ภาพเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสามกำลังก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดอะไรสักอย่างด้วยความขะมักเขม้น เสื้อยืดสีขาวคอกลมที่ตอนแรกเหมือนจะยังไม่ได้เปรอะเปื้อนอะไร
ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เริ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเหงื่อไคลที่ไหลไม่หยุด เหงื่อที่เต็มใบหน้ายิ่งเผยให้เห็นผิวพรรณที่สะอาดและอ่อนเยาว์ได้มากขึ้น จมูกที่ไม่ได้โด่งมากปากอมชมพูสีสดธรรมชาติ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ดูเหมือนไร้พิษสงก็จริง แต่ทว่าแววตาที่แฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวนั้น ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเด็กหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่
"อะ ขัดให้หมดนี่แหละ รองเท้าพวกคุณๆ เขา บางคู่ก็เปื้อนเยอะหน่อยนะ"
"หมดนี่เลยเหรอน้าเก่ง"
สีหน้าที่แสดงความเหนื่อยออกมาก่อน เพราะกองรองเท้าก็ไม่ใช่น้อย แต่มันจะมีรองเท้าที่ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นเขา ก็น่าจะเป็รองเท้าของเ้าของบ้าน ที่นานๆ กลับบ้านทีอย่างเฮียอัพ หรือพี่อัพ ที่เขาให้อนุญาตให้ผมเรียก
รองเท้าที่ใช้สำหรับการใช้งานในฟาร์มม้าโดยเฉพาะ ถึงได้บอกว่ามันเหนื่อยเพราะจะสกปรกเป็พิเศษ แล้วก็ไม่ใช่แค่คู่เดียว บางคู่ที่มันมีดินโคลนเขรอะไปหมด แต่ก็เลือกที่จะเอามันกลับมาที่นี่ทุกครั้งที่กลับมาบ้านเดือนละสามครั้ง เพื่อให้ผมขัดและทำความสะอาด
"เดี๋ยวน้ากลับมาจากส่งคุณเฟยก่อน คนขับรถบ้านโน้นลากลับบ้าน ก็เลยต้องไปทำหน้าที่ขับรถ"
น้าเก่งวัยสี่สิบห้าที่ไม่ได้แก่อะไรเลยกลับกันกำลังเป็วัยที่ดูดีมากๆ ด้วยใบหน้าที่คมคายคมเข้มยังดูหล่อเฟี้ยว มองเด็กหนุ่มที่นั่งขัดรองเท้าด้วยความเห็นใจ
ผมได้แต่มองรถของน้าเก่งที่เคลื่อนตัวออกไป หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคือเื่ของเสื้อผ้ากับรองเท้านี่แหละ และที่ต้องดูแลเป็พิเศษก็คือทุกอย่างที่เป็ของพี่อัพ หลังจากที่เรียนจบก็ทำตามที่พ่อสั่งเสียไว้ ให้มาทำงานกับตระกูลเตชะปัทมาสน์ ตระกูลใหญ่ที่มีพี่น้อง ลูกพี่ลูกน้องถึงสิบคน และเฮียอัพ หรือพี่อัพ คือหนึ่งในนั้น
ความจริงพ่อของผมส่งผมเข้ามาทำงานในฟาร์มม้ากับพี่อัพ แต่นี่ก็หลายเดือนแล้วผมยังไม่ได้มีโอกาสไปฟาร์มม้าเลย บางทีเหมือนพี่เขาจะแกล้งผมยังไงไม่รู้
เกือบสี่เดือนที่อยู่ที่นี่ผมได้ทำแค่เลือกเสื้อผ้า จัดเสื้อผ้า และหน้าที่อันทรงเกียรติที่สุดที่ไม่คิดว่าจะได้ทำคือการต้องมาขัดรองเท้าคาวบอยหนุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับม้า และการท่องเที่ยวเกี่ยวกับม้า
ฟาร์มเฮียอัพคือฟาร์มขนาดใหญ่ และที่ผมมาที่นี่ก็เพราะส่วนหนึ่งพ่อบอกแค่ว่ามาทำงานใช้หนี้เขา รายละเอียดที่ลึกกว่านั้นผมไม่รู้เลย ก่อนที่พ่อจะฆ่าตัวตายเมื่อปีที่แล้ว การตายที่เป็ปริศนาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพ่อไม่เคยบอกเลยว่าที่ต้องทำแบบนั้นสาเหตุมาจากอะไร
ที่รู้ก็คือเป็หนี้ตระกูลเตชะปัทมาสน์เพื่อนของพ่อนั่นเอง ก็คือพ่อของพี่อัพ
"เหยียบโคลนเขรอะขนาดนี้ทิ้งไปบ้างก็ได้มั้ง"
ปัง!!!
