ดูเหมือนว่าอนุภรรยาของผู้ดูแลฮวาจะเป็ญาติของสาวใช้บ้านสกุลเจียง
ผู้ดูแลฮวาไม่ใช่แค่ผู้ดูแลร้านธรรมดา เขายังมาจากตระกูลเก่าแก่ ซึ่งตระกูลนั้นมีสามบ้าน
หลินฟู่อินตะลึงและรู้สึกขยะแขยงในตัวผู้ดูแลฮวาและพวกอนุภรรยานั่นขึ้นมาทันที เป็ผลให้นางเกลียดเขามากยิ่งกว่าเดิม
แม้รองเ้าเมืองเจียงจะมีบุตรชายสามคน แต่เขากลับรักบุตรคนเล็กมากที่สุด จนบุตรคนเล็กถูกเลี้ยงขึ้นมาเช่นไข่ในหินที่ไม่รู้อะไรเลย เป็ผลให้มีนิสัยก้าวร้าว
และเมื่อบุตรคนนี้เติบโตขึ้น เขาก็ออกไปสร้างปัญหาโดยอ้างชื่อบิดาจนโดนรองเ้าเมืองดุด่าอย่างรุนแรง
จากนั้นรองเ้าเมืองจึงเริ่มรู้ตัว และทำการจับตามองบุตรคนนี้อย่างใกล้ชิด แต่โชคร้ายที่นิสัยมันฝังลึกไปแล้ว จึงเป็ดั่งไม้แก่ที่ดัดยาก
เขาได้ทดลองใช้วิธีดัดนิสัยไปมากมายแต่ก็ไร้ผล ในที่สุดจึงยอมแพ้แล้วทำเพียงตัดเงินเขาเท่านั้น ซึ่งนับเป็วิธีที่ถูกต้อง เพราะเมื่อไร้เงิน ซานหลางก็เป็ได้เพียงเห้งเจีย [1] ที่ไร้วิชา ถึงจะสร้างปัญหาได้แต่ก็ไม่สามารถก่อการใหญ่ได้
ชีวิตของเจียงซานหลางนั้นเรียกได้ว่าน่าสมเพช เขาอยากหาเงิน แต่คนในบ้านเดียวกันกลับไม่มีใครกล้าให้เขามีเงิน
แม้แต่เหล่าพ่อค้าที่อยากมีสัมพันธ์อันดีกับรองเ้าเมืองเจียงก็เข้าใจว่ารองเ้าเมืองอยากดัดนิสัยบุตรของเขาจริงๆ จึงไม่มีใครยอมให้เงินกับซานหลางเลย
ชีวิตของเจียงซานหลางจึงรันทดขึ้นเรื่อยๆ จนเส้นผมเปลี่ยนเป็สีขาว
เป็ตอนนั้นเองที่ผู้ดูแลฮวาอยากได้สูตรไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนของหลินฟู่อิน เขาจึงไปขอให้อนุภรรยาของเขาไปร้องขอกับญาติที่เป็สาวใช้ที่บ้านสกุลเจียง เพื่อดูว่าจะมีโอกาสกล่อมให้สะใภ้ใหญ่มาร่วมมือกับเขาได้หรือไม่
ตามแผนของผู้ดูแลฮวา สะใภ้ใหญ่ของตระกูลเจียงนั้นมีเส้นสายกับพ่อค้าบางกลุ่มด้วย หากหลินฟู่อินถูกลากขึ้นเวทีแล้ว การจะให้สะใภ้ใหญ่ออกมากดดันให้หลินฟู่อินกลัวจนหัวหดจนยอมส่งสูตรให้นั้นก็ไม่ถึงกับเป็ไปไม่ได้
อีกทั้งเขายังแอบเกลียดหลินฟู่อินเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว สาวชาวบ้านที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกระแสโลกกลับกล้าปฏิเสธเขาหลายต่อหลายครั้ง ต่อให้ต้องยอมขาดทุนให้กับสะใภ้ใหญ่ของบ้านเจียงแต่หากทำให้หลินฟู่อินต้องเ็ปได้ เขาก็พอใจ!
