พอเห็นสีหน้าคาดหวังของหลงอวี้ ผู้เฒ่าขาวก็ส่งเสียงหัวเราะร่วน ลูบเคราขาวพร้อมเอ่ยขึ้น
“เฟิงอวิ๋นเป็อัจฉริยะที่ติดอยู่ในสิบอันดับแรกของลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า ตอนนี้เขามีวิถียุทธ์ถึงขั้นแปด แต่เพราะบิดาของเ้า เกรงว่าอีกสองเดือนจากนี้เขาคงต้องพักรักษาตัวอย่างเดียว”
ผู้เฒ่าขาวยังคงคิดว่าสัญลักษณ์ัปรภพนั้นเกี่ยวข้องกับบิดาของหลงอวี้แต่หลงอวี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
“รักษาตัว?”
“ใช่แล้ว”
ผู้เฒ่าขาวหัวเราะเบาๆ
“เขาประกาศว่าจะเก็บตัวฝึกฝนเป็เวลาสองเดือน แต่พวกตาแก่อย่างเราๆ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเป็เพราะถูกพลังในตัวเ้าสะท้อนกลับหลังจากซัดฝ่ามือใส่เ้าหน้าหอวิทยายุทธ์ แต่เดิมพวกเราก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน เ้าที่มีระดับวิถียุทธ์เพียงขั้นห้า เหตุใดถึงสะท้อนกลับไปได้ แต่พอรู้ว่าบิดาเ้าคือใครก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแล้ว เ้าหมอนั่นต้องทำบางอย่างกับร่างกายเ้าไว้แน่นอน”
ในที่สุดหลงอวี้ก็รู้ว่า เ้าเฟิงอวิ๋นถูกแรงสะท้อนจากสัญลักษณ์ัปรภพทำร้ายจนาเ็ ต้องรักษาตัวอีกสองเดือนกว่า ดูท่าจะาเ็ไม่เบา!
‘จากนี้เวลาเจอศัตรูที่ร้ายกาจเกินไปก็สามารถหลอกล่อให้อีกฝ่ายโจมตีสัญลักษณ์ัได้ แต่ถ้าใช้ลูกไม้นี้บ่อยเกินไปคงไม่มีใครหลงกลอีกแน่...’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้น พอลองตรวจสอบร่างกายก็พบว่าพละกำลังของตัวเองยังคงอยู่ที่หนึ่งหมื่นหกพันชั่งของวิถียุทธ์ขั้นที่ห้าอยู่เท่าเดิม สัญลักษณ์ัก็ยังกระตุ้นพลังให้เขาได้อีกหนึ่งหมื่นชั่งได้เช่นกัน ไม่ต่างจากตอนก่อนหมดสติเลย
“จริงสิ หนุ่มน้อย ตอนนี้ระดับพลังของเ้าคือวิถียุทธ์ขั้นห้า เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนจะถึงเวลาที่ป่าโสมโบราณของราชวงศ์เปิดออก หากเ้าก้าวขึ้นสู่วิถียุทธ์ระดับหกได้ภายในครึ่งเดือนนี้ เ้าจะมีสิทธิ์เป็ตัวแทนของลัทธิเข้าไปในป่าเพื่อ่ชิงโอกาสล้ำค่าได้”
จู่ๆ ผู้เฒ่าขาวก็กล่าวขึ้น ขณะมองหลงอวี้ด้วยแววตาคาดหวังเล็กน้อย
“ป่าโสมโบราณของราชวงศ์หรือขอรับ”
หลงอวี้สงสัย เขาไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อน
“ภายในอาณาเขตของอาณาจักรต้าถังมีสำนักลัทธิใหญ่ทั้งหมดเจ็ดแห่ง เพียงแต่ทั้งเจ็ดแห่งนี้ล้วนอยู่ใต้การดูแลของราชวงศ์ต้าถังทั้งสิ้น”
ผู้เฒ่าขาวอธิบายต่อ
. “ป่าโสมโบราณของราชวงศ์เป็ป่าโสมโบราณผืนหนึ่งที่ราชวงศ์ต้าถังสร้างขึ้น ภายในนั้นมีโสมป่าโบราณงอกอยู่ไม่น้อย หลังจากกินมันเข้าไปจะสามารถยกระดับพลังวรยุทธ์ขึ้นได้ โสมโบราณคุณภาพสูงนั้นได้ผลลัพธ์ดีกว่าโอสถระดับสูงบางชนิดเสียอีก! ตระกูลใหญ่ในอาณาจักรต้าถังบางตระกูลและเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่จะผลัดกันส่งคนเข้าไปในป่านั้นเป็ประจำทุกปี ปีนี้ถึงคราวของพวกเราลัทธิสยบฟ้า สำนักน้ำแข็งเยือก ลัทธิพันไหม สามสำนักลัทธิใหญ่ได้คัดเลือกลูกศิษย์ที่จะส่งเข้าไปในป่านั้นแล้ว”
สำนักน้ำแข็งเยือก!
