“ลู่เฉาเกอ ไม่ใช่ว่าท่านอยากสังหารข้าหรือ? ข้ามาแล้วนี่ไง ไฉนท่านยังไม่ออกมาอีกเล่า?”
เยี่ยนปู้หุยเอื้อนเอ่ยเหมือนเอ่ยกับสหายเก่าแก่
เสียงของเขา ราวกับเสียงคร่ำครวญของเทพมาร สะท้อนกึกก้องทั่วเวหา ดังอย่างทั่วถึงทั้งด่านโยวเยี่ยน เหล่าประชาชนนับไม่ถ้วนในด่านได้ยินคำท้าทายถึงเทพาโยวเยี่ยนลู่เฉาเกอผู้นั้นอย่างชัดเจน
เส้นแสงสองสายพุ่งสู่น่านฟ้าจากซากปรักหักพังของหอลมฝนปรอย
แม่ทัพใหญ่ทัพหน้าหลิวสุยเฟิง
อีกร่างที่หัวเราะฮี่ๆ สูงกว่าหลิวสุยเฟิงหนึ่งศีรษะ ร่างกายผอมแห้ง อาภรณ์ขนาดใหญ่โบกสะบัดบนร่าง มองไกลๆ อาจนึกว่ากิ่งไผ่สวมเสื้อผ้าเอาไว้ ใต้ชุดนั้นเหมือนไม่มีอะไรอยู่เลย ชายคนนี้มีใบหน้าทรงม้าปากกว้าง ผมสั้นสีส้มแดง สองคิ้วดูประหลาดอย่างมาก ส่วนหัวคิ้วบางจัด แต่ส่วนหางคิ้วกลับหนามาก คิ้วตกลงเล็กน้อยเหมือนมีดาบเล่มโตแขวนอยู่บนใบหน้า
แม่ทัพใหญ่ทัพฝ่ายขวาเผิงอี้เจิน
หนึ่งในหัวเรือใหญ่ทั้งหกของด่านโยวเยี่ยน
ที่แท้ก็เป็คนที่หลิวสุยเฟิงบอกว่ามีนัดด้วย
สองร่างพุ่งจรดท้องฟ้า หยัดยืนบนปุยเมฆตรงข้ามกันกับเยี่ยนปู้หุยแสนไกล
“พลังของเ้าสัตว์ประหลาดนี่ ทำไมแกร่งขั้นนี้ได้?” หลิวสุยเฟิงหน้าตางงงัน
ตอนนั้นที่เยี่ยนปู้หุยยังอยู่ที่ด่านโยวเยี่ยน เขาฝึกยุทธ์ถึงแค่น้ำพุิญญาสี่สิบกว่าตาเท่านั้น ภายหลังอีกหนึ่งปีถึงได้เจ็ดสิบ ปีที่สามได้แปดสิบหก ปีที่สี่เข้าอาณาทะเลระทม หลายปีมานี้ พลังของเยี่ยนปู้หุยเติบโตเร็วจนคนสะพรึงไปตามๆ กัน แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในระดับแรกของอาณาทะเลระทมเท่านั้นเอง
แม้ว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้า ในแผนการล้อมวงสังหารครานั้น เยี่ยนปู้หุยจะสำแดงเดชออกมา ทว่าก็ไม่อาจเทียบเคียงความแกร่งกล้าที่เขามีในยามนี้ได้เลย หากตอนนั้นเยี่ยนปู้หุยมีพลังเช่นนี้แล้วล่ะก็ คงไม่ถูกโจมตีจนาเ็จนปางตายได้หรอก
ตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ พลังของเยี่ยนปู้หุยกลับเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับสูงของอาณาทะเลระทมได้แล้ว เป็เื่ที่ใครได้ยินเป็ต้องตกตะลึงแน่แท้
หลิวสุยเฟิงและเผิงอี้เจินล้วนอยู่ในอาณาทะเลระทมทั้งสิ้น แต่ตอนนี้พออยู่ต่อหน้าเยี่ยนปู้หุย พวกเขากลับรู้สึกหายใจติดขัด รู้สึกถึงเพียงอำนาจกลิ่นอายของอีกฟาก ดุจมหาสมุทรล้ำลึกเกินหยั่งถึง ดั่งบรรพตเทพที่ไม่อาจปีนป่ายขึ้นไปได้ เหมือนกับว่าอีกฝ่ายสามารถบดขยี้พวกเขาจนมอดม้วยได้ตลอดเวลา ผู้แข็งแกร่งระดับเหนือชั้นสองท่านนี้ ล้วนไม่อาจลงมือโดยพลการ