ผู้ดูแลฮวานับได้ว่าเป็คนมีหัวด้านการวางแผน แต่เขาไม่รู้ว่าบุตรคนโตและสะใภ้ของบ้านเจียงนั้นไม่พอใจกับการที่บิดามารดาถือหางน้องเล็กมากเกินไปมานานแล้ว และกำลังคิดจะให้บทเรียนกับเจียงซานหลางอยู่
สะใภ้ใหญ่ใหญ่ของบ้านเจียงเองก็ไม่ได้รู้ว่าสูตรนี้มันคือสูตรอะไร แต่นางรู้ว่าน้องชายสามีของนางอยากได้เงินมากเสียจนเส้นผมกลายเป็สีขาว ั์ตาก้าวร้าว และเป็ตอนนี้เองที่สาวใช้คนสนิทมากระซิบคำหวานข้างหู
สาวใช้ผู้นั้นกล่าวว่าในเมืองมีเด็กสาวนามว่าหลินฟู่อินอยู่ ทั้งเยาว์วัยและมีหัวด้านการทำเงิน แต่โชคร้ายที่น้องชายของนางมีคู่หมั้นแล้ว จึงมิอาจแต่งงานกับเทพธิดาแห่งเม็ดเงินนั่นได้
นางยังรู้ด้วยว่าน้องชายสามีของนางชอบสาวงามเยาว์วัย และรูปลักษณ์ของหลินฟู่อินคนนี้เองก็ไม่เลว แต่ก็เป็คนที่น่าสงสาร เพราะแม้จะหาเงินเก่งแต่กลับกำพร้าพ่อแม่ ทั้งยังมีเด็กให้ต้องดูแลอีกสองคน จึงไม่เหมาะกับการนำมาเป็คู่แต่งงานนัก
มีเงินมากมายแต่กลับไม่มีโอกาสให้นำไปใช้ ไม่ว่าใครมาเห็นก็คงเห็นตรงกันว่าน่าสงสาร
ในตอนที่เจียนซานหลางได้ยิน เขาก็กล่าวว่า “ยอดเยี่ยม! อย่างไรข้าก็้าเพียงภรรยาที่ร่ำรวยอยู่แล้ว หากมีใบหน้างดงามด้วยก็เรียกได้ว่าเป็คู่หมั้นในอุดมคติเลยมิใช่หรือ?”
แล้วยิ่งไม่มีบิดามารดาด้วยก็ยิ่งดี ประหยัดเงินไปได้ถึงปีละสามงานเทศกาลเชียว!
จากนั้นเขาจึงกลับไปปรึกษากับลูกน้อง แล้วก็คิดข้ออ้างไปอ้างกับมารดาว่าเขาจะเข้าเมืองไปตรวจร้าน เพื่อให้รองเ้าเมืองยอมให้เขาเข้าเมืองได้
สุดท้ายแล้วรองเ้าเมืองก็ยังรักเ้าลูกคนเล็กผู้นี้อยู่ เมื่อเห็นว่าครั้งนี้เขามีท่าทีจริงจัง จึงยอมให้เขาไปแม้จะยังกังวลอยู่บ้าง โดยให้ผู้ติดตามที่ค่อนข้างแข็งแรงตามไปด้วย
และเมื่อสะใภ้ใหญ่ของบ้านเจียงเห็นว่าน้องชายสามีของนางกำลังจะเข้าเมือง นางก็ให้สาวใช้ส่งจดหมายไปหาผู้ดูแลฮวา เพื่อให้เขาติดต่อเจียงซานหลางและรายงานซานหลางว่าหลินฟู่อินอยู่ที่ใด
ทั้งหมดนี้ได้นำไปสู่เหตุการณ์ที่เจียงซานหลางเข้าหาหลินฟู่อินกลางถนนนั่น
ผู้ดูแลฮวา!
เมื่อได้ยินถึงต้นสายปลายเหตุแล้ว ดวงตาทรงผลซิ่งคู่นั้นก็มืดลง ซึ่งนางไม่สนใจจะปิดบังความรู้สึกต่อหน้าหวงฝู่จินผู้นี้เลย
ก็จริงที่นางมาจากยุคสมัยที่สงบสุข และนางก็ยึดถือในแิที่ว่าหากไม่หาเื่ใครก่อนก็จะไม่มีใครมาหาเื่นาง แต่หากมีใครคิดร้ายกับนาง นางก็จะไม่ทนและนางจะเอาคืนด้วย เพื่อให้มันต้องรู้สึกเสียใจที่มาหาเื่นางแล้วกลับใจเสียใหม่!
