สำนักซ่งเจี่ย ภายในค่ายกลผลึกเกราะทอง
ตูม!
เสียงการต่อสู้จากนอกค่ายกล ทำให้ผู้คนกว่าห้าพันคนตื่นตระหนก
“ทุกคนอย่าเพิ่งหยุด ผู้าุโสามารถต้านกู่ไห่ได้แน่ ดังนั้นพวกเราต้องกินต่อไป เพื่อเพิ่มพลังให้กับกุ่ยเป่า” หนึ่งในกลุ่มคนครึ่งอสูรร้องบอก
“ขอรับ!”
...
ที่ด้านนอกค่ายกล
ไต้ซือหลิวเหนียนปรากฏกายท่ามกลางกลุ่มหมอกสีขาว ตอนนี้ตรงหน้าของเขา ก็คือฟู่เสวี่ย เจียวหลงใหญ่ ที่กำลังส่งเสียงคำรามลั่น
“โฮก!”
เจียวหลงเงยหน้าคำรามเสียงดังกึกก้อง ท้องนภาเต็มไปด้วยเมฆมืดครึ้ม พายุกระโชกแรง ดูน่าหวาดหวั่นไม่น้อย
“หลิวเหนียน?” ดวงตาเจียวหลงเบิกกว้าง
“รู้จักข้าด้วยหรือ? เหอะ! ฟู่เสวี่ย เ้าช่างกล้านัก แม้แต่ถังจู่ เ้ายังกล้าลักพาตัวมา? ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!” ไต้ซือกล่าวเสียงเย็น
“ฮึ่ม! เ้าลาเฒ่าหัวล้าน ชนะเป็เ้าแพ้เป็โจร ้าช่วยหลงหว่านชิงหรือ? หึ! อยู่ที่ว่าเ้าจะทำได้หรือไม่... โฮก!” เจียวหลงคำราม
ตูม!
ทันใดนั้น มวลน้ำทะเลก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วโอบล้อมไปรอบด้าน ก่อนจะพุ่งตรงไปยังไต้ซือหลิวเหนียน หางของเจียวหลงสะบัดเพียงครั้ง สายฟ้าก็ผ่าลงมาจากเมฆครึ้มทันที
“กายาเพชร แสงพุทธะส่องประกาย!” ไต้ซือพนมมือขึ้น
“ฮึ่ม!”
คลื่นแสงสีทองปรากฏรอบกาย ก่อตัวเป็กำแพงอากาศ เข้าปิดกั้นมวลน้ำมหาศาล ที่เบื้องหน้าของไต้ซือหลิวเหนียน มีคลื่นพลังรวมตัวเป็ฝ่ามือขนาดใหญ่สิบจั้ง พุ่งเข้าใส่หางเจียวหลงเต็มแรง
ตูม!
แรงสั่นะเืจากการโจมตีนี้ ทำใหู้เาโดยรอบพังทลาย ท้องฟ้าแปรปรวน ดูน่ากลัวยิ่ง
พายุฝนฟ้าคะนองและมวลน้ำ ปกคลุมทั่วฟ้า ห้อมล้อมพื้นที่การต่อสู้ของไต้ซือหลิวเหนียนและฟู่เสวี่ยเอาไว้ ตอนนี้ศึกระหว่างคนทั้งสอง เริ่มที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
เพราะมีกำแพงน้ำขวางกั้น กู่ไห่และคนอื่นๆ จึงไม่อาจมองเห็นว่าตอนนี้ ในบริเวณแห่งนั้นกำลังเกิดอะไรขึ้น
...
ฟึ่บ!
น้ำทะเลจำนวนมาก พุ่งเข้ามาราวกับสายน้ำหลาก พัดพาร่างผู้คนราวสองหมื่นคนไปทันที
“อ๊าก!”
“น้องรอง... น้องรองถูกน้ำพัดไปแล้ว!”
“เร็วเข้า มาหลบทางนี้... เร็ว!”