“หรือว่าเ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะใช้อาวุธลับหรือวิชาลับอะไรสักอย่าง?” เผิงอี้เจินเลิกคิ้วที่เหมือนดาบใหญ่ขึ้น สีหน้าหนักอึ้งอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
บนพื้น
เ่ิูละสายตาจากร่างผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนนั่น
เขาสังเกตการณ์และตรวจหารอบทิศทาง หมายจะหาร่องรอยของเด็กน้อย
การคาดการณ์ของเขาที่นับวินาทีจะยิ่งชัดเจนทำให้เ่ิูแทบขาดใจ
เขาเกือบจะมั่นใจได้เลยว่า เด็กน้อยต้องแอบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็แน่
พลังงานของนครอันธการย่างกรายมาถึงด่านโยวเยี่ยนเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
“เด็กน้อยเอ๋ยเด็กน้อย หากเ้าอยู่ที่นี่จริง อย่าออกมาเด็ดขาดนะ...”
เ่ิูภาวนาในใจ
เสียดายที่แม้เขาจะพยายามกวาดตามองไปรอบหนึ่งแล้วก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของนางเลย
กระทั่งเด็กน้อยที่มีกริชเล่มเล็กสวมชุดรูฉวินนางนั้นยังไม่มีแม้เงา
กลางนภา
“ผู้เฒ่าลู่ ยังไม่ยอมออกมาอีก ไม่กลัวข้าฆ่าสุนัขของเ้าจนเหี้ยนหรือ?”
เยี่ยนปู้หุยผู้ยืนสง่าราวกับเทพมารกลางฟากฟ้า เปล่งเสียงสะท้อนทั่วอากาศธาตุ ไม่เห็นลู่เฉาเกอปรากฎกายเขาก็ชักขุ่นเคืองขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มยกมือขึ้นช้าๆ เข้าครอบคลุมและกดดันเบื้องหน้าช้าๆ
ไอปีศาจสาดซัดเหมือนมหาสมุทรที่อยู่เื้ัของเขาเดือดพล่านตามการกระทำผู้เป็นาย
ฝ่ามือไอปีศาจขนาดั์ก่อกำเนิดขึ้นอย่างเชื่องช้า บดบังทั้งม่านฟ้า รุดไปสู่เบื้องหน้า
เมฆาและวาโยขยับไหว
ปราณใต้หล้าอลหม่าน
เมฆเต็มฟ้าม้วนกลิ้งไม่เป็ท่า
พลังงานน่ากลัวยากจะจำกัดความตรงเข้าบดขยี้หลิวสุยเฟิงและเผิงอี้เจิน ฝ่ามือไอปีศาจนั้นกว้างขวางเทียบเท่าหลายพันเมตร ประหนึ่งมืออสูรเทพมารในตำนานเมื่อดึกดำบรรพ์ที่้าทำลายห้วงเวลาและเยื้องกรายเข้ามา ภูผาด่านโยวเยี่ยนสั่นะเืเลือนลั่น
บนพื้นดิน
เ่ิูทำไม่ได้แม้แต่จะหายใจ
เขารู้สึกเหมือนตนเป็คางคกถูกบดด้วยูเาทั้งลูก บ้านที่ยังไม่ถล่มลงมาตรงด้านนี้ก็มิใช่ข้อยกเว้น หลังแล้วหลังเล่าแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เ่ิูแม้จะเคลื่อนกำลังภายในถึงขีดสุดแล้วก็ยังถูกแรงกดดันจนถูกกดลึกเข้าไปในดินลึกถึงหนึ่งเมตรเต็มๆ
นี่คือพลังของผู้แข็งแกร่งอาณาทะเลระทมหรือ?
