หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือลูบหัวใหญ่ของอาหวงเต็มแรง "ขอบคุณนะ อาหวง" ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนรักอาหวงมาก “่นี้หายไปไหนมา กลับูเาซงหรือเปล่า?” หิมะฝั่งนี้ตกหนักขนาดนี้ หิมะบนูเาซงน่าจะแย่ยิ่งกว่า ไม่รู้ว่ามันหาอาหารได้อย่างไร? ไม่เพียงแต่ได้กินเอง แถมยังเอากวางกลับมาให้อีก
อาหวงไม่สามารถพูดได้ มันใช้หัวโตๆ ดันมือหลี่ชิงหลิงและส่งเสียงสองครั้ง
นี่ถือว่าได้ตอบคำพูดของหลี่ชิงหลิงแล้ว
เด็กสาวลูบหัวใหญ่ๆ พูดคุยกับอาหวงมากมายโดยไม่สนว่ามันจะเข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือไม่
อาหวงเองก็ไม่รำคาญ นอนข้างๆ ใช้หัวดันน่อง และมองเด็กสาว ราวกับกำลังฟังนางอย่างจริงจัง
เด็กๆ ที่บ้านรู้ว่าอาหวงกลับมาจึงวิ่งออกมา และเริ่มเล่นกับอาหวงอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นเด็กๆ อาหวงก็ตื่นเต้นเช่นกัน มันเลียคนนี้ที คนนั้นที ไม่ปล่อยแม้แต่หลี่ชิงหนิงที่ยังหลับอยู่บนเตียง มันวิ่งเข้าไปในห้อง วางสองเท้าบนขอบเตียง ยื่นหัวใหญ่ออกมาเลียมือเล็กๆ ของหลี่ชิงหนิงเบาๆ ก่อนจะวิ่งออกมาอย่างพอใจ
ในความคิดของอาหวง พวกเขาคือครอบครัวของมัน
มันชอบทุกคน แต่หลี่ชิงหลิงคือคนที่ชอบมากที่สุด บางทีอาจจะเป็หลี่ชิงหลิงช่วยมันไว้ และเพราะกินน้ำจิติญญาของนางง จึงรู้สึกเกิดการพึ่งพานางตามธรรมชาติ
หลี่ชิงหลิงมองเด็กๆ และให้เล่นกันต่อไป ส่วนนางกับหลิวจือโม่อุ้มกวาง และไปที่ห้องครัว
พวกเขากินเนื้อกวางสำหรับมื้อค่ำ เด็กๆ ได้กินแล้วตาเป็ประกาย
่นี้มีหิมะตก เป็เื่ยากที่จะไปซื้อเนื้อสัตว์ในเมือง
เด็กๆ ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาพักหนึ่งแล้ว ได้กินจนอิ่มแบบนี้จะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
หลังจากสภาพอากาศกลายเป็เช่นนี้ อาหวงจะลากเหยื่อกลับมาให้พวกเขากินทุกๆ สองวัน
บางครั้งก็เป็ไก่ป่า บางครั้งก็เป็กระต่าย ที่ใหญ่ที่สุดคือกวาง
การบำรุงทุกสองวันนี้ทำให้ใบหน้าของเด็กๆ แดงเปล่งปลั่งดูสุขภาพดีมาก
แม้แต่หลี่ชิงหลิงที่กลัวหนาวเล็กน้อยก็หายดี
อาจเป็เพราะเนื้อกวางค่อนข้างบำรุงร่างกาย สามารถบำรุงคืนเืทั้งหมดที่นางสูญเสียไป
หลี่ชิงหลิงรู้สึกว่าอาการของนางดีขึ้นจึงตั้งใจดูแลกระต่ายและลูกไก่
อากาศหนาวเกินไป หากไม่ทำให้พวกมันอบอุ่น พวกมันจะถูกแช่แข็งจนตายภายในไม่กี่นาที
หากตายหมด ความพยายามของนางก็จะสูญเปล่า
นอกจากนี้นางไม่รู้ว่าหิมะจะตกไปอีกนานแค่ไหน
นางรู้สึกว่าหากยังเป็แบบนี้ต่อไปไม่หยุด คนในหมู่บ้านจะต้องกังวลอีกครั้ง
แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่ามีหิมะเป็มงคล แต่หิมะตกมากไปก็ไม่ใช่เื่ดี
หวังแค่ว่า์จะสงสารคนที่ทำไร่ไถนา และให้ทางรอดแก่พวกเขา
ในวันนี้ป้าหวงมาหาหลี่ชิงหลิงอีกครั้งเพื่อดูว่านางเป็อย่างไรบ้าง
