มือซ้ายของเหลียนเซวียนกอดเซวียเสี่ยวหรั่นไว้แน่น ขณะบิดตัวเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ กระบี่ยาวอาบโลหิตหลุดจากมือขวา พุ่งเข้าใส่เหลิ่งอีซึ่งยังคงบัญชาให้พลธนูยิงไล่ตามลงมา
เมื่อพลังแห่งการะโมาถึงจุดสูงสุด ร่างของทั้งคู่ก็ดิ่งลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
เหลียนเซวียนกอดคนในอ้อมแขนแล้วพลิกกายให้ตนเองรองรับอยู่ด้านล่าง
"เปรี๊ยะๆๆ" ตลอดทางที่ตกลงมา ชนกับต้นไม้รูปร่างประหลาดที่ยื่นกิ่งยาวมาจากชะง่อนผา
เหลียนเซวียนอาศัยการกระแทกชนกิ่งไม้ช่วยชะลอความเร็วของการตกลงมา
และลองใช้มือขวาที่ว่างอยู่ฉวยจับกิ่งที่อยู่ด้านข้าง
น่าเสียดาย ทั้งสองร่วงลงมาเร็วเกินไป เขาพยายามคว้าอยู่สองสามครั้งล้วนแต่ล้มเหลว
เสียง "เปรี๊ยะ" ครั้งสุดท้ายดังขึ้น
เหลียนเซวียนโคจรพลังคุ้มกันตัวก่อนตกสู่พื้น แรงกระแทกมหาศาลถึงขั้นทำให้ก้นผากลายเป็หลุมกว้าง
เบื้องหน้าสายตาของทั้งสองมืดมิด และยังคงดิ่งลงไปต่อ
หลังเสียง "ตูม" ดังขึ้น ทั้งสองก็ตกลงไปในน้ำ
"หวา... หนาวจังเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งลอยอยู่บนผิวน้ำเนื้อตัวสั่นเทาเพราะถูกความแตกต่างระหว่างกระแสความร้อนและความเย็นเล่นงาน
"ไม่เป็ไรใช่ไหม" เหลียนเซวียนเอื้อมมือมากระหวัดเอวบาง แล้วอาศัยแสงสว่างที่ลอดลงมาจากโพรงขนาดใหญ่เหนือศีรษะพิจารณาอย่างละเอียดว่านางได้รับาเ็หรือไม่
"ข้าไม่เป็ไร เหลียนเซวียน ท่านล่ะ เป็อย่างไรบ้าง าเ็หรือไม่"
ตกมาจากหน้าผาสูงขนาดนั้น ขนาดชั้นดินยังแหลกเป็ผุยผง เห็นได้ว่าแรงดิ่งลงมารุนแรงเพียงไหน
เซวียเสี่ยวหรั่นช้อนตาขึ้นมองเขาเป็ความห่วงใย
"วางใจเถอะ ข้าสบายดี" สีหน้าของเหลียนเซวียนไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ แต่พยายามควบคุมเืลมซึ่งปั่นป่วนอยู่ในอก เขาาเ็ภายในอยู่บ้าง แต่ไม่นับว่ารุนแรง
เหลียนเซวียนมองซ้ายมองขวา นี่เป็ทางน้ำใต้ดิน ผิวน้ำกว้าง ระดับน้ำลึก กระแสน้ำก็ค่อนข้างแรง
เขาพานางว่ายไปถึงโขดหินด้านข้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นปีนขึ้นไปก่อน หลังจากนั้นก็ยื่นมือดึงเขาขึ้นมา
ทั้งสองเปียกโชกไปทั้งตัว
"ก่อนหน้านี้เ้ายังมองสระน้ำด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ตอนนี้ก็ได้ว่ายน้ำสบายไปเลย" เหลียนเซวียนเอ่ยด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม แต่ไม่ช้ารอยยิ้มของเขาก็พลันชะงักงัน
เสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนของเซวียเสี่ยวหรั่นทั้งอ่อนนุ่มและบางเบา หลังเปียกน้ำเนื้อผ้าก็แนบลู่เข้ากับผิวของเธอ แม้กระทั่งส่วนอวบอิ่มภายใต้บังทรงสีเหลืองอ่อนก็ยังเห็นอย่างเด่นชัด