เ่ิูะเืใจอย่างหนัก
มิใช่พลังที่คนธรรมดาจะพึงมีได้ เป็ิญญาศักดิ์สิทธิ์โดยแท้
เ่ิูตอนกำจัดปีศาจหมีอัคคีโลหิตกับปีศาจกิ้งก่าขาวก่อนหน้านี้ เขาทำได้อย่างสบายอารมณ์ไร้อุปสรรค แต่บัดนี้ แค่ลูกหลงจากฝ่ามือไอปีศาจั์นั่นเท่านั้น ตัวเขากลับสูญสิ้นพลังในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง ทำได้แต่ประคับประคองอย่างยากลำบากไปเท่านั้น
น้ำพุิญญาทั้งยี่สิบตาในกายรวมทั้งเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์เริ่มรีบลนขึ้นมาแล้ว
ถูกแรงภายในซึ่งถูกควบคุมอย่างยากลำบาก เก็บเอาแรงกดดันภายนอกมากระตุ้น พริบตาเดียวก็เดือดพล่านและะเิอย่างบ้าคลั่งแล้ว
“ตาย...”
เ่ิูลอบด่าทีหนึ่ง เขากัดปากแล้วกดพลังลมปราณอย่างเอาเป็เอาตาย
นี่เป็เวลาระหว่างความเป็ความตาย หากพลังลมปราณะเิออกมา ถูกเยี่ยนปู้หุยที่อยู่กลางอากาศพบเจอเข้า คนโฉดผู้นั้นไวต่อกลิ่นอายของเ่ิูมาก ก่อนหน้านี้ ตอนที่จะทิ้งแผนที่ก็้าให้ตนอยู่ต่อแล้วฆ่าทิ้งเสีย ตอนนี้หากถูกเจอเข้าจริงๆ น่ากลัวว่าแค่เขาดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว เด็กหนุ่มก็จะมอดม้วยในพริบตา
ตอนเ่ิูกำลังกดพลังไม่ให้เคลื่อนไหวอย่างสุดแรงเกิดนั้นเอง พลังปราณในกายเขาก็ค่อยๆ สงบลง
แต่สถานการณ์ของหลิวสุยเฟิงและเผิงอี้เจินบนฟากฟ้านั้นกลับไม่ได้โสภาเอาเสียเลย
“พรวด..”
“พลังอะไรกันนั่น?”
ฝ่ามือไอปีศาจยังไม่ทันได้บดขยี้มาถึงตรงหน้าด้วยซ้ำ ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดทั้งสองกระตุ้นกำลังภายในต่อต้าน แต่พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าพลังที่ไร้ทางปัดป้องได้นั้นเป็พลังที่มนุษย์ไม่อาจต่อกรด้วยได้ หน้าอกเจ็บแปลบ ข้อมือคล้ายจะหัก พวกเขากระอักเืออกมาเป็สายๆ ร่างกายกระเด็นโซเซไปทางด้านหลัง
ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดทั้งสองตื่นตระหนกอย่างไม่อาจหาคำตอบได้
ลำพังนับเอาแต่ระดับฝึกฝนและพลังต่อสู้ สองเดือนก่อนหน้านี้ ต่อให้เขาทั้งสองจะไม่ได้ประมือกับเยี่ยนปู้หุย แต่หากหนึ่งต่อหนึ่ง พวกเขาคนใดคนหนึ่งย่อมจะรับการโจมตีได้สิบครั้งขึ้นไปโดยไม่พ่าย แต่ตอนนี้ถึงจะรวมพลังกันสองคนก็คางเหลืองเอาั้แ่การโจมตีแรก...
พลังอะไรกันแน่?
เป็แค่ลูกหลงเท่านั้น ฝ่ามือั์ของจริงยังมิได้มาเลย เขาสองคนก็เจ็บสาหัสเสียแล้วหรือ?
