“ไปเถิด” มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่คิดจะสนใจหลงเซี่ยวอวี่ด้านหลังอีก นางเพิ่งก้าวข้ามธรณีประตูเตรียมจะออกไป
ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่า ความเ็ปบนไหล่ตนดูเหมือนจะจางหายไปแล้ว
เหตุใดจึงไม่เจ็บแล้ว?
นางจึงยกฝ่ามือขึ้นไปแนบบนไหล่ซ้าย บีบอย่างไม่แน่ใจ ไม่เจ็บเลยสักนิดจริงๆ ด้วย
แววตามู่จื่อหลิงปรากฏความงงงวย จากนั้นก็เปลี่ยนเป็แววแห่งความสงสัย
แม้นางจะเหนื่อยมากจนเผลอหลับไป แต่ในจิตใต้สำนึกก็มีฝ่ามือใหญ่อุ่นร้อนคู่หนึ่งวางอยู่ที่ไหล่นางทั้งสองข้าง
จากนั้น ในหัวไหล่ก็เหมือนจะมีสิ่งใดสักอย่างสองสิ่งปะทะกัน ทว่ากลับไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับมีความรู้สึกอุ่นร้อนอันอุ่นสบาย
สุดท้ายนางก็ตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง มองเห็นมือของหลงเซี่ยวอวี่อยู่บนไหล่ของนาง
มู่จื่อหลิงยืนครุ่นคิดอยู่กับที่ เมื่อครู่หลงเซี่ยวอวี่ช่วยนางรักษาอาการาเ็จากฝ่ามือซื่อเสวียนบนไหล่กระมัง
ฝ่ามือซื่อเสวียน? คนชุดดำที่ฮองเฮาส่งมาเ่าั้เป็ผู้ใดกันแน่?
ดูเช่นนี้แล้ว ฝ่ามือซื่อเสวียนนี้มีแค่ผู้ฝึกวรยุทธ์เท่านั้นที่สลายได้จริงๆ
เดิมทีมือของหลงเซี่ยวอวี่วางอยู่บนหัวไหล่นางเพื่อรักษาอาการเ็ป จากนั้นก็เป็นางที่จับมือของหลงเซี่ยวอวี่ไปไว้ที่หน้าอกอย่างไร้ยางอายจริงๆ
แต่พละกำลังที่น่าใของหมอนี่นางก็เคยประสบมาก่อน หากเขาไม่ยินยอม ผู้ใดจะทำอันใดเขาได้
หากเขาไม่ยินยอมก็คงดิ้นหลุดไปนานแล้ว เหตุใดจึงโดนตนดึงมาอย่างง่ายดาย แล้วยังรอให้นางตื่นมาอย่างเชื่องช้าอีก
เ้าคนน่ารังเกียจ อยากกินเต้าหู้นางชัดๆ ยังกลับมาพูดว่านางเป็คนลามกอีก คิดจะทวงหนี้ แม้แต่ประตูก็ไม่มี นางไม่มีทางยอมอีกแล้ว
แต่ทุกครั้งที่ถูกหลงเซี่ยวอวี่ััแต๊ะอั๋ง นางโกรธเคืองไม่หยุดหย่อนแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ในใจก็มิได้ผลักไสแต่อย่างใด แถมยังแอบรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาด้วย
ความรู้สึกนี้เหมือนกับ...ชอบ
หรือว่านางชอบหลงเซี่ยวอวี่เข้าแล้ว?
เป็ไปไม่ได้ นางจะไปชอบเ้าคนที่ชั่วช้าถึงกระดูกผู้นั้นได้อย่างไรกัน นางไม่ได้ชอบ
“หวางเฟย?” เล่อเทียนเห็นมู่จื่อหลิงพูดว่า้าไป แต่ยังยืนตกตะลึงอยู่กับที่ไม่ขยับ จึงยกมือโบกไปมาตรงหน้านาง
“ไปกันเถิด” มู่จื่อหลิงที่ได้สติกลับมาเหมือนว่าจะนึกอันใดออก จึงหันกายกลับไป มองหลงเซี่ยวอวี่อย่างจริงจัง พูดแ่เบา “ท่านอ๋อง ขอบพระทัยเพคะ”
ถ้าวันนี้หลงเซี่ยวอวี่ไม่มา ถ้าเขาไม่สังเกตเห็น มือของนางอาจจะขาดไปจริงๆ
แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลงเซี่ยวอวี่ถึงดีกับนางเพียงนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็เหตุผลหรือความรู้สึกก็ต้องพูดขอบคุณ ไม่เพียงแค่ครั้งนี้ แต่ยังมีเื่ที่ให้เล่อเทียนมาช่วยเหลือ ยังมีเื่ของหลงเซี่ยวหนาน...
