หานอ๋องและพระชายานำคนลากศพกว่าสิบศพกลับมายังนครหานโจวเมื่อมาถึงนอกประตูเมือง หานอ๋องก็มีบัญชาให้คนแขวนศพเ่าั้ไว้ที่นอกประตูเมืองพร้อมกล่าวอย่างชัดเจนว่าเหล่าฆาตกรที่สังหารคนในหมู่บ้านที่นอกเมืองล้วนถูกองครักษ์ของจวนอ๋องสังหารหมดแล้ว
ส่วนอวี่โหรวผู้เป็หัวหน้านั้นยังคงถูกคุมขังไว้ที่จวนหานอ๋อง
ไม่นานข่าวที่หานอ๋องและพระชายาร่วมกันจัดการพาคนของจวนอ๋องเข้าสังหารฆาตกรเหี้ยมโหดเ่าั้ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วชั่วขณะนั้นในใจของราษฎรหานโจว หานอ๋องที่นิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายสีฉูดฉาดไปวันๆและถนัดนักเื่การกินดื่มผู้นั้นกลับกลายเป็ชายผู้สูงส่งขึ้นมาในทันใด
อีกทั้งเื่ที่ชายาหานอ๋องมีรับสั่งให้ดูแลเหล่าญาติและคนในครอบครัวของผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านที่ถูกสังหารไปก็เรียกได้ว่าเป็การกระทำที่มากคุณธรรมยิ่ง หนึ่งชีวิตห้าสิบตำลึง สำหรับยุคสมัยที่คนแร้นแค้นเห็นว่าชีวิตตนไร้ค่าที่สุดแต่ชายาหานอ๋องกลับเห็นค่าของพวกเขาถึงขนาดมอบเงินแก่บรรดาญาติของเหยื่อเ่าั้มากมายเพียงนี้นี่อาจเรียกได้ว่าเป็การกอบโกยชื่อเสียงดีงามให้ตนได้มากมาย
ก่อนแต่งงานอวิ๋นซีเป็หมอหญิงที่คนในหานโจวมากมายล้วนรู้จักอีกทั้งในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยก็มองนางว่าเป็คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ทำให้หลังจากที่เื่ราวในครั้งนี้ผ่านพ้นไปชื่อเสียงของอวิ๋นซีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณกลายเป็คนมีชื่อเสียงดีงามอันดับหนึ่งแห่งหานโจวอย่างแท้จริง
สำหรับเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อวิ๋นซีทำเพียงมองอย่างเรียบเฉย นางไม่ได้คิดจะโอ้อวดภูมิใจในเื่ที่ตนสมควรทำแม้แต่เื่เดียวทว่าสิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจก็คือตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนืออย่างตระกูลเจียงนั้นกลับส่งเงินมาให้ถึงสองพันตำลึงพร้อมบอกว่าเงินจำนวนนี้ขอมอบให้ญาติผู้เคราะห์ร้ายเ่าั้
ตอนที่ตั๋วเงินของเจียงเฉิงมาถึงมือของอวิ๋นซีนางก็ดูคล้ายว่าจะประหลาดใจ ทว่าหลังจากนั้นกลับทำเพียงยิ้มบางๆ ด้วยเื่นี้เจียงเฉิงกระทำไปอย่างไม่มีเจตนาจะเปิดเผยเพราะคนที่นำตั๋วเงินมาให้ยังได้บอกว่า เื่นี้ไม่ต้องบอกใครทั้งสิ้น รวมถึงเหล่าชาวบ้านคนอื่นๆด้วย
“นี่นับเป็การทำเื่ดีโดยไม่้าเปิดเผยอย่างนั้นหรือ? ” อวิ๋นซีมอบตั๋วเงินให้ฉุนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายถามด้วยรอยยิ้ม
ฉุนเอ๋อร์เก็บตั๋วเงินจากนั้นยิ้มๆ “พระชายาอาจยังไม่ทรงทราบ เถ้าแก่เจียงผู้นี้เป็คนที่น่าสนใจยิ่งหลังจากที่เขากลายเป็ผู้นำตระกูลเจียงแล้ว เขาก็เคยช่วยเหลือบรรดาชาวบ้านที่ยากจนข้นแค้นมาไม่น้อยเพียงแต่ เขามักกระทำเื่นี้อย่างลับๆ คนที่รู้จึงมีไม่มากเพคะ”
