ไม่นานหลังจากที่ได้รับยาโอสถวิวัฒน์ ต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ ก็ พลันรู้สึกตัว ร่างกายของพวกเขาราวกับได้รับชีวิตใหม่
ทั้งสอง ลืมตาทะลึ่งพรวดขึ้นมาอยู่ในท่านั่งเตรียมพร้อม ต้วนผิงอันมี ดวงตาสาดประกาย แห่งพลังปราณที่เพิ่งฟื้นฟู พวกเขาทั้งสองรู้สึก ร่างกายกระปรี้กระเปร่า อย่างเหลือเชื่อ าแภายนอกส่วนใหญ่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงร่องรอยจาง ๆ เท่านั้น
ทว่าพวกเขาก็ยังคง รู้สึกมึนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขารีบคว้า อาวุธ ที่ตกอยู่ข้างกาย แล้วหันไปมองรอบทิศทาง
พวกเขาเห็น หนิงเจี่ย นั่งอยู่ข้าง ๆ มองพวกเขาด้วย รอยยิ้ม เล็กน้อย
ต้วนผิงอัน ที่ยังมึนงงอยู่ หันมาถามหนิงเจี่ยด้วยความไม่แน่ใจ "หนิงเจี่ย... พวกผีดิบไปไหนหมด? หรือว่า... พวกเราฝันไป?"
บริเวณรอบตัวเขาสะอาดสะอ้าน ไม่มีร่องรอยของกองทัพผีดิบ แม้แต่ศพหรือรอยเื พวกมัน เหมือนสลายหายไปในอากาศ
หนิวมู่อี้ ไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขา ยกมือหยิกหน้าตนเอง แล้ว ตบหน้าตัวเองแรง ๆ พร้อมอุทานออกมา "อู อู้ย! เจ็บ!"
เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปจริง ๆ หนิวมู่อี้ก็เบิกตากว้างและมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
หนิงเจี่ย เห็นท่าทีของสหายรักทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะ ยกมือกุมท้องหัวเราะออกมา ท่ามกลางสีหน้า งง ของสหายทั้งสอง
อวิ่นหนิงเจี่ยเห็นสหายทั้งสองจ้องมองเขาด้วยสีหน้าคาดคั้น ชายหนุ่มรู้ว่าอันตรายจากผู้บงการบนยอดเขายังไม่หมดไป
"ตอนนี้ ไม่มีเวลาอธิบาย เื่พวกนั้นแล้ว!" หนิงเจี่ยกล่าวเสียงจริงจัง
ทันใดนั้น เขาก็ พลันนึกถึง ยาเม็ดรวมปราณอเนก ขึ้นมา ซึ่งเป็สิ่งที่วิวัฒน์มาจากยาเม็ดรวมปราณขั้นหนึ่ง ที่หนิวมู่อี้ซื้อมา
เขาเดินก้มตัวลงหยิบขวดยาที่ตกอยู่ข้างตัวมู่อี้ขึ้นมา ในขวดนั้นมียาเม็ดทรงกลมสีเข้มที่ดูบริสุทธิ์ถึง ห้าเม็ด นอกนั้นก็เป็ลูกกลอนห้ามโลหิต ลูกกลอนฟื้นฟู และผงผสานกระดูกที่เหลืออยู่เพียงสองสามเม็ดเท่านั้น
หนิวมู่อี้ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและยามากที่สุด ถึงกับ อุทานเสียงหลง
"นี่มัน! นี่มัน!" มู่อี้ รีบแย่งยาออกจากมือหนิงเจี่ย ยกขึ้นส่องและดมดูอย่างละเอียด
