดอ้อน มองแล้วก็ทำให้คนรู้สึกรักถนอมขึ้นมา
เนื้อย่างในมือของซูเช่อก็ไหม้เกรียมไปเช่นนี้แล้ว มองดูเนื้อย่างนั้น เขาโยนไปด้านข้างอย่างสงบ เปลี่ยนชิ้นใหม่มาย่าง
ทว่า หลายครั้งติดต่อกัน เนื้อก็ไหม้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจาหยางจวิ้นจู่น้อยที่กำลังเสียใจก็ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว นางรับเนื้อในมือของซูเช่อมาย่างเอง
“ขอบคุณการสนับสนุนของจวิ้นอ๋องน้อยมาก แต่ว่า ข้าไม่อยากจากไปไกลเกินไป แบบนั้นจะมีคนเป็ห่วงได้” ซั่งกวนเซ่าเฉินเช็ดมุมปากของหลิงมู่เอ๋อร์ “เป็แมวน้อยที่มอมแมมจริงๆ ถ้าเ้าชอบกิน กลับไปข้าย่างให้เ้ากินก็ได้ ไม่อาจกินมากเกินไป เข้าใจหรือไม่? ”
“รู้แล้ว!” ดวงตาหลายคู่มองอยู่เช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์แก้มแดงระเรื่อ ถลึงตาใส่ซั่งกวนเซ่าเฉินอย่างกล่าวโทษทีหนึ่ง
ซูเช่อรู้สึกเพียงว่า หากอยู่ต่อไป เปลวไฟในอกก็จะเผาตนเองจนมอดไหม้เป็เถ้าถ่านแล้ว เขาวางเนื้อย่างในมือลง ยืนขึ้นมามองไปยังจุดที่ไกลออกไป
หิมะหนาขาวโพลนไปทั่ว ทุกสรรพสิ่งงดงามถึงเพียงนั้น ทว่า ที่ข้างกายของเขา กับไม่มีผู้ที่สามารถชมหิมะเป็เพื่อนอยู่เคียงข้าง
หลิงมู่เอ๋อร์และจูฉีน่าจะเป็ผู้ที่กินอย่างเอร็ดอร่อยมากที่สุด เจาหยางจวิ้นจู่น้อยและหลิงจือเซวียนมีความในใจที่หนักอึ้ง ไม่มีอารมณ์มาเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรส ในท้องของซูเช่อมีแต่ความหึงหวง ไม่มีความอยากอาหาร ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่อยากทานอาหารต่อหน้าศัตรูหัวใจ เนื้อย่างนี้จะเลิศรสเพียงใด เขาก็ไร้ซึ่งความสนใจ เขายังรอกลับบ้านไปให้หลิงมู่เอ๋อร์ป้อนจนอิ่มนะ!
“หากจวิ้นอ๋องน้อยไม่มีเื่ใดอีก พวกเราก็ขอลาก่อนแล้ว” ซั่งกวนเซ่าเฉินดื่มสุราจอกสุดท้าย กล่าวอย่างราบเรียบ
“ไม่ส่งแล้ว” ซูเช่อรักษาบุคลิกที่สุภาพสง่างามมาโดยตลอด ทว่าบัดนี้ ล้วนมีความโมโหเพิ่มขึ้นมาหลายส่วนแล้ว
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเหลือบมองซูเช่ออย่างเห็นใจ ผู้อื่นไม่รู้จักนิสัยของพี่ชายนาง แต่นางรู้ สามารถทำให้เขาโมโหถึงเพียงนี้ได้ ซั่งกวนเซ่าเฉินที่หน้าตาไม่ค่อยดีคนนี้ …ดูเหมือนว่าจะชื่อนี้นะ บุรุษผู้นี้ช่างมีความสามารถเสียจริง
ซั่งกวนเซ่าเฉินอุ้มหลิงมู่เอ๋อร์ขึ้นมา ต่อหน้าของทุกคน ใช้ท่าอุ้มเ้าหญิง[2] การกระทำนี้ ทำให้เจาหยางจวิ้นจู่น้อยใแล้ว
ซูเช่อแข็งค้างไปทั่วร่าง หลิงจือเซวียนแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา จูฉีกลับเห็นจนเบื่อแล้ว
หลิงจือเซวียนมองเงาร่างของพวกเขาเลือนหายไป จึงได้ไล่ตามไป “พี่ซั่งกวน ท่านวางมู่เอ๋อร์ลงก่อน”
เล่นตลกอะไรกัน! ต่อให้พวกเขาทั้งสองมีใจตรงกัน แต่ก็ยังมิได้แต่งงาน! ต่อให้แต่งงานแล้ว ก็ไม่อาจทำเื่เช่นนี้ในที่สาธารณะได้ ตัวเขาไม่เป็ไร แต่ชื่อเสียงของน้องสาวของเขายังจะเอาอีกหรือไม่? เมื่อก่อนเหตุใดจึงไม่เคยรู้ว่า ซั่งกวนเซ่าเฉินจะเป็คนที่บุ่มบ่ามเช่นนี้?