“เช่นนี้ก็หมายความว่าเขาเป็คนที่ดีมากคนหนึ่ง” นางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยคิดไปว่าคนเป็คนดีจริง หรือแสร้งทำเป็คนดีเนื่องจากพ่อค้าที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เช่นนี้ นางล้วนเคยได้พบปะเรียนรู้มามากมายดังนั้น สำหรับเจียงเฉิงผู้นี้ก็เป็ไปได้แปดเก้าส่วนว่า คนคงไม่ต่างไปมากมายเท่าไร
ตระกูลเจียงมีกิจการใหญ่โตเพียงนี้หากเขาเป็คนดีจริง เกรงว่าคนคงรักษากิจการนี้ไว้ไม่ได้แล้วกระมัง
ฉุนเอ๋อร์สังเกตเห็นมุมปากที่โค้งขึ้นและแววตาที่เยาะหยันของอวิ๋นซี ฉับพลันนั้นนางที่รู้จักสถานการณ์ดีจึงไม่คิดกล่าวอันใดต่อและเป็อวิ๋นซีที่ขบคิดกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “ไปหาคนถามข่าวหน่อยท่านอ๋องกลับมาหรือยัง? ”
เมื่อฉุนเอ๋อร์ได้ยินก็ยอบกายคารวะแล้วออกไป
อวิ๋นซีมองแผ่นหลังของสาวใช้ข้างกายที่ค่อยๆห่างออกไป ชั่วขณะนั้นนางก็หวนนึกถึงหลันจือและอาเถา หากสองคนนั้นยังอยู่ คงเป็หลันจือที่ยิ้มแล้วกล่าวคำเออออไปกับนางว่า“ก็นั่นน่ะสิ เถ้าแก่เจียงผู้นี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีกลิ่นอายของคนดี”
ส่วนอาเถาคงไม่วายให้ต้องรีบค้านว่า“คนดีๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเื้ักลิ่นอายที่ว่านี้จะเป็กลิ่นหอม หรือว่ากลิ่นเหม็น”
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อะไรที่นางจะนึกฝันออกมาได้เอง แม้ฉุนเอ๋อร์จะมีให้ทั้งความเคารพและภักดี แต่ไม่อาจทำตัวสนิทสนมกันได้ก็เท่านั้น อวิ๋นซีลูบปอยผมเส้นบางที่ร่วงลงมาข้างโหนกแก้มแล้วถอนใจเบาๆ
นางเอนกายลงบนตั่งหยิบถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ในถ้วยชาใบนั้นเต็มไปด้วยน้ำชาที่ยังไม่ได้ดื่มนางมองออกไปนอกหน้าต่างที่อยู่เบื้องหน้าตน จากนั้นก็รินน้ำชาในถ้วยลงไปบนพื้นด้านนอกอย่างระมัดระวัง“ต้าหงผาวนี้ เป็หลันจือที่ชอบที่สุด ทว่า น่าเสียดายนักที่่ชีวิตที่เหลือของข้านี้คงจะไม่มีใครพูดมากอยู่ข้างกายข้าว่าคุณหนู กลิ่นของต้าหงผาวนี้ยิ่งดมก็ยิ่งหอม อย่างไรเสียคุณหนูตบรางวัลให้หลันจือเป็ชาต้าหงผาวนี้สักถ้วยจะดีหรือไม่เ้าคะ”
สตรีที่ชื่นชอบการกินและไม่ชมชอบเสื้อผ้าแพรพรรณกับเครื่องประดับเยี่ยงหลันจือนั้น ขอแค่เพียงต้าหงผาวที่ผู้เป็นายชงให้ด้วยตนเองสักถ้วยก็นับว่าล้ำค่ามากแล้ว
ขณะเดียวกันนั้น ตอนที่จวินเหยียนเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงเศร้าสร้อยของนางพอดีเขาก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง ยื่นมือออกไปหยิบถ้วยชาของนางมา จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า“อยากดื่มสุราหรือไม่? ”
“ไม่” นางไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบออกไป“หากดื่มสุรา ก็ไม่แน่ว่าอาจมีคนกลายเป็อันธพาลขึ้นมาอีก”
บุรุษที่เพิ่งได้ลิ้มลองกินเนื้อนั้นน่ากลัวยิ่งเพราะโอวหยางจวินเหยียนไม่เหมือนบุรุษชั่วช้าคนนั้นแม้แต่น้อยในใจเขาไม่เคยมีคำว่าพอดีแม้สักครั้ง ทันทีที่สุราเข้าปากไปแล้ว เื่บางเื่เขาก็เก่งกล้าและยิ่งทบต้นทบดอกมากขึ้น ดังนั้น นางที่ไม่ได้โง่ย่อมไม่มีทางส่งตัวเองเข้าปากหมาป่าตัวโตเป็อันขาด
