ในป่าตรงปากทางเข้าหมู่บ้านวั้งหลิน
หลิวเหล่าซานหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น ในใจกระวนกระวายอย่างมาก
การที่เขาชื่นชอบหูชุ่ยจูไม่ใช่ความเท็จ แต่จะให้ใช้วิธีการเช่นนี้ขอนางเข้าบ้าน เขาก็ลังเลอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
แต่จ้าวไฉ่สยากล่าวได้ถูก สตรีขอแค่แต่งงานแล้วส่วนใหญ่ย่อมทำใจปล่อยวางลงได้ แม้วิธีการจะไร้เกียรติไปบ้าง แต่รอตอนแต่งนางเข้ามาแล้ว เขาจะดีกับนางให้มากหน่อย เชื่อว่าสุดท้ายแล้วหูชุ่ยจูก็จะยอมรับเขาได้
หลิวเหล่าซานอดจินตนาการชีวิตความเป็อยู่ในวันข้างหน้าขึ้นมาไม่ได้ สกุลหูครอบครัวใหญ่โตกิจการมากมาย สินสมรสที่ครอบครัวมอบให้ย่อมไม่น้อยแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาแยกบ้านออกมาอยู่เอง อาศัยสินเดิมของนางชีวิตความเป็อยู่ก็สามารถผ่านไปได้อย่างชื่นมื่นแล้ว
เขาเผยรอยยิ้มและหัวเราะอย่างไร้เสียง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังมีคนเดินเข้ามาในป่า
มาแล้ว! หลิวเหล่าซานตื่นเต้นอย่างมาก
ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้หิมะ มีแสงสลัวในป่าต้นไม้นานาพันธุ์ เขาตะแคงศีรษะมองหนหนึ่ง เห็นเพียงชุดกระโปรงสีน้ำเงินอ่อน สตรีผู้นั้นเข้าป่ามาและมองหันซ้ายขวาอยู่สองสามรอบ อาจเพราะไม่เห็นว่าในป่ามีคน จึงหมุนกายกลับคิดจะเดินออกไป
หลิวเหล่าซานถือโอกาสพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วทันที เขาวิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ถึงด้านหลังของหญิงสาว มือหนึ่งปิดปาก มือหนึ่งกอดเอว ฉุดนางเดินเข้าในป่า
“อื้อๆๆ...” หญิงสาวใพยายามส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมาพร้อมกับใช้มือและเท้าต่อสู้ดิ้นรนไม่หยุด
เขาใช้แรงเต็มที่ในการดึงนางไปทางหลังต้นไม้ใหญ่ จู่ๆ หญิงสาวก็ใช้ศอกกระแทกไปหนึ่งที หน้าอกของเขาถูกกระแทกอย่างแรง หลิวเหล่าซานได้รับความเ็ปทว่าไม่กล้าปล่อยมือ
เวลาไม่นานเล็กน้อยนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีบางอย่างไม่ค่อยถูก ทำไมรอบเอวของหูชุ่ยจูหนาเพียงนี้? และทำไมแรงมากมายเพียงนี้? ผิวราวกับว่าหยาบมากด้วย? กอดอยู่ในอ้อมอกแล้วยังมีกลิ่นน้ำมันใส่ผมที่เหม็นฉุนอีกต่างหาก
หัวใจเขาเกิดความไม่แน่ใจ ขณะที่เพิ่งคิดจะมองหญิงสาวในอ้อมอกให้ละเอียดหนึ่งที
นอกป่าก็มีเสียงฝีเท้าดังกระชั้นเข้ามา
“พี่สะใภ้รอง เร็วเข้า เมื่อครู่ข้าเห็นว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งหลบเข้าไป ต้องเป็หญิงสาวหน้าหนาที่ไหนล่อลวงผู้ชายเข้าไปทำอะไรไม่ดีแน่เลย พวกเราต้องเปิดโปงพวกเขา ดูสิว่าแม่นางครอบครัวไหนในหมู่บ้านที่ไม่มีความละอายเช่นนี้” เสียงของจ้าวไฉ่สยาทั้งตื่นเต้นทั้งรีบด่วน
“อยู่ไหน? อยู่ไหน? ในหมู่บ้านมีเื่โสมมเช่นนี้ด้วยหรือ?” เสียงเล็กแหลมของสตรีอีกคนหนึ่งแว่วเข้ามา
หลิวเหล่าซานฟังออกว่าเป็ผู้ใด เป็พี่สะใภ้รองที่เขาหวังว่าจะก่อความวุ่นวายขึ้นเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของตนเองนั่นอย่างไรล่ะ
การเคลื่อนไหวมือและเท้าของเขาลนลานไปเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกว่าหญิงสาวในอ้อมอกราวกับไม่ใช่หูชุ่ยจูอยู่ลางๆ
หญิงสาวในอ้อมอกเขาดิ้นรนรุนแรงยิ่งขึ้น
หลิวเหล่าซานจนปัญญา ทำได้เพียงออกแรงลากนางเข้าไปในป่าลึกขึ้นอีก
“โอ๊ะ อยู่นั่น อยู่ตรงนั้น!”
