ตอนที่ชายชุดขาวผู้นั้นค่อยๆ ย่างเข้าสู่ลานกว้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ความสูงส่งสง่างามของเขาได้ดึงดูดความสนใจไป
เฟิงอวิ๋น ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า ซึ่งแทบไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จักเขา!
คาดไม่ถึงว่าเื่ราวในคืนนี้จะถึงกับทำให้เฟิงอวิ๋นเคลื่อนไหว ดูท่าคราวนี้เ้าหลงอวี้คงรอดยากแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าเฟิงอวิ๋นและเฟิงหยางเป็คนจากตระกูลเดียวกัน
หลงวี้ทำร้ายเฟิงหยางจนาเ็สาหัสไปแล้ว เฟิงอวิ๋นที่ได้ยินข่าวนี้ไม่มีทางยกโทษให้หลงอวี้แน่นอน!
ถานเยว่บนเปลหามที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนจ้องมองเฟิงอวิ๋นไม่วางตา หน้าแดงขึ้นอย่างอดไม่ได้
นางย่อมรู้จักเฟิงอวิ๋นอยู่แล้ว ถานเจียนเคยบอกกับนางว่า ตอนนี้เฟิงอวิ๋นถูกจัดให้อยู่ในสิบอันดับแรกของกลุ่มลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า อีกทั้งยังมีรูปโฉมงามสง่า ในอนาคตต้องได้เป็ผู้สืบทอดของตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้กวนแน่นอน
พอได้เห็นตัวจริงแล้ว ถานเยว่รู้สึกว่าที่พี่ชายของนางกล่าวไว้ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย เฟิงอวิ๋นผู้นี้รูปงามไร้ที่ติจริงๆ หากสามารถเย้ายวนเขา และพามายังอาณาเขตของตระกูลถานได้ละก็...
ระหว่างที่ถานเยว่กำลังฝันหวาน เสียงพูดอันสดใสน่าฟังของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“ชายผู้นี้ช่างรูปงามนัก! นี่ หลงอวี้ เ้ารู้จักเขาด้วยหรือ ไม่อย่างนั้นเขาจะปรบมือให้เ้าทำไม”
เลี่ยวเล่อเล่อจ้องเฟิงอวิ๋นด้วยสีหน้าหลงใหล
“เ้าแนะนำให้ข้ารู้จักหน่อยสิ ถือเป็ค่าตอบแทนที่ข้ามอบโอสถชิงหัวให้เ้าก็ได้!”
“ข้าก็อยากจะแนะนำให้เ้ารู้จักอยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้สนิทกับมันขนาดนั้น”
หลงอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เงยหน้าสบตาเฟิงอวิ๋น
เฟิงอวิ๋นยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ฟังคำพูดของหลงอวี้แล้วก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
“น้องชาย เ้าบอกว่าเราไม่สนิทกันแบบนี้ นี่ไม่เห็นข้าเป็ลูกพี่ลูกน้องจริงๆ สินะ แต่ระดับวิถียุทธ์ของเ้าพัฒนาขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ นับว่าเหนือความคาดหมายของพี่อยู่เหมือนกัน!”
ระหว่างที่พูดก็เดินมาหยุดตรงหน้าของหลงอวี้ระยะราวสามจ้าง หันไปมองเฟิงหยางที่นอนสลบบนพื้น จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ หายไป
“แต่ว่าน้องชาย เ้าลงมือกับพี่น้องร่วมตระกูลรุนแรงขนาดนี้ เ้าไม่เห็นหัวตระกูลเฟิงไปหน่อยหรือเปล่า”
ประโยคนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร แววตาเหี้ยมเกรียมจ้องมองหลงอวี้ บรรยากาศบริเวณนั้นพลันตึงเครียด!
“เ้าหมอนี่... เปลี่ยนสีหน้าไวกว่าพลิกหน้ากระดาษอีก...”