"เป็ไปไม่ได้! มันมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร! นี่มัน... ยะ... ยาเม็ดรวมปราณขั้นอเนก!" เสียงมู่อี้สั่นด้วยความตกตะลึงและไม่เชื่อสายตา
มู่อี้หันมามองหนิงเจี่ยด้วยดวงตาเบิกกว้าง "เ้ารู้หรือไม่มันมีสรรพคุณเช่นไร หนิงเจี่ย! ถ้ามันถูกขายสู่ตลาดภายนอก ราคามันหลายหมื่นศิลาผลึกครามเชียวนะ! เ้าเอามันมาได้อย่างไร!" ด้วยความเชี่ยวชาญสรรพคุณและหมั่นศึกษามาจากตำราแพทย์พื้นบ้าน มู่อี้จึงมีความรู้เื่นี้ดี
หนิงเจี่ยโบกมือห้าม "หนิวมู่อี้! ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องสนใจตอนนี้!"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "ตอนนี้พวกเ้า กลืนมันเข้าไปคนละเม็ด"
แม้ว่ายาเม็ดรวมปราณอเนกจะมีราคาสูงลิบและหายาก แต่สรรพคุณที่แท้จริงของมันคือการ ช่วยให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับต่ำสามารถทะลวงระดับได้ หากมีแก่นปราณพื้นฐานที่เพียงพอ
ต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ สบตากัน พวกเขานิ่งเงียบไปสักพัก ต้วนผิงอันเป็คนแรกที่พยักหน้าด้วยความเชื่อใจในเพื่อนรัก หนิวมู่อี้มองยาเม็ดนั้นด้วยความเสียดายเงินอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นความจริงจังของหนิงเจี่ย เขาก็ยอมรับชะตากรรม
ทั้งสองจึง หยิบกลืนมันเข้าไปคนละเม็ด โดยไม่ถามไถ่อะไรอีก
ทันทีที่ ต้วนผิงอัน กลืน ยาเม็ดรวมปราณอเนก เข้าไป ระดับพลังปราณที่กำลังควบรวมอยู่ ณ ศูนย์กลางปราณของเขาก็เริ่มถูกฤทธิ์ยากระตุ้น ค่อย ๆ พุ่งสูงขึ้น อย่างรวดเร็ว
ต้วนผิงอันรู้สึกได้ถึงคลื่นปราณที่บริสุทธิ์และทรงพลังไหลทะลักเข้าสู่ร่างกาย เขาจึงรีบ นั่งลงทำสมาธิทันที
แก่นปราณ ที่ระดับจิตรวมขั้น 1 ของเขาถูกหลอมรวมและอัดแน่นขึ้นทันที
พลังปราณภายในร่างกายไหลผ่านเส้นลมปราณอย่าง เป็ระเบียบ และ เข้มข้น มันผลักดันระดับของเขาให้ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ติดขัด:
เสินจวี้ (จิตรวม) ขั้น 1 เสินจวี้ (จิตรวม) ขั้น 2, 3, 4, 5...
พลังยังคงไหลทะลักและทรงพลังจนทะลวงผ่าน เสินจวี้ (จิตรวม) ขั้นสูงสุด 9
เกิดเสียง "ครืนนน" ดังสะท้อนออกมาจากร่างกายของต้วนผิงอัน ร่างกายของเขาสั่นะเืเมื่อเขา ทะลวงข้ามผ่าน ขีดจำกัดของระดับจิตรวมเข้าสู่ระดับ หยวนเต้า ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ครืนๆๆๆๆๆ!!!
หยวนเต้า ขั้น 1 ขั้น 2 ขั้น 3 และสุดท้าย ความผันผวนของปราณก็ หยุดลงที่ หยวนเต้า ขั้น 3!