“เร็วเข้า อย่าให้พวกเขาหนีไป”
สตรีสองคนหิ้วชายกระโปรงขึ้นมุ่งไปทางพวกเขา
ไม่นานหลิวเหล่าซานก็ถูกพวกนางล้อมไว้
“เอ๋ นี่... นี่ไม่ใช่เหล่าซานหรือ เ้า... เ้ากอดแม่นางครอบครัวผู้ใดอยู่? นี่กลางวันแสกๆ หน้าไม่อายเกินไปแล้วกระมัง?” พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์เสียงเล็กแหลมดังก้องอยู่ในป่า
จ้าวไฉ่สยากลับไม่ได้ทำเสียงอะไรขึ้น เพียงมองหญิงสาวในอ้อมอกของหลิวเหล่าซานอย่างสงสัย หญิงสาวผู้นั้นต้องไม่ใช่หูชุ่ยจูอย่างแน่นอน หูชุ่ยจูจะแขนใหญ่เอวหนาเสียที่ไหน อีกอย่างชุดกระโปรงนั่นทำไมถึงได้คุ้นตาเพียงนี้นะ
“…เอ่อ ข้า… พี่สะใภ้รอง นี่…” หลิวเหล่าซานกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก สายตามองไปทางจ้าวไฉ่สยาราวกับขอความช่วยเหลือ
ทว่าจ้าวไฉ่สยากลับจ้องหญิงสาวในอ้อมอกที่ถูกเขาปิดปากอยู่ตลอด
“ไอ๊หยา เหล่าซาน นี่เ้านัดพบกับแม่นางบ้านไหนกันเนี่ย หลบอยู่ในป่ากลางวันสว่างโร่ ช่างทำเื่ผิดศีลธรรมนัก แม่นางหน้าด้านไร้ยางอายเพียงนี้ ท่านพ่อท่านแม่ไม่มีทางยอมรับนางเข้าบ้านหรอก” พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์มองสองคนอย่างมีความรู้สึกยินดีปรีดาบนความทุกข์นี้นัก
หน้าผากหลิวเหล่าซานมีเหงื่อไหลชุ่ม แรงที่มืออดผ่อนลงไม่ได้
หญิงสาวในอ้อมอกของเขาดิ้นหลุดออกมาทันที “เพียะ” นางหมุนกายไปตบหน้าเขาหนึ่งฉาดใหญ่
“หลิวเหล่าซาน เ้ามันเป็ลูกหลานตะพาบ หลบอยู่ในป่าใช้แผนการชั่วร้ายกับเหล่าเหนียง [1] ดูสิว่าเหล่าเหนียงจะไม่ฉีกเ้าเป็ชิ้นๆ” เสียงสูงและดังกังวานขึ้น สั่นะเืจนต้นไม้ล้วนสั่นไหวใบร่วงลงมา
จ้าวไฉ่สยาดวงตาสองข้างเบิกโพลง มองนางด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็เถียนกุ้ยจือมารดาของตนเอง
นี่... เกิดอะไรขึ้น? หูชุ่ยจูล่ะ?
