บทที่ 200 แผดเผาแปดทิศ
ในขณะนี้ เมฆดำมืดบนท้องฟ้าสลายไป ผืนฟ้าสีครามกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
แต่ร่างเล็กยังคงยืนอยู่บนท้องฟ้า กระบี่หักที่อยู่ด้านหลังเขาก็ปล่อยแสงสีดำออกมา น่าตื่นตะลึง
“ฆ่าเขา!”
ฉู่เจียงออกคำสั่ง เงาสีเงินทั้งสิบบินขึ้นไปในอากาศ และยกหมัดขึ้นโจมตี นี่คือผู้แข็งแกร่งสิบคนในขั้นพื้นพิภพที่โจมตีร่วมกัน เงาหมัดของพวกเขาทรงพลังจนทำให้ทุกคนหวาดกลัว
“แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะประหลาด สามารถทะลุผ่านระดับเจ็ดได้ในทันที แต่ก็มาไกลได้เท่านี้แล้วล่ะ” หลายคนเหงื่อตกและแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นองครักษ์เทวัญลงมือ
ท้ายที่สุด ภาพลวงตาที่ฉู่อวิ๋นแสดงออกมานั้นน่ากลัวเกินไป ไม่เพียงแต่จะะเิศาลเ้าชุยเสวี่ยทั้งหมดเป็เสี่ยงๆ แต่ยังดูดุร้าย ดวงตาของเขามืดมน
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งบางคนก็ขมวดคิ้ว คิดหาวิธีจัดการกับฉู่อวิ๋น เพราะรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่เข้มข้น ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ
“ฟุ่บ—”
ในขณะนี้ เงาสีเงินทั้งสิบกลายเป็แสงและพุ่งเข้าหาฉู่อวิ๋น ดูเหมือนทุกคนจะได้เห็นฉู่อวิ๋นถูกตัดเป็ชิ้น ๆ
แต่ทันใดนั้น ทุกคนรวมถึงองครักษ์เทวัญก็ต้องตกตะลึง
“คน...คนล่ะ?!”
อยู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็หายวับไปกลางอากาศ
องครักษ์เทวัญทั้งสิบพูดไม่ออก ทำเพียงยืนเงียบๆ ในความว่างเปล่า นิ่งสงบ มองไปรอบๆ พยายามตามหาฉู่อวิ๋น
“ฟุ่บ---”
ทันใดนั้น ท้องนภาก็ถูกย้อมเป็สีแดงด้วยกระแสเื
“พลั่ก-”
ฉับพลัน ศพไร้ศีรษะก็ร่วงลงกับพื้น เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งผู้ชม ในตอนแรกทุกคนตกตะลึง จากนั้นก็ปิดปากและอุทานด้วยหวาดวิตก
นั่นคือร่างขององครักษ์เทวัญ
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ผู้แข็งแกร่งขั้นพื้นพิภพก็ถูกตัดศีรษะ และศีรษะที่ถูกตัดออกของเขาก็หายไป
“นี่คืออะไร?”
“องครักษ์เทวัญ... ตายง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลายคนรู้สึกหนาวสั่นและหวาดกลัวยามมองดูศพอย่างว่างเปล่า แต่ไม่มองจะดีกว่า เมื่อมองดูก็พบซากศพขององครักษ์เทวัญไหม้เกรียมจนเป็สีดำ ราวกับว่าถูกแผดเผา
“เป็ไปได้อย่างไร? นี่คือนักรบในระดับสี่ขั้นพื้นพิภพ!” ดวงตาของฉู่เจียงสั่นเทาด้วยความกลัว เขาถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว เหงื่อไหลไม่หยุด
“หือ?!” ในเวลาเดียวกัน องครักษ์เทวัญทั้งเก้าที่เหลือบนท้องฟ้าก็สังเกตเห็นความผิดปกติและมุ่งความสนใจไปที่นั่นทันที
“ชิ้ง ชิ้ง---”
ใบมีดน้ำพุเงินทั้งเก้าถูกดึงออกมา แสงสมบัติสั่นไหว ในฐานะนักรบะผู้มีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยครั้ง องครักษ์เทวัญได้กลิ่นอันตราย!