แสงสีทองอ่อน ๆ แผ่ออกมาจากร่างของต้วนผิงอันชั่วขณะก่อนจะหดกลับเข้าสู่ร่างกาย แสดงถึงการสิ้นสุดการทะลวงระดับอย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน หนิวมู่อี้ ก็กลืนยาเม็ดเดียวกันเข้าไป ระดับพลังที่ก่อตัวอยู่ในศูนย์กลางปราณ ของเขาก็เริ่ม ค่อย ๆ พุ่งสูงขึ้น เช่นกัน มู่อี้เห็นการกระทำของผิงอันก็รีบ ทำแบบเดียวกัน นั่งลงทำสมาธิทันที
พลังงานบริสุทธิ์จากโอสถได้ บีบอัด และ หล่อหลอม จุดรวมปราณของเขาให้กลายเป็ แก่นปราณ แรกเริ่ม
การทะลวงระดับครั้งแรกในชีวิต!!! การเพิ่มขึ้นของพลังปราณเริ่มไต่ระดับขึ้น คลื่นพลังงานสีเขียวอ่อน ๆ ค่อย ๆ ก่อตัวและหนาแน่นขึ้น สีหน้าหนิมมู่อี้เ็ป เขาฝืนทนความเ็ปที่เกิดขึ้นจากฤทธิ์ยา
พลังานที่หนาแน่นเริ่มพุ่งทะลวงใส่กำแพงการฝึกปรือ มู่อี้ขบกรามจนเืออก สีหน้าเหยเกด้วยความเ็ป เสียงตึงดังขึ้นภายในร่างกาย พลังฝึกปรือพุ่งทะยานทะลุปุโปร่ง ทะลวงขั้นสู่ เสินจวี้ (จิตรวม) พลังฝึกปรือยังพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆโดยยังมิมีทีท่าจะหยุด เสินจวี้ขั้น 1, 2, 3...
มันไต่ระดับขึ้นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง 4, 5, 6, 7, 8 ความเร็วจึงค่อยๆลดลง...
ก่อนจะ หยุดอยู่ที่ขั้นสูงสุดของเสินจวี้ คือ เสินจวี้ (จิตรวม) ขั้น 9!
หนิวมู่อี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในสมาธิ แม้จะยังไม่คุ้นเคยกับการควบคุมปราณที่ท่วมท้น แต่เขาก็ได้กลายเป็ผู้ฝึกตนระดับสูงของตระกูลไปแล้ว หนิงเจี่ยอ้าปากค้าง “นี่ นี่ มันมิใช่เม็ดยาขันอเนกธรรมดา ธรรมดา เสียแล้ว”
อวิ่นหนิงเจี่ยยังคงยืนนิ่ง ทำหน้าที่คุ้มกันสหายทั้งสอง ด้วยดาบอัคนีเผาผลาญในมือ เขาสังเกตพลังที่ปะทุออกมาจากร่างของต้วนผิงอันและหนิวมู่อี้อย่างไม่วางตา แม้จะตื่นตะลึงกับความสามารถของโอสถวิวัฒน์ แต่ก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่เพื่อนรักทั้งสองได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต
ในที่สุด ทั้งสองก็ โคจรพลังซึมซับฤทธิ์ยาได้สำเร็จ และ ปรับพลังจนเสถียร พวกเขาพร้อมใจกัน ลืมตาขึ้น
ต้วนผิงอัน ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ร่างกายของเขาสะอาดสะอ้าน พลังปราณ หยวนเต้าขั้น 3 ที่แผ่ออกมาทำให้เขามีรัศมีที่มั่นคงและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เขาหายใจเข้าลึก ๆ ความรู้สึกถึงพลังที่สามารถควบคุมปราณภายนอกได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็คนใหม่
โดยเฉพาะ หนิวมู่อี้! ชายหนุ่มผู้อวบอ้วนคนนี้มีน้ำตาไหลออกมาทางหางตา น้ำตาแห่งความปิติ ที่มิอาจกลั้นได้