“ไอ๊หยา บ้าเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเถียนกุ้ยจือจะแอบลักลอบพบกันกับเหล่าซานอยู่ในป่าลับหลังจ้าวป่านเติ้ง” พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์ท่าทางตื่นเต้นกระตือรือร้นอย่างมีเื่สนุกให้ดู
ทันทีที่นางกล่าวจบ เถียนกุ้ยจือที่กำลังไล่ทุบตีหลิวเหล่าซาน ก็โมโหจนเดินโงนเงนหันกลับมาถลึงตาใส่ด้วยความเดือดดาล
“สตรีน่ารังเกียจปากเสียอย่างเ้า ปากกล่าววาจาไร้สาระสกปรกโสมมนัก เห็นกันอยู่ว่าเป็เ้าเลวทรามนั่นตั้งใจทำผิดศีลธรรม เ้าตาบอดหรือเน่าเปื่อยถึงได้กล่าวว่าเหล่าเหนียงลักลอบพบกับเขา?” เถียนกุ้ยจือท่าทางกระหืดกระหอบลนลาน หากคำพูดเช่นนี้เข้าถึงหูจ้าวป่านเติ้ง คงหนีไม่พ้นการถูกทุบตีอย่างโเี้ขึ้นอีกแน่นอน
พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์หัวเราะเยาะ มองพวกเขาสองคนด้วยดวงตาคลุมเครือ “พวกข้าเห็นเ้าหลบอยู่ในอ้อมอกเหล่าซานนี่ ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเ้าเกิดอะไรกันขึ้น?”
เถียนกุ้ยจือโมโหจนถึงขีดสุดพร้อมเกิดความคับแค้นใจอย่างมาก เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว และตบตีกันกับนางขึ้นเป็พัลวัน
“โอ๊ย เถียนกุ้ยจือเ้ามันเป็สตรีหน้าด้าน ถูกคนพบเื่งามหน้าเข้าก็อยากฆ่าคนปิดปาก [2] ใช่หรือไม่!” พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์เป็คนที่ไม่ใช่จะถูกเอาเปรียบง่ายๆ หนึ่งผลักหนึ่งตี ถือโอกาสตบตีเถียนกุ้ยจือจนร้องเสียงเ็ป
เถียนกุ้ยจือร้องครางเ็ปราวกับเป็บ้า มือหนึ่งกระชากผมของนางไว้ แล้วดึงลงอย่างแรง
ทันใดนั้นสองคนก็กลิ้งกันอุตลุดเป็ก้อนกลม กลายเป็สนามต่อสู้ขนาดย่อม หลายวันก่อนได้มีหิมะตกลงมา บนพื้นเลยเป็โคลนเลน ไม่นานสองคนก็กลิ้งเลอะเปรอะเปื้อนเศษโคลนไปทั่วทั้งร่าง
จ้าวไฉ่สยาถอยหลังไปสองก้าว โมโหจนเจ็บตับไปหมด นางกวาดสายตาเย็นเยียบไปทางหลิวเหล่าซาน เ้าหมอนี่เื่สำเร็จทำได้ไม่แต่เื่พ่ายแพ้มีเหลือเฟือ [3] แล้วยังประกาศกร้าวว่าชื่นชอบหูชุ่ยจูมากอีก แม้แต่รูปร่างคนเขายังแยกไม่ได้ เหอะ บ้าบออะไรกันนี่
หลิวเหล่าซานถูกนางใช้สายตาเ็ากวาดผ่าน รู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย เห็นสตรีสองคนตะลุมบอนกันอยู่ส่งเสียงดังสนั่น เขากลัวว่าจะดึงดูดชาวบ้านให้มามุงดู จึงคิดจะหนีไปจากตรงนี้
“พวกเ้ากำลังทำอะไร!” เสียงตวาดอันน่าเกรงขามดังขึ้น
ข้างหลังจ้าวเหวินเฉียงมีเด็กหนุ่มตามอยู่ด้านหลังเข้าป่ามาด้วย
หลิวเหล่าซานใจนตัวสั่น อีกนิดเกือบจะขาอ่อนล้มพับลงไปบนพื้นอยู่แล้ว หัวหน้าหมู่บ้านมาพบเข้า เขาจะทำอย่างไรดี?