หวงฝู่จินไม่แปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เพราะคิดว่านี่เป็เื่ปกติ
“เ้ารู้สาเหตุที่ผู้ดูแลฮวาวางแผนมากมายเช่นนั้นเพื่อทำร้ายเ้าหรือไม่?” หวงฝู่จินเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามเสียงเบา
“ตอนแรกข้าไม่คิดว่าจะเป็เขา แต่มารู้เอาตอนนี้ก็ยังไม่สาย เป็ข้อมูลที่ดียิ่งนัก” หลินฟู่อินแค่นจมูก “คงเป็เพราะเื่ที่ข้าทำไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสน แม้ข้าจะขายให้เขาได้ แต่เขาก็ยังไม่พอใจและอยากได้สูตรไปทำเอง แต่ข้าไม่ยอม!”
เมื่อเห็นท่าทีดูิ่ชัดเจนเช่นนี้ แม้แต่หวงฝู่จินก็ยังต้องเงยหน้าขึ้นมอง
จะว่าไป เด็กสาวคนนี้ก็เป็ชาวไร่นี่นะ เขายิ้ม
เด็กสาวคนนี้น่าสนใจขึ้นทุกคราที่เขามองจริงๆ นางไม่เพียงต่างจากพวกคุณหนูที่เลื่องลือของต้าเว่ยพวกนั้น แต่ยังแตกต่างจากสาวชาวไร่ของเป่ยหรงด้วย น่าสนใจนักว่านางจะกลายเป็คนเช่นไร!
“ข้ามาเพื่อบอกเ้าเื่ที่เขามีผู้ทรงอำนาจที่ชื่อฮวานั่นคอยหนุนหลังอยู่ และเ้ายังไม่มีอำนาจพอจะไปต่อรองกับเขา และหากเ้าอยากเก็บเขา นั่นยังไม่ใช่เื่ง่าย” หวงฝู่จินคิดถึงลักษณะนิสัยของนางที่ไม่ชอบให้คนนอกมายุ่งเื่ของตน เขาจึงไม่คิดยื่นมือเข้าไปช่วย
อีกทั้งตระกูลของคู่ต่อสู้ในครั้งนี้ยังเป็เพียงมดปลวก ไม่คุ้มค่าที่เขาจะลงมือ
แต่!
หากนางมาก้มหัวขอร้องเขาละก็ จะให้ขยี้มดปลวกบ้างมันก็มิได้เสียหายอะไร
ไม่ว่าจะเป็เหล่าลิ่ว เหล่าฉี หรือใครก็ตาม แม้แต่ตวนมู่เฉิงเองก็สามารถปลิดชีพเ้ามดปลวกนั่นได้อย่างง่ายดาย
“ขอบคุณคุณชายสำหรับข้อมูลเ้าค่ะ จากนี้ไปข้าจะระวังตัว” หลินฟู่อินคำนับให้เขา ในใจรู้สึกโล่งขึ้นมาก
เขามาหานางในยามวิกาลเพื่อรายงานเื่นี้
อย่างน้อยก็ยังเรียกได้ว่าประสงค์ดี
เมื่อหัวเริ่มโล่ง นางจึงเริ่มยิ้ม แล้วก็นึกถึงเจียงซานหลางขึ้นมาได้ จึงถาม “แล้วซานหลางนั่นเป็อย่างไรบ้าง?”
หรือนางจะยังแค้นเ้าซานหลางที่ไร้ค่านั่นอยู่กัน?
หวงฝู่จินมองนางอย่างใคร่รู้และกล่าวออกมาอย่างสงบ “โบยหลังไปร้อยครั้ง แล้วให้คนพามันขึ้นรถม้ากลับไปทิ้งไว้ที่ที่ว่าการเมืองแล้ว”
“โบยหลังร้อยครั้งหรือ?” หลินฟู่อินไม่เข้าใจถึงความหมายของมัน แต่คงแปลว่าเล่นมันจนอ่วมแล้ว
สมควรแล้ว!
