หลังจากทานอาหารค่ำเป็ที่เรียบร้อย จนกระทั่งมู่อวิ๋นจิ่นก้าวมายืนหน้าจวนฉวี นางก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ภายใน ยิ่งได้ยินฉวีซินเหยาชี้ไปว่าตระกูลฉินเป็คนชั่ว แววตาของมู่อวิ๋นจิ่นมิอาจซ่อนความสาแก่ใจไว้ได้
ทางด้านฉู่ลี่เห็นเช่นนั้นได้แต่นิ่งสงบ เดินขึ้นรถม้าไป จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นค่อยเดินตามหลัง
เมื่อรถม้าเคลื่อนออกจากจวนฉวี ชายชุดดำหลายคนได้สะกดรอยตาม “แน่ใจว่าไม่ผิด?”
“แน่ใจ ลี่เหนียงกำชับกำชาแล้ว”
……
หลังจากกลับมาถึงโรงเตี๊ยมลวี่อิน มู่อวิ๋นจิ่นได้ชำระร่างกายแล้วนอนเล่นอยู่บนเตียง หลับตาลงช้าๆ แต่ภายในใจกลับรู้สึกไม่สงบอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากเป่าเทียนดับแล้ว นางก็หลับตาเตรียมตัวเข้าสู่ห้วงนิทรา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด จู่ๆ มู่อวิ๋นจิ่นกลับลืมตาในห้องที่มืดสนิทขึ้น ภายในแววตามีความแหลมลึกปรากฏขึ้น
ภายใต้ความมืดมิด มู่อวิ๋นจิ่นรับรู้ถึงชายชุดดำปรากฏผุบๆ โผล่ๆ ที่หน้าประตู อีกทั้งเดินไปมาด้วยความเงียบเชียบ เสียงลงเท้าแม้จะเงียบเพียงใด ทว่านางกลับััได้ว่าทุกย่างก้าวกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาหาไม่หยุดหย่อน
นักฆ่า?
นี่เป็สิ่งที่มู่อวิ๋นจิ่นรับรู้ด้วยสัญชาตญาณแรก
ด้วยเหตุนี้มู่อวิ๋นจิ่นจึงลุกขึ้นมานั่ง พุ่งตัวไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นอาศัยจังหวะที่ชายชุดดำยังไม่บุกเข้ามา เปิดหน้าต่างะโลงไป
ดึกดื่มป่านนี้ยังมีคนมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่นอกห้อง หากไม่ใช่นักฆ่า ก็ต้องไม่ใช่คนดีอะไร
มู่อวิ๋นจิ่นะโออกจากหน้าต่างไปแล้ว ถึงได้รู้ว่าชายชุดดำพวกนั้นไม่ได้ยืนเฉพาะหน้าห้องของนางเท่านั้น ในเวลานี้ ชายชุดดำได้ล้อมโรงเตี๊ยมลวี่อินไว้เกือบทุกด้าน
“นางหนีไปแล้ว รีบตามเร็วเข้า!!!”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงในห้องดังขึ้น หรี่ตาลงมองเห็นแสงดาบแวบสะท้อนแสงจันทรารอบทุกทิศทาง
เพื่อไม่ให้เป็การรบกวนแขกคนอื่นที่เข้ามาพัก มู่อวิ๋นจิ่นตัดสินใจใช้วิชาตัวเบาบินไปทางหนึ่ง
ด้านหลังของนาง ชายชุดดำทั้งหมดต่างไล่ตาม ไปทางที่นางโผบิน
หลังจากนั้นมาถึงพื้นที่กว้างแห่งหนึ่ง มู่อวิ๋นจิ่นจึงหยุดใช้วิชาตัวเบา ชายชุดดำด้านหลังต่างก็หยุดลงล้อมนางเป็วงกลม
“ใครส่งพวกเ้ามา?” เวลานี้นางอยากถามให้แน่ใจ
ดูท่าแล้ว ศัตรูของนางมีมากมายเหลือเกิน
“ไม่ต้องพูดนอกเื่ ข้ารับเงินทำงาน คืนนี้เป็วันตายของเ้า” หัวหน้าชายชุดดำพูดจบ ก็จับดาบทะยานเข้าใส่มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกเบื่อกับประโยคซ้ำซากจำเจแบบนี้เสียเหลือเกิน ระหว่างนั้นนางกวาดสายตาประเมิน้เห็นชายชุดดำมีจำนวนมากเหลือเกิน เดิมทีอยากจะเป่านกหวีดให้องครักษ์ลับชุดม่วงมา แต่ในเมื่อยังไม่รู้ว่าใครเป็คนว่าจ้างมา ทั้งไม่รู้ว่ารอบด้านมีหลุมพลางอะไรอีกอื่นหรือไม่ หากเรียกองครักษ์ลับชุดม่วงมาเกรงว่าอาจตกหลุมพรางได้
ในตอนนี้นางได้กำแส้หางหงส์ไว้แแ่ ฟาดออกไปตวัดชายชุดดำที่ทะยานเข้ามา
ขณะเดียวกัน มู่อวิ๋นจิ่นข้อมือของนางกลับเจ็บแปลบขึ้นมา รูปขนหงส์สีทองเรืองแสงขึ้นมาแล้ว
ด้วยเหตุนี้นางจึงใจชื้นขึ้นมาเป็กอง
เดิมทีหัวหน้าชายชุดดำหมายทะยานเข้าแทงมู่อวิ๋นจิ่นให้ถึงแก่ความตาย แต่พอเห็นนางถือแส้หางหงส์ สีหน้าหัวหน้าชายชุดดำก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย จากนั้นะโให้คนที่เหลือฟัง “เร็ว ฆ่านางซะ!”
