สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งราวกับฟากฟ้ากำลังพิโรธ เสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้องกลบเสียงสะอื้นไห้ของแมลงรัตติกาลที่หลบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบ ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของวังหลวงที่ใครต่างยกย่องว่าเป็แดน์บนดิน กลับมีมุมหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างและหนาวเหน็บยิ่งกว่าขุมนรก
ตำหนักจันทราอัสดง
สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยงดงามสมชื่อ เป็ที่พำนักสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง หากแต่บัดนี้มันกลับกลายเป็เพียงซากปรักหักพังที่ถูกลืมเลือน ฝุ่นผงจับหนาเตอะ หยากไย่เกาะเต็มเพดาน และกลิ่นอับชื้นของเชื้อราคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ผสมปนเปกับกลิ่นคาวเืจางๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
บนพื้นไม้เก่าคร่ำคร่าที่แทบจะผุพัง ร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนขดตัวด้วยความทรมาน เซี่ยเหยียนอวี่ อดีตพระชายาผู้เป็ที่โปรดปราน บัดนี้เหลือเพียงร่างกายที่ซูบผอมจนหนังหุ้มกระดูก เส้นผมยาวสลวยที่เคยเงางามดุจแพรไหม บัดนี้แห้งกรังและยุ่งเหยิง ใบหน้าที่เคยงดงามราวหยกสลักซีดเผือดไร้สีเื ริมฝีปากแห้งแตกเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีแดงฉานที่เขากระอักออกมา
"อึก... แค่กๆ..."
เหยียนอวี่ไอโขลก ร่างกายสั่นสะท้านจากความหนาวเย็นที่กัดกินไปถึงกระดูกดำ พิษร้ายเงี่ยงหงส์ที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเืกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ มันค่อยๆ กัดกร่อนอวัยวะภายในของเขาอย่างช้าๆ มอบความเ็ปที่เหมือนมีเข็มพันเล่มทิ่มแทงทั่วสรรพางค์กาย
ทว่าความเ็ปทางกายนั้น เทียบไม่ได้เลยกับความรวดร้าวในดวงใจ
มือผอมแห้งข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมหน้าท้องที่แบนราบ ว่างเปล่า และเย็นเฉียบ
"ลูกจ๋า..." เสียงของเขาแหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลรินออกมาอีกครั้ง "ขอโทษที่ปกป้องเ้าไม่ได้..."
ในครรภ์ของเขาเคยมีชีวิตน้อยๆ ก่อกำเนิดขึ้นเป็พยานรักระหว่างเขากับบุรุษผู้สูงศักดิ์ผู้นั้น แต่บัดนี้มันกลับกลายเป็เพียงหลุมศพที่ไร้ป้ายิญญา พิษร้ายไม่เพียงคร่าชีวิตเขา แต่มันยังพรากเืเนื้อเชื้อไขของเขาไปก่อนที่ทารกน้อยจะได้ลืมตาดูโลก
ภาพความทรงจำในท้องพระโรงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนยังฉายชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“เซี่ยเหยียนอวี่ สมคบคิดกับฏ วางยาพิษฮองเฮา จิตใจอำมหิตผิดมนุษย์! ข้าสั่งปลดเ้าออกจากตำแหน่ง เนรเทศไปอยู่ตำหนักเย็น และมอบสุราพิษให้ดื่มเพื่อชดใช้กรรม!”
สุรเสียงอันทรงอำนาจของ ท่านอ๋องจวิ้นอี่ ชายผู้เป็รักแรกและรักเดียวของเขา ชายผู้เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องเขาด้วยชีวิต บัดนี้กลับกลายเป็ผู้พิพากษาที่มอบความตายให้เขาด้วยความเ็าที่สุด ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความลังเลในแววตาคู่นั้น มีเพียงความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มองมา
"ทำไม..." เหยียนอวี่พึมพำ สายตาพร่ามัวมองไปยังประตูไม้ผุพังที่ถูกปิดตาย “ทำไมท่านถึงไม่เชื่อข้า! จวิ้นอี่... ท่านเคยรักข้าบ้างไหม..."
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากภายนอก แข่งกับเสียงสายฝน ก่อนที่ประตูตำหนักจะถูกถีบเปิดออกอย่างแรง
ปัง!