จูฉีทำความเคารพอย่างใจเย็น จากนั้นคารวะเจาหยางจวิ้นจู่ที่อยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง แล้วจึงตามพวกเขาจากไป
“ท่านพี่…” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยมองซูเช่ออย่างกังวล “ข้าทำผิดไปแล้วหรือไม่? หากครั้งก่อนข้าไม่ได้ขัดขวางพวกท่าน บางทีอาจไม่กลายเป็เช่นนี้”
ครั้งก่อนนางเห็นอย่างชัดเจนว่า ในตอนนั้นหลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่มีคนในดวงใจ นี่พึ่งเป็เวลาสั้นๆเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น กลับมีคน่ชิงโอกาสไปก่อนแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่เจาหยางจวิ้นจู่ผู้ััถึงความทุกข์ของรักได้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่ตนเคยกระทำ ครั้งแรกที่ได้ััว่า สิ่งใดคือรสชาติของความเสียใจ และเป็เพราะเช่นนี้ นางตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่อาจเกเรเช่นในอดีตได้อีก
“สาวน้อยที่โง่งม ต่อให้เ้าไม่ขัดขวาง ใจของนางก็ไม่อยู่บนตัวข้า ข้าได้ยินว่าพวกเขารู้จักกันนานแล้ว บางทีเริ่มั้แ่ตอนนั้น พวกเขาก็ชื่นชอบอีกฝ่ายแล้ว เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น” ซูเช่อพูดอย่างหม่นหมอง “แม้จะเป็เช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆเช่นแน่”
“ท่านพี่พูดถูกที่สุด หากไม่ได้พยายามก่อนก็ยอมแพ้เสียแล้ว นั่นไม่ใช่ลักษณะนิสัยของคนสกุลซูเรา ข้าได้ยินว่าเมื่อก่อนท่านแม่ชอบท่านพ่อ ท่านพ่อก็มีนางในดวงใจ ต่อมาท่านแม่ไล่ตามท่านพ่ออย่างแข็งขัน ความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ยังมิใช่สิบปียังดีดุจหนึ่งวันหรือ? เห็นได้ว่าขอเพียงเพียรพยายามแล้วล่ะก็ ทุกสิ่งล้วนเป็ไปได้”
ซูเช่อมองสาวน้อยไร้เดียงสาที่อยู่เบื้องหน้า เขาอยากบอกนางมากกว่า แม้ความสัมพันธ์ของท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่เลว แต่ในใจเขาพวกเขานั้น จะอย่างไรก็มีเสี้ยนอยู่ชิ้นหนึ่ง หญิงสาวที่เรียกว่าโม่เหนียงนางนั้น เป็ดั่งสิ่งที่้าแต่ไม่อาจได้มาของบิดาในยามฝันของบิดา มีบางครั้งที่ท่านพ่อดื่มจนเมามาย ยังคงเรียกชื่อของนางออกมา ส่วนท่านแม่ มักจะพูดขอโทษป้ายิญญาชิ้นหนึ่งเป็ประจำ
พวกเขามีความสุขจริงหรือ?