“พวกเ้าสองคนหยุดมือเดี๋ยวนี้ แล้วบอกมาว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จ้าวเหวินเฉียงตวาดหยุดทั้งสองคนที่ตบตีกันอยู่บนพื้น
หัวหน้าหมู่บ้านอย่างเขาน่าเกรงขามเป็อย่างมากในหมู่บ้านวั้งหลิน ฟู่เหรินสองคนหยุดลงทันที สภาพฝุ่นดินเต็มไปทั้งศีรษะและใบหน้า ต่างคนต่างจัดเสื้อผ้าเข้าที่ให้เรียบร้อยและยืนขึ้น
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านต้องตัดสินให้ข้านะ เถียนกุ้ยจือลักลอบนัดพบกับน้องสามีคนที่แสนไร้ประโยชน์ผู้นั้นของข้าอยู่ในป่า พอถูกพบเข้า ยังตบตีคนอย่างอวดดีอีก ท่านดูสิ นางตีข้าจนกลายเป็เช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้านต้องตัดสินให้ข้านะเ้าคะ” พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์วิ่งไปข้างจ้าวเหวินเฉียงแล้วร่ำไห้ร้องทุกข์
“เ้าผายลมนี่ สตรีเหม็นโฉ่ปากพ่นขี้ เหล่าเหนียงอายุกี่สิบปีแล้ว เ้ากล้าใส่ร้ายว่าข้าลักลอบนัดพบกับคนหรือ หากไม่ฉีกปากเ้าให้เละ เ้าคงไม่รู้จักว่าอะไรคือความเกรงกลัวใช่หรือไม่” เถียนกุ้ยจือดึงผมที่หลุดรุ่ยและจ้องนางอย่างโเี้
“หุบปากให้หมด!” จ้าวเหวินเฉียงะโเสียงดังหยุดฟู่เหรินทั้งสองคนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้น
ผิงอันยืนอยู่ข้างหลังจ้าวเหวินเฉียง ไพล่มือไว้ด้านหลังและทำมือส่งสัญญาณ เอ้อร์หนิวที่อยู่ด้านหลังเขาเข้าใจได้ทันที จึงถอยออกจากป่าไปอย่างเงียบๆ วิ่งไปใต้ต้นมะเดื่อจีนต้นใหญ่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ที่นั่นมีชาวบ้านที่นั่งพูดคุยเรื่อยเปื่อยอยู่กันไม่น้อย
จ้าวเหวินเฉียงกวาดตามองสี่คนที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วยความเคร่งขรึมหนึ่งที “หลิวเหล่าซาน เ้าว่ามา เ้ามาทำอะไรในป่า?”
“…เอ่อ …นี่ ข้า ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยขอรับ หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าแค่ทำให้อาสะใภ้ใเล็กน้อย ฮ่าๆ” หลิวเหล่าซานรู้ว่าวันนี้เขาไม่ได้รับผลสำเร็จกลับไป หากสามารถเลี่ยงภาระออกไปได้หน่อยก็ควรเลี่ยง
“ผายลมสิ หลิวเหล่าซานฟ้าดินจะต้องลงโทษเ้า ทำให้เหล่าเหนียงใกลัว แล้วยังพาเหล่าเหนียง…”
“ท่านแม่!” เถียนกุ้ยจือยังพูดไม่จบ ก็ถูกจ้าวไฉ่สยาะโหยุดไว้ นางสาวเท้าเข้ามาใกล้ “ท่านแม่ หลิวเหล่าซานแค่ทำให้ท่านใเท่านั้นเอง ท่านอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลยเ้าค่ะ”
จ้าวไฉ่สยาส่งสายตาให้นาง
เถียนกุ้ยจือไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่ก็ยังข่มตัวเองไม่ให้ส่งเสียงดังออกมา
“โธ่เอ๋ย แค่ทำให้ใกลัวเท่านั้นเองงั้นหรือ กลางวันสว่างโร่ ล้วนทำให้ใจนเข้าไปอยู่ในอ้อมอก มือหนึ่งกอดเอวมือหนึ่งลูบใบหน้า ขาดก็แต่จูบกันแล้วกระมัง” พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์จะให้พวกเขาจากไปง่ายๆ ได้เสียที่ไหน จึงแขวะสองคนขึ้นมาทันที
“ว้าย นี่หลิวเหล่าซานจะมีอะไรกันกับเถียนกุ้ยจือหรือนี่?”