ลมกรรโชกแรงพัดพาละอองฝนสาดซัดเข้ามาในห้อง ร่างสูงสง่าในชุดขุนนางสีม่วงเข้มปักลายนกยูงทองคำก้าวเข้ามา รองเท้าผ้าไหมราคาแพงเหยียบย่ำลงบนพื้นไม้สกปรกอย่างไม่แยแส
ฉินลี่หรง
ขุนนางหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนอยู่เป็นิจ แต่สำหรับเหยียนอวี่ รอยยิ้มนั้นคือหน้ากากของปีศาจร้ายที่พรากทุกอย่างไปจากเขา
"ยังไม่ตายอีกหรือ? นายน้อยเซี่ย... อ้อ! ไม่สิ นักโทษเดนตายเซี่ย!” ฉินลี่หรงเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ราวกับกำลังมาเยี่ยมสหายเก่า แววตาของเขาฉายแววเย้ยหยันอย่างปิดไม่มิด
"เ้า..." เหยียนอวี่พยายามยันกายลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดกลับทรยศ เขาทำได้เพียงนอนมองศัตรูด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงแค้น "เ้ามาทำไม... มาดูผลงานของเ้าหรือ"
ฉินลี่หรงหัวเราะเบาๆ เขาเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าเหยียนอวี่ โดยระวังไม่ให้ชายเสื้อคลุมเปื้อนเืที่นองอยู่บนพื้น
"ข้ามาส่งเ้าเป็ครั้งสุดท้าย อย่างไรเสียเราก็เคยเป็สหายร่วมเรียนกันมาก่อน" ฉินลี่หรงแสยะยิ้ม นิ้วเรียวยาวเชยคางมนของเหยียนอวี่ขึ้น บังคับให้สบตา "และข้าก็มีเื่อยากจะบอกเ้า... เื่ที่เ้าควรจะได้รู้ก่อนตาย จะได้ไม่ต้องตายตาไม่หลับ"
เหยียนอวี่สะบัดหน้าหนี แต่ฉินลี่หรงกลับบีบแก้มเขาแน่นขึ้นจนเจ็บร้าว
"เื่ฏ... ข้าเป็คนทำเอง"
ดวงตาของเหยียนอวี่เบิกกว้าง แม้จะรู้อยู่เต็มอก แต่การได้ยินจากปากของมันก็ยังสร้างความเ็ปรวดร้าว
"ยาพิษที่ฮองเฮาเสวย... ข้าก็เป็คนวาง" ฉินลี่หรงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ "และจดหมายลับที่พบในห้องของเ้า... ข้าก็เป็คนปลอมแปลงลายมือเ้าเอง ฝีมือข้าแเีใช่ไหมล่ะ? แม้แต่ท่านอ๋องจวิ้นอี่ผู้ปรีชาสามารถ ก็ยังดูไม่ออก หรือแท้จริงอาจจะดูออก แต่เลือกที่จะไม่เชื่อเ้า เพราะเขารักอำนาจมากกว่ารักเ้าอย่างไรล่ะ"
"สารเลว!" เหยียนอวี่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายถ่มน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่าย
ฉินลี่หรงไม่โกรธ เขาเพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ทอจากไหมอย่างดีออกมาเช็ดใบหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะโยนผ้าทิ้งไป
"ด่าไปเถอะ ข้าไม่ถือสาคนใกล้ตาย" เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบวัตถุบางอย่างออกมา
แสงสีเขียวมรกตส่องสว่างวาบขึ้นมาท่ามกลางความมืดสลัว มันคือ หยกลิขิต เครื่องรางโบราณรูปร่างแปลกตา สลักลวดลายอักขระที่ซับซ้อนและดูขลัง แสงของมันเต้นระริกราวกับมีชีวิต
"เ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่?" ฉินลี่หรงชูหยกขึ้นตรงหน้า "นี่คือสมบัติลับของราชวงศ์ที่หายสาบสูญ มันถูกกล่าวขานว่ามีอำนาจในการบิดเบือนกาลเวลา ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ หากรู้วิธีใช้และ... มีเครื่องสังเวยที่เหมาะสม"
เหยียนอวี่จ้องมองหยกนั้น ความรู้สึกหนาวเหน็บแล่นปราดไปทั่วไขสันหลัง ไม่ใช่เพราะความเย็นของอากาศ แต่เพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวฉินลี่หรง
"ข้าทำผิดพลาดไปเล็กน้อยในการวางหมากกระดานนี้" ฉินลี่หรงพึมพำ ราวกับพูดกับตัวเอง "แม้ข้าจะกำจัดเ้าได้ แต่ท่านอ๋องจวิ้นอี่เริ่มระแคะระคาย เขาฉลาดเกินไป... หากปล่อยไว้ เขาอาจจะสืบสาวราวเื่จนถึงตัวข้า ดังนั้น ข้าจึงต้องย้อนกลับไป... กลับไปแก้ไขจุดเริ่มต้น ให้แน่ใจว่าข้าจะครองบัลลังก์ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้"
"เ้า... เ้าจะทำอะไร?" เหยียนอวี่ถามเสียงสั่น
"ข้าจะใช้ชีวิตของเ้า... และความแค้นของเ้า เป็เชื้อเพลิง" ฉินลี่หรงแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม "ตำราโบราณกล่าวว่า หยกลิขิต้าเืของผู้ที่มีชะตาสูงส่งแต่ต้องตายด้วยความอยุติธรรมเพื่อเปิดประตูแห่งกาลเวลา และเ้า เซี่ยเหยียนอวี่ เ้าคือเครื่องสังเวยที่สมบูรณ์แบบที่สุด"
พูดจบ ฉินลี่หรงก็ชักมีดสั้นเล่มเล็กออกมาจากฝัก แสงโลหะวาววับสะท้อนแสงตะเกียง
"ลาก่อน สหายรัก"
ฉึก!