“เหมี๊ยว……”
เสียงร้องของแมวเหมียวดังขึ้น ตามด้วยลำแสงสีชมพูและลำแสงสีทองสว่างไปทั่ว หลังจากนั้นมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งยืนอยู่ข้างมู่อวิ๋นจิ่น
ชายหญิงคู่นั้นมีเสื้อคลุมสีดำผืนใหญ่ปิดร่างกาย รอบตัวมีแสงเรืองรอง ทำให้ชายชุดเ่าั้เห็นแล้วเกิดไหวหวั่นขึ้นมา
“นางนี่มันมีคนช่วย แต่แค่สองคนเท่านั้น ไม่ต้องกลัวไป!” หัวหน้าชายชุดดำะโจบลง คนที่เหลือควักกริชพุ่งจู่โจมจากรอบทิศ
เหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ต่างวุ่นวายไปหมดแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นสะบัดแส้หางหงส์ฟาดไปมารอบตัว จนชายชุดดำต่างไม่กล้าเข้าใกล้
ในใจของนางตัวนี้ ใคร่รู้เหลือเกินว่าใครที่ยอมลงทุนเป็คนจ้างคนเหล่านี้มาเอาชีวิตของนาง
ด้านพวกคนที่อยู่เมืองเตี๋ยฮวา น่าจะคิดว่านางพักฟื้นตัวอยู่ในจวนองค์ชายหกนี่หน่า แต่น่าคิดว่า ทำไมนางเดินทางมาไกลถึงนี้ ยังมีคนว่าจ้างชายชุดดำมา รวมทั้งรู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของนางอีกด้วย
สรุปแล้วเป็ใครกันแน่……
คิดไปคิดมา มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกหมดความอดทนแล้ว จึงสะบัดแส้ไปรัดคอชายชุดดำมา
ชายชุดดำถูกแส้รัดจนมิอาจขยับเขยื้อนตัวได้อีก
มู่อวิ๋นจิ่นค่อยๆ บีบเพิ่มแรงทีละนิด พร้อมกับแสยะยิ้ม “บอกมา ใครใช้ให้พวกเ้ามา?”
“หึ จะฆ่าก็รีบฆ่าได้เลย!” หัวหน้าชายชุดดำหลับตาลงเพื่อเตรียมตัวตาย
มู่อวิ๋นจิ่นเยาะเย้ยขึ้น แววตาของนางเต็มไปด้วยความอำมหิต ควักกริชออกมา หมายสังหารชายชุดดำให้ถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ
“ในใต้หล้าแห่งนี้ ยังมีเื่อื่นที่ทรมานหมายกว่าความตายเสียอีก นั่นคือตายทั้งเป็ยังไงเล่า!” มู่อวิ๋นจิ่นใช้กริชกรีดตัดเส้นเืใหญ่ข้อมือข้อเท้าจนขาดสะบั่น
จากนั้นเก็บแส้หางหงส์ เห็นชายชุดดำคลานอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แววตาเบิกโพลง นอนบิดตัวไปมาด้วยความเ็ปรวดร้าว
ทางด้านฉีฉี่กับซิวเม่ยที่จับชายชุดดำได้ ต่างเลียนแบบมู่อวิ๋นจิ่นตัดเส้นเืใหญ่ที่ข้อมือข้อเท้าจนขาดสะบั่นตามกัน ทว่ายังไม่ถึงแก่ชีวิต
หลังจากนั้น หัวหน้าชายชุดดำที่ยกดาบออกคำสั่งอย่างอำนาจล้นเหลือ ล้วนล้มพับลงกับพื้น ร้องครวญครางกันระงม
“นายหญิง คนพวกนี้จะจัดการยังไงเ้าคะ?” ฉีฉี่หันมาถามมู่อวิ๋นจิ่น แล้วมองไปที่คนพวกนั้น
“พวกเ้าแน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่ปริปากบอกคนว่าจ้าง?” มู่อวิ๋นจิ่นยืนเอามือพาดหลัง จ้องมองชายชุดดำ
ทุกคนต่างไม่มีใครตอบกลับแม้แต่เสียงเดียว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้……” มู่อวิ๋นจิ่นหันไปสั่งให้ฉีฉี่กับซิวเม่ย “ดูพวกมันให้ดี อย่าให้ตายไปก่อน พรุ่งนี้เช้าถอดเสื้อผ้าพวกมันทุกคน จากนั้นเอาไปโยนที่ถนนในเมืองเซินเย้า”
“ข้าคิดว่าจะต้องภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง!!!”