แม้แต่เลี่ยวเล่อเล่อก็ััได้ว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาดี นางรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
แม้นางจะไม่รู้ว่าเฟิงอวิ๋นเป็ใคร แต่ฟังจากคำพูด และััจากบรรยากาศรอบๆ แล้ว ก็รู้ได้ว่าไม่สามารถเอาคนผู้นี้ไปเทียบกับเฟิงหยางและฟางคางก่อนหน้านี้ได้แน่
นางรู้แค่ว่า บุคคลตรงหน้ามาจากตระกูลเฟิง และน่าจะเป็ลูกพี่ลูกน้องของหลงอวี้ด้วย
ส่วนเื่ฐานะของหลงอวี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีว่า เป็บุตรบุญธรรมของประมุขตระกูลเฟิง ด้วยเหตุนี้คำพูดของเฟิงอวิ๋นจึงไม่ได้ทำให้ผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งหลายที่มุงอยู่รอบๆ ประหลาดใจแต่อย่างใด
พวกเขาต่างััได้ว่า คราวนี้หลงอวี้ได้ดวงกุดไม่เหลือแน่!
“ตระกูลเฟิง?”
แต่หลงอวี้ที่เผชิญหน้ากับเฟิงอวิ๋น กลับรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ กล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างเ็า
“ให้ข้าเห็นหัวตระกูลเฟิงหรือ เช่นนั้นเ้าลองถามข้าบ้างสิ ว่าตระกูลเฟิงเคยเห็นหัวข้าบ้างไหม”
“ตอนอยู่ในตระกูล เ้าขยี้ขาน้องชายข้าทิ้งไปหนึ่งข้าง”
เฟิงอวิ๋นหลับตาพูดนิ่งๆ
“นี่เ้าคิดจะเปลี่ยนเื่หรือ”
หลงอวี้หัวเราะอย่างดูแคลน
เฟิงอวิ๋นเข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้ามานานแล้ว ปีนี้เขาอายุราวยี่สิบสี่ ยี่สิบห้าปี ในงานชุมนุมตระกูลเฟิงปีก่อนนั้น เขาบรรลุวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดสำเร็จ เฟิงอวิ๋นในตอนนี้กลายเป็หนึ่งในสิบอันดับแรกของลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิไปแล้ว เขาในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเฟิงฉางเกอเสียอีก!
เมื่อเผชิญหน้ากับเฟิงอวิ๋น หลงอวี้รู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถชนะอีกฝ่ายในแง่ของวรยุทธ์ได้แน่นอน ได้แต่สรรหาคำพูดเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้
แต่เฟิงอวิ๋นดูจะไม่หลงกลลูกไม้นี้
เขาลืมตาขึ้นกะทันหัน
“ใครถูกใครผิด ข้าไม่คิดจะสนใจ แต่เ้าขยี้ขาน้องชายข้าทิ้งไปหนึ่งข้าง คืนนี้ข้าจะล้างแค้นแทนน้องชายข้า!”
พูดจบ หลงอวี้พลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงสายหนึ่งกดทับลงมาจากฟ้า แรงกดทับนั้นปกคลุมเขาไว้ภายใน ราวกับเป็พลังงานจินตภาพสยบฟ้าที่เขาบรรลุได้ทุกประการ ทว่าดูจะทรงพลังกว่า และเข้าใกล้กฎแห่งฟ้าดินยิ่งกว่าของเขาเสียอีก!
ภายใต้แรงกดทับอันทรงพลังนี้ หลงอวี้ไม่สามารถขยับร่างกายได้ดั่งใจ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นงานตามใจ!
“นี่หรือจินตภาพที่ยอดฝีมือบรรลุได้? ความรู้สึกที่ได้เป็กระสอบทรายให้ศัตรูแบบนี้ ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ...”
หลงอวี้กัดฟัน แม้จะะเิพลังทั้งหมดออกมาก็ไม่อาจต่อต้านได้เลย!
เลี่ยวเล่อเล่อที่อยู่ด้านข้างของเขาก็เช่นกัน
ใบหน้าของทั้งสองมีเม็ดเหงื่อผุดพรายจนเปียกชุ่ม เห็นได้ชัดว่ากำลังอดทนต่อแรงกดทับอันน่าหวาดหวั่นนี้
เฟิงอวิ๋นในชุดขาวที่ยืนห่างจากทั้งสองคนราวสามจ้างได้แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมยกมือขวาขึ้นและผลักออกอย่างรุนแรง
“คลื่น์ทะลวง”
สิ้นเสียง ลมปราณสายหนึ่งพลันถูกอัดแน่นกลายเป็คลื่นแสงสีขาว พุ่งออกจากฝ่ามือของเฟิงอวิ๋นไป
ปล่อยลมปราณออกสู่ภายนอก!