เผิงอี้เจินกับหลิวสุยเฟิงคำรามโกรธเกรี้ยว พวกเขากระตุ้นกำลังภายในถึงขีดสุด ร่างกายเปล่งแสงสีทองเบ่งบานออกมาจนทั่วร่าง ช่อแสงสีทองแ่าะเิยิงกระหน่ำออกไปทั่วทิศทาง ประหนึ่งพระอาทิตย์ขนาดย่อมสีทองสองดวงปรากฎขึ้นกลางนภา....
ใช้พลังจนเกือบหมด ทั้งคู่ถูกกระแทกจนกระเด็นกระดอนไปร้อยเมตร หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศในที่สุด
ผลออกมาชัดเจนนัก
หัวเรือใหญ่ทั้งสอง มิใช่คู่ต่อกรของเยี่ยนปู้หุยั้แ่แรก
“ฮ่าๆๆๆ”
เยี่ยนปู้หุยหัวเราะร่วนยามแหงนหน้ามองฟ้า
มือั์ไอปีศาจผ่านไปทิศทางใด อากาศจะสั่นสะท้านเหมือนถูกฉีกทึ้งออกเป็ชิ้นๆ
เรือเหาะอักขระรอบด้านที่อยู่ในรัศมีมือั์เริ่มสั่น โดยเฉพาะลำด้านหน้าสิบลำ คล้ายกับเรือลำน้อยล่องลอยอยู่ในวังน้ำวนมหาสมุทร ไร้หนทางจะควบคุม ถูกคลื่นพลังอันน่าครั่นคร้ามห่อหุ้มเอาไว้ เวียนวนอยู่กลางอากาศอย่างไม่อาจทำอะไรได้ ตัวเรือมีกระบวนอักขระส่องแสงอย่างอึกทึก จากนั้นก็เสียงะเิแตกกระจายน่ากลัวดังตูมๆๆ กระบวนอีกขระไม่อาจรับแรงกดดันจากมือั์ไอปีศาจได้อีกต่อไป...
เรือเหาะที่สูญเสียกระบวนอักขระลอยตุปัดตุเป๋เหมือนว่าวขาดโครง มันร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า...
เ่ิูปีนขึ้นมาจากหลุม เขาเงยหน้ามองฟ้า นอนอยู่บนเศษหินกองหนึ่ง มองทุกอย่างที่เกิดขึ้น้า
สถานการณ์เช่นนี้มันช่างหลุดโลกนัก อัศจรรย์เกินไปแล้ว เยี่ยนปู้หุยผู้เป็ดั่งเทพมาร เรือรบอักขระของกองทัพโยวเยี่ยนที่โอบล้อมเข้าหามากมาย รวมทั้งผู้แข็งแกร่ง ทุกอย่างเหมือนเป็มดตัวเล็กรายล้อมพญาั
“ผลพวงของการโจมตีจากผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอด น่ากลัวจริงๆ?”
เ่ิูทอดถอนใจอย่างปลงๆ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาคิดว่าสิ่งที่ตัดสินแพ้ชนะในาคือแผนการ กำลังทหาร กระบวนอักขระ ทรัพยากรและอื่นๆ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนปู้หุยที่คล้ายเ้าผู้ครองแล้ว แิประเภทนั้นของเขาเป็อันถูกทำลาย
ด่านโยวเยี่ยนที่อาณาจักรเพียรสร้างมาทั้งกายใจหลายสิบปี ได้รับสมญานามว่าแกร่งกล้าดั่งทองแท้ บัดนี้กลับถูกเยี่ยนปู้หุยแฝงตัวเข้ามา ปรากฏกายอย่างอุกอาจ เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดสยบเขาได้อีกแล้ว
กลางนภา
เยี่ยนปู้หุยเหมือนเ้าผู้ครองภพที่มองเหล่าสรรพชีวิตในโลกียะจากเบื้องบนฟ้า
“ฮึๆๆๆ...ลู่เฉาเกอ ในเมื่อเ้าไม่กล้าออกมา ข้าก็จะฆ่าเขี้ยวเล็บของเ้าเสียให้เหี้ยน ฮ่าๆ” เยี่ยนปู้หุยว่าพลางเพิ่มความเร็วให้มือั์ไอปีศาจนั้น เสียงกัมปนาทดังครึกโครมราวกับดันเมฆาผลักจันทรา ตรงเข้าหาหลิวสุยเฟิงและเผิงอี้เจินเพื่อบดขยี้อีกขั้น
หัวเรือใหญ่แห่งกองทัพโยวเยี่ยนหน้าเปลี่ยนสี
พลังประเภทนี้ พวกเขาไม่อาจทัดทานมันได้
เห็นมือั์มาอยู่ตรงหน้า สองร่างที่อยากหนีแต่ถูกพลังปราณน่าครั่นคร้ามผนึกไว้ ร่างกายในยามฉุกละหุกไม่อาจขยับ รู้สึกเพียงความรวดร้าวทั่วร่างเหมือนจะกลายเป็แป้งละเอียดในไม่ช้า...