แต่ในเวลานี้
ด้วยเสียง “ควับ” แสงกระบี่ก็ส่องประกายในความว่างเปล่า ทอดยาวออกไปหลายร้อยหมี่ ราวกับัแดงกัดเหยื่อ เปลวไฟลุกโชน น่าหวาดกลัว คมกริบ ตัดผ่านท้องฟ้าผืนกว้าง
นี่คือปราณกระบี่ที่ประกอบขึ้นมาจากเปลวไฟ มันทรงอำนาจ และดูเหมือนว่าจะเผาผลาญทุกสิ่ง
“พุ่บ พุ่บ พุ่บ-”
ในชั่วพริบตา น้ำพุเืเก้าแห่งพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง กระฉูดขึ้นสูง ย้อมท้องฟ้ากลายเป็สีแดง กลิ่นคาวตลบอบอวลไปในอากาศ จากนั้นก็ระเหยไปทันที ปล่อยให้ทั้งลานตกอยู่ในความเงียบงัน
“ตุ่บ-ตุ่บ-ตุ่บ-”
ร่างศพไร้ลมหายใจร่วงหล่น ร่างกายของพวกเขากลายเป็สีดำไหม้เกรียม อยู่ๆ ก็ตกลงมาจากอากาศ ส่งเสียงดังทีละครั้ง เสียงตกแต่ละครั้งกระแทกเข้าไปในจิติญญาของผู้คน ราวกับเสียงล่าเหยื่อของนิรยบาล
องครักษ์เทวัญทั้งเก้าคน ถูกสังหารในเวลาเดียวกัน!
นักรบผู้ทรงพลังพวกนี้ที่รู้จักกันในชื่อนักรบะ ต่อหน้าปราณกระบี่ัแดง กลับไม่สามารถหยุดเขาได้แม้แต่วินาทีเดียว
และสีหน้าก่อนตายของพวกเขายังคงปรากฏให้เห็นอย่างคลุมเครือ พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตายตาไม่หลับ
“องค... องครักษ์เทวัญ พวกเขาทั้งหมดตายคาที่เลยหรือ?!” ฉู่เจียงซวนเซ ล้มลงกับพื้นอย่างกะทันหัน เกลียวคลื่นแห่งความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในหัวใจของเขา
ต้องรู้ว่า แม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของฉู่เจียงจะแข็งแกร่งกว่าขององครักษ์เทวัญ
แต่ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเท่านั้น องครักษ์เทวัญเหล่านี้ก็ถูกฆ่าตายเลยหรือ? นี่มันเหลือเชื่อชัดๆ!
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
“นี่ตกลงเกิดบ้าอะไรขึ้น!”
ทั้งบริเวณเงียบสงัด และจากนั้นก็ะเิความโกลาหลอย่างสมบูรณ์!
ทุกคนหายใจไม่ออก ราวกับตกอยู่ในอันตราย ปราณกระบี่ัแดงนี้ช่างน่ากลัว! สังหารองครักษ์เทวัญได้ในทันที นี่อาจเป็การส่งสัญญาณเตือนของชายหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า?
ด้วยคำถามดังกล่าว ทุกคนจึงมองไปรอบๆ บนท้องฟ้า แม้พวกเขาจะคิดว่าเป็ไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงตามหาฉู่อวิ๋นโดยสัญชาตญาณ
“ควับ!”
ทันใดนั้น ในความว่างเปล่า ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแรงกดดันที่ไม่มีใครเทียบได้ กระบี่หักที่อยู่ข้างหลังเขาก็เปล่งประกายด้วยพลังยุทธ์
ฉู่อวิ๋นกอดฉู่ซินเหยาแน่นด้วยมือข้างเดียว ปล่อยให้นางซบบนไหล่ของเขา จากนั้นค่อยๆ ร่อนลงมาจากอากาศ เหยียบลงบนซากปรักหักพังของศาลเ้าชุยเสวี่ย และจ้องมองไปข้างหน้า
“ซินเหยา…” เขากระซิบ พร้อมสูดดมกลิ่นหอมของผมของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา โศกเศร้าอย่างยิ่ง
แม้ว่าน้ำเสียงนี้จะฟังดูไม่เหมือนมนุษย์ มันเหมือนเสียงคำรามมากกว่า แต่ก็มีความอ่อนโยนอย่างยิ่ง และเต็มไปด้วยอารมณ์ของมนุษย์
“นี่…นี่คือฉู่อวิ๋น?”
“นี่คือเด็กหนุ่มคนนี้เหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็แบบนั้นแล้วล่ะ?!”
เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นปรากฏตัว ทั้งจัตุรัสก็ตกตะลึง ทุกคนค่อยๆ มองดูเขา แต่เมื่อมองใกล้ๆ ก็พบว่าเขามีบางอย่างผิดปกติ
มองเห็นฉู่อวิ๋นในยามนี้ ผมสีดำของเขายุ่งเหยิงราวกับปีศาจตัวใหญ่ที่เข้ามาครองโลก ดวงตามืดมน แต่ม่านตากลับเป็เส้นขีดแนวตั้งสีแดงเพลิง น่ากลัวและดุร้าย
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือมือขวาของเขาปกคลุมไปด้วยเส้นแปลกๆ สีดำ เหนือหมัดของเขามีแสงสีเปลวไฟล้อมรอบ เหมือนัแดงที่เต็มไปด้วยพลัง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนก็ใผวา หรือว่าปราณกระบี่ัแดงเมื่อครู่ คือแสงที่ไหลอยู่บนมือของฉู่อวิ๋น?
“เ้าหนู! เ้าจะเอาอย่างไร?!” เสวี่ยจิงหงสมแล้วที่เป็เ้าเมือง เขาดูสงบมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉู่อวิ๋นบนซากปรักหักพังของศาลเ้า เขาพูดอย่างเ็า
“ข้าจะเอา อย่างไร...?” ฉู่อวิ๋นพูดติดขัดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
โดยไม่พูดอะไรมาก เขาโบกมือขวาเบาๆ และด้วยเสียง “ฟุ่บ” ัแดงในมือของเขาก็เปล่งประกาย
ทันใดนั้น ที่ตรงนั้นก็เกิดเปลวเพลิงลุกโชน เหมือนกับท้องฟ้าที่กำลังลุกไหม้ มหาสมุทรที่กำลังเดือดพล่าน มีลูกไฟไหลพุ่งออกไป ใหญ่โตไร้ขอบเขต ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ ทุกคนต่างหวาดกลัวและรีบถอยหลัง
ด้วยเสียง “ฟุ่บ” ดวงตาของเสวี่ยจิงหงก็เบิกกว้างขึ้น ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ เขาก็ถูกตัดศีรษะทันที ร่างกายและศีรษะแยกออกจากกัน ก่อนจะถูกเผาจนกลายเป็เถ้าถ่าน
“ปีศาจ...ปีศาจ!!”
“ทุกคนรีบหนีเร็ว-!”
เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นสังหารเสวี่ยจิงหงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ผู้อ่อนแอจำนวนมากก็ตัวเย็นเฉียบและรีบหนีออกไปนอกจัตุรัสอย่างรวดเร็ว เสียงะโของพวกเขาสั่นะเืท้องฟ้า
ช่างเืเย็นจริงๆ เสวี่ยจิงหงเองก็เป็ถึงนักรบขั้นพื้นพิภพระดับกลาง แต่ต่อหน้าฉู่อวิ๋นแล้ว เขากลับไม่มีพลังตอบโต้เลย?
ด้วยการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว เสวี่ยจิงหงก็เสียชีวิต
ทันใดนั้น จัตุรัสของศาลเ้าก็ตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน ทุกคนะโและตะเกียกตะกายหลบหนี
“หนี?” ฉู่อวิ๋นแค่นเสียงอย่างเ็า แววตาของเขาดุร้าย เขายกมือขึ้นและโบกพลังปราณไฟสีแดงออกมาหลายอัน ทรงพลังและสะดวกสบาย ไม่จำเป็ต้องใช้กระบี่เลย
“ชึบ ชึบ ชึบ——”
ในความสับสนวุ่นวาย มีอีกหลายคนที่ล้มลงและถูกเผาจนกลายเป็เถ้าถ่าน เหล่านี้คือนักรบที่เคย้าโจมตีฉู่อวิ๋นมาก่อน
“ไสหัวไป——!”
“หลีกทางให้คุณชายเช่นข้าซะ! ไอ้พวกสารเลวทั้งหลาย! ไปลงนรกเถอะ!”
ณ จุดใดจุดหนึ่งในจัตุรัส เสวี่ยหานเฟยกำลังเดินกะโผลกกะเผลกลากขาพิการของตนไปด้วย เขาดูตื่นตระหนก พยายามวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แต่เหตุการณ์นั้นวุ่นวายมาก เสวี่ยหานเฟยแอบปะปนเข้าไปในพื้นที่ของนักพรตหญิงกลุ่มหนึ่ง เขาไม่ลังเลเลยที่จะใช้ฝ่ามือน้ำแข็งตีคนอื่นเพื่อเปิดทางให้ตัวเอง ทำให้ผู้หญิงที่อ่อนแอบางคนได้รับาเ็
“ควับ!”