นางไม่มีความเห็นใจใดๆ ให้ อย่างไรเสียคนตรงหน้าก็คงไม่เอาชีวิตใครง่ายๆ แน่
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยจัดการให้ข้าเ้าค่ะ” หลินฟู่อินไม่ลืมที่จะขอบคุณเขา น้ำเสียงไม่เกร็งเท่าก่อนหน้า
หวงฝู่จินยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก และคิดขึ้นมาได้ว่านี่ก็ดึกแล้วหลังจากที่เห็นความอ่อนล้าบนใบหน้าของนาง เขาจึงลุกขึ้นแล้วกล่าว “ไปพักเสีย ข้าเองก็จะกลับแล้วเช่นกัน” เมื่อเห็นหลินฟู่อินพยักหน้า เขาจึงกล่าวต่อ “และไม่ต้องห่วงเื่อื่น เดี๋ยวจะมีคนทำความสะอาดครัวให้เ้าเอง”
เอ่อ…
แม้จะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่หลินฟู่อินก็ได้ยินที่เขาบอกว่าให้ทางเขาจัดการเอง จึงถือว่าเป็ความใจกว้างของบุรุษตรงหน้า จึงลุกขึ้นคำนับให้เขา “เชิญคุณชายทำตัวตามสบาย ข้าขอตัวไปพักผ่อนแล้วเ้าค่ะ”
หวงฝู่จินพยักหน้า มองนางจากไป เมื่อได้ยินเสียงนางเปิดและปิดประตูห้องนอนแล้ว เขาจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาทว่าองอาจ “ออกมา!”
ตวนมู่เฉิงและเหล่าลิ่วปรากฏร่างขึ้นในครัวทันที
กลิ่นอาหารบนร่างของทั้งสองทำให้หายใจลำบากเล็กน้อย แต่นายของพวกเขาก็เปิดริมฝีปากรูปงามนั้น
“กินแล้วก็ทำความสะอาดเสีย อย่าให้ใครได้เห็นร่องรอยว่ามีการทำอาหาร”
กล่าวจบจึงหันตัวกลับ แล้วหายเข้าไปในครัวบ้านหลิน
“เหล่าลิ่ว ลุยตามใจชอบเลย!” ตวนมู่เฉิงกระทืบเท้า แล้วรีบคว้าเจียนปิ่งชิ้นใหญ่ทั้งสองมาอย่างรวดเร็ว
บนโต๊ะเหลือเพียงเจียนปิ่งเสี้ยวหนึ่งและจานไม่กี่ใบ
เหล่าลิ่วยิ้มกว้างออกมา แม้จะไม่ได้เจียนปิ่งชิ้นใหญ่แต่จานที่เหลือนั้นน่าสนใจกว่า และการล้างจานเองก็ไม่ยาก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาล้างจานให้คุณหนูหลิน…
หลินฟู่อินนอนไม่หลับ นางรู้ว่าบุรุษผู้นั้นไม่ใช่คนไม่ดี และไม่กังวลเื่ที่เขามาหาอาหารในยามค่ำคืนแล้ว
ที่นางนอนไม่หลับในตอนนี้เป็เพราะเื่ผู้ดูแลฮวาที่พยายามวางแผนร้ายใส่นาง
เื่นี้ต้องได้รับการชดใช้!
แต่ก็ต้องระวังไม่ให้โดนสวนกลับเองด้วย…
แม้นางจะคิดถึงแต่เื่ความสงบสุขและเงินทองจนไม่อยากคิดเื่จัดการผู้ดูแลฮวาให้หายไปจากเมืองนักก็ตาม แต่เมื่อถูกระรานเข้ามาขนาดนี้แล้ว หากไม่ทำอะไรสักหน่อยก็คงได้กลายเป็ปัญหาใหญ่เป็แน่!
ผู้ดูแลฮวานั่นอยากได้ผลงานไปเอาใจนายอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นแล้วนางจะไม่เพียงทำให้เขาต้องเสียชื่อ แต่เสียทุกสิ่งไปด้วยเลย!
และเพื่อการนั้นแล้ว นางต้องรีบสั่งสมอำนาจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
มิเช่นนั้น พอเป็ที่รู้กันไปทั่วว่านางสามารถทำเงินได้ละก็ คงมีคนพยายามมาขัดขานางเต็มไปหมดเป็แน่
หลินฟู่อินวางแผนในใจเงียบๆ จากนั้นจึงผล็อยหลับไป
หวงฝู่จินยืนอยู่ในความมืด ั์ตางดงามคู่นั้นทอประกายราวกับดวงดาราบนผืนฟ้าอันมืดมิด เสียงลมหายใจของนางลอยมาััหู เป็ผลให้เขาเดาได้ว่านางคงหลับไปแล้ว…
นี่ข้าเป็เขตอาคมหรืออย่างไรกัน? เขาส่ายหน้า แล้วจึงจากไปในที่สุด
“นายท่าน มิใช่ว่าคุณหนูหลินต้องมีคนคอยช่วยเหลือหรือขอรับ?” ตวนมู่เฉิงที่เพิ่งจัดการเจียนปิ่งชิ้นสุดท้ายเสร็จได้ตามมาคำนับหวงฝู่จินและถามออกมา
หวงฝู่จินถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วเหลือบมองเขา สายตานั้นแฝงความหมายมากมายจนตวนมู่เฉิงหวาดกลัวขึ้นมา นี่เขากล่าวอะไรผิดไปหรือ?