นางรอที่ประตูอยู่นาน เป่าลมใส่มือทั้งสอง มองหิมะที่ตกไม่หยุดแล้วถอนหายใจ "ไม่รู้ว่าเมื่อไรหิมะนี้จะหยุด ถ้าไม่หยุดจะพลาดเวลาเพาะปลูกแล้ว”
"ท่านป้า เข้ามาเร็ว อย่ายืนข้างนอกเลย อากาศ่นี้หนาวจริงๆ เดี๋ยวเป็หวัดเข้า" หลี่ชิงหลิงมองป้าหวง และทักทายนางด้วยรอยยิ้ม
่นี้ป้าหวงจะมาหานางเป็ครั้งคราว และถามไถ่ว่านางเป็อย่างไรบ้าง
หลี่ชิงหลิงจดจำน้ำใจของนางไว้ในใจ
นางตัดสินใจนานแล้วว่าตราบเท่าที่ตนสามารถพัฒนาลานเลี้ยงไก่ได้ นางจะขอความช่วยเหลือจากป้าหวงเป็คนแรก
แบบนี้จึงจะถือได้ว่าเป็การตอบแทนที่มาช่วยนาง
ป้าหวงตอบรับ หันหลังกลับเข้าไปในห้องโถงและนั่งลงตรงข้ามหลี่ชิงหลิง หลี่ชิงหลิงรินน้ำร้อนใส่ชาม ดันไปตรงหน้า ให้นางจิบน้ำร้อนเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น
ป้าหวงก็ไม่เกรงใจ ยกชามขึ้นดื่มจนหมด หลังดื่มเสร็จรู้สึกสบายตัว ไม่รู้สึกหนาวขนาดนั้นแล้ว
นางวางชามบนโต๊ะ มองหลี่ชิงหลิงและถามว่าเป็อย่างไร ร่างกายดีขึ้นบ้างไหมด้วยความเป็ห่วง
หลี่ชิงหลิงยิ้มและบอกว่าตอนนี้เกือบหายดีแล้ว ไม่มีอะไรร้ายแรง ขอบคุณป้าหวงสำหรับความห่วงใย
"ไม่เป็ไรก็ดีแล้ว คืนนั้นข้ากลัวจริงๆ ข้าคิดว่าเ้า..." ก่อนที่จะพูดจบ ป้าหวงก็ก้มหัวถุยกับพื้นสองครั้ง “มันผ่านไปแล้ว ผ่านไปแล้ว”
หลี่ชิงหลิงดวงแข็งจริงๆ ถ้าคนธรรมดาถูกบ้านทับแบบนี้คงตายไปนานแล้ว จะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?
"มันผ่านไปแล้ว ครั้งนั้นข้าโชคดีจริงๆ ถ้าข้าโชคร้ายก็…” คงไม่ได้เจอน้องชายกับน้องสาวแล้ว
เมื่อหลี่ชิงหลิงคิดถึงสิ่งนี้ก็ยังรู้สึกกลัวเล็กน้อย
ถ้านางจากไป แล้วน้องๆ จะทำยังไง พวกเขายังเด็กอยู่เลย
แม้นางเชื่อว่าหลิวจือโม่จะไม่ทิ้งน้องๆ แต่มันเป็เื่ยากมากสำหรับเขาที่จะเลี้ยงเด็กๆ หลายคนเพียงลำพัง
โชคดีที่พระโพธิสัตว์คุ้มครอง นางจึงสามารถตื่นขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
ป้าหวงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า นางคิดว่าหลี่ชิงหลิงโชคดีจริงๆ ถึงได้ไม่มีปัญหาร้ายแรง
“เื่พวกนี้มันผ่านไปแล้ว อย่าคิดมาก เดินหน้ากันเถอะ!” ป้าหวงปลอบหลี่ชิงหลิงอย่างอ่อนโยน “ผู้รอดชีวิตจะได้รับพรในอนาคต ข้าเชื่อว่าอนาคตของเสี่ยวหลิงจะเจริญรุ่งเรือง” ดูจากค่ารักษาพยาบาลและสัตว์ปีกที่บ้าน จะเห็นได้ว่าเด็กๆ เหล่านี้ยังมีทรัพย์สินอยู่บ้าง ถ้าไม่มีเงินจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและเลี้ยงไก่มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?
นางรู้สึกว่าถ้าผูกมิตรกับหลี่ชิงหลิงจะต้องมีเื่ดีๆ เกิดขึ้นแน่
ตอนนี้อาจไม่มี แต่อนาคตก็ไม่แน่
ไม่รู้ว่าทำไม แต่นางมีความรู้สึกเช่นนั้น
หลี่ชิงหลิงพยักหน้าให้ป้าหวงและหัวเราะ ต้องมองไปข้างหน้า ปล่อยให้อดีตเป็เพียงอดีต!