ฉีฉี่กับซิวเม่ยสบตากัน แล้วหันหลังกลับไปยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน
ชายาชุดดำพวกนั้นที่ล้มพับกับพื้น ต่างได้ยินที่มู่อวิ๋นจิ่นสั่งการ ต่างมองนางด้วยสายตาที่หวาดหวั่น ที่แท้นางช่างโเี้ไม่เบา
แต่เกียรตินั้นฆ่าได้หยามไม่ได้ ในเมื่อต้องอัปยศอดสูเช่นนั้น ไม่สู้ปลิดชีพตัวเองั้แ่ตอนนี้ให้สิ้นเื่สิ้นราวไป
ชายชุดดำเ่าั้คิดได้เช่นนั้น ต่างเลือกที่กัดลิ้นฆ่าตัวตาย
ฉีฉี่กับซิงเม่ยต่างเตรียมแผนรับมือเป็ที่เรียบร้อย ได้ใช้พลังควบคุมมิให้ชายชุดดำทุกคนอ้าปากได้
“เอาล่ะ ดึกมากเกินไปแล้ว ข้าต้องกลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีจากพวกเ้าทั้งสอง”
“คนบางคนจะเป็นักฆ่าช่างไม่สมราคา ทำไมไม่เลือกเป็คนฉลาดไหวพริบไว จะได้ไม่ต้องมาตายอย่างเปล่าประโยชน์”
มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปพูดไป ผ่านร่างชายชุดดำในระหว่างทางกลับ จนมีแสร้งทำเป็เผลอเตะเข้าไปที่เ่าั้
ชายชุดดำคนนั้นที่โดนเตะร้องอย่างโอดครวญ เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นตั้งใจเดินกลับไปจริงๆ ในที่สุดก็ะโขึ้นมา “ข้ายอมบอกแล้ว……”
อีกด้านหนึ่งในมุมมืด มีร่างของชายสองคนมองจากระยะไกลออกมา ด้วยสายตาที่แปลกใจ
“องค์ชาย สองคนนั้นเป็จิติญญาแมวกับนกกระเรียน เหตุใดถึงเรียกพระชายาว่านายหญิงได้พ่ะย่ะค่ะ?”
“กลับกันเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”
……
ระหว่างที่มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบากลับ นางเอื้อมมือม้วนปลายผมไปมา ภายในหัวคิดเื่ที่ชายชุดดำคนนั้นบอก จนอดมิได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย
ดูท่าแล้วเป็นางที่หาเื่เข้าตัวโดยแท้!
ฉู่ชิงเฉียง เ้าช่างไร้ความอดทนอกลั้นเสียจริง ยังไม่ทันไรก็เลือกลงมือก่อนแล้ว!
