หลิวหรงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่บุตรสาวเสมอมาหากพูดตามความจริง บ่าวรับใช้ที่จะไปอยู่ในเรือนต้วนอวี้หรานจะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด
แล้วต้าชุ่ยล่ะ? นางรับใช้ต้วนชิงิมาหลายปี นิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นรับไม่ไหวก็แค่คดในข้องอในกระดูกบ่าวรับใช้แบบนี้หลิวหรงจะปล่อยให้ไปรับใช้ต้วนอวี้หรานได้อย่างไร? นางอาจจะไปสร้างเื่ให้ต้วนอวี้หรานก็เป็ได้
เื่ใดที่ไม่เป็ผลดีต่อบุตรีหลิวหรงจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาดดังนั้นสิ่งที่ต้าชุ่ยคิดล้วนเป็การเพ้อเจ้อไปเองทั้งนั้นจะให้ต้าชุ่ยไปรับใช้หลิวหรงยิ่งเป็ไปไม่ได้เลย
ข้อแรกหลิวหรงไม่ชอบต้วนชิงิเป็ทุนเดิม นางย่อมไม่มีทางเอาบ่าวรับใช้ที่ต้วนชิงิไม่เอาข้อสอง นางมีสิทธิ์เลือกบ่าวรับใช้ได้เองทำไมจะต้องเอาบ่าวรับใช้ที่ทรยศเ้านายด้วยเล่า
อีกทั้งหลิวหรงใช้เงินในการซื้อข่าวจากต้าชุ่ยนางไม่เคยพูดว่าต้าชุ่ยเป็คนของตนเอง ดังนั้นการวางแผนอย่างดีของต้าชุ่ยช่างเปล่าประโยชน์
ต้าชุ่ยวิ่งไปเคาะที่หน้าประตูของแม่นมหวางเมื่อนางเห็นต้าชุ่ยสีหน้าก็เปลี่ยนเป็ค่อยจะสู้ดี “เ้ามาได้ยังไง?”
เมื่อต้าชุ่ยเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของแม่นมหวางจึงรีบพูดอย่างรีบร้อย “แม่นม บ่าวมีเื่จะรายงานฮูหยิน...”
แม่นมหวางหน้าซีดเล็กน้อยนางไม่ลืมที่จะพูดเสริมออกมาประโยคว่า “ต่อไปเ้ามีเื่อะไรให้ไปบอกแม่นมเถียนพอไม่ต้องวิ่งมาถึงที่นี่ จะได้ไม่มีใครสงสัย”
แม้ฟังแล้วจะเสียความรู้สึกไม่น้อยแต่นางก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรได้แต่ผงกหัวตอบรับอย่างรวดเร็ว
แม่นมหวางไม่อยากจะสนทนากับบ่าวที่ทรยศหักหลังเ้านายพูดให้เข้าใจก็คือแม้จะเกิดเป็บ่าวรับใช้แต่นางก็ไม่ได้ชอบบ่าวรับใช้ที่เห็นแก่เงินยิ่งไปกว่านั้นความคิดของต้าชุ่ยชัดเจนมากทว่าอยากให้ฮูหยินรับนางไว้แต่ว่าคงเป็ไปไม่ได้! ฮูหยินไม่โยนนางออกไปนอกจวนก็ถือว่าเมตตาใหญ่หลวงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะต้าชุ่ยนำข่าวมาบอก แม่นมหวางไม่คิดจะมองนางแม้แต่หางตา
ทุกครั้งเมื่อต้าชุ่ยได้ยินบทสนทนาของต้วนชิงิและเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์นางมักจะย่องออกมาเสมอ
แม่นมหวางอดยิ้มเสียดสีเมื่อมองไปที่หน้าของต้าชุ่ยไม่ได้บ่าวรับใช้แบบนี้ดูอย่างไรก็เหมือนขาดการอบรม
ระหว่างเดินกลับในใจกลับเย็นชืดไปหมดตอนแรกที่นางเลือกอยู่ฝั่งหลิวหรง อีกฝ่ายตอบรับอย่างดิบดีแต่ตอนนี้พอนางหมดประโยชน์แล้วก็อยากจะทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างนั้นหรือ?