"บ่นนะมึง"
"พี่อัพ!!!"
"ทำแค่นี้มึงยังบ่นเลย จะไปอยู่ฟาร์มม้าได้ไง"
ผมไม่กล้ามองหน้าพี่เขาสักเท่าไหร่พี่อัพมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนจะใจดีก็จริง แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็แบบนั้น ท่าทางที่เคร่งขรึม ใบหน้าเรียวยาวสันกรามที่ชัดเจน ส่งให้รูปใบหน้าที่หวานหน่อยๆ นั้นแลดูคมคาย
พี่เขาเป็คนที่ยิ้มสวยยิ้มแล้วสดชื่น แต่พี่เขาไม่ชอบยิ้ม และทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็จะเป็แบบนี้ทุกครั้ง เหมือนกับว่าผมนี่ไปทำอะไรให้พี่เขามาเป็ชาติอย่างนั้นแหละ
"รองเท้าของพี่มันมีแต่ดินโคลนฝังอยู่ตามซอกเล็กๆ ถ้าพี่รีบเอามันจุ่มกับน้ำก่อนมันน่าจะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ผมไม่ได้บ่นสักหน่อย"
ไม่บอกก็รู้ว่าพี่เขามองผมด้วยสายตาที่ดูแคลน ไม่ใช่ว่าคิดไปเอง แต่เพราะผมเห็นสายตาของพี่อัพมองผมแบบนี้อยู่บ่อยๆ และตอนนี้ก็เชื่อเหอะว่าพี่เขาจะกินหัวผมแน่ๆ
"เถียงแฟ่ด!!!"
"เปล่าเถียงครับ อธิบาย"
"มีสักครั้งมั้ยที่มึงไม่อธิบาย แล้วนั่งเงียบๆ ฟังกูอะบีม"
เขาเข้าไปหยิบรองเท้าที่ทำให้เ้าเด็กหน้าดื้อนั่งบ่น ่จังหวะแค่ไม่กี่วินาที เขายกยิ้มอย่างพอใจกับฝีมือตัวเอง ไม่ใช่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่เขาเอากลับมามันสกปรกแค่ไหน !
จงใจ!!
ใช่แล้วเขาจงใจที่จะทำแบบนั้นบางทีเขาก็อยากแกล้งเ้าเด็กนี่ ถามว่าไม่ชอบขี้หน้ามันเหรอ ไม่ใช่ซะทีเดียว เขากลับชอบที่จะแกล้งให้เด็กบีมบ่น และพูดมากกว่า ชอบดี!!! คนต่อปากต่อคำ
"ทำไป หมดนี่แล้วขึ้นไปหาบนตึกด้วยนะ"
"พี่ครับ"
"อะไร?"
และครั้งนี้น่าจะเป็ครั้งแรกที่ผมกับพี่เขาได้มองหน้ากันชัดๆ ซะที ใบหน้าที่ผมเฝ้าคิดถึง?
คิดถึงพี่มากๆ!!!
"เมื่อไหร่ผมจะได้เข้าไปทำงานที่ฟาร์ม"
"ี้เีทำความสะอาดรองเท้าให้กูเหรอ หรือไม่อยากซักเสื้อผ้าให้กูแล้ว"
"เปล่าครับ ให้ผมทำอะไรผมก็ทำทั้งนั้นแหละ แต่ผมทำอย่างอื่นได้ดีกว่าขัดรองเท้ากับดูแลเสื้อผ้าให้พี่นะครับ"
ทั้งคำพูดและสายตาของเด็กหนุ่มเป็ประกายแปลกๆ ทำเอาคนที่จ้องหน้าเขม็งอยู่ถึงกับต้องหันหน้าออก เมื่อรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง !
เด็กบ้า!!