คมมีดกรีดลงบนข้อมือขาวซีดของเหยียนอวี่อย่างแม่นยำ เืสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา เหยียนอวี่กรีดร้องด้วยความเ็ป แต่เสียงของเขากลับแหบแห้งจนแทบไม่มีเสียง
ฉินลี่หรงรีบนำหยกลิขิตมารองรับเืที่ไหลรินลงมา
ทันทีที่โลหิตัักับผิวหยก อักขระโบราณก็ส่องแสงเจิดจ้าขึ้น สีเขียวมรกตเปลี่ยนเป็สีแดงฉานราวกับดวงตาของสัตว์ร้าย ลมพายุภายนอกตำหนักกรรโชกแรงขึ้นจนหน้าต่างกระแทกปังๆ ราวกับิญญาร้ายกำลังกรีดร้อง
เหยียนอวี่มองดูเืของตัวเองที่ถูกหยกดูดกลืนเข้าไป ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะเข้าจู่โจม สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง แต่ท่ามกลางความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา ไฟแห่งความแค้นในใจกลับลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง
ความเ็ปจากการถูกทรยศ ความเศร้าโศกที่เสียลูก ความเกลียดชังต่อคนตรงหน้า ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็จิตปณิธานอันแรงกล้า
ข้าจะไม่ยอมตายไปเฉยๆ ข้าจะไม่ยอมให้มันสมหวัง!
เหยียนอวี่กัดฟันกรอด รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย พุ่งตัวเข้าหาฉินลี่หรง
"ถ้าข้าต้องตาย... ข้าก็จะลากเ้าลงนรกไปด้วย!"
"เฮ้ย! ปล่อยนะ!" ฉินลี่หรงใ ไม่คิดว่าคนที่ใกล้ตายจะมีแรงฮึดสู้ เขาพยายามผลักเหยียนอวี่ออก แต่สองมือที่เปื้อนเืของเหยียนอวี่กลับคว้าหมับเข้าที่หยกลิขิตแน่น
"ปล่อย! เ้าบ้า! พิธีกรรมกำลังจะเริ่ม!" ฉินลี่หรงะโด้วยความตื่นตระหนก พยายามแกะมือของเหยียนอวี่ออก แต่เืของเหยียนอวี่ไหลอาบลงบนหยกมากขึ้นเรื่อยๆ จนหยกทั้งชิ้นกลายเป็สีเื
เปรี้ยะ!
เสียงร้าวฉานดังขึ้นจากตัวหยก รอยร้าวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนผิวเรียบเนียน แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นจนแสบตา
"ไม่! ไม่นะ!" ฉินลี่หรงกรีดร้อง "เ้าทำลายมัน! เ้าทำลายแผนของข้า!"
เหยียนอวี่ไม่สนใจเสียงกรีดร้องนั้น เขาจ้องมองเข้าไปในแสงสว่างจ้า รู้สึกได้ว่าิญญาของเขากำลังถูกดึงดูดเข้าไปในกระแสธารที่บ้าคลั่ง
์... หากท่านมีจริง... หากท่านยังมีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่...
ได้โปรด... ให้โอกาสข้าอีกครั้ง...
หากชาติหน้ามีจริง... ข้าจะไม่ขอเกิดมาเพื่อรักใครอีกแล้ว...
แต่ข้าจะกลับมาเพื่อทวงคืน!
ฉินลี่หรง... จวิ้นอี่... พวกเ้าทุกคนจะต้องชดใช้!
ตูม!!
เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วตำหนักจันทราอัสดง แสงสีแดงะเิออกครอบคลุมทุกสิ่ง กลืนกินร่างของทั้งสองหายวับไปในพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาชะล้างคราบเืบนพื้นราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