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นในแววตาพลันเผยความสนใจอย่างเปิดเผย เฟิงเหยาคือลูกศิษย์ของสำนักน้ำแข็งเยือกไม่ใช่หรือ?
สาวน้อยอัจฉริยะที่มีวิถียุทธ์ขั้นเจ็ด ‘เฟิงเหยา’ ในสายตาของหลงอวี้ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อม!
“เฟิงเหยา เมื่อเ้าคิดจะฆ่าข้า แค้นนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกชำระแน่!”
แค่เื่นี้ก็เป็เหตุผลมากพอจะให้เขาไม่ยอมพลาดโอกาสในการเข้าร่วมป่าโสมโบราณแล้ว
หลังจากนั้น ผู้เฒ่าขาวก็อธิบายรายละเอียดของป่าโสมโบราณให้ฟัง
ป่าโสมโบราณของราชวงศ์ ทุกครั้งจะเลือกสำนักลัทธิหรือตระกูลใหญ่สามแห่งเข้าไป ผู้ที่จะเข้าไปต้องมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี อีกทั้งต้องเป็อัจฉริยะที่บรรลุวิถียุทธ์ขั้นหกขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในป่าโสมโบราณ
ซึ่งผู้ที่มีเงื่อนไขตรงตามที่ว่าแต่เดิมในลัทธิสยบฟ้าปีนี้มีทั้งหมดสิบหกคน แต่เพราะฟางคางที่เป็หนึ่งในนั้นถูกหลงอวี้เล่นงานจนสาหัส คงไม่สามารถเข้าร่วมได้แล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่สิบห้าคน
หากหลงอวี้ยกระดับขึ้นเป็ขั้นหกได้ภายในครึ่งเดือนนี้ เขาจะสามารถเข้าไปแทนที่ของฟางคางได้ทันที
และถ้ารวมกับลูกศิษย์ของสำนักน้ำแข็งเยือกและลัทธิพันไหมแล้ว จะมีจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมดประมาณห้าสิบคน
ภายในป่าโสมโบราณจะมีโสมโบราณทั้งหมดสามระดับคือสูง กลาง ล่าง โสมโบราณระดับสูงที่ผลิตออกมาแต่ละปีจะมีไม่เกินสามต้น ซึ่งเป้าหมายหลักของเหล่าอัจฉริยะราวห้าสิบคนในทุกปีคือโสมโบราณระดับสูงที่มีไม่กี่ต้นนั่น!
นอกจากนี้ บางปีจะมีโอกาสที่โสมโบราณระดับพิเศษจะปรากฏขึ้น ผลลัพธ์ดียิ่งกว่าโสมโบราณระดับสูงเสียอีก หากผู้ฝึกยุทธ์ดูดกลืนพลังฟ้าดินภายในนั้นมันจะสามารถลดระยะเวลาการฝึกหนักได้นานสองถึงสามปีเลยทีเดียว
หากโสมโบราณระดับพิเศษปรากฏ นั่นหมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ย่อมสามารถยกระดับพลังได้หนึ่งขั้นทันที!