“อ๊าก! ช่วยด้วย”
ด้วยฝนที่ตกหนัก และมวลน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างฉับพลัน จึงทำให้ผู้คนราวสองหมื่นคน ต้องเร่งหาที่หลบภัยกันอย่างตื่นใ
และที่ที่ปลอดภัยที่สุด ก็มีเพียงที่เดียว นั่นคือบริเวณทางเข้าค่ายกลผลึกเกราะทอง
กู่ไห่ไม่รอช้า รีบะโไปที่นั่นทันที
“กู่ไห่มาแล้ว... รีบหนี เร็วเข้า!” หนึ่งในศิษย์ครึ่งอสูรสองคนที่ติดตามฟู่เสวี่ย ร้องด้วยความตระหนก
ฉึกๆ!
เพียงคมกระบี่เดียว ชายหนุ่มก็สามารถสังหารหนึ่งในนั้นได้แล้ว
ส่วนอีกคนที่กำลังจะหนี ก็ถูกกลุ่มชาวบ้านและผู้ฝึกตนรวมกำลังกันจับตัวเอาไว้
“อย่าเข้ามานะ! มิเช่นนั้น... ข้าจะกินพวกเ้าให้หมด” มนุษย์ครึ่งอสูรแผดเสียง ด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว
ผู้ฝึกตนหลายสิบคนต่างหดคอ ด้วยความพรั่นพรึง
ไม่นาน กู่ไห่ก็ไล่ตามมาทัน
ฉึกๆ!
“อ๊าก!”
กู่ไห่ฟันใส่ชายครึ่งอสูร พร้ะโกนต่อว่าผู้ฝึกตนหลายสิบคน ที่ยังกลัวหัวหดตรงหน้า
“พวกเ้าตั้งหลายสิบคน จับเขาไม่ได้อย่างนั้นหรือ? เขามีพลังแค่ระดับก่อ์ ทั้งยังเป็ขั้นต้นด้วย” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความขุ่นเคือง
เหล่าผู้ฝึกตนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างก็มีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
ใช่แล้ว! มนุษย์ครึ่งอสูรตรงหน้า มีพลังแค่ระดับก่อ์ขั้นต้น แน่นอน ว่าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาที่มีกันหลายสิบคน ถึงยังหวาดกลัวอยู่อีก?
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พื้นที่ตรงนี้ยังคงมีน้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ คงออกไปไม่ได้แน่ เช่นนี้แล้ว พวกเราจะทำอย่างไรดี?” หนึ่งในกลุ่มผู้ฝึกตนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
กู่ไห่หันไปมองค่ายผลผลึกเกราะทอง ก่อนตอบ “น้ำไม่เข้ามาในค่ายกลหรอก”
ฟึ่บ!
คนสองหมื่นคนต่างถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ด้วยความหวาดผวา
“ท่านผู้มีพระคุณ เรามาจัดการทางนี้กันก่อนเถอะ ข้างในมีอสูรอยู่มากมายนัก!” หนึ่งในกลุ่มคนเอ่ยขึ้น
“ใช่! ปิดทางออกของพวกมันไว้” คนทั้งสองหมื่นร้องสนับสนุน
ดูเหมือนพวกเขาคิดที่จะขนก้อนหิน มาปิดทางเข้าค่ายกล ที่สูงสามจั้งนี้
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูคนสองหมื่นคน ที่ในตอนนี้คงจะรู้สึกสะพรึงกลัวไม่น้อย กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
คงไร้ประโยชน์ หากให้ผู้คนที่กำลังขวัญผวาเหล่านี้ เข้าไปกับเขา
กู่ไห่หันหลังกลับ และก้าวสู่ค่ายกลผลึกเกราะทอง
“อ่า! ผู้มีพระคุณ ท่านไม่้า...” พวกเขาร้องถามด้วยความร้อนใจ
กลุ่มคนที่กำลังคิดที่จะขนย้ายก้อนหิน ต่างมองชายหนุ่มด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร? กลุ่มคนครึ่งอสูรอยู่ข้างในนั่น แต่ไม่คิดที่จะปิดทางเข้า?