"เสี่ยวหลิง จะอยู่ในบ้านหลิวจือโม่ยาวเลยหรือ” แม้ว่าป้าหวงจะเห็นอกเห็นใจ แต่นางก็เป็คนในยุคนี้ที่มีความคิดแบบยุคนี้ การอยู่บ้านคู่หมั้นไม่ใช่เื่ดีนัก "ทำไมไม่ไปอยู่บ้านปู่ล่ะ ถ้าไปอยู่บ้านปู่จะไม่มีใครกล้าว่าเ้า"
ตอนแรกนางยังรู้สึกว่าผู้เฒ่าหลี่โหดร้าย บ้านหลานสาวพังถล่มและมีคนาเ็ ทำไมเขาไม่ขยับตัวเลย?
ต่อมานางทราบจากนางหลิวว่าเฒ่าหลี่เคยมาหาหลี่ชิงหลิง อยากให้พี่น้องทั้งสามไปที่บ้าน แต่หลี่ชิงหลิงปฏิเสธ ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอาศัยอยู่ที่บ้านของหลิวจือโม่
เพราะคำพูดเหล่านี้ที่ทำให้ชาวบ้านมองหลี่ชิงหลิงในทางแปลกๆ คิดว่าหลี่ชิงหลิงเป็คนไม่รอบคอบเล็กน้อยที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของคู่หมั้นเร็วขนาดนี้
หลี่ชิงหลิงได้ยินเื่ซุบซิบเหล่านี้มาบ้าง แต่นางไม่ใส่ใจเลย
“ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้นิสัยครอบครัวของปู่ข้าสักหน่อย ถ้าพวกข้ากลับไปก็ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากเหมือนเดิม กินไม่อิ่ม ห่มไม่อุ่น” เมื่อนึกถึงครอบครัวผู้เฒ่าหลี่ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ชิงหลิงก็จางลงเล็กน้อย "พูดตามตรง ถ้าให้เทียบชื่อเสียงกับตอนนั้น ข้ายอมไม่เอาชื่อเสียง”
แม้ว่าเด็กสาวจะไม่ใช่เ้าของร่างเดิมและไม่เคยประสบกับวันที่เ็ปนั้น แต่ในความทรงจำของเ้าของเดิม วันเวลาเ่าั้เลวร้ายยิ่งกว่าความตายจริงๆ
เมื่อนึกถึงนิสัยนางหลิว ป้าหวงก็ถอนหายใจเล็กน้อยเพราะมันคือเื่จริง ถ้าพี่น้องทั้งสามกลับไปที่บ้านของผู้เฒ่าหลี่ พวกเขาอาจจะกินไม่อิ่มด้วยซ้ำ
“แต่เ้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ จริงไหม?”
"ข้าจะไม่อยู่ที่นี่ตลอดไป แค่อยู่ชั่วคราว เมื่ออากาศดีขึ้น ข้าจะให้คนมาช่วยสร้างบ้านใหม่" หลี่ชิงหลิงเพิ่งพูดจบก็เห็นป้าหวงถอนหายใจโล่งอก
ป้าหวงรู้สึกโล่งใจจริงๆ หากหลี่ชิงหลิงพักอยู่กับครอบครัวหลิว นางอาจต้องพิจารณาว่าควรจะเป็เพื่อนกับเด็กสาวต่อไปหรือไม่?
เมื่อชื่อเสียงของคนคนหนึ่งพังแล้วก็ยากที่จะกู้คืนได้
นอกจากนี้นางไม่้าให้หลี่ชิงหลิงทำให้ชื่อเสียงของนางต้องเสื่อมเสียไปด้วย ลูกชายนางต้องหาภรรยาแต่งงาน จึงควรระมัดระวังไว้ก่อนเป็ดี
ป้าหวงยิ้ม พยักหน้าและพูดว่าถ้าอย่างนั้นก็ดี
หลังจากที่ได้รับข้อมูลที่เป็ประโยชน์ ป้าหวงก็ไม่นั่งต่อ พูดอีกสองสามคำแล้วจากไป
ทันทีที่ป้าหวงจากไป หลี่ชิงหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เงยหน้าขึ้นและยักไหล่ยิ้มให้หลิวจือโม่
“ข้าอยู่ที่นี่คงทำลายชื่อเสียงพี่ด้วย พี่จะว่าอะไรไหม”
หลิวจือโม่ส่ายหัว "ถ้าข้าว่า ข้าคงไม่ให้อยู่แต่แรกแล้ว” เขามีมุมมองเหมือนหลี่ชิงหลิง ไม่ได้สนใจชื่อเสียงหรืออะไรนัก
“ไว้ตอนสร้างบ้าน ฝั่งนี้ก็สร้างด้วยไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวจือโม่ก็เริ่มคิด เขาเองก็อยาก แต่เมื่อคิดว่าเด็กชายทั้งสองกำลังจะไปเรียนและ้าเงินอีกก้อนหนึ่ง เขาก็ส่ายหัวและบอกปัดไป