อย่างไรก็ตามหากกำลังเผชิญสภาวะคอขวดอยู่ละก็ การยกระดับพลังก็จะไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างเช่นการยกระดับจากขั้นหกสู่ขั้นเจ็ดก็จะมี่คอขวดอีก่ที่ต้องทำการปล่อยลมปราณจากภายในร่างกายออกสู่ภายนอกให้ได้ ซึ่งผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะผ่านคอขวดนี้มาได้
เหนือโสมโบราณระดับพิเศษขึ้นไปยังมีโสมโบราณชั้นยอดอยู่อีก เพียงแต่โสมโบราณระดับนี้ไม่ค่อยปรากฏขึ้นนัก ทุกครั้งที่ปรากฏล้วนถูกคนของราชวงศ์ต้าถังเก็บไปก่อน ไม่เหลือมาถึงเหล่าลูกศิษย์ของสำนักลัทธิหรือตระกูลใหญ่ทั้งหลายอยู่แล้ว
“หนุ่มน้อย หากเ้าอยากทะลวงขีดจำกัดขึ้นสู่ขั้นหก ตาแก่อย่างข้าไม่สะดวกจะลงมือช่วยเ้า แต่สามารถชี้แนะได้เื่หนึ่ง”
พอผู้เฒ่าขาวอธิบายเื่ป่าโสมโบราณของราชวงศ์จบแล้ว ก็กล่าวต่อทันที
. “ในเทือกเขาสยบฟ้า มีหุบเขาแห่งอสรพิษเวหาอยู่แห่งหนึ่ง อสูรอสรพิษเวหาอาศัยอยู่บริเวณนั้น ลูกศิษย์ระดับล่างมักจะไปฝึกฝนกันที่นั่น ผลลัพธ์ก็นับว่าไม่เลวหากสังหารอสรพิษเวหาได้หนึ่งตัวจะได้รับเน่ยตาน1ของมันมา และเมื่อกินมันเข้าไปเ้าจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าโอสถระดับกลางเม็ดหนึ่งเลย หรือถ้าเก็บสมุนไพรวิเศษได้ ก็สามารถใช้กินหรือนำมาหลอมโอสถได้เช่นกัน มีผลต่อการยกระดับของเ้าไม่น้อย”
ไม่ว่าจะเป็สมุนไพรวิเศษ ยาโอสถหรือเน่ยตานของสัตว์อสูร ล้วนมีผลลัพธ์ดีที่สุดต่อผู้ฝึกยุทธ์ในการกินแค่ชิ้นแรกเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรแล้ว
ดังนั้นในสถานที่อย่างหุบเขาแห่งอสรพิษเวหา ลูกศิษย์ระดับล่างของลัทธิสยบฟ้าทุกคนล้วนต้องเคยไปมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ลองไปดูว่าจะมีโอกาสได้เจออสรพิษเวหาและสังหารมันเพื่อเอาเน่ยตายได้หรือเปล่า
ทันทีที่พบมัน ก็ราวกับได้รับโอสถระดับกลางเม็ดหนึ่งเลยทีเดียว มีผลลัพธ์ดีต่อการยกระดับไม่น้อย
“เข้าใจแล้ว ขอบพระคุณผู้าุโมากขอรับ”
หลงอวี้กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
หุบเขาแห่งอสรพิษเวหา เขาต้องลองไปดูสักรอบอยู่แล้ว ด้วยความสามารถในการดูดกลืนอันร้ายกาจของัปรภพ หากได้รับเน่ยตานของอสรพิษเวหาตัวหนึ่งมาละก็ ต่อให้ใช้มันยกระดับถึงขั้นหกไม่ได้ แต่ก็ช่วยให้เข้าใกล้ขั้นหกมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยอยู่ดี
และด้วยเวลาที่จำกัด ผู้เฒ่าขาวจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
หลงอวี้จัดการตัวเองเล็กน้อย เตรียมตัวออกเดินทางทันที
.....