นางรีบกลับไปที่ห้องหยิบเงินสองร้อยตำลึงให้ซานซูที่เฝ้าประตูให้เขาหาวิธีนำเงินนี้ไปให้พี่ชายของนางบอกว่ามีเื่ให้ช่วย ให้เขามาหาหน่อยต้าชุ่ยรู้ว่าต้วนชิงิเริ่มรู้ตัวแล้ว ฉะนั้นคงจะไม่ปล่อยนางไว้แน่นางต้องวางแผนหาทางออกให้ตัวเอง
เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยต้าชุ่ยจึงดึงสติกลับมา ดูท่าในจวนต้วนแห่งนี้จะอยู่ต่อไม่ได้แล้วคงต้องพึ่งพาพี่ชายแล้ว แต่ว่าพี่ชายของนางเป็คนที่เห็นแก่เงิน เขาจะช่วยนางจริงๆหรือ?
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำแล้ว
ในขณะที่ต้าชุ่ยเตรียมวางแผนหาทางออกไปจากจวนทางด้านต้วนชิงิได้พาเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ไปถึงจวนด้านหลังแล้ว
เดินผ่านสวนดอกไม้หลังจวนก็จะถึงเรือนทางตะวันตกแสงอาทิตย์สาดส่องเผยให้เห็นเรือนผุพัง
ที่นี่เป็ที่อยู่ของอี๋เหนียงจวนต้วนสมัยก่อนที่ต้วนเจิ้งมาที่นี่นับว่ามีสีสันอย่างมากแต่ตอนนี้กลับดูออกว่าไม่มีใครมาที่นี่หลายปีแล้ว
ต้วนชิงิส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ นางที่เป็คุณหนูคนโตของภรรยาเอก ชีวิตยังลำบากขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอี๋เหนียงเหล่านี้ที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ฐานะและตำแหน่งในจวนต้วนเลย
ต้วนชิงิทำได้เพียงถอนหายใจเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์จำทางได้ต้วนชิงิจึงก้าวตามการก้าวของเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์จนไปถึงกลางเรือน
ภายในเรือนเงียบเชียบราวกับไม่มีใครอยู่ต้วนชิงิรออยู่หน้าประตู ส่วนเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์เดินเข้าไปครู่เดียวก็พบอี๋เหนียงและสาวใช้ที่สวมชุดซอมซ่อนางจึงรีบเชิญออกมา เมื่อทั้งสองออกมาพบต้วนชิงิจึงพากันใจากนั้นคุกเข่าลงไปที่พื้น
“ปี้เซี่ย[1]คารวะคุณหนูใหญ่!”
“บ่าวคารวะคุณหนูใหญ่”
ต้วนชิงิยกมือขึ้นเล็กน้อย
“จางอี๋เหนียงสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
ต้วนชิงิมองอย่างละเอียดก็ดูออกไม่ยากว่าจางอี๋เหนียงใช้ชีวิตที่ผ่านมาอย่างยากลำบากสตรีที่อยู่ตรงหน้าอายุราวยี่สิบกว่าปี ใบหน้างดงามทว่าซีดขาวิัไม่เต่งตึงสมวัย ้าสวมเสื้อแขนสั้นสีชมพูนางเห็นด้ายเ่าั้ที่โผล่ออกมาจากเสื้อ ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าใส่มานานกี่ปีแล้วเมื่อมองบ่าวรับใช้ที่ชื่อชิวเอ๋อร์ ใบหน้าซีดขาวไม่ต่างกันสวมชุดข้ารับใช้ที่เก่ามาก
นางพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นชาติที่แล้วนางก็เคยมีชีวิตที่ลำบากไม่ต่างกัน
จางอี๋เหนียงดูแล้วเหมือนจะป่วยจริงสีหน้าซีดขาวไม่มีชีวิตชีวา เวลาเดินก็ส่ายไปส่ายมานางฝืนออกมาทำความเคารพครั้งนี้ดูเหมือนจะใช้พลังที่มีอยู่จนหมด
ชิวเอ๋อร์อยากจะเข้าไปประคองจางอี๋เหนียงแต่ต้วนชิงิยื่นมือไปก่อน
“เซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ เ้าช่วยชิวเอ๋อร์ประคองอี๋เหนียงหน่อยข้ามาถึงหน้าประตูแล้ว ท่านไม่คิดจะเชิญเข้าไปคุยด้านในหรือ?”