“สองคนหลบอยู่ในป่ากลางวันแสกๆ เ้าว่าจะทำอะไรได้?”
“เถียนกุ้ยจือสวมหมวกเขียว [4] ให้จ้าวป่านเติ้งหรือนี่?”
“หลิวเหล่าซานกล้าหาญมากจริงๆ ดูสิว่าจ้าวป่านเติ้งจะยกโทษให้เขาหรือไม่”
“…”
จู่ๆ ในป่าก็มีชาวบ้านล้อมขึ้นหนึ่งกลุ่ม คอยจ้องจับผิดพวกเขาอย่างไม่วางตา
มุมปากผิงอันยกรอยยิ้มจางๆ นับว่าแผนสำเร็จ จึงแอบถอยออกไปสองสามก้าว กล้าวางแผนให้ร้ายพี่รองของเขา หึๆ ให้พวกเขาได้รู้จักรสชาติผลกรรมของตนเอง [5] ไปเถอะ
ใบหน้าหลิวเหล่าซานเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เหตุใดเื่จึงกลายเป็เช่นนี้ได้ หากเปลี่ยนจากเถียนกุ้ยจือเป็หูชุ่ยจู คำประณามเ่าั้เขาต้องยอมรับไว้อย่างแน่นอน แต่ผู้นี้เป็เถียนกุ้ยจือ เขาแยกไม่ออกไปชั่วขณะ ทำให้จำคนผิดไป พอคิดถึงรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงของจ้าวป่านเติ้งขึ้น เขาก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
“พี่สะใภ้รอง ท่านอย่ากล่าวมั่วๆ ระวังกลับไปพี่รองของข้าจะไม่ยกโทษให้ท่าน” หลิวเหล่าซานคุกคามพี่สะใภ้คนรองอย่างโเี้ หากมิใช่โผเหนียงผู้นี้ เื่จะวุ่นวายขึ้นจนกลายเป็อย่างนี้เสียที่ไหน
พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง เหอะ เ้าเด็กเหม็นโฉ่นี่ ตนเองทำเื่สกปรก ยังกล้าคุกคามผู้อื่นอีก นางหันไปกลอกตาใส่เขาอย่างเหยียดหยาม อย่างไรเสียความรักความผูกพันของพวกเขาสองพี่น้องก็ไม่ดีมาโดยตลอด เหล่าซานเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ ทำงานก็ไม่ปราดเปรียว วันๆ อยู่บ้านทานเสียข้าวสุก พี่น้องผู้ชายอีกสองคนของเขาไม่อาจทนดูได้ั้แ่แรก หากไม่ใช่ว่ามีผู้าุโสามีภรรยาอยู่ด้วย สกุลหลิวก็ควรแยกบ้านไปตั้งนานแล้ว
“ทุกคนอย่ากล่าวมั่วซั่ว หลิวเหล่าซานหลบอยู่ในป่าแกล้งอำท่านแม่ข้าให้ใ ท่านแม่ข้าไม่ทันระวังไปชั่วขณะ เลยถูกทำให้ใจนแข้งขาอ่อน ดังนั้นหลิวเหล่าซานเลยพยุงท่านแม่ข้าขึ้นมา ไม่ได้มีเื่อะไรอื่น ทุกคนอย่าไปฟังที่พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์กล่าวเลยเ้าค่ะ” จ้าวไฉ่สยาหาข้อแก้ตัวให้สองคนอย่างสงบเยือกเย็น
พี่สะใภ้หลิวเอ้อร์ถลึงตามองทันที เห็นกันอยู่ว่าเป็นางที่ลากตนเข้าป่ามาจับชู้ ตอนนี้กลับกลายเป็ว่าไม่ใช่เสียนี่ “จ้าวไฉ่สยา! แต่เป็เ้าที่พูดเองนี่ว่าเห็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงเข้าป่ามาลักลอบพบกันตอนกลางวัน ไม่อย่างนั้น ผู้ใดจะว่างไม่มีอะไรทำแล้ววิ่งมาถึงทางเข้าหมู่บ้านในป่าทึบผืนนี้”