จวินเหยียนไม่ได้โกรธและทำเพียงนั่งลงข้างกายนาง เขายิ้มพูด “ข่าวของทางนี้ คิดว่าอีกไม่นานเกินรอก็คงจะไปถึงจวนรัชทายาทในเมืองหลวงเ้าว่า หากชายคนนั้นรู้ว่าคนของเขาที่อยู่ในหานโจวถูกสังหารไปหมดแล้ว คนจะโกรธจนตาทั้งคู่เหลือกขาวจนต้องไปเข้าเฝ้าอดีตฮ่องเต้เลยหรือไม่”
“คาดว่าคงยาก” นางจ้องมองเขา “คนเยี่ยงโอวหยางเทียนหัวนั้น หน้าหนาจะตายไป มิหนำซ้ำยังไร้ยางอายอยู่พอตัวต่อให้ครั้งนี้เขาจะเสียหายอย่างแสนสาหัส แต่สำหรับเขาแล้ว คนเ่าั้ก็แค่ชีวิตคนไม่กี่ชีวิตเท่านั้นในเมื่อตายไป ก็แค่หามาฝึกใหม่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว อย่างไรเสีย หากท่านไม่ตายคาดว่าเขาก็คงไม่กล้าตาย”
องครักษ์ลับที่แอบเฝ้าอยู่เมื่อได้ยินคำกล่าวของพระชายาก็อดมิได้ให้มุมปากกระตุกสองสามทีพลางคิดไปว่าคงมีแต่พระชายานี่แหละที่กล้าพูดคำเช่นนี้ หากท่านอ๋องไม่ตาย รัชทายาทก็คงไม่กล้าตาย?เหตุใดพวกเขาเมื่อได้ฟังคำนี้แล้วถึงได้รู้สึกแปลกๆ กันนะ
....................................................................................…………
ณ จวนรัชทายาทในเมืองหลวง
โอวหยางเทียนหัวกำลังดูลู่หลิงฉิงร่ายรำมุมปากเขาอมยิ้ม ขณะที่ลู่หลิงฉิงเองก็แย้มยิ้มมองเขาพลางหมุนกายรอบแล้วรอบเล่าจากนั้นจึงเดินเข้ามา จูบเบาๆ ที่มุมปากเขา “องค์รัชทายาทการร่ายรำของหม่อมฉันดีหรือไม่เพคะ? ”
โอวหยางเทียนหัวโอบเอวนาง“ไม่เสียทีจริงๆ ที่เป็ถึงสตรีที่เปิ่นไท่จื่อรักที่สุด”
คนทั้งสองพลิกฟ้าคว้าฝนกันไปรอบหนึ่งแล้วในห้องโถงใหญ่เรือนเด็ดดาราที่นี่ นอกจากนางและคนสนิทของเขา ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถแสดงความเร่าร้อนออกมาได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด
ครั้นอยู่นอกเรือนเด็ดดารานางเป็ชายารัชทายาทที่สง่างาม แต่เมื่อใดที่อยู่ในเรือนเด็ดดารานางก็เป็แค่ภรรยาของโอวหยางเทียนหัว เป็แค่สตรีของเขา ดังนั้น การอยู่ที่นี่ นางจำต้องละทิ้งความสง่างามแสนดีทั้งปวงและมายั่วยวนชวนให้เขาใจเต้น ให้เขาไม่อาจละไปจากตนได้ เพราะนี่นับเป็วิธีที่นางใช้กุมหัวใจของเขาไว้
สิ่งที่นางทำเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่เฉียวอวิ๋นซีในตอนนั้นไม่เคยคิดจะทำเพราะในสายตาของเฉียวอวิ๋นซี เื่รักลึกซึ้งระหว่างชายหญิงนี้ควรเป็ไปตามธรรมชาติในทำนองที่ว่าพอน้ำมาถึงเขื่อน เขื่อนก็สร้างเสร็จแล้ว เมื่อมาคิดๆ ตอนนี้ก็ช่างเป็ความคิดของคนโง่เง่าจริงๆ
โอวหยางเทียนหัวเป็ผู้ใดกันเขาเป็ถึงรัชทายาท ขอแค่เขายินยอม เรือนหลังนี้จะมีสตรีมากมายเท่าใดก็ย่อมได้ ดังนั้นอย่าได้คาดหวังเื่หนึ่งชาติหนึ่งภพเพียงหนึ่งคนอันใดพวกนั้น เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับแค่เื่ขบขันเื่หนึ่งหากคิดอยากจะกุมหัวใจชายใด สตรีก็จำต้องเสียสละอะไรบางอย่างดังเช่นความอ้อมค้อม เขินอาย...
ในตอนที่ทั้งสองกำลังเป็สุขอย่างสุดๆอยู่นั้น จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงข้ารับใช้ข้างกายของเทียนหัวดังลอดเข้ามา “ทูลรัชทายาทมีสารด่วนพ่ะย่ะค่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้