ทันใดนั้น มีร่างหนึ่งร่อนลงมาจากท้องฟ้า ลงมาอยู่ตรงหน้าเสวี่ยหานเฟย ทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัว หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
นั่นคือฉู่อวิ๋น
“ฉู่...สหายฉู่ พวกเราไม่ใช่ศัตรูกัน ซินเหยาเป็ของท่าน ปล่อยข้าไปเถอะ ตกลงหรือไม่?”
“อย่าเข้ามา… อย่าเข้ามา!”
“ไม่ใช่ข้าที่ตีซินเหยานะ! อีกอย่างั้แ่ต้นจนจบ ข้าปฏิบัติต่อนางด้วยความสุภาพมาโดยตลอด ไม่เคยเข้าใกล้นางแม้แต่ครึ่งก้าว!”
“ไม่ ไม่!”
“ฟุ่บ---”
ด้วยพลังกระบี่ที่วาบวับ เปลวไฟก็ระเหยไป เมื่อเผชิญหน้ากับคุณชายชุยเสวี่ย ฉู่อวิ๋นเผาอีกฝ่ายจนกลายเป็เถ้าถ่านสีดำทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“อ๊า—!”
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนรอบๆ ต่างก็หวาดผวา นักพรตหญิงบางคนถึงกับรู้สึกว่าขาของพวกนางอ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น พวกนางจ้องมองที่ฉู่อวิ๋น ตัวสั่นด้วยกลัวว่าจะถูกเขาฆ่า
แต่ฉู่อวิ๋นไม่สนใจพวกนาง มองหาเป้าหมายต่อไป
ไม่มีใครรู้ แม้ว่าตอนนี้ฉู่อวิ๋นจะมีพลังมหาศาล มากอำนาจและทรงพลัง และดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง ฟันเฉือนความว่างเปล่าแบบเอาแต่ใจด้วยปราณกระบี่ัแดง
แต่ในความเป็จริง เขายังมีความเป็มนุษย์หลงเหลืออยู่บ้าง ยังไม่กลายเป็ฆาตกรฆ่าคนไปเสียหมด
คนที่เขาฆ่า ล้วนเป็คนที่สมควรถูกฆ่า
ครู่ต่อมา ในจัตุรัสที่มีเสียงดังและวุ่นวาย ฉู่อวิ๋นก็พบเป้าหมายอื่น
นั่นคือคนที่เขาอยากฆ่ามากที่สุด!
“ควับ!”
ฉู่อวิ๋นทะยานขึ้นไปในอากาศ เอื้อมมือออกไปจับชายคนนั้นมาจากคลื่นมนุษย์ หยิบเขาขึ้นมาแล้วโยนไปยังซากปรักหักพังของศาลเ้าที่อยู่ไกลออกไป ด้วยเสียง “ปัง ปัง” เพียงไม่กี่ครั้ง เขาคนนั้นก็ล้มลงบนพื้น ใบหน้าปกคลุมไปด้วยสีเทา อยู่ในสภาพน่าสังเวช
“แค่ก”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็ร่อนลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดัน ปราณกระบี่ัแดงในมือยังคงอยู่ เขาเผชิญหน้ากับบุคคลนี้ด้วยสีหน้าสงบ
“แค่ก…” ฉู่เจิ้นหนานกระอักเืออกมาสองสามคำแล้วรีบลุกขึ้น แต่ก็ไม่ได้พยายามขัดขืน
ต้องรู้ว่า ฉู่อวิ๋นในตอนนี้ สามารถสังหารองครักษ์เทวัญและเสวี่ยจิงหงได้ทันทีด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว จิ้งจอกเฒ่าเป็เพียงนักรบระดับแรกขั้นมหาสมุทร ต้านทานไม่ได้แน่นอน
“คนทรยศ ข้ารู้ว่าเ้าอยากฆ่าข้า แต่เ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้!” ดวงตาของฉู่เจิ้นหนานเป็ประกาย เหงื่อเย็นไหลอาบหน้าผาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “เ้าอยากรู้ที่อยู่ของพ่อเ้า ฉู่ซานเหอหรือไม่?”
“เขายังไม่ตาย ข้าเป็คนเดียวที่รู้เื่นี้”
“ถ้าเ้าไม่ฆ่าข้า ข้าจะบอกที่อยู่ของเขาให้เ้ารู้!”