เดิมมู่จื่อหลิงคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะตอบกลับด้วยความเงียบงัน ไม่สนใจนาง จึงเตรียมจะหันศีรษะกลับไป
ใครจะรู้ว่า หลงเซี่ยวอวี่จะเดินมาหานางอย่างไม่รู้ว่าถูกผีตนใดเข้าสิง สีหน้าเจือแววไม่ยินดี กล่าวเตือนด้วยความเ็าและเด็ดขาด “จำไว้ว่าเปิ่นหวางไม่ชอบคำนี้”
มู่จื่อหลิงอดจะถามพึมพำไม่ได้ “เพราะเหตุใดเพคะ?”
ไม่รู้ทำไม แต่จู่ๆ ในใจนางก็อยากรู้คำตอบยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม
หลงเซี่ยวอวี่ก็โน้มเข้ามาข้างหูมู่จื่อหลิง ใช้เสียงที่ได้ยินเพียงแค่สองคน พูดออกมาทีละคำ “เพราะว่า เปิ่นหวางไม่ชอบถูกฉีหวางเฟย...เอาเปรียบ แล้วยังต้องถูกนางอวดฉลาดใส่”
น้ำเสียงทุ้มต่ำและทรงเสน่ห์นี้แฝงความหมายไว้อย่างลึกซึ้ง
...ถูกนางเอาเปรียบ?
ให้ตายเถอะ!
เส้นสีดำปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากมู่จื่อหลิงสามเส้นโดยพลัน โทสะที่เดิมทีจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย จู่ๆ ก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เ้าคนน่าชิงชัง ใครกันแน่ที่ถูกเอาเปรียบ
เอาเถอะ ถือว่าเมื่อครู่นี้นางไม่ได้ขอบคุณแล้วกัน และถือว่านางไม่ได้ถามอะไร ถือว่านางผายลมไปทั้งหมด
คนสารเลวผู้นี้ทุกครั้งเป็ต้องหาเหตุผลมาเอาเปรียบนางอย่างชอบธรรม แล้วยังหาเหตุผลที่ตัวเขาเสียเปรียบมาอย่างขอไปที หากนางปัญญานิ่มคงเชื่อไปแล้ว
ช่างน่าโมโหนัก!
หึ! สู้ไม่ได้ นางหลบหลีกก็ได้ ต่อไปเมื่อเห็นเ้าหมอนี่นางต้องอ้อมไปอีกทาง อ้อมไปให้ไกล
แต่ ฉีหวางเฟยจะหลบได้จริงหรือ? จะเดินอ้อมได้จริงหรือ?
“เหอะ” มู่จื่อหลิงถลึงตาใส่หลงเซี่ยวอวี่อย่างมีโทสะ แค่นเสียงหนักๆ ไปตามจิตใต้สำนึก เชิดคางเล็กแหลมขึ้นอย่างทระนงตัว สะบัดหน้าจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
หลงเซี่ยวอวี่ตกตะลึงไปชั่วพริบตา หญิงผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่านี่เป็ครั้งแรกที่ฉีอ๋องผู้สง่างามสูงศักดิ์เหลือจะเปรียบถูกผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร้มารยาท
หลงเซี่ยวอวี่ไม่คิดว่ามู่จื่อหลิงจะอาจหาญเพียงนี้ ยามนี้สตรีผู้นี้ถึงกับกล้ากำแหงต่อหน้าเขาแล้ว
ทว่า เขาก็ตอบสนองในทันที ั์ตาลุ่มลึกราวกับเจือไปด้วยรอยยิ้มที่จนปัญญา
ทำอย่างไรเล่า?