เมื่อกู่ไห่ก้าวเข้ามาในสำนักซ่งเจี่ย ก็ะโขึ้นไปบนยอดเขาที่ใกล้ที่สุด ก่อนเหลือบตาดูรอบๆ บริเวณทันที
กลุ่มคนครึ่งอสูรที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้ กำลังมุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน
ทั่วทั้งค่ายกลในยามนี้ เงียบสงัด ไม่เห็นศิษย์ของสำนักแม้แต่คนเดียว
เพียงชั่วครู่ จู่ๆ ชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อมองไปยังบริเวณหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป
มีแก้วผลึกสีดำลูกหนึ่งลอยอยู่กลางเวหา และกำลังดูดซับคลื่นพลังจากกลุ่มควันสีดำ ซึ่งแผ่กระจายออกมาจากหุบเขา
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรกว่าห้าพันคนกำลังกระหน่ำกินซากศพ ที่กระจายอยู่ทั่วหุบเขา พวกมันกำลังฉีกเนืุ้์เพื่อกลืนกินอย่างโหดร้าย
ไม่ใช่แค่หัวใจ แม้แต่เนื้อ อสูรเ่าั้ก็กัดกินไปจนหมด
“กินคน? เนื้อของศพก็ด้วยหรือ? พวกเ้ากินลงไปได้อย่างไร?” แววตาของกู่ไห่สั่นระริก
เมื่อมองดูฉากสยดสยองในหุบเขาที่ห่างไกล ดวงตาที่สั่นไหวของเขา พลันเปลี่ยนเป็เยือกเย็น ขณะปล่อยจิตสังหารออกมารอบตัว
ตุบ!
ชายหนุ่มะโลงจากูเา กลับไปยังทางเข้าค่ายกลผลึกเกราะทอง
“ท่านผู้มีพระคุณ รีบออกมา... เร็วเข้า!” ผู้คนภายนอกกล่าวอย่างร้อนรน
“พวกเ้าฟังให้ดี ตอนนี้จงปิดทางเข้านี้เสีย หากข้าไม่อนุญาต ไม่ว่าใคร ก็อย่าให้เล็ดรอดออกไปแม้แต่คนเดียว” กู่ไห่ร้องบอกผู้คนสองหมื่นคนที่อยู่ข้างนอก
“หา?” เหล่าชาวบ้านเกือบสองหมื่นคน และผู้ฝึกตนอีกหลายร้อยคน มองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
ทว่า ชายหนุ่มกลับเดินเข้าไปในหุบเขาอีกครั้ง หยิบลังไม้สองลังที่บรรจุวัตถุะเิออกมาจากช่องว่างมิติของตน ฝังไว้ที่ใต้เชิงเขา บริเวณทางออก
หลังจากวางชนวนะเิแล้วเสร็จ กู่ไห่ก็หยิบหินจุดไฟออกมา
พรึ่บ!
เปลวไฟลุกโชติ่
ฟึ่บ!
เมื่อจุดชนวนแล้ว ชายหนุ่มจึงะโลงไปยังเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
บริเวณรอบๆ กุ่ยเป่า ยังคงมีกลุ่มคนครึ่งอสูรจำนวนมาก ที่ยังคงจดจ่อกับการกินเนืุ้์ ทำให้เสียงแปลกๆ รอบด้าน ไม่อาจเรียกร้องความสนใจของพวกเขาได้
“แย่แล้ว... ผู้าุโกำลังจะแย่แล้ว!” ในที่สุด ก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา
“หืม?” กลุ่มคนครึ่งอสูรเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงหันมาให้ความสนใจกับผู้มาใหม่
“ผู้าุโกำลังต่อสู้กับไต้ซือหลิวเหนียน”
“อะไรนะ? ไต้ซือหลิวเหนียนหรือ?” ได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนไป
“แล้วกู่ไห่ล่ะ? กลุ่มคนโฉดสามพันคนของเขามาด้วยหรือไม่?”
