“เฉินเฟยเสนอราคาที่ 2.9 ล้านหยวนเว่ยจิ้นจงเสนอราคาที่ 2.8 ล้านหยวน ดังนั้น ไม่ทราบว่าราคา 3 ล้านหยวนนี้คุณพอใจหรือเปล่า?”
“พอใจ ไม่เลวเลย แต่ว่าข้อมูลนี้คุณสามารถขายให้ผมได้เพียงคนเดียวไม่ว่าพวกเขาจะเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน คุณก็ห้ามขายให้กับพวกเขาอย่างเด็ดขาด”
“วางใจได้ ทุกครั้งที่ผมทำธุรกิจ ผมย่อมให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์และความเชื่อใจอยู่แล้ว”
“อืม แต่ว่าผมอยากรู้ว่านอกจาก 2คนนี้แล้ว ยังมีคนอื่นเสนอราคาอีกหรือเปล่า?”
“ไม่มี มีแค่พวกคุณ 3 คนหากมีคนรู้เยอะจนเกินไป ข้อมูลนี้คงจะรั่วไหลออกไปได้ง่ายถึงตอนนั้นคนของทางจิ่งเต๋อเจิ้นก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเครื่องเคลือบแล้วก็คงจะแย่แน่ๆ”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้ารับ อีกฝ่ายคิดได้รอบคอบจริงๆ
“ข้อมูลนี้ผมตกลงซื้อแล้ว บอกเลขที่บัญชีของคุณมาซิ”
“ตัดสินใจได้เด็ดขาดดี! เลขที่บัญชีของผมคือ XXXXXXXXXXXXXXXXXเมื่อได้รับเงินแล้ว ผมจะรีบบอกข้อมูลคุณทันที”
“ตกลง ว่าแต่คุณห้ามเล่นตุกติกกับผมล่ะมิฉะนั้นแล้ว…...หึ!”
“วางใจได้เลย ผมทำธุรกิจการค้าแบบนี้ความซื่อสัตย์และความเชื่อใจเป็สิ่งสำคัญที่สุด”
“ดีมาก! แต่คุณต้องรอสักครู่นะ คุณก็น่าจะรู้ว่าผมเพิ่งจ่ายเงินซื้อมีดแกะสลักเล่มหนึ่งในงานประมูลไป4 ล้านหยวน ตอนนี้เงินสดในมือหมุนไม่ค่อยทัน ผมจำเป็ต้องใช้เวลารวบรวมเงินประมาณ15 นาที อีก 15 นาทีเงินจะต้องโอนเข้าบัญชีของคุณอย่างแน่นอน”
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเข้าใจที่หลินเยว่บอกว่าหมุนเงินไม่ทันจะหมายถึงอย่างไรกันแน่แต่ทว่าเขาก็ยังคงตอบตกลง “ได้ เมื่อเงินโอนเข้าบัญชีแล้ว ผมก็จะบอกคำตอบกับคุณ”
ก่อนวางสายหลินเยว่ยังคงกำชับอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งว่าห้ามบอกข้อมูลนี้กับคนอื่นเมื่ออีกฝ่ายพูดตกลงเห็นด้วยย้ำอยู่หลายครั้งแล้ว เขาถึงได้วางสายไป
เมื่อวางสายแล้วหลินเยว่จึงรีบหยิบกระดาษที่จดเลขที่บัญชีนั้นวิ่งออกไปนอกห้องอย่างบ้าคลั่งหลังจากนั้นจึงแล่นไปทางห้องพักของอาจารย์ของเขาทันที
เมื่อสักครู่ที่เขาพูดไปแบบนั้นเพื่อ้าให้อีกฝ่ายลดความระแวงลงเป้าหมายก็คือ้าจะยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุดในเมื่อเว่ยจิ้นจงและเฉินเฟยต่างรู้คำตอบแล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าคำตอบที่หลุดออกมาจะเป็คำตอบที่ถูกต้องหรือไม่แต่หลินเยว่ก็ไม่กล้านิ่งนอนใจ ตอนนี้เขายอมที่จะคิดว่าคำตอบที่คนพวกนั้นได้ไปเป็คำตอบที่ถูกต้องมากกว่า
ตอนนี้สิ่งที่หลินเยว่้าทำให้เร็วที่สุดก็คือบอกเื่นี้ให้กับอาจารย์ของตนเองให้อาจารย์ของเขาเป็คนออกหน้าบอกกับคนของทางจิ่งเต๋อเจิ้นที่ไว้ใจได้หลังจากนั้นก็ให้บุคคลผู้นั้นทำการปรับเปลี่ยนเครื่องเคลือบที่ใช้ทำการทดสอบในวันนั้นและการที่เขาถามเลขที่บัญชีไว้ก็เพื่อให้คนของจิ่งเต๋อเจิ้นใช้เลขที่บัญชีนี้เพื่อทำการสืบหาตัวคนที่โทรติดต่อเขา
ขณะที่ท่านเฮ่อฉางเหอเพิ่งเตรียมตัวเข้านอนเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ อย่างร้อนใจ เขาจึงขมวดคิ้วเดินมายังตรงประตูเมื่อเปิดประตูออกมา เขาจึงเห็นสีหน้าร้อนใจของลูกศิษย์ของตน
เฮ่อฉางเหอจึงใตามไปด้วย หลังจากนั้นจึงถามอย่างร้อนรน“เสี่ยวเยว่เป็อะไร? เกิดเื่อะไรขึ้น?”