พริบตานี้ คนนับไม่ถ้วนทั่วด่านโยวเยี่ยนตกตะลึงและหน้าซีด
หลิวจงหยวน เวินหว่านรวมทั้งแม่ทัพกองโจรที่หลบอยู่ไกลๆ คำรามโกรธขึ้งพลางจะปรี่ออกไปช่วย...
ตอนนั้นเอง
ซิ่ว!
แสงกระบี่วาบมาจากทิศของสำนักเ้าด่าน
แสงกระบี่สีทอง
แวบเดียวปลิดิญญา
แสงกระบี่ราวกับสายฟ้าแทงทะลุฝ่ามือั์ไอปีศาจ ประหนึ่งวาฬพ่นน้ำละลายทั้งมือปีศาจให้หายลับไป
หลิวสุยเฟิงและเผิงอี้เจินถอยหนีอย่างรวดเร็ว
ทั้งบนฟ้า บนพื้นดิน สี่ทิศแปดทาง ภายในด่านโยวเยี่ยนทั้งหมด บังเกิดเสียงกู่ร้องลั่นเร่านับไม่ถ้วน
เสียงอุทานอย่างยินดีและลิงโลดของทั้งประชาชนและพลทหารทั้งหมดดังไปทั่ว
เสียงกู่ร้องราวกับภูผาพร่ำ ดุจมหานทีโหยหวน ฟ้าคำรามและบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ มีพลังที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์แผ่กระจายออกมาจากด่านโยวเยี่ยน
บรรยากาศอันโศกา ลาลับในเวลาชั่วครู่เดียว
เพราะคนที่อยู่ที่ด่านโยวเยี่ยนนี้มานาน เมื่อได้เห็นแสงกระบี่นั้น ก็โยนเอาความหวาดกลัวและระทมทุกข์ออกไปจนหมด หลงลืมความยากแค้นและอันตราย และจะเข้าใจว่าแสงกระบี่นี้มีความหมายแฝง ซึ่งก็คือ
เทพาโยวเยี่ยน ลู่เฉาเกอ
ตำนานที่ยังมีลมหายใจของอาณาจักร
ตำนานมนุษย์ที่ไม่มีใครอาจหาญเอาชนะได้
หลังเงียบงันมาสิบนาที เทพเ้าของด่านโยวเยี่ยนผู้นี้ ในที่สุดก็ออกโรงแล้ว
นี่เป็ครั้งแรกที่เ่ิูเห็นลู่เฉาเกอออกศึก
กระบี่นั้นนอกจากจะทิ่มตาแล้ว เหมือนมีอำนาจและแรงอย่างอื่นเป็เกลียวคลื่น ไม่เพียงทำลายมือั์ไอปีศาจนั่นได้เท่านั้น ภายในนั้นยังแอบซ่อนความหมายอันลึกซึ้งและความประณีตแห่งวรยุทธ์เอาไว้ด้วย ซึ่งเป็สิ่งที่ระดับการฝึกและประสบการณ์ของเ่ิูในตอนนี้ ไม่อาจจะล่วงรู้หรือแยกแยะได้เลย