พอกลับมาถึงลวี่อิน มู่อวิ๋นจิ่นก็เอนตัวนอนบนเตียงใหม่ แต่ไร้ความง่วงใดๆ จนกระทั่งฟ้าสางของอีกวันมาถึง
เมื่อท้องฟ้าสว่างไสวขึ้นมา ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ให้ไปเรียนวิชาที่ป่า
มู่อวิ๋นจิ่นรีบพยุงตัวลุกขึ้นมายืน เดินไปเกล้าผมและเปลี่ยนอาภรณ์
หลังจากออกเดินทางแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นเดินลงไปชั้นที่สอง เห็นอาหารเช้าจัดเรียงรายเต็มโต๊ะ
มู่อวิ๋นจิ่นยกโจ๊กขึ้นมาทานอย่างมีความสุข
ในตอนนั้นเอง ฉู่ลี่เดินเข้ามาในห้อง ด้วยชุดคลุมสีดำ ดูแล้วให้ความรู้สึกเ็า โเี้อำมหิต
“อรุณสวัสดิ์” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยทักทาย
“อืม” ฉู่ลี่พยักหน้ารับ และมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด
หลังจากทานอาหารเช้าเป็ที่เรียบร้อย ทั้งสองก็ไม่ได้สนทนากันแม้แต่ประโยคเดียว
มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกมานอกโรงเตี๊ยม แอบชำเลืองมองทางหอบุหลัน แม้จะเปิดประตูเอาไว้ กลับยังไม่มีแขกเข้ามา
“พระชายา?” ติงเซี่ยนเรียกมู่อวิ๋นจิ่นที่ยืนนิ่งใจลอย
มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะเย้ยแล้วหันมาสั่งติงเซี่ยนว่า “ไปร้านเสื้อผ้าก่อน”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”
ไม่นานนักรถม้ามาหยุดที่หน้าร้านเสื้อผ้า มู่อวิ๋นจิ่นกระโดนจากรถม้าวิ่งเข้าไปด้านใน
เ้าของร้านเป็สตรีวัยกลางคน เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาจึงมองเพื่อประเมิน “แม่นาง ที่นี่มีชุดกระโปรงใหม่เพิ่งมาถึง อยากชมไหมเอ่ย?”
มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้าปฏิเสธ “มีชุดของบุรุษไหม?”
พอได้ยินจะซื้อชุดบุรุษ เ้าของร้านตอบด้วยรอยยิ้ม “มีแน่นอน อยากจะซื้อไปให้สามีใช่ไหม?”
มู่อวิ๋นจิ่นยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ และไม่สนใจเ้าของร้าน เดินเลือกดูด้วยตนเอง
ในที่สุด มู่อวิ๋นจิ่นเลือกดูชุดที่แขวนอยู่ โดยเลือกชุดสีเข้มสองสามชุด หางตาเหลือบเห็นรองเท้า
“เอารองเท้าคู่นี้ด้วย”
หลังจากที่เลือกเสื้อผ้า รองเท้า และห่อผ้าเป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นก็ถือขึ้นรถม้าไป
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม รถม้าก็จอดลง
มู่อวิ๋นจิ่นะโลงหันไปบอกกับติงเซี่ยน “เ้ากลับไปก่อนเถอะ”
ติงเซี่ยนรับคำแล้วพารถม้าเดินทางกลับ
มู่อวิ๋นจิ่นถือข้าวของเดินเข้าไปในเรือนหลังคาจาก เห็นอาจารย์เฟิงเสวียนนั่งรออยู่แล้ว
พอเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเท่านั้น อาจารย์เฟิงเสวียนถลึงตาโตใส่ ต่อว่าต่อขาน “เ้านี่มัน แค่วันที่สองยังกล้ามาสายขนาดนี้ ไม่เคารพไม่เห็นหัวอาจารย์คนนี้ในสายตา……”
อาจารย์เฟิงเสวียนยังไม่ทันต่อว่าจนจบ ด้านหน้ากลับมีห่อผ้าลอยเข้าอ้อมอกเขา
เมื่อเปิดห่อผ้าออก เห็นเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุดกับรองเท้าหลายคู่ อาจารย์เฟิงเสวียนจึงก้มมองสารรูปตัวเองที่เสื้อผ้าขาดหลายแห่ง รองเท้าเป็รูใหญ่กว้าง
“เหตุใดไม่ต่อว่าต่อขานไปเรื่อยๆ แล้วเอ่ย?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว เห็นสายตาของอาจารย์เฟิงเสวียนอ่อนโยนขึ้น
“ว่าสิ! ทำไมข้าจะไม่ต่อว่าเ้าต่อ! อย่าคิดว่าซื้อของพวกนี้มาติดสินบนข้า ข้าจะยอมใจอ่อน อีกอย่างเสื้อผ้าและรองเท้าของข้ายังดีๆ อยู่ เ้าซื้อของใหม่มา เพื่อตั้งใจดูแคลนข้าใช่หรือไม่?”
“ถ้าอย่างนั้นก็คืนศิษย์มา ศิษย์เตรียมรอเอาไปทิ้งอยู่!”
“ข้าไม่คืน……”