"อืม ก็ใครบอกจะให้มึงขัดรองเท้าแบบนี้ไปตลอดล่ะ ทำให้เสร็จแล้วไปคุยกันเื่นี้แหละ"
รูปร่างบางกับเสื้อผ้าที่รัดรูปหมวกคาวบอยที่พี่เขาชอบใส่ ผมชอบมองพี่เขาจากด้านหลังแบบนี้ มันทำให้ผมไม่ได้เห็นใบหน้าอันหงุดหงิดนั้น ความจริงพี่เขาเริ่มเป็คนที่หงุดหงิดตอนไหนผมยังไม่รู้เลย ตอนนั้นผมยังจำได้ว่าพี่อัพใจดีมากๆ ใจดีที่สุด ผมยังเคยเดินตามพี่เขาต้อยๆ หรือไม่พี่เขาก็จะเดินจูงมือผมไปซื้อขนมอยู่บ่อยๆ
อดีตที่น่าจดจำมาดูตอนนี้สิผมคิดว่าช่างเป็คนละคนเสียจริง อะไรทำให้พี่เขาเปลี่ยนไปนั่นคือสิ่งที่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน พี่ชายที่น่ารักคนนั้นได้หายไปั้แ่เมื่อสามปีก่อน
ในห้องทำงานเล็กๆที่ครั้งหนึ่งผมเคยเข้ามา สมัยที่อายุสิบขวบได้ พ่อจะหิ้วผมมาด้วยทุกครั้ง และจะฝากผมไว้กับพี่อัพอยู่บ่อยๆ เครื่องเล่นรถม้าเก่าๆ ยังคงวางไว้ที่เดิม
"พี่ยังเก็บมันไว้เหรอครับ"
รอยร้าวที่แตกรอบๆของรถม้าเล็กๆ และร่องรอยของเทปใสที่พันรอบๆ หลายชั้นบ่งบอกว่ามันเก่ามากแล้วจริงๆ แต่ก็ดูเหมือนเ้าของเครื่องเล่นนี้จะยังคงอยากเก็บรักษามันไว้ให้ได้นานที่สุด
'หนูให้พี่อัพครับของเล่นที่ชอบที่สุด!!!'
คำพูดของผมเมื่อตอนที่เป็เด็กน้อยและยื่นของเล่นนี้ให้พี่เขา ทำไมผมถึงได้รู้สึกใจฟูขนาดนี้นะ หัวใจผมพองโตคับอก มันคงไม่มีใครรักษาสิ่งของให้ดีได้ขนาดนี้ถ้าเราไม่ได้รัก
และอยากที่จะเก็บมันไว้ให้นานที่สุด แต่แล้วผมก็ต้องรีบหุบยิ้มลงทันทีเมื่อพี่เขาคว้าเครื่องเล่นรถม้าอันเก่ายัดเข้าไปในลิ้นชัก!
ปัง!!
"กูลืมเก็บอะ หรือว่ากูจะเอาไปทิ้งดี"
ว่าแล้วเขาก็เปิดลิ้นชักเล็กนั่นหยิบเ้าเครื่องเล่นรถม้าเดินตรงดิ่งไปหาถังขยะมุมห้อง บีมรีบวิ่งไปคว้ามือเขาไว้ดึงเครื่องเล่นนั้นมาไว้ในอ้อมกอด
แววตาที่เริ่มเปลี่ยนไปปากที่เริ่มเบะคว่ำ ใบหน้าที่เริ่มตึงเล็กน้อยของบีม ทำให้เขาเปลี่ยนทีท่า
"ตั้งนานพี่ไม่ทิ้งละครับ พอผมมาพี่จะเอามันไปทิ้งเลยเหรอ ถ้าไม่อยากเก็บมันไว้เดี๋ยวผมเก็บไว้เองก็ได้นะครับ"
มือแข็งแรงของเขาที่ค่อยๆปล่อยของเล่นนั้นออก สายตาและสีหน้าเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นแววตาที่งอน และตัดพ้อของบีม
"อยากได้ก็เอาไป"
ร่างสูงยืนเซเล็กน้อยเมื่อเขาปล่อยมือและผลักอย่างแรงด้วยอาการฟึดฟัดไม่พอใจ เล่นเอาผมงงเหมือนกันว่าไม่พอใจผมเื่อะไรกันแน่ แค่ผม้าเก็บของเล่นไว้เอง
พี่เขาเริ่มอธิบายหน้างานที่ผมต้องทำโดยที่ไม่มองหน้าผมอีกเลย ในขณะที่ผมพยายามมองหน้าพี่เขาอยู่ตลอดเวลา บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหน้าผมคงไม่ได้น่ามองเท่าไหร่นักพี่เขาถึงเมิน ผมจบบัญชีพี่อัพเลือกที่จะให้ผมทำบัญชีให้กับฟาร์ม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่ผมต้องใก็เพราะพี่อัพยื่นสัญญาบางอย่างออกมาให้เซ็นนี่แหละ
"ถ้าการเงินมันแปลกๆ ไป ทุกอย่างมึงต้องรับผิดชอบ"
"พี่!!!"