"หนิงเจี่ย... ผิงอัน..." มู่อี้กระซิบเสียงแ่เบาด้วยความรู้สึกท่วมท้น เขาแทบไม่เชื่อว่าการเดินทางตามสหายมาครั้งนี้ ตนจะมีโอกาส กลายเป็ยอดยุทธ์ ได้! ชีวิตที่เคยถูกกำหนดให้เป็เพียงคนงานในโรงม้า บัดนี้ได้ถูกพลิกผันอย่างสมบูรณ์แล้ว
หนิงเจี่ยเห็นสหายทั้งสองลุกขึ้นยืนด้วยความปิติ รอยยิ้มแห่งความโล่งใจและยินดีก็ผุดขึ้นบนใบหน้าที่อ่อนล้าของเขา
"ยินดีกับพวกเ้าด้วย!" หนิงเจี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
อวิ่นหนิงเจี่ยพยักหน้าให้สหายทั้งสอง "ดีมาก! ในที่สุดพวกเราก็ผ่าน่เวลาที่วิกฤตที่สุดมาได้"
หนิงเจี่ยบอกเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้น ใน่ที่พวกเขาหมดสติ: เกี่ยวกับกองทัพผีดิบนับพันที่บุกเข้ามา และพลังอันแปลกประหลาดที่ช่วยกวาดล้างพวกมันไปในพริบตา
แต่หนิงเจี่ย ไม่ได้กล่าวถึงเื่ที่ตนเองมีพลังวิวัฒน์ ระบบที่สั่งการในหัว รวมถึงการวิวัฒน์ของยาและคัมภีร์ หนิงเจี่ยเก็บรักษาไว้เป็ความลับ เพราะมันเป็เื่ที่เหนือธรรมชาติเกินกว่าจะอธิบายได้ และเขารู้สึกว่านี่คือไพ่ตายเดียวที่เขามี
"ข้าเองก็ไม่เข้าใจทั้งหมด... เพียงแต่ตอนที่ข้าใช้ดาบฟันออกไปอย่างสิ้นหวัง ก็เกิดเปลวเพลิงที่รุนแรงมาก และกวาดล้างพวกอสุรกายเ่าั้จนหมดสิ้น" หนิงเจี่ยเลือกที่จะอธิบายอย่างคลุมเครือ
ขณะที่ฟังเื่ราวอันเหลือเชื่อ ต้วนผิงอัน และ หนิวมู่อี้ ก็ พลันสังเกตเห็นดาบในมือของหนิงเจี่ย ซึ่งตอนนี้ใบดาบเป็ สีแดงจาง ๆ และมีไอร้อนระอุออกมา
"หนิงเจี่ย... ดาบของเ้า..." ต้วนผิงอันชี้ไปที่ดาบด้วยความตกตะลึง
หนิงเจี่ยยิ้มบาง ๆ "นี่แหละคือดาบที่ข้าเก็บไว้" เขาชูดาบอัคนีเผาผลาญขึ้น
"นี่คือ ดาบขึ้นสนิม ที่มารดาของข้าฝากไว้ให้ ที่จริงแล้ว... ชื่อของมันคือ 'อัคนีเผาผลาญ' "
ทั้งสองคนถึงกับใ! พวกเขานึกถึงความเย้ยหยันของศิษย์ตระกูลฉุนอวิ๋นต่อดาบสนิมเล่มนี้ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็อาวุธที่น่าเกรงขามและสามารถทำลายกองทัพอสูรได้
"ดาบอัคนีเผาผลาญ..." หนิวมู่อี้พึมพำ "เป็ดาบที่คู่ควรกับเ้ามาก!"
"เอาล่ะ " หนิงเจี่ยเก็บดาบไว้ในกล่องสะพายขึ้นหลัง "พวกเราแกร่งขึ้นแล้ว บุกขึ้นยอดเขากัน" “พวกเราต้องระวังตัวกันให้ดีๆ ข้าว่าข้างบนนั้นมันมีอะไรแปลกๆ
อวิ่นหนิงเจี่ยเห็นสหายทั้งสองพยักหน้าเข้าใจถึงสถานการณ์
เขาหยิบยาเม็ดรวมปราณอเนกที่เหลืออยู่สามเม็ดออกมา
"พวกเ้า... นี่คือยาที่เหลือ" หนิงเจี่ยกล่าว "พวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบนนั้น" พลางชี้มือขึ้นไป้าเขา
หนิงเจี่ยแบ่งยาเม็ดรวมปราณอเนกให้ ผิงอันและมู่อี้คนละเม็ด เพื่อให้พวกเขาเก็บไว้ใช้ในสถานการณ์คับขัน หรือเพื่อทะลวงระดับต่อไปหากมีโอกาส และมอบยาลูกกลอนและสมุนไพรทั้งหมดให้มู่อี้ดูแล โดยหนิงเจี่ยเก็บยาเม็ดรวมปราณอเนกไว้เม็ดหนึ่ง
ทั้งสามพร้อมแล้วที่จะเดินทางขึ้นเขาหลงเซียง!