สตรีโง่งมเริ่มเฉลียวฉลาดขึ้นมาแล้ว สำหรับเขาไม่รู้ว่าเป็เื่ดีหรือเื่ร้ายกันแน่?
เล่อเทียนที่ยืนอึ้งตะลึงท่ามกลางสายลมก็สับสนขึ้นมาโดยพลัน
ไม่ได้พบเพียงครู่เดียวเหตุใดความกล้าฉีหวางเฟยจึงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
ถึง...ถึงกับกล้าผยองถึงเพียงนี้ กล้าใช้ท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าฉีอ๋องแล้วสะบัดหน้าหนีไป แม้แต่คำกล่าวลาก็ไม่ทำดีๆ
น่าจะต้องเป็ครั้งแรกในประวัติศาสตร์แน่ที่มีคนกล้าหาญทำตัวหยิ่งผยองเช่นนี้ต่อหน้าหลงเซี่ยวอวี่
ยอด ยอดเยี่ยมนัก สุดยอดเกินไปแล้ว!
นี่ต้องเป็ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีคนกล้าหาญเป็ที่สุด ไม่มีใครเทียบได้
จุดสำคัญที่สุดคือหลงเซี่ยวอวี่ไม่โกรธ ไม่มีการตอบสนองใด ปล่อยให้นางจองหอง
นี่มันไม่สอดคล้องกับปกติวิสัยเสียหน่อย!
ราวกับว่าทุกการกระทำของมู่จื่อหลิงนั้นเป็ไปตามปกตินัก
แต่ว่ามาสวนจิ้งซินรอบนี้มิได้มาโดยเปล่าๆ ไม่เพียงได้ของดี แต่ยังได้เปิดหูเปิดตาอีกด้วย
มู่จื่อหลิงเดินฮึดฮัดมาได้ครึ่งทาง ถึงนึกได้ว่าเมื่อครู่นางเืขึ้นหน้าจนทำสิ่งใดต่อหน้าหลงเซี่ยวอวี่ไปบ้าง
นางมิได้ทำความเคารพเอ่ยลาต่อหน้าฉีอ๋องผู้สูงศักดิ์ก็ช่างมันเถิด ยังกล้าหาญชาญชัยสะบัดแขนเสื้อจากมา
หลงเซี่ยวอวี่คงไม่โมโหกระมัง?
หากฉีอ๋องไม่พอใจขึ้นมา ผลที่ตามมาคงหนักหนานัก
มู่จื่อหลิงเลื่อมใสตนเองขึ้นมาโดยพลัน แม้นางไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน แต่ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวหลงเซี่ยวอวี่ที่โมโหยิ่งนัก
ต้องกลับไปทำใหม่อีกรอบหรือไม่?
แต่ว่า
ชิ! นางทำลงไปแล้ว ไหนเลยจะมีหลักการหันหลังกลับ อีกอย่างโทสะในใจนางก็ยังไม่จางหายไปเสียหน่อย จะสนใจว่าหลงเซี่ยวอวี่โกรธหรือไม่ไปทำไมกัน
มู่จื่อหลิงเห็นเล่อเทียนยังไม่มา จึงเอ่ยเร่งรัดเสียงดัง “เล่อเทียน เ้าเร็วหน่อย”
เล่อเทียนได้สติกลับมาทันที มองไปที่หลงเซี่ยวอวี่เตรียมจะถามอะไรบางอย่าง
“จัดการเื่ของมู่ฟูเหรินให้เรียบร้อย แล้วรีบกลับไป” หลงเซี่ยวอวี่เปลี่ยนเป็สีหน้าเ็าทันที ชำเลืองมองเล่อเทียนอย่างเฉยชา ทิ้งท้ายเย็นเยียบ เงาร่างจึงหายไปในห้อง
เล่อเทียนลูบจมูกอย่างหมดคำพูด นี่สิจึงปกติ นี่ถึงจะเป็หลงเซี่ยวอวี่ที่เขารู้จัก
-
พวกเขามาถึงห้องของหลี่เอิน มู่เจิ้นกั๋วก็รออยู่ข้างในแล้ว
“หลิงเอ๋อร์ ่นี้เ้าเกิดเื่ใดใช่หรือไม่ เหตุใดต้องปิดบังพ่อด้วย?” มู่เจิ้นกั๋วเห็นมู่จื่อหลิงเข้ามาก็ถามอย่างมั่นใจ สีหน้าเจือแววตำหนิ
มู่เจิ้นกั๋วคิดว่า แม้มู่จื่อหลิงจะเป็หวางเฟยที่แต่งออกไปแล้ว แต่สำหรับเขามู่จื่อหลิงก็ยังคงอ่อนต่อโลก
จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนของศาลต้าหลี่โดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไร และยังถูกฝ่ามือซื่อเสวียนของสำนักชางฉยงอีก
สองเื่นี้ล้วนไม่ธรรมดา บางทีอาจจะมีอะไรที่เชื่อมโยงกัน
ยามที่มู่เจิ้นกั๋วไปที่ศาลต้าหลี่ ก็พอได้ยินคนของศาลต้าหลี่พูดคุยเื่มู่จื่อหลิงและคางคกม่วง
เขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ท่ามกลางลมและฝนในราชสำนักมาหลายปี ลางสังหรณ์บอกเขาว่า หลิงเอ๋อร์จะต้องมีเื่ปิดบังเขา
มู่จื่อหลิงพูดไม่ออกอย่างเงียบเชียบ ขิงแก่ก็ยังเผ็ดกว่าจริงๆ ด้วย
จะพูดอย่างไรมู่เจิ้นกั๋วก็เป็แม่ทัพใหญ่ แม้จะเป็เพียงผู้ที่ปลดเกษียณออกมาแล้ว แต่ความน่าเกรงขามของแม่ทัพก็ยังมีอยู่ ยังฉลาดอีกด้วย
พวกเขารู้ว่ามู่จื่อหลิงถูกฝ่ามือซื่อเสวียน ย่อมต้องรู้ว่าฝ่ามือซื่อเสวียนมาจากที่ใด
มู่เจิ้นกั๋วเดาเื่ที่นางถูกลอบสังหารได้แล้วใช่หรือไม่?
ต่อให้เดาไม่ได้ทั้งหมดก็คงเดาได้บางส่วนแล้ว อย่างน้อยๆ ยามนี้เขาก็มั่นใจว่านางเกิดเื่
เขาไปศาลต้าหลี่มาเที่ยวหนึ่ง เื่ของหลงเซี่ยวหนานกำลังร้อนระอุไปทั่วเมืองหลวง เขาต้องได้ยินข่าวลือมาบางส่วนแน่
ถ้ากระทั่งตอนนี้มู่เจิ้นกั๋วไม่สังเกตเห็นสิ่งใด มู่จื่อหลิงก็ว่าแปลกแล้ว
“ท่านพ่อ เื่นี้พูดแล้วยาว รอให้ถอนพิษในร่างกายท่านแม่เสียก่อน หลิงเอ๋อร์ค่อยบอกท่านทีละเื่” ถูกจับได้แล้ว มู่จื่อหลิงก็ไม่คิดจะปิดบังต่อไป แต่ยามนี้ยังมิใช่เวลาจะมาพูดเื่นี้
มู่เจิ้นกั๋วพยักหน้า ส่งกล่องใบเล็กให้มู่จื่อหลิง “ใต้เท้าเสิ่นให้สิ่งนี้มา พูดว่าเขาเอาคำพูดบอกเสี่ยวไตกูหมดแล้ว”
มู่เจิ้นกั๋วคิดว่าเสี่ยวไตกูในคำพูดของเสิ่นซือหยางคืุ์ เขาจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าเสี่ยวไตกูคือคางคกม่วงในกล่องใบเล็ก
มุมปากมู่จื่อหลิงกระตุก เสิ่นซือหยางช่างละเอียดรอบคอบนัก ฉลาดถึงขั้นให้เสี่ยวไตกูมาถ่ายทอดคำพูดแล้ว
มู่จื่อหลิงเปิดกล่องใบเล็กออก แสงสีม่วงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากกล่องทันที
เสี่ยวไตกูะโมาที่ฝ่ามือของมู่จื่อหลิงอย่างมั่นคง ลิ้นเรียวเล็กเลียใจกลางฝ่ามืออุ่นนิ่มของมู่จื่อหลิงอย่างเฉลียวฉลาด
“โอ้กๆๆ” นายน้อย เสี่ยวไตกูคิดถึงท่านนัก หิวยิ่งนัก หิวยิ่งนัก
เสี่ยวไตกูร้องอย่างน่าสงสาร หลังจากวันที่กินกู่ปรสิตในวันนั้น มันก็ไม่ได้กินสิ่งใดอีก หิวจนจะตาลายแล้ว
“อีกเดี๋ยวก็มีของกินแล้ว เป็สิ่งที่เ้าชอบที่สุด” มู่จื่อหลิงใช้นิ้วอ่อนนุ่มลูบเสี่ยวไตกู
“โอ้กๆๆ” เป็กู่ควบคุมใจหรือ?