“เ้าคิดว่านางจะหยุดมือเมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุของเื่หรือ?” โชคดีที่หวงฝู่จินเพียงเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ
“เอ๋?” ตวนมู่เฉิงตะลึงกับคำถามอย่างไม่เข้าใจความหมาย สีหน้านั้นดูแปลกประหลาดภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง
หวงฝู่จินไม่รอให้เขาตอบ หรืออาจจะไม่ได้หวังคำตอบเสียด้วยซ้ำ เขาหันหลังแล้วเดินออกไปตามทางทันที
หูสดับฟังเสียงเซ็งแซ่ของแมลงตามทาง สองขาตัดผ่านห้วงราตรีที่อาบด้วยแสงจันทร์ ราวกับภูติที่รื่นเริงใต้จันทรา…
ตวนมู่เฉิงได้สติ จากนั้นจึงรีบเดินตามเขา ในที่สุดเขาก็เข้าใจ “นายท่าน ท่านจะบอกว่าคุณหนูหลินจะลงมือจัดการเองเมื่อรู้สาเหตุแล้วเช่นนั้นหรือขอรับ?”
“สมองเ้าเริ่มฝ่อแล้วหรือ เ้าไม่เฉียบคมเท่าแต่ก่อนแล้วนะตอนนี้” น้ำเสียงของหวงฝู่จินใสกระจ่างและเ็า สร้างความหวาดกลัวให้ตวนมู่เฉิงอีกคราว
นะ นายท่านเข้าใจผิดแล้ว!
ตวนมู่เฉิงแทบหลั่งน้ำตา นายท่านไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้กับสตรีใดมาก่อน การที่เขาจะเดาใจไม่ได้ย่อมเป็เื่ปกติ…
คุณหนูหลินผู้นั้นไม่มีทั้งเงินและอำนาจ นางจะไปทำได้อย่างไรกัน? นี่ท่านไม่ได้ประเมินค่านางสูงเกินจริงไปหน่อยหรือ?
แต่ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็คำพูดที่ตวนมู่เฉิงไม่กล้ากล่าวออกไปให้หวงฝู่จินได้ยิน ได้แต่เพียงพยักหน้าเงียบๆ เท่านั้น
……
วันถัดมา หลินฟู่อินตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องของย่าหลี่ที่กำลังคุยอยู่กับแม่นมฉิน “แปลกนัก เมื่อวานข้าปอกเปลือกถั่วปากอ้าอยู่ร่วมครึ่งวัน แล้ววางทิ้งไว้ข้างกระทะนี้เพราะกลัวแมลงจะมาตอม… แต่พอตื่นมาเช้านี้เพื่อเตรียมข้าวต้ม ถั่วพวกนั้นกลับหายไปแล้ว มันประหลาดมากมิใช่หรือ?”
หลินฟู่อินได้ยินชัดเจน จึงอดที่จะกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้
เมื่อคืนนี้หลังจากที่นางทอดถั่วปากอ้าแล้ว นางก็เอาถ้วยนั่นไปเก็บใส่ตะกร้าไว้
แล้วเหล่าลิ่วที่คงจับตาดูอยู่จากที่ไหนสักแห่งจึงมาเก็บกวาดให้ เพราะหากเขามองอยู่แต่แรกก็คงรู้อยู่แล้วว่าแต่เดิมมันวางไว้ตรงไหน จนเป็ผลให้พวกย่าหลี่ประหลาดใจกันในเช้านี้
แม่นมฉินเองก็แปลกใจยิ่งนัก จึงเบิกตากว้างมองย่าหลี่ “ย่าหลี่ ท่านไม่ได้จำผิดใช่หรือไม่? แปลว่าถ้วยถั่วปากอ้ามันหายไปเฉยๆ เช่นนั้นหรือ?”