สีตาของเหลียนเซวียนเข้มขึ้น พยายามเบือนสายตาตนเองไปที่อื่น
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับไม่ได้สนใจมากนัก แสงสว่างใต้ดินค่อนข้างสลัว ความสามารถในการมองเห็นในที่มืดก็ไม่ดีเท่าเหลียนเซวียน
พอได้ยินเขายังมีอารมณ์ล้อเล่น เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยผ่อนคลายจากความวิตกกังวล
"ท่านยังมีอารมณ์ขันได้อีกนะ คนร้ายเ่าั้จะตามมาอีกไหม"
ภายใต้แสงดาบเงากระบี่ โลหิตสาดกระเซ็นเยี่ยงนั้น กลิ่นคาวเืรุนแรงเกินไปจริงๆ หัวใจของเซวียเสี่ยวหรั่นยังเต้นโครมครามมาจนถึงบัดนี้
เหลียนเซวียนแหงนหน้ามองผ่านช่องว่าง้า เห็นแต่สีเขียวเป็พรืด
"ต้องตามมาแน่ ดังนั้นพวกเราต้องรีบไป"
เหลิ่งอีไม่มีทางถอดใจยอมแพ้ง่ายๆ กระบี่ที่ขว้างออกไปตอนนั้น เหลียนเซวียนรู้ดีว่าเอาชีวิตเขาไม่ได้
"อ้อๆ เช่นนั้นพวกเราจะไปที่ไหน" เซวียเสี่ยวหรั่นรับปากทันที เธอรู้ดีว่าพวกเขายังอยู่ในอันตราย
เหลียนเซวียนมองเงามืดข้างฝ่าเท้า ก่อนเอื้อมมือไปััความแรงของกระแสน้ำ
"ไปตามกระแสน้ำใต้ดิน" ตราบใดที่ความเร็วเพียงพอ เหลิ่งอีก็จะไม่มีทางตามทัน
เหลียนเซวียนเลิกคิ้ว ไม่ถามมาก ถอดถุงผ้าที่คาดเอวส่งให้นาง
"เปียกหมดเลย ในนั้นมีตั๋วเงินด้วยสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นเทน้ำในนั้นออกมาด้วยความปวดใจ
เหลียนเซวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไปชั่วขณะ เหตุใดเขาไม่เคยพบเลยว่านางเป็คนเห็นแก่เงิน
เซวียเสี่ยวหรั่นใส่ถุงผ้าของเขาในกระเป๋าสะพายของตนเอง
ตอนตกน้ำ เธอกระเป๋าสะพายมีน้ำเข้าเล็กน้อย แต่ของข้างในเปียกชื้นไม่มาก
เธอเทินกระเป๋าสะพายไว้เหนือศีรษะ ใช้สายสะพายพันสองรอบ หลังจากนั้นก็ผูกไว้ที่ใต้คาง
เหลียนเซวียนเห็นความสร้างสรรค์อันชอบกลของนางยังตะลึงตาค้าง
"แฮ่ม ในกระเป๋ามีตั๋วเงิน จะให้เปียกไม่ได้เป็อันขาด" ตอนนี้ของสำคัญทุกอย่างล้วนอยู่ในกระเป๋าของเธอ
"เอาล่ะๆ รีบไปเถอะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยั่งเท้าลงไปในน้ำ เห็นรองเท้าเปียกชื้นก็เลยถอดออก แล้วยัดเข้าไปในแขนเสื้อ
เหลียนเซวียนไม่รู้ว่าควรโมโหหรือขบขันดีกว่ากัน
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่สนใจเขา เทินกระเป๋าสะพายบนศีรษะพลางลงน้ำอย่างระมัดระวัง น้ำใต้ดินเย็นเฉียบ แต่ไม่ช้าเธอก็ปรับตัวได้
"รีบไป รีบไป"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพรายหันมากวักมือเรียกเขา
เหลียนเซวียนยิ้มพลางส่ายหน้า ไถลตัวลงไปในน้ำ "เ้าระวังหน่อย ว่ายไหวหรือเปล่า"
"ได้สิ แต่กระโปรงนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร"
ชายกระโปรงลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เซวียเสี่ยวหรั่นก้มลงกดกระโปรงของตนเองลงไป
"ข้าช่วยเ้าถือเอง" เหลียนเซวียนอมยิ้ม ยื่นมือมาหมายหยิบกระเป๋าลงจากศีรษะของนาง
"ไม่ต้อง ไม่ต้อง รีบไปเถอะ อย่าชักช้าเสียเวลา" เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามว่ายท่าลูกหมาตกน้ำลอยคออยู่เหนือผิวน้ำ
เหลียนเซวียนรีบตามไป
แขนขาของเขายาวกว่า ว่ายเร็วกว่ามาก
สุดท้ายเหลียนเซวียนจึงให้นางเกาะไหล่ของตนเอง แล้วพาว่ายไป
แม่น้ำใต้ดินยิ่งไหลก็ยิ่งไปสู่จุดที่ลึกขึ้น ท้ายที่สุดแม้แต่ยื่นมือออกไปก็ยังไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
เซวียเสี่ยวหรั่นกลัวความมืด จึงเบียดร่างเข้ามาแนบชิดแผ่นหลังของเขาโดยไม่รู้ตัว
เสื้อผ้าฤดูร้อนเดิมทีก็บางอยู่แล้ว ยิ่งเปียกน้ำก็ยิ่งแนบลู่ติดกับตัว ทรวงอกนุ่มของหญิงสาวกดทับอยู่บนแผ่นหลังของเขา
เหลียนเซวียนรู้สึกว่าเืลมทั่วกายพุ่งไปที่บางส่วนของร่างกาย
แม้ร่างกายจะอยู่ในน้ำเย็นเฉียบ แต่เขากลับร้อนรุ่มยากจะต้านทาน
ใบหูร้อนก็ร้อนผ่าว เคราะห์ดีที่ตอนนี้มืดสนิทไร้แสงสว่าง นางไม่เห็นท่าทางเสียกิริยาของเขา
แรกๆ เซวียเสี่ยวหรั่นก็แค่เกาะไหล่ แต่ยิ่งมืดเท่าไร เธอก็ยิ่งเข้ามาใกล้เหลียนเซวียน ท้ายที่สุด ก็กอดคอเขาไว้เสียเลย
เพราะใต้ดินมืดเกินไปจนทำให้เธอใจเสาะสั่นไปทั้งตัว ไหนเลยจะห่วงเื่ข้อพึงระวังของหญิงชาย
"อย่ากลัว ไม่ช้าก็จะออกไปได้แล้ว" เสียงกระซิบแ่เบาปัดผ่านข้างหู
"ท่านอย่าเปล่งเสียง เดี๋ยวค้างคาวออกมา" เซวียเสี่ยวหรั่นใขยับเข้ามาข้างหูเขาแล้วกระซิบเตือนเสียงเบาหวิว ความมืดมิดดุจสีน้ำหมึกเดิมทีก็น่ากลัวอยู่แล้ว หากมีค้างคาวมาอีกฝูง เธอคงอกแตกตายแน่
ยามลมหายใจอุ่นร้อยรดรินลงมาถูกตำแหน่งที่อ่อนไหว เหลียนเซวียนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหู แผ่นหลังเริ่มชา
การเคลื่อนไหวในน้ำจึงเริ่มติดขัด
เหลียนเซวียนหยุดพักครู่หนึ่งเพื่อผ่อนคลายอารมณ์รุ่มร้อน แล้วค่อยว่ายต่อไป
ทั้งสองลอยคอไปตามกระแสเชี่ยวกราก สายน้ำใต้ดินอันมืดมิดและเย็นเยียบคล้ายไม่มีจุดสิ้นสุด ไร้แสงสว่างยาวนาน
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็สุดรู้ได้ เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าิัของตนเองถูกแช่จนจะเปื่อยอยู่รอมร่อ
แต่สุดท้ายก็เห็นแสงสว่างสายหนึ่งอยู่ไกลออกไป