เสี่ยวไตกูะโอย่างดีใจ มันคิดว่านอกจากกู่ควบคุมใจแล้วในโลกนี้ก็ไม่มีสิ่งที่มันรู้ว่าอร่อยยิ่งนักอีก
แม้ครั้งที่แล้วกู่ปรสิตก็อร่อย แต่เมื่อเทียบกับกู่ควบคุมใจแล้ว ยังเล็กกระจ้อยร่อยไม่อร่อย
เพราะกินกู่ปรสิตมากไป จมูกของมันจึงสูญเสียประสาทัั ไม่ได้กลิ่นจึงทำลายการใหญ่ของนายน้อย ดังนั้นมันจึงยังชอบกินกู่ควบคุมใจที่สุด
มู่จื่อหลิงผงกศีรษะอย่างจนปัญญา แล้วพูดเตือนว่า “ครั้งนี้กินให้ข้าน้อยหน่อย ดูท่าทางก็รู้ว่าสองสามวันนี้เ้าคงไม่ได้เื่ กินอิ่มแล้วยังต้องออกไปทำงานล่ะ”
“โอ้กๆๆ” ฮือๆ รับทราบแล้ว
เล่อเทียนมองมู่จื่อหลิงและเ้าตัวเล็กที่อยู่ในมืออย่างอึ้งๆ เ้าพูดหนึ่งประโยคข้าก็ร้องโอ้กๆๆ
เขานวดคลึงดวงตา แล้วแคะหู ราวกับเกรงว่าตนเองจะได้ยินไม่ชัดเจน นี่ตกลงแล้วเป็เขาที่ตาลาย หรือว่าเป็มู่จื่อหลิงที่มีปัญหา
ถึงกับพูดคุยกับคางคกม่วงตัวหนึ่งอย่างออกรสชาติ คุยกันได้เข้าท่าเข้าทาง ราวกับคางคกม่วงตัวนี้ฟังภาษามนุษย์ออก และนางก็ฟังเสียงโอ้กๆๆ ที่คางคกม่วงร้องออก
แต่ต่อมา เล่อเทียนก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดไม่ผิดแม้แต่น้อย จนเกือบจะคุกเข่าให้หนึ่งมนุษย์หนึ่งคางคกแล้ว
“หลิงเอ๋อร์ คางคกม่วงตัวนี้ฟังภาษามนุษย์ออกหรือ?” มู่เจิ้นกั๋วสุขุมกว่าเล่อเทียน แต่เขาก็ยังสงสัย
มู่จื่อหลิงผงกศีรษะ ยิ้มบางๆ “อืม มันก็คือเสี่ยวไตกู เข้าใจภาษามนุษย์ ข้าก็รู้ความหมายของมันเช่นกัน”
อะไรนะ?
เล่อเทียนผู้สง่างามเสียสติขึ้นมาโดยพลัน
มู่จื่อหลิงมีสิ่งของแปลกประหลาดมากมายเพียงนี้ได้อย่างไร ยามนี้มีคางคกม่วงที่ฟังภาษาคนออกขึ้นมาอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้