จะไม่ให้ผมใได้ไงกันเพราะเล่นให้ผมรับผิดชอบการเงินทั้งหมด เข้าใจง่ายๆ ก็คือหากมีปัญหาเื่เงิน เงินหาย เงินในบัญชีไม่ลงตัว ทุกอย่างก็ต้องเป็ผมที่ต้องรับผิดชอบ แล้วผมที่เพิ่งได้ทำงานแบบนี้เป็ครั้งแรก
ผมก็ไม่แน่ใจว่าทุกคนที่ทำเกี่ยวกับบัญชีต้องทำสัญญาเหมือนกับผมหรือเปล่า เหมือนหย่อนขาตัวเองเข้าไปในคุกตารางข้างหนึ่งแล้ว
"ทำไม มึงไม่กล้า"
รอยยิ้มเ้าเล่ห์ของเขายกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กใกับสัญญาที่เขายื่นตรงหน้า
"เปล่าครับ แค่ผมคิดว่าเราต้องรับผิดชอบขนาดนี้เลยเหรอครับ"
นั่นสิมันเป็แค่บัญชีการเงินฟาร์ม้าเท่านั้นเอง และสัญญาฉบับที่สองก็ถูกยื่นออกมาตรงหน้าผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำเอาผมต้องขมวดคิ้วอีกรอบเมื่อในสัญญามันระบุไว้ชัดเจนว่า
กรณีที่การเงินในบัญชีผิดแผกไปจากเดิมไม่ว่าจะเป็กรณีไหนก็แล้วแต่หากหาข้อมูลมาอธิบายไม่ได้ ผมจะต้องตกเป็สมบัติของพี่เขา ห่ะ!!! อะไรนะ
"อะไรครับพี่ ผมต้อง..."
"ก็ใช่ไง ก็คิดเอานะ มึงมาที่นี่ก็เพราะเื่หนี้ที่ติดไว้กับเตชะปัทมาสน์อยู่แล้ว"
"แต่พี่ทำกับผมขนาดนี้เลยเหรอ"
ผมหมายถึงหนี้ที่ผมยินดีให้หักจนกว่าจะหมดไป แต่นี่อะไรหากผมทำงานพลาดผมต้องตกเป็สมบัติของพี่เขา สมบัติแบบไหนแบบใด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แล้วดูทำหน้าเ้าเล่ห์นั่นสิจะให้ผมเข้าใจว่ายังไง มัดมือชกเหรอ?
"ถ้ามึงไม่ทำมึงก็แค่ไปทำงานที่อื่นเอาเงินมาใช้หนี้ แต่ก็อย่าลืมว่ามึงไม่สามารถไปทำงานที่อื่นได้นอกจากฟาร์มม้าของกู"
อัพมองหน้าอกที่กระเพื่อมแรงเพราะอาการไม่พอใจนั่นเอง ปากสั่นระริกเม้มเข้าหากันจนเป็เส้นตรงห้อเืจนเห็นได้ชัด ใบหน้าแดงก่ำเพราะโกรธเขา ในขณะที่เขานั่งลงไข่วห้างยิ้มอย่างสบายใจ มองหน้าเด็กหนุ่มกวนๆ กระดิกนิ้วให้เด็กหนุ่มเข้าไปหา
"มานี่ดิ"
เสียงหายใจแรงของบีมยิ่งทำให้เขาพอใจผมนี่อยากจะะโขย้ำหน้าอันหล่อเหลานั่นเหลือเกินด้วยความหมั่นไส้ มันเขี้ยว นี่คือเื่อะไร แล้วทำไมพี่เขาต้องทำขนาดนี้บีบผมเื่งานทำไม
"นั่งลงสิ"
พี่อัพเขาชี้ให้ผมนั่งลงข้างๆ กับเก้าอี้ตัวนั้นแทนที่จะให้ผมนั่งโซฟาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงนั้น เขามองเด็กหนุ่มที่นั่งลงอย่างเรียบร้อย ที่บอกว่าเรียบร้อยก็เพราะว่าเ้าเด็กบีมมันเล่นนั่งพับเพียบมือวางหน้าตักเหมือนกับว่ามันเป็ข้าทาสที่กำลังนั่งรอรับคำสั่งเ้านายอย่างนั้นแหละ
อยากจะขำแต่ก็ต้องกลั้นขำไว้ก่อน
"กูหวงสมบัติทุกอย่างที่เป็ของกู เพราะฉะนั้นหากว่ามึงเป็สมบัติของกูแล้ว ใครก็จะแตะต้องไม่ได้ มึงเคยอยากเป็ของกูไม่ใช่เหรอ"
หน้าที่แดงก่ำก็ยิ่งแดงไม่ใช่เฉพาะสีหน้าของผม แต่พี่เขาคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้แก้มพี่เขาก็แดงเรื่อเหมือนกัน นี่พี่อัพจำคำพูดทุกคำที่ผมพูดตอนเด็กได้
'หนูเอาเชือกสีแดงผูกเอวดีกว่า'
'ถ้าผูกแล้วก็ต้องเล่นเป็สมบัติของพี่นะ'
'ก็ได้ครับ หนูอยากเป็สมบัติของพี่อัพครับ'
และวันนี้พี่เขาก็จะให้ผมได้เล่นบทนั้นสมใจอยาก!!!