หลงอวี้เบิกตาโต จ้องคลื่นแสงพลังลมปราณสายนั้นไม่วางตา เห็นมันพุ่งผ่านระยะทางกว่าสามจ้างทะลุขาขวาของตัวเองในพริบตา
ตูม!!!
เืสดๆ สาดกระจาย หลงอวี้กัดฟันแน่น ััได้ถึงความเ็ปรุนแรงที่ส่งมาจากขาขวา เ็ปจนแทบหมดสติ
พลังของเฟิงอวิ๋นน่ากลัวเกินไป แค่ปล่อยแรงกดดันออกมา ก็ทำให้หลงอวี้ขยับตัวไม่ได้ แค่ปล่อยวิทยายุทธ์ออกมาส่งๆ ก็ทำให้ขาข้างหนึ่งของหลงอวี้ถูกยิงจนทะลุ!
แม้จะเป็เช่นนั้น หลงอวี้ก็ไม่ยอมล้มลง ใช้ขาอีกข้างประคองตัวเองไว้ ยืดหลังตรงราวกับแท่งพู่กัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เลี่ยวเล่อเล่อแสดงสีหน้าหวั่นไหว เ้าหลงอวี้นี่ยังเป็มนุษย์อยู่ไหม ขนาดขาขวาถูกลมปราณเจาะทะลุ ก็ยังทนความเ็ปไว้ได้ และที่สำคัญคือ ขาของเ้านี่หักไปข้างหนึ่งแล้ว ทำไมยังยืนนิ่งแบบนั้นได้อีก?
ไม่ใช่เลี่ยวเล่อเล่อเท่านั้นที่ตกตะลึง ผู้คนรอบข้างรวมถึงเฟิงอวิ๋นที่เป็คนลงมือเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจไปด้วย
“พลังใจไม่เลวนี่”
เฟิงอวิ๋นปล่อยบรรยากาศดุดันป่าเถื่อนปกคลุมร่าง เดินมาหาหลงอวี้
“ต่อไป ข้าจะล้างแค้นให้กับลูกพี่ลูกน้องของข้า…เฟิงหยาง!”
สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่อกของหลงอวี้ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็เป้าหมายที่เขาจะลงมือ
อาจเป็เพราะวิชาที่ปล่อยลมปราณออกสู่ภายนอกนั้นควบคุมยาก เฟิงอวิ๋นจึงต้องเข้ามาใกล้หลงอวี้
“เ้าเจ็บใจหรือ?”
ดวงตาของเฟิงอวิ๋นเผยแววตายียวนปนดูแคลน
หลงอวี้กัดฟันแน่น ไม่พูดแม้แต่คำเดียวแต่ในใจกลับกำลังคิดหาทางรอด
‘มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าผู้าุโประจำหอวิทยายุทธ์ไม่ลงมือช่วย ก็คงได้แต่ต้องพึ่งปาฏิหาริย์จากสัญลักษณ์ัปรภพแล้ว... สัญลักษณ์บนอกข้า เฟิงอวิ๋นคิดจะลงมือตรงนั้น ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่า เป็เฟิงอวิ๋นหรือสัญลักษณ์ักันแน่ที่ทรงพลังกว่า!’
แม้สถานการณ์ของหลงอวี้ตอนนี้แทบจะสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังวิเคราะห์อย่างใจเย็น
ลัทธิสยบฟ้าห้ามไม่ให้ฆ่ากันเองระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน เฟิงอวิ๋นในตอนนี้ไม่กล้าลงมือสังหารเขาต่อหน้าผู้าุโประจำหอวิทยายุทธ์แน่ แต่ถ้าต้องปล่อยให้เ้าเฟิงอวิ๋นทำตัวอวดดีเช่นนี้อยู่ฝ่ายเดียว หลงอวี้ย่อมต้องรู้สึกเจ็บใจอยู่แล้ว
หลงอวี้เชิดอกขึ้น ห้าวหาญทระนงไม่ยอมแพ้!