บางที สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วพวกเราคงมีความสุขกระมัง! แต่ว่าในใจของพวกเขานั้น ยังคงมีด่านที่ไม่อาจข้ามไปได้
“เ้ากับคุณชายสกุลหลิงนี่มันเื่อะไรกัน? แม้หลิงจือเซวียนไม่เลวจริงๆ แต่ฐานะของพวกเ้าแตกต่างกันมากเกินไป” ซูเช่อหยุดคำพูดไว้
เขากำลังประหลาดใจ คำพูดเช่นนี้มิใช่เจาหยางพูดหรือ? ที่แท้พวกเขาล้วนเป็คนประเภทเดียวกัน มิน่า นางจึงไม่ชื่นชอบเขาจากใจจริง
เจาหยางจวิ้นจู่ได้ยินคำถามของซูเช่อ กำลังคิดจะใช้เหตุผลอะไรมาแก้ตัวให้ผ่านไป ก็พบว่าพี่ชายของตนเหม่อลอยไปอีกแล้ว ่นี้เวลาที่เขาเหม่อลอยยิ่งมายิ่งมากแล้ว
นางแอบสาวเท้าไปอย่างเงียบๆ หนีจากเบื้องหน้าของซูเช่อไปไกล ซูเช่อทั้งที่เห็นอยู่กับตา แต่ก็ทำเพียงยิ้มอย่างเอ็นดูเท่านั้น
“จวิ้นอ๋อง” ลูกน้องคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของซูเช่อ
“วันนี้แม่นางหลิงพบกับผู้ใด?” ซูเช่อใบหน้าเ็า กลับไปเป็เ้าแห่งรัตติกาลผู้เ็าและเืเย็นอีกครั้ง
“เหล่าฟูเหรินพานางไปพบกับคนผู้นั้นของรัชทายาท…” คนผู้นั้นกล่าว “เหล่าฟูเหรินให้นางรักษาคนผู้นั้น วันหลังแม่นางหลิงจะมาที่จวนเป็ประจำขอรับ”
บนใบหน้าของซูเช่อปรากฎรอยยิ้มบางๆออกมา เขายื่นมือออกไป ััความรู้สึกของหิมะอันเยือกเย็นที่ละลายอยู่ในมือ เขาหัวเราะเบาๆว่า “เช่นนี้หรือ! แบบนี้ก็ดี”
“จะแจ้งข่าวนี้แก่ท่านในวังผู้นั้นหรือไม่ขอรับ?” คนผู้นั้นลองถามดู “หากเขารู้เื่นี้ จะต้องมีการตอบสนองแน่
“ไม่ต้องแล้ว ท่านย่าอยากช่วยคนผู้นั้น พวกเราก็ช่วยเถอะ! ผู้ที่อยู่ในวังท่านนั้นไม่จำเป็ต้องให้พวกเราไปประจบ” ซูเช่อกล่าวอย่างเ็า “พวกเราเป็เพียงผู้ที่จงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติก็พอแล้ว พวกเขาอยากสู้กันก็ให้สู้กันให้พอ ไม่เกี่ยวกับตระกูลของเรา”
อีกด้านหนึ่ง ซั่งกวนเซ่าเฉินอุ้มหลิงมู่เอ๋อร์ขึ้นรถม้า ในยามที่หลิงจือเซวียนและจูฉีตามมาถึงนั้น รถม้าได้ถูกขับไปแล้ว เหลือเพียงแค่ม้าของซั่งกวนเซ่าเฉินที่ยังอยู่ที่นี่ หลิงจือเซวียนและจูฉีต่างขี่ม้าไม่เป็ สุดท้าย ยังคงเป็เจาหยางจวิ้นจู่น้อยใช้รถม้าของจวนจวิ้นอ๋องส่งพวกเขากลับไป
“จวิ้นจู่ ได้จากไปแล้วเ้าค่ะ” เซี่ยชิว ผู้สาวใช้ประจำตัวกล่าวกับจวิ้นจู่น้อย “จวิ้นจู่อยากพบเขา นั่นเป็วาสนาของเขา วันหลังท่านสามารถไปเป็ประจำได้หนิเ้าคะ!”
[1] แต่งออกสูงแต่งเข้าต่ำ กล่าวถึงธรรมเนียมที่สตรีมักออกเรือนไปอยู่ในตระกูลที่มีฐานะสูงกว่า และบุรุษมักจะแต่งกับสตรีที่มีฐานะเท่าเทียมหรือต่ำกว่าเข้ามาอยู่ในเรือน
[2] ท่าอุ้มเ้าหญิง คือท่าอุ้มช้อนทั้งตัวของอีกฝ่ายไว้ด้านหน้าในแนวนอน