หลินเยว่รีบเบียดตัวเข้ามาในห้องพักของอาจารย์ของตนหลังจากนั้นจึงรีบปิดประตูลงทันที เมื่อมั่นใจว่าไม่มีคนอื่นได้ยินอีกแล้วเขาจึงรีบเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทั้งหมดให้อาจารย์ของตนฟังด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“มีเื่แบบนี้เกิดขึ้นด้วยรึ?”
เมื่อเฮ่อฉางเหอได้ยินเื่ราวทั้งหมดก็โกรธจัดขึ้นมาทันที“คนของจิ่งเต๋อเจิ้นกินอะไรแทนข้าว? ทำไมความลับแค่นี้ถึงยังเก็บเอาไว้ไม่อยู่ พวกเขากินขี้กันหรือไง!”
ขณะที่พูดเฮ่อฉางเหอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่งเมื่อโทรติดเท่านั้น เขาจึงตะคอกใส่ปลายสายทันที “ตาแก่หลิวคนของจิ่งเต๋อเจิ้นของคุณเป็พวกหลอกกินข้าวฟรีแต่ไม่ยอมทำงานกันหรือไง? ต้องให้เลี้ยงเปล่าๆ โดยไม่ยอมทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?……”
“พูดถึงเื่อะไรเนี่ย ตาแก่เฮ่อ คุณใจเย็นๆ ก่อนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ความลับรั่วไหลแล้ว คำตอบของการทดสอบในวันมะรืนรั่วไหลออกมาแล้วแล้วพวกเรายังต้องแข่งกันไปเพื่ออะไรอีก? คนของคุณมีคนทรยศแล้วใช่ไหมล่ะ ตาแก่หลิวหากวันนี้คุณไม่จัดการให้ผม ผมไม่มีทางยอมแน่ๆ เื่นี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆอย่างแน่นอน!”
เฮ่อฉางเหอก็ยังคงตะคอกอย่างต่อเนื่อง
“รั่วไหล? เกิดอะไรขึ้น ตาแก่เฮ่อคุณพูดให้รู้เื่หน่อย!”
น้ำเสียงของผู้เฒ่าหลิวจึงเปลี่ยนเป็ร้อนใจขึ้นมาทันที
“ให้ลูกศิษย์ของผมเป็คนเล่าให้คุณฟังก็แล้วกัน!”
เฮ่อฉางเหอยื่นโทรศัพท์ให้หลินเยว่เขารู้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจัดจึงไม่มีทางพูดให้รู้เื่ชัดเจนได้ ดังนั้นเขาจึงให้หลินเยว่เป็คนพูด
เมื่อหลินเยว่รับโทรศัพท์มาแล้วเขาจึงเล่าเื่ราวทั้งหมดให้ผู้เฒ่าหลิวฟังอีกครั้งอีกทั้งยังบอกเลขที่บัญชีและหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคนผู้นั้นอีกด้วย
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้ลูกหมาตัวไหนที่กล้าทำแบบนี้!!!”
ผู้เฒ่าหลิวหลุดปากด่าออกมาทันที
เมื่อด่าไปสักพัก เขาจึงหยุดด่าแล้วพูดขึ้นอย่างร้อนใจ“ฝากขอโทษอาจารย์ของคุณด้วยล่ะ ผมจะรีบไปจัดการเื่นี้ทันที!”
เมื่อพูดจบ เขาก็วางสายไปอย่างฉับพลัน
หลินเยว่จึงทำได้เพียงคืนโทรศัพท์มือถือให้กับอาจารย์ของตนพร้อมพูดขึ้น“อาจารย์ ท่านหลิวบอกขอโทษอาจารย์ครับ”
“ขอโทษทำบ้าอะไร ขอแค่เขาจัดการเื่นี้ได้เรียบร้อยก็พอแล้ว”
เฮ่อฉางเหอรับโทรศัพท์คืนมาแล้วก็โยนทิ้งลงบนโซฟาอย่างอารมณ์เสียเห็นได้ชัดว่าเขายังคงโกรธจัด
แต่ทว่าเพียงไม่นานเขาก็หัวเราะขึ้นมาทำให้หลินเยว่เริ่มมึนงงกับปฏิกิริยาของอาจารย์ของตน
“หึหึ…… พอตาแก่หลิวรู้เื่นี้แล้วเขาจะต้องเปลี่ยนเครื่องเคลือบทั้ง 50ชิ้นที่เตรียมไว้อย่างแน่นอน แบบนี้เฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงที่เพิ่งจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อคำตอบไปก็กลายเป็สิ่งไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง!ฮ่าๆ…... สมน้ำหน้า!”