“น่าสนใจจริงๆ”
เฟิงอวิ๋นหัวเราะเย้ยหยัน
“ข้าจะทำให้เ้าจดจำบทเรียนในคืนนี้ไปตลอดกาล!”
หลังสิ้นเสียง เขาก็เตรียมลงมือ รวบรวมพละกำลังกว่าสามสิบแรงม้าพยศไว้บนฝ่ามือ ก่อนจะซัดออกไปโดยเล็งที่อกของหลงอวี้
เปรี้ยง!
เสียงกระแทกดังสนั่นตอนที่ฝ่ามือของเฟิงอวิ๋นประทับลงบนสัญลักษณ์ัพลังลมปราณอันแข็งแกร่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายหลงอวี้ทันที!
ในที่สุดสัญลักษณ์ัปรภพของหลงอวี้ก็ััได้ถึงพลังที่รุกรานจากภายนอก จึงตื่นขึ้นมาเองในพริบตา
พลังงานลึกลับที่ราวกับเป็กระแสพลังจากโบราณกาลสายหนึ่งะเิออกมาจากสัญลักษณ์ัปรภพ ผลักเฟิงอวิ๋นจนกระเด็นออกไป!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลูกศิษย์ของลัทธิที่อยู่ใกล้ๆ นับร้อยคนเบิกตาโต ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็นไปเลย
เฟิงอวิ๋นที่ถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของลูกศิษย์ระดับพิเศษ หลังจากซัดฝ่ามือใส่อกของ ‘เศษสวะหลงอวี้’ กลับถูกผลักกระเด็นออกมา? เป็ไปได้อย่างไรกัน!
สมมติว่าหลงอวี้แค่แกล้งทำเป็อ่อนแอละก็ คงไม่ปล่อยให้เฟิงอวิ๋นเล่นงานขาขวาทิ้งไปแบบนั้นอยู่แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
วินาทีต่อมา เฟิงอวิ๋นก็ตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง ในระยะที่ไม่ไกลจากเฟิงหยางมากนัก เสื้อผ้าสีขาวของเขาพลันเลอะดินโคลน สภาพสะบักสะบอมอย่างเห็นได้ชัด
“แค่กๆ...”
เฟิงอวิ๋นไอจนตัวโยน ในดวงตามีเส้นเืปูดโปนอย่างโกรธเกรี้ยว
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้สวะหลงอวี้จะสามารถผลักเขาจนกระเด็น แม้จะไม่ได้าเ็สาหัสอะไร แต่มันทำให้เขาเสียหน้าอย่างรุนแรง และที่สำคัญคือ เขาเองยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหลงอวี้นอนอยู่บนพื้น ดูเหมือนจะหมดสติไป ส่วนสาวน้อยชุดเทาผู้นั้นก็กำลังะโเรียกหลงอวี้ด้วยท่าทางร้อนรน
“หลงอวี้ หลงอวี้ เ้าเป็อะไรไป ไม่เป็อะไรใช่ไหม”
เลี่ยวเล่อเล่อคุกเข่าอยู่ข้างกายของหลงอวี้ สีหน้าตื่นใและลนลาน
แต่หลงอวี้กลับหลับตานิ่งไม่ไหวติง เหมือนจะหมดสติไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังหายใจและหัวใจยังเต้นอยู่ละก็ เลี่ยวเล่อเล่อคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว
แม้จะไม่รู้ว่าเฟิงอวิ๋นถูกดีดกระเด็นออกไปได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือพลังของเขานั้นแข็งแกร่งมาก หลงอวี้ที่ถูกซัดกลางอกไปเต็มๆ หนึ่งฝ่ามือแบบนั้น จะต้องาเ็สาหัสแน่
“หยุดเท่านี้เถอะ เฟิงอวิ๋น!”