จางอี๋เหนียงได้ยินก็คุกเข่าลงไปอีกครั้งพูดเสียงต่ำว่า “ปี้เซี่ยมิกล้า เชิญคุณหนูใหญ่...”
ต้วนชิงิเข้าไปในห้องจางอี๋เหนียงจึงค่อยประคองตัวขึ้นจากการช่วยของชิวเอ๋อร์และเซี่ยฉ่าวเอ๋อร์ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องช้าๆ ภายในห้องจัดอย่างเรียบง่ายมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้อย่างละตัวกับที่นอนเล็กอีกหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็ที่นอนของชิวเอ๋อร์
เมื่อเห็นสายตาของต้วนชิงิจางอี๋เหนียงจึงรีบร้อนอธิบาย
“เรือนของปี้เซี่ยเหลือเพียงชิวเอ๋อร์ อีกทั้งปี้เซี่ยป่วยหลายโรคดังนั้นบ่าวรับใช้จึงอยู่ในนี้เพื่อสะดวกในการรับใช้”
ต้วนชิงินั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าชิวเอ๋อร์ เมื่อเห็นจางอี๋เหนียงจะแสดงความเคารพนางจึงโบกมือพูดไปทางจางอี๋เหนียงนิ่งๆ
“อี๋เหนียงตามสบาย! นั่งลงเถอะ!”
ชิวเอ๋อร์จึงประคองจางอี๋เหนียงลุกขึ้นมานั่งแต่นางกลับก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองต้วนชิงิ!
ต้วนชิงิเอ่ยเสียงต่ำสายตาจับจ้องไปยังสตรีเบื้องหน้า
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ท่านแม่ข้าเป็คนเลือกอี๋เหนียงให้ท่านพ่อไม่ทราบว่าเป็เช่นนั้นหรือไม่?”
พอพูดถึงฮูหยินติงโหรวก็เหมือนสะกิดเื่ในใจของจางอี๋เหนียงนางยังไม่ทันได้พูด หยดน้ำพลันไหลทะลักออกมาจากดวงตา
“ปี้เซี่ยเดิมทีเป็บ่าวรับใช้เข้ามาพร้อมกับฮูหยินต่อมาฮูหยินจึงเลือกให้รับใช้นายท่าน...” คำพูดต่อไปยังไม่ทันได้พูดก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา
“ฮูหยินจิตใจมีเมตตา ดูแลปี้เซี่ยอย่างดี... แต่ว่า...”
แต่ว่า...หลังจากที่ฮูหยินจากไป สถานการณ์ของพวกนางนับวันก็ยิ่งแย่!
ต้วนชิงิมองไปยังจางอี๋เหนียงพูดนิ่งๆ
“ท่านแม่ข้าเลือกอี๋เหนียงให้ท่านพ่อ แต่ท่านยังเป็คนของท่านแม่!” หากจางอี๋เหนียงไม่ใช่คนของฮูหยินติงโหรว คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้
จางอี๋เหนียงเงยหน้าทั้งที่น้ำตายังคลอมองไปยังต้วนชิงิอย่างตกตะลึงแววตาสงบนิ่งและเ็าจากคนตรงหน้าทำให้นางยากจะอธิบายพลันรีบก้มหน้าลงอย่างเร็วและไม่กล้าพูดอะไรอีก!
การเปลี่ยนแปลงใน่นี้ของคุณหนูใหญ่ทุกคนต่างทราบดีเวลานี้คำพูดของจางอี๋เหนียงเหมือน้าสื่อเป็นัยบางอย่าง
ั้แ่ที่ฮูหยินจากไปหลิวหรงกลายมาเป็ดูแลจัดการจวนต้วน ไม่ต้องพูดถึงคนของฮูหยินติงโหรวไม่มีใครพบจุดจบที่ดีสักคน แม้กระทั่งเหล่าอี๋เหนียงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
หากไม่เสียสติก็ต้องตายมีเพียงนางที่แสร้งเสียสติจึงมีชีวิตรอดมาจนถึงวันนี้ !
…...
[1]ปี้เซี่ย คือ คำเรียกตัวเองของอี๋เหนียง (อนุภรรยา)