ยิ่งคุยก็ยิ่งแปลก ยิ่งแปลกก็ยิ่งน่าหวาดหวั่น
หลินฟู่อินทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงลุกออกไปล้างหน้าแล้วบอกพวกนาง “ท่านย่าหลี่ แม่นมฉิน เื่มันไม่ได้ลี้ลับอะไร เมื่อคืนข้าเกิดหิวขึ้นมาจึงมาทำเจียนปิ่งและทอดถั่วปากอ้าสักจานเท่านั้น”
ได้ยินเช่นนั้นพวกนางถึงได้เข้าใจ
แม่นมฉินและย่าหลี่หัวเราะออกมา “คุณหนูของเรากำลังอยู่ใน่เติบโต จากนี้คงต้องกินข้าวเย็นให้ช้าลงอีกสักหน่อย มิเช่นนั้นแล้วเ้าคงต้องลำบากมาทำกินทุกคืนเป็แน่”
“กินตอนค่ำๆ” ย่าหลี่กล่าวอย่างจริงจัง “ฟู่อิน ข้าคิดตื้นเขินเกินไปจนทำให้เ้าหิวเสียแล้ว”
หลินฟู่อินเห็นย่าหลี่รู้สึกผิดนางจึงพยายามปลอบอยู่พักหนึ่ง
ถึงจะเป็เื่โกหกแต่มันก็ทำให้นางสบายใจขึ้นได้บ้าง
แต่ในตอนที่กำลังถอนหายใจโล่งอกนั้นเองที่บุตรสาวของจ้าวซื่อได้วิ่งมาในสภาพเหงื่อท่วมกาย
นางร้องลั่นพลางบุกเข้าบ้านมา“ หลินฟู่อิน หลินฟู่อิน แม่ของพวกข้าสลบไป รีบไปช่วยแม่ข้าด้วย”
จ้าวซื่อสลบไปหรือ? หลินฟู่อินขมวดคิ้ว
โกหกอีกแล้วหรือเปล่า?
“ไม่ได้ยินหรือฟู่อิน พวกข้ากำลังจะเสียแม่ไปแล้วนะ ฮือ…” หลินเสี่ยวเหอเห็นว่าฟู่อินไม่ตอบสนองจึงร้องไห้ออกมา
หลินฟู่อินยังไม่ได้กินข้าวเช้า แต่พอเจอเื่เช่นนี้ก็ไม่สนจะกินอีก นางรีบออกจากบ้าน จับตามองหลินเสี่ยวเหอไม่วางตา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ ทั้งยังซีดเซียว สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดูท่าจะสลบจริงๆ
และเพราะนางเป็หมอในชาติก่อน ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการช่วยชีวิตจึงเป็สิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ในใจนาง แม้นางจะเกลียดจ้าวซื่อเพียงใดแต่นางก็ปล่อยให้ตายไม่ได้
หลินฟู่อินนิ่วหน้า แล้วถามหลินเสี่ยวเหออย่างสุขุม “แม่เ้าสลบไปั้แ่เมื่อไร? เมื่อคืนหรือเช้านี้?”
เป็ตอนนี้เองที่หลินเสี่ยวเหอดูจะกลับไปเป็เสี่ยวเหอคนเดิม โดยที่ความหวาดหวั่นเมื่อครู่สลายหายไปจนหมดราวกับการโกหก
เมื่อนางเห็นว่าหลินฟู่อินไม่รีบไปช่วยคน แต่กลับเอาเวลามาถามคำถามไร้สาระเช่นนี้ สีหน้าของนางก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที “ตอนไหนมันจะทำไม รีบๆ ไปช่วยแม่ข้าได้แล้ว เอาแต่ถามอะไรไร้สาระอยู่นั่น!”