ยามนี้ แม้ว่าจิ้งจอกเฒ่าจะตัวสั่นและหวาดกลัว แต่เขาก็ยังคงใช้สติปัญญาอย่างฉับไว พูดเื่ไร้สาระด้วยท่าทางจริงจัง พยายามจับจุดอ่อนของฉู่อวิ๋น
ฉู่เจิ้นหนานรู้ดีว่าฉู่อวิ๋นให้ความสำคัญกับญาติของตนมากที่สุด และตอนนี้ เขาต้องเอาชนะอีกฝ่ายด้วยไม้นี้
แต่ฉู่อวิ๋นยังคงไม่ไหวติง
“ชึบ--”
ทันทีที่เขายกมือขึ้นโบก ปราณกระบี่สีแดงก็พุ่งออกมาตัดความว่างเปล่า
แขนข้างหนึ่งของฉู่เจิ้นหนานถูกตัดออกทันที เืกระเซ็นกระซ่าน ความเ็ปทำให้เขาแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวและะโ “เจ็บมาก... อ๊าก! เ้า... เ้าคนอกตัญญู! เ้าไม่อยากตามหาพ่อหรือ?”
“ลงนรกไปถามพี่ชายที่ดี ฉู่เจิ้นหยวน ของเ้าดู!”
ฉู่อวิ๋นพูดดุอย่างเ็า ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็กะพริบตา เดินไปถอดวงแหวนอวกาศบนแขนที่หักของฉู่เจิ้นหนาน และพูดด้วยความโกรธ “ของขวัญที่เ้าใช้ซินเหยาล่อมันมา ข้า้าให้เ้าคายมันออกมาทั้งหมด!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของฉู่เจิ้นหนานก็เปลี่ยนเป็สีม่วงด้วยความโกรธ เขากัดฟัน
เพราะถึงแม้วัตถุิญญาทั้งหมดที่อยู่ในวงแหวนอวกาศนี้จะไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุด แต่นั่นก็ยังทำให้จิ้งจอกเฒ่าเ็ปอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น เมื่อมองไปที่ฉู่เจิ้นหนานที่สูญเสียแขนไป ท่าทีของฉู่อวิ๋นก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเขาเปล่งแสงดุเดือด
“ถ้าไม่ใช่เพราะสุนัขแก่เช่นเ้าเข้ามาขวางทาง ซินเหยาคงไม่ถูกบังคับให้แต่งงาน นางคงไม่ได้รับาเ็เช่นตอนนี้ เ้าคนสารเลว!” เขาใช้มือซ้ายกอดฉู่ซินเหยาแน่น และะโเสียงดังด้วยความขุ่นเคืองอย่างหาที่เปรียบมิได้
เสียงแหบห้าว โหยหวน เกือบคล้ายเสียงคำราม ดูเหมือนจะปลดปล่อยความคับข้องใจทั้งหมดที่ฉู่อวิ๋นต้องทนทุกข์ทรมานระหว่างทาง
“ซินเหยา... ท่านเห็นหรือไม่? ท่านได้ยินหรือเปล่า?” ทันใดนั้น น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นก็อ่อนลงอีกครั้ง เขากระซิบข้างหูของเ้าหญิงนิทรา “ในที่สุดอวิ๋นเอ๋อร์ก็ฆ่าศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเราทั้งคู่ได้แล้วนะ”
พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็จรดจูบฉู่ซินเหยาที่หน้าผาก จากนั้นหันหลังกลับ ปล่อยให้ฉู่เจิ้นหนานตกตะลึง
“คนบ้า” จิ้งจอกเฒ่าหัวเราะเยาะ คิดว่าฉู่อวิ๋นเป็บ้า จึงถือโอกาสหันหลังกลับและจากไปด้วยความดีใจ
แต่ในยามนี้เอง ฉู่อวิ๋นก็ยกมือขวาขึ้น
รังสีของปราณกระบี่ัแดงกระจายไปทั่วความว่างเปล่า แสงกระบี่ก็กะพริบวาบวับ ทำให้ฉู่เจิ้นหนานที่เดิมทีเต็มไปด้วยความหวังต้องหยุดนิ่งทันที
“ชึบ ชึบ ชึบ——”
ในชั่วพริบตา ผู้นำตระกูลฉู่เชื้อสายไป๋หยางก็ถูกตัดเป็ชิ้นๆ ด้วยกระบี่หลายพันเล่ม เืเนื้อของเขากระจัดกระจายอยู่บนพื้น เสียชีวิตอย่างอนาถและเ็ป
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ศพ ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจยาว รู้สึกโล่งใจที่บัญชีแค้นอันยิ่งใหญ่นี้ได้รับการชำระแล้ว
“พลังของแผดเผาแปดทิศ แข็งแกร่งมาก”
ฉับพลัน ฉู่อวิ๋นลดดวงตาสีเข้มลง มองไปที่ปราณกระบี่ัแดงที่ลอยอยู่ในมือขวาของตน