ในทันทีจ้าวไฉ่สยาก็ใบหน้าซีดขาว นางเสียใจเป็อย่างมาก ทำไมถึงเลือกพี่สะใภ้หลิวเอ้อร์คนที่ไม่รู้เื่รู้ราวผู้นี้มาดำเนินการในแผนได้นะ เดิมคิดว่านางปากจัดสามารถทำให้หูชุ่ยจูอับอายขายหน้าได้ดี คิดไม่ถึงเลยว่ากลับกลายเป็ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง [6] เสียนี่
จ้าวเหวินเฉียงฟังสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นออก นี่จ้าวไฉ่สยารู้เื่ในป่าล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงตั้งใจลากหลิวเอ้อร์ผู้นี้มาเป็พยานบุคคลพิเศษ
เขาจัดการปัญหาอยู่หมู่บ้านวั้งหลินมาหลายปีเพียงนี้ พอที่จะพูดได้ว่าฉลาดเฉียบแหลมอยู่บ้าง
หลิวเหล่าซานเคลื่อนมองไปมาไม่หยุดนิ่ง มองไปทางจ้าวไฉ่สยาอยู่บ่อยครั้ง จ้าวไฉ่สยาฝืนบังคับให้ตัวเองเยือกเย็นไว้ ทว่าสีหน้ากลับขาวซีด สองคนนี้ทำการวางกับดักให้คนตกหลุมพลาง ผลสุดท้ายเถียนกุ้ยจือกลับตกลงไปเสียนี่ เหตุการณ์จึงกลายเป็อย่างเช่นตอนนี้
จ้าวเหวินเฉียงใบหน้าอึมครึม เขาคิดถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ จ้าวไฉ่สยาผู้นี้เคยเกาะแกะไป่ิ แล้วก็เป็ในป่านานาพันธุ์ผืนนี้อีกด้วย ครั้งนั้นถูกชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาเห็นเข้า เลยแอบมาบอกกับเขาเป็การส่วนตัว เขากลับไปถามไป่ิดูถึงรู้ว่าเป็ความคิดน้อยไปของจ้าวไฉ่สยา ในตอนนั้นเขาเคยคิดว่าควรไปตักเตือนจ้าวไฉ่สยาสักรอบดีหรือไม่ แต่ต่อมาไป่ิไปเล่าเรียนอยู่โรงเรียนส่วนตัวตลอด นางไม่มีโอกาสเกาะแกะไป่ิอีก จ้าวเหวินเฉียงจึงปล่อยผ่านเื่นี้ไป
ตอนนี้เลยคิดถึงความเป็ไปได้ขึ้นมา จ้าวไฉ่สยากับหลิวเหล่าซานจะวางหลุมพลางใส่ผู้ใดได้มากที่สุดกันนะ?
จ้าวเหวินเฉียงใช้สายตาเย็นะเืกวาดผ่านสองคนนี้ขึ้น
เชิงอรรถ
[1] เหล่าเหนียง คือ คำเรียกแทนตัวเองอย่างไม่สุภาพ
[2] ฆ่าคนปิดปาก หมายถึง การสังหารหรือทำลายพยานบุคคลที่รู้เห็นการกระทำความผิด เพื่อมิให้มาซัดทอดตนเองในภายหลัง
[3] เื่สำเร็จทำได้ไม่แต่เื่พ่ายแพ้มีเหลือเฟือ หมายถึง ความสามารถที่จะทำให้งานสำเร็จนั้นมีไม่พอ แต่ความสามารถที่จะทำลายงานนั้นมีอยู่เหลือเฟือ
[4] สวมหมวกเขียว หมายถึง ถูกสวมเขาเนื่องจากภรรยามีชู้
[5] ผลกรรมของตนเอง หมายถึง ทำผิดอย่างไรก็รับไว้อย่างนั้น
[6] ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง หมายถึง การเปรียบเปรยว่ายกหินขึ้นมาเพื่อคิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่หินก้อนนั้นกลับหล่นทับขาตัวเอง หรือคิดจะทำร้ายผู้อื่นแต่ผลร้ายนั้นย้อนกลับมาหาตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้