เมื่อหลินเยว่คิดตามเขาก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
......
ณ บ้านส่วนบุคคล ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยังคงไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหลินเยว่เขาจึงขมวดคิ้วทันที
ทำไมถึงช้าอย่างนี้ล่ะ?
ทำไมคนที่สามารถจ่ายเงิน 4ล้านหยวนเพื่อมีดพังๆ เล่มหนึ่งกลับจู่ๆ ถึงเงินสดขาดมือได้ล่ะ?
แย่แล้ว!!!
ชายผู้นี้เกิดอาการเกร็งร่างขึ้นมาทันทีหลังจากนั้นเขาจึงปิดโทรศัพท์พร้อมแกะถอดฝาหลัง หยิบแบตเตอรี่ออกมาแล้วหยิบซิมโทรศัพท์ออกมา หลังจากนั้นจึงรีบหักซิมทันที
“แครก……”
ซิมโทรศัพท์ถูกหักออกเป็ 2ท่อน
หลังจากนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนซิม แล้วรีบเปิดโทรศัพท์อย่างไม่รอช้าหลังจากนั้นจึงโทรศัพท์ไปที่หมายเลขหนึ่งไม่รู้ว่าเป็เพราะตื่นเต้นจนเกินไปหรือว่าเป็เพราะอะไร เขาจึงต้องกดโทรออกถึง 3 ครั้งถึงได้โทรถูกต้องตามที่้า
“สวัสดีค่ะ ต่อไปนี้คือการให้บริการการโอนเงิน……”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจึงรีบโอนเงินจากบัญชีนี้ไปอีกบัญชีทันที
เมื่อจัดการเื่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชายวัยกลางคนผู้นี้จึงหยิบซิมโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับหักทิ้งอีกครั้ง
ผมนี่ฉลาดจริงๆ! ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะถูกคนอื่นเล่นงานเอาได้!
ผ่านไปนานขนาดนี้ไอ้ลูกหมาหลินเยว่ยังไม่ยอมโทรมาสักทีเขาต้องแอบไปฟ้องคนอื่นแน่ๆ เลย เขากับอาจารย์ของเขานิสัยทุเรศพอกัน!
เวรเอ๊ย!
ชายวัยกลางคนผู้นี้ขมวดคิ้วอยู่ในห้อง ปากของเขาก็ยังก่นด่าไม่หยุดดูเหมือนว่าเขามีอารมณ์แปรปรวน เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้เขาใจริงๆ
แต่ทว่าผ่านเพียงไม่นานเขาก็เริ่มสงบลงและเริ่มมีสติกลับคืนมา เขาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้งยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาต้องคิดไปเองเขาต้องหลอกให้ตัวเองใไปก่อนอย่างแน่นอนไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะกำลังไปรวบรวมเงินจริงๆ ก็ได้ ต้องรวบรวมเงิน 3 ล้านภายในเวลา 15 นาทีอาจจะไม่ได้เป็เื่ง่ายจริงๆ
ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะโทรศัพท์มาหาตนเองแล้ว
ชายวัยกลางคนผู้นี้เริ่มหน้าเสียเขามองซิมโทรศัพท์ที่ถูกตนเองหักทิ้งไปทั้ง 2ซิมอย่างเสียดาย สีหน้าอารมณ์ดูไม่คงที่เลย
เขาหยิบหมายเลขโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าแต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
เขาไม่ควรทำตัวเสี่ยงอีกแล้ว เงิน 3.5 ล้านหยวนตกถึงมือของเขาแล้ว เขาจึงไม่ควรคิดถึงเื่อื่นอีก
ถึงแม้ว่าเขาจะปลอบใจตัวเองแบบนี้แต่ชายวัยกลางคนก็ยังคงหยิบกระดาษที่เขียนหมายเลขนั้นออกมาดูไม่เลิกเขาคิดอยากจะกดเบอร์นี้ออกไปอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ห้ามใจตนเองเอาไว้ได้แต่ทว่าค่ำคืนนี้เขาไม่สามารถนอนหลับได้เลย
......
วันถัดมา หลินเยว่ก็ได้พักผ่อนเป็เวลาหนึ่งวันเต็มๆท่านเฮ่อฉางเหอไม่ได้บอกให้เขาฝึกปั้นเครื่องเคลือบกับท่านแต่กลับให้เขาพักผ่อนตามสบาย
วันรุ่งขึ้นก็จะถึงการทดสอบด่านสุดท้ายแล้ว เมื่อถึงเวลาที่ควรจะผ่อนคลายก็ควรจะผ่อนคลายตนเองจริงๆ
วันถัดมา การทดสอบด่านสุดท้ายก็กำลังจะเริ่มขึ้น......
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้