ตัวแค่นี้แต่กลับปากสุนัขยิ่งนัก หลินฟู่อินถึงกับพูดไม่ออก
แต่นี่เป็เื่คอขาดบาดตาย จะมาเสียเวลาคงไม่ได้
หลินฟู่อินไม่อยากเสียเวลาอธิบาย นางจึงไม่รีรอ รีบวิ่งไปหยิบกล่องยาในห้องออกมาทันที
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินเมินนางแล้วพยายามกลับเข้าบ้าน หลินเสี่ยวเหอจึงกังวลขึ้นมาทันที แล้วรีบไปดึงแขนนางไว้ “เ้าจะไปไหน? จะทิ้งแม่ข้าให้ตายหรือ เป็หมอเทวดาไม่ใช่หรือไง? ทำเช่นนี้เ้าก็เป็ได้เพียงหมอสารเลวน่ะสิ”
“รอไป! ข้าไปเอาของแล้วจะตามไป” หลินฟู่อินขมวดคิ้วอย่างชิงชัง ทันทีที่แขนเป็อิสระแล้ว นางจึงวิ่งไปยังห้องตัวเองพลางบอกย่าหลี่ไปด้วย “ท่านย่า ข้าจะออกไปข้างนอก พวกท่านกินไปก่อนเลยไม่ต้องรอข้า”
ย่าหลี่เองก็ได้ยินแล้วว่าจ้าวซื่อสลบไป และหลินฟู่อินจะออกไปช่วยนาง ดังนั้นย่าหลี่จึงเตรียมซาลาเปาไว้ให้สองลูก แล้วเดินเข้าไปในห้องหลินฟู่อินเพื่อยัดมันใส่มือนาง “หากไม่กินแล้วเ้าจะมีแรงได้อย่างไร กินนี่ก่อน เพราะไปบ้านหลินเ้าคงไม่มีอะไรให้กินเป็แน่!”
หลินฟู่อินคิดว่านางกล่าวถูกแล้ว พวกบ้านเก่านั่นคงไม่สนเื่สภาพท้องของนางอย่างแน่นอน
นางพยักหน้าให้ย่าฉิน จากนั้นจึงเดินออกไปข้างนอกโดยที่มือหนึ่งถือกล่องยาไว้ และอีกมือถือซาลาเปา
“ฟู่อิน แม่ข้าสลบอยู่แท้ๆ แต่กลับมีใจมากินซาลาเปาเช่นนี้ เ้ามันไม่มีหัวใจบ้างเลยหรือ?” หลินเสี่ยวเหอมองซาลาเปาลูกใหญ่ในมือหลินฟู่อินแล้วก็อิจฉาขึ้นมาว่านางมีอาหารการกินที่ดีนัก จึงพุ่งเข้าไปแย่งซาลาเปาในตอนที่หลินฟู่อินไม่ทันตั้งตัว
หลินฟู่อินใกับท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ มองหลินเสี่ยวเหออย่างไม่อยากจะเชื่อ
ยังเด็กขนาดนี้ แต่กลับขโมยของซึ่งหน้ากันแล้วหรือ?
วิธีการสั่งสอนของบ้านหลินนี่มันหาดีไม่ได้เลยจริงๆ
“ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ!” หลินเสี่ยวเหอไม่ได้คิดว่าตนทำอะไรผิด และทั้งๆ ที่มารดาของตนสลบอยู่ แต่กลับยังมีใจมาคิดเื่กินได้ ทั้งยังจ้องหลินฟู่อินอย่างเดือดดาล “อย่างไรเ้าก็ยังเป็พี่สาวของข้า ข้ากินซาลาเปาของเ้าแล้วมันจะเสียหายอะไรกัน?”
กระทั่งย่าหลี่ยังทนไม่ไหวอีกต่อไป ดึงหลินเสี่ยวเหอแล้วกล่าว “นี่พ่อแม่ของเ้าสั่งสอนพวกเ้ามาเช่นนี้หรือ? ให้เป็ขโมยเนี่ยนะ?”
“ไม่ใช่เื่ของเ้า นางแก่!” หลินเสี่ยวเหอจ้องอย่างโมโห จากนั้นจึงเดินจากไปโดยไม่ลืมหันมาเตือนหลินฟู่อิน “เ้าก็รีบไปเร็วๆ หากแม่ข้าเป็อะไรไป ข้าไม่เอาเ้าไว้แน่!”
เอ่อ…
หลินฟู่อินไม่รู้จะพูดอะไรดีเกี่ยวกับการเลี้ยงดูที่หลินเสี่ยวเหอได้รับมา ย่าหลี่เป็ผู้าุโ แต่กลับถูกด่าว่าเป็นางแก่เสียอย่างนั้น…
------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เห้งเจีย หมายถึง ซุนหงอคง หนึ่งในตัวละครหลักในเื่ไซอิ๋ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้