ในตอนนั้นเอง เสียงถอนหายใจของชายชราก็ดังขึ้น ผู้คนรู้สึกตาลายไปแวบหนึ่ง จากนั้นชายชราชุดดำผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวข้างกายหลงอวี้
“ผู้าุโอวี้”
เฟิงอวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าหมดโอกาสแล้ว หรือวันนี้เขาจะต้องเสียหน้าไปเฉยๆ โดนที่ไม่ได้แก้แค้นอะไร?
และทำไมหลงอวี้ถึงซัดเขากระเด็นออกมาได้ จะให้เขาไปทิ้งความลับนั้นไปเฉยๆ ได้อย่างไร!
แต่น่าเสียดายที่ผู้าุโอวี้ผู้เฝ้าดูแลหอวิทยายุทธ์ได้ปรากฏตัวแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรหลงอวี้ได้อีก ดูท่าคงต้องเก็บไว้จัดการคราวหลัง
“เฟิงอวิ๋น แม้เ้าจะเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า ก็ใช่ว่าจะทำอะไรตามอำเภอใจได้ วิถีแห่งวรยุทธ์ นั้นยาวไกลไร้จุดสิ้นสุด ด้วยพร์ของเ้า ควรจะไปพยายามไต่เต้าไปสู่จุดสูงสุด มิใช่มัวแต่สนใจความแค้นส่วนตัวเช่นนี้!”
แม้คำพูดของผู้าุโจะไม่ดังมาก แต่กลับได้ยินไปทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนทั้งหมดบรรลุอะไรบางอย่างได้
จริงด้วย เส้นทางแห่งวรยุทธ์นั้นยาวไกลไร้จุดสิ้นสุด แต่พวกเขากลับเสียเวลาไปหนึ่งวันเต็มๆ เพื่อความสนุกสนานเช่นนี้
ช่างสิ้นเปลืองเวลาเสียจริง!
“ศิษย์เข้าใจแล้ว ขอลา”
เฟิงอวิ๋นได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าวลาอย่างเจ็บใจ สายตาจับจ้องหลงอวี้ที่นอนอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
และในพริบตาที่หันหลังไป ก็พลันรู้สึกได้ว่าในร่างกายมีพลังประหลาดสายหนึ่งไหลทะลัก ทำให้เขาแทบกระอักเื แต่เพื่อรักษาหน้าตาเอาไว้ เขาจึงได้แต่ฝืนทน
“นั่นมันพลังอะไรกัน หรือจะถูกส่งมาจากไอ้สวะนั่น...”
สีหน้าของเฟิงอวิ๋นกลายเป็ตึงเครียด ไม่กล้าอยู่นาน รีบมุ่งหน้าไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
เห็นเฟิงอวิ๋นจากไป คนที่เหลือก็รู้ว่าไม่มีอะไรให้ดูต่อแล้ว อีกทั้งยังถูกผู้าุโเทศน์ไปหนึ่งประโยค ทำให้พวกเขาสำนึกเสียใจ รีบแยกย้ายกลับไปฝึกวิชาต่อ
“พาเขาตามข้ามา”
ผู้าุโอวี้ในชุดดำเอ่ยกับเลี่ยวเล่อเล่อ นางรีบพยักหน้าตอบรับ
“เข้าใจแล้วผู้าุโ”
แม้เลี่ยวเล่อเล่อจะเป็หญิงสาว แต่ก็มีระดับวิถียุทธ์ถึงขั้นสี่ มีพละกำลังกว่าแปดพันชั่ง การแบกหลงอวี้จึงไม่ใช่ปัญหา
ท้องฟ้ายามรัตติกาลมืดมิด แสงดาวสว่างไสว
ผู้าุโชุดดำพาทั้งสองมุ่งหน้าไปยังทางเข้าลัทธิสยบฟ้า ดูเหมือนจุดหมายจะเป็หุบเขาสยบฟ้านั่นเอง
เื่สนุกตื่นเต้นเื่นี้ ดูเหมือนจะจบลงเช่นนี้
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ตอนนี้หลงอวี้ได้ดำดิ่งสู่ความทรงจำอันเก่าแก่โบราณและกำลังสับสน
เมื่อครู่นี้พลังของสัญลักษณ์ัเก้าปรภพได้ปะทุขึ้นกะทันหัน ทำให้เขาได้เข้าถึงความลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพลังนี้!