ผู้ที่ไปส่งหลงอวี้ คือเลี่ยวเล่อเล่อ
ตรงจุดที่ห่างจากกระท่อมไม้ไผ่ไปไม่ไกล บนยอดเขาโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง มีศาลาหลังหนึ่งตั้งอยู่ ผู้เฒ่าขาวและชายชราในชุดสีดำอีกคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นหมากล้อมอยู่ในนั้น ไม่สนใจหนุ่มสาวทั้งสองแม้แต่น้อย
ระหว่างที่เดินอยู่บนเส้นทางลงเขาอันคดเคี้ยว เลี่ยวเล่อเล่อก็หยุดเท้าลง
“การเดินทางไปยังหุบเขาแห่งอสรพิษเวหาครั้งนี้ เ้าต้องระวังตัวด้วยนะ”
เลี่ยวเล่อเล่อคอยดูแลหลงอวี้อยู่ครึ่งเดือน ตอนนี้จึงมีท่าทางเป็ห่วงอยู่เล็กน้อย
“เ้าไม่ไปหรือ?”
หลงอวี้ถาม
“ไม่ล่ะ ผู้เฒ่าขาวรับข้าเป็ศิษย์ ข้าจะฝึกฝนที่นี่สักพัก อีกทั้งระดับพลังของข้ายังต่ำ ถ้าตามไปด้วยต้องเป็ตัวถ่วงของเ้าแน่”
เลี่ยวเล่อเล่อพูดอย่างเขินอาย
หลงอวี้เข้าใจทันที ที่แท้แม่นี่ถูกผู้เฒ่าขาวรับเป็ศิษย์นี่เอง นับเป็โอกาสดีไม่น้อย ผู้เฒ่าขาวนั่นดูก็รู้ว่ามีระดับพลังสูงส่งลึกล้ำ เกรงว่าน่าจะอยู่เหนือระดับวิถียุทธ์ทั้งเก้าขั้น ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
ได้ผู้เฒ่าขาวเป็อาจารย์เช่นนี้ เลี่ยวเล่อเล่อนับว่าได้ที่พึ่งพิง อย่างน้อยก็ไม่ถูกไอ้ ‘หมูตอน’ อย่างเฟิงหยางรังแกอีก
หลงอวี้หันหลัง เตรียมจะเดินลงเขา แต่หลังจากเดินไปได้แค่สองก้าว พลันชะงักฝีเท้า ถามขึ้นโดยไม่ได้หันกลับไป
. “จริงสิ ่ครึ่งเดือนที่ผ่านมา เ้าเป็คนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าตลอดเลยหรือ?”
“ใช่”
น้ำเสียงสดใสของเลี่ยวเล่อเล่อดังมาจากด้านหลัง
“เช่นนั้นเ้าก็เห็นทุกอย่างเลย?”
หลงอวี้ถามอีกครั้ง ยังคงไม่หันกลับไปมอง
“แน่นอน”
เลี่ยวเล่อเล่อตอบกลับ
“...”
หลงอวี้ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก้าวเท้าลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หายไปจากสายตาของเลี่ยวเล่อเล่อ
“หึ เห็นแล้วจะทำไมกัน? แต่ว่า ก็ใช้ได้อยู่เหมือนกันนะ”
เลี่ยวเล่อเล่อจัดผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเล็กน้อย อดหน้าแดงไม่ได้ นางยืนอยู่ตรงนั้นสักพักจนแน่ใจว่าหลงอวี้จะไม่กลับมาจริงๆ จึงค่อยหันหลังกลับไปด้วยความเสียดายเล็กน้อย
หลงอวี้ย่อมไม่รู้ทีท่าของเลี่ยวเล่อเล่อหลังจากที่เดินออกมาอยู่แล้ว
ในเวลานี้ความคิดของเขาจดจ่ออยู่ที่การฝึกฝนยกระดับเท่านั้น หุบเขาแห่งอสรพิษเวหา จะต้องไปแน่นอน แต่ต่อให้ดวงดี สังหารอสรพิษเวหาได้หนึ่งตัว เน่ยตานเพียงเม็ดเดียวก็ไม่สามารถทำให้ก้าวขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นหกได้อยู่ดี
“ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ไม่รู้ว่ายังมีทางอื่นอีกหรือเปล่า... เอาเถิด ลองไปที่หุบเขาอสรพิษเวหาก่อนค่อยว่ากัน”
หลงอวี้ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหุบเขาอสรพิษเวหาทันที
เทือกเขาสยบฟ้าอันยาวเหยียดนี้ แม้จะยืนอยู่บนยอดที่สูงสุดเหนือหุบเขาสยบฟ้า ก็ยังไม่สามารถมองเห็นสุดปลายทางของเทือกเขาได้
หุบเขาแห่งอสรพิษเวหานั้นอยู่ห่างจากลัทธิสยบฟ้าราวสี่สิบกว่าลี้
หลงอวี้ได้ใช้ท่าวายุก้าวพริบตาในการเดินทาง ระหว่างทางบังเอิญพบกับลูกศิษย์ร่วมสำนักที่มุ่งหน้าไปยังหุบเขาอสรพิษเวหาอยู่บ้างหนึ่งถึงสองกลุ่ม แต่ก็ไม่มีใครทักทายเขา ต่างคนต่างไป
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หุบเขาอสรพิษเวหาก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลงอวี้
มันเป็หุบเขาที่มีต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมหนาจนแทบจะบดบังแสงอาทิตย์ มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แม้จะเป็ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าก็ไม่กล้าเข้าไปในป่าลึกเกินไปนัก เพราะยิ่งลึกก็ยิ่งมีโอกาสพบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากขึ้น แม้แต่ชีวิตก็ไม่อาจรักษาไว้ได้
“หวังว่าจะดวงดีเจออสรพิษเวหาได้เร็วหน่อยนะ”
หลงอวี้เข้าไปในหุบเขาอสรพิษพร้อมกับความหวัง
อสรพิษเวหาทั่วไปมีพลังต่อสู้ราวๆ ระดับวิถียุทธ์ขั้นห้า หากเผชิญหน้ากันตัวต่อตัวก็ยังนับว่าจัดการได้ไม่ยาก
ทันทีที่เข้าไปในหุบเขา ทัศนวิสัยของหลงอวี้ก็ลดลงมาไม่น้อย การเดินทางภายในป่าต้องพึ่งการฟัง การดมกลิ่นและสัญชาตญาณของลูกผู้ชายเท่านั้น!
นอกจากจะมีโอกาสเจอกับอสรพิษเวหา ภายในหุบเขาแห่งนี้ยังมีพืชมีพิษ สัตว์มีพิษอยู่อีกไม่น้อย แม้จะไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็เป็อุปสรรคต่อการยกระดับพลังเป็อย่างมาก
อย่างเช่นตรงจุดหนึ่งที่หลงอวี้เดินผ่านไป ตรงนั้นมีเถาวัลย์อยู่หนาแน่น ลูกศิษย์ของลัทธิหลายคนถูกรัดรึงอย่างแ่า ต้องเสียเวลาในการกำจัดเถาวัลย์เ่าั้ค่อนข้างนาน
แต่หลงอวี้ก็ไม่ได้สนใจพวกคนเ่าั้ ใช้ประสาทััของตัวเองมุ่งหน้าพุ่งผ่านเถาวัลย์ไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้าไปได้ลึกราวสิบลี้ ประสาทััอันเฉียบคมก็ััได้ถึงกลิ่นคาวเื ทำให้เขาต้องตั้งสมาธิทันที
กลิ่นคาวเื แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ฆ่าฟัน!
หัวใจเขาเต้นระรัว ทะยานร่างไปทางกลิ่นคาวเืนั่น ผ่านไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงะโขอความช่วยเหลือของคนจำนวนหนึ่งดังขึ้นไกลๆ
“ราชันอสรพิษเวหา นั่นมันราชันอสรพิษเวหา ชะ ช่วยด้วย!”
“ศิษย์น้องฉิน เ้าอย่าทิ้งข้า อ้าก!!!”
เสียงร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือดังกึกก้องภายในป่าทึบอันมืดมิด
หลงอวี้ย่องเข้าไปใกล้ๆ มองไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน เห็นเงาดำขนาดใหญ่โตกำลังกลืนลูกศิษย์ระดับล่างคนหนึ่งเข้าไปในปาก!
......
[1] เน่ยตาน เป็สิ่งที่อยู่ในความเชื่อของลัทธิเต๋า เป็ยาที่สร้างขึ้นมาจากพลังชีวิตในร่างกายของตน