“ไม่! มีเพียงกู่ไห่ แต่เขาก็สังหารศิษย์พี่ไปหลายคนแล้ว” ชายครึ่งอสูรคนนั้นกล่าว
“มีแค่กู่ไห่เพียงผู้เดียว? แล้วเ้าจะกลัวอะไร?” ทุกคนต่างถลึงตามองคนผู้นั้นทันที
“ไม่! กู่ไห่ เขา...” หากแต่สีหน้าของชายครึ่งอสูรคนนั้น กลับเต็มไปด้วยความกังวล
“เอาละ... คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างนอกนั่น คงจะหวาดผวากู่ไห่ไม่น้อย แต่ภารกิจนี้ก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ ดังนั้น พวกเ้าหนึ่งร้อยคน จงไปจับตัวเขามา” อาจารย์กล่าวอย่างเ็า
ผู้ที่ได้รับมอบหมาย พยักหน้าตอบรับทันที
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรหนึ่งร้อยคน ะโออกจากพื้นที่ ตรงไปยังหุบเขาที่อยู่ถัดไปทันที
ตูม!
เสียงะเิดังสนั่นทั่วบริเวณ ไกลออกไป ูเาสองลูกถึงกับถล่มลงมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกเขาพลันเบิกตากว้างด้วยความตะลึงงัน
“นั่นมันทางออกของค่ายกลมิใช่หรือ? ไปดูกัน... เร็ว!” ทุกคนรีบวิ่งไปยังจุดที่เกิดการะเิอย่างร้อนใจ
ทันทีที่มาถึง ก็พบเข้ากับฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้ง และทางออกที่ถูกปิดตายด้วยดินูเา ซึ่งพังถล่มลงมา
“ทางเข้าถูกปิดแล้วหรือ?” กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรต่างหน้าถอดสี
“เกิดอะไรขึ้น? กู่ไห่กลัวว่าพวกเราจะไปตามล่าเขาอย่างนั้นหรือ?”
“ต้องเป็เช่นนั้นแน่ ตอนนี้กู่ไห่เหลือตัวคนเดียว เขากำลังกลัวพวกเรา!”
เมื่อคิดเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนครึ่งอสูรต่างก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันอย่างทะนงตน
“ดูสิ!... มีคนอยู่ด้วย” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งร้องขึ้นด้วยความใ
ท่ามกลางฝุ่นควัน บนเนินดินที่พังทลายของูเาทั้งสองลูก ปรากฏร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งค่อยๆ ก้าวย่างตรงมายังพวกเขา รอบตัวของคนผู้นั้น ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำ ทั้งในมือยังกระชับกระบี่กระดูกเล่มหนึ่งไว้มั่น...
... กระบี่ที่มีพลังชี่สีดำปกคลุม
ฉึกๆ!
เหล่าผู้ฝึกตนครึ่งอสูรต่างเบิกตากว้าง เมื่อเห็นการมาเยือนของชายปริศนาในกลุ่มควัน
“กู่ไห่... นั่นกู่ไห่มิใช่หรือ?” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“เขาคนเดียว? มีแค่กู่ไห่คนเดียวจริงๆ หรือ?”
“เขาปิดกั้นทางเข้าออก เช่นนี้แล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจหลบหนีออกไปได้ นี่เขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่?”
“หรือคิดที่จะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่?”
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง หัวใจของกู่ไห่นั้น ข้าอยากจะกินมันมานานแล้ว”
“เมื่อครึ่งเดือนก่อน มันสังหารศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้า ดังนั้น ไม่เพียงต้องกินหัวใจของกู่ไห่ ไม่ว่าจะเป็หัวใจของลูกชาย หรือพ่อแม่ของมัน ข้าก็จะกินให้หมด... ข้าจะกินหัวใจของทุกคนในตระกูลมัน”
กลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรนับร้อย ค่อยๆ เคลื่อนกำลังเข้าล้อมกู่ไห่
นอกจากคนตรงหน้าจะไม่แสดงอาการหวาดวิตกใดๆ แล้ว แววตาของเขาในตอนนี้ กลับฉายแววเย็นะเื จนกลุ่มคนรอบกายเริ่มที่จะรู้สึกได้
ชายหนุ่มกวาดตามองเหล่าคนครึ่งอสูรตรงหน้า ด้วยสายตาเืเย็น ราวกับว่าคนเหล่านี้มิใช่มนุษย์
“ข้าได้รู้อะไรมากมายนักจากพวกเ้า ต่อไปนี้ ข้าจะไร้ซึ่งความปรานี มีแต่การนองเืที่จะมอบให้ ด้วยกระบี่นี้ ข้าจะกวาดล้างสำนักซ่งเจี่ยให้ได้
เผ่าอสูรเช่นพวกเ้า หากวันนี้ไม่กำจัดให้สิ้น เกรงว่าในภายภาคหน้า จะนำภัยมาสู่ผู้บริสุทธิ์อีกเป็จำนวนมาก” กู่ไห่กล่าวอย่างอำมหิต
ขณะพูด เขาก็ะเิพลังทั้งหมด แล้วทะยานไปยังกลุ่มคนครึ่งอสูรทั้งร้อยตนทันที
“อะไรน่ะ? เขายังกล้าพุ่งเข้ามาหรือ?”
“รนหาที่ตายจริงๆ!”
“บังอาจ!”
ฟึ่บๆๆ!
เหล่าผู้ฝึกตนครึ่งอสูรเมื่อเห็นเช่นนั้น ต่างก็รีบปรี่เข้าใส่กู่ไห่
ทว่า ยังไม่ทันได้แตะต้องอีกฝ่าย พลังชี่สีดำมากมายก็พุ่งออกจากกระบี่เจวี๋ยเซิง เข้ามาปกคลุมพวกเขาเสียก่อน
ฉึกๆ!
ท่าทีของกลุ่มศิษย์สำหนักซ่งเจี่ยพลันแปรเปลี่ยน มองพลังชี่สีดำด้วยความตื่นตะลึงและไม่เข้าใจ
“อะไรกัน? เหตุใดพลังกระบี่ของเขาถึงได้รุนแรงถึงเพียงนี้?”
“เขาเพิ่งเลื่อนระดับพลังเป็ก่อ์มิใช่หรือ?”
“พลังกระบี่เล่มนี้ แข็งแกร่งกว่าพลังกระบี่ของผู้าุโที่อยู่ในระดับแก่นทองคำเสียอีก”
“ไม่! นี่ต้องเป็ภาพหลอนแน่ๆ... ข้าไม่เชื่อ!”
แม้จะเข้าตาจน แต่คนเหล่านี้ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ กลุ่มที่อยู่หน้าสุด ฟันกระบี่ของตนออกไปทันที
แต่ถึงกระนั้น ความเร็วของกระบี่ที่เหวี่ยงลงมากลับช้าเกินไป จึงทำให้คลื่นกระบี่ของกลุ่มศิษย์เ่าั้ ถูกผ่าออกเป็สองส่วนโดยพลัน
ตูม!
เมื่อสบจังหวะ กู่ไห่ก็ไม่รอช้า ปราดเข้าใส่กลุ่มคนครึ่งอสูรอย่างว่องไว
“ท่าจะไม่ดีแล้ว!”
“พลังของกู่ไห่อยู่ในระดับแก่นทองคำแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“เป็ไปไม่ได้... อ๊าก!”
“กระบี่ของข้าแตกออกเป็เสี่ยงๆ หรือ? ไม่ๆๆ!”
“อ๊าก!”
“ควันดำ... ควันสีดำนั่น... มันมีกะโหลกอยู่ในพลังชี่สีดำด้วย”
“ศิษย์น้อง ศิษย์น้องถูกกลืนกินไปแล้วหรือ?”
“เร็วเข้า! บุกเข้าไปฆ่ากู่ไห่พร้อมๆ กัน”
ท่ามกลางเสียงะโโหวกเหวกของกลุ่มศิษย์ครึ่งอสูรกลุ่มนี้ กู่ไห่เคลื่อนร่างด้วยความเร็วสูงสุด เข้าจู่โจมพวกเขา มือใหญ่กวัดแกว่งกระบี่ยาวอย่างรวดเร็วกลางฝูงชน จนเกิดเป็คลื่นกระบี่มากมาย ไปปะทะกับกระบี่ของฝ่ายตรงข้าม
ทันใดนั้น กลุ่มควันสีดำก็พุ่งเข้าปกคุลมรอบตัวกู่ไห่ พลัน ฝูงกะโหลกจิ๋ว ก็ปรี่เข้ากัดกินศัตรูตรงหน้าทันที
งั่มๆ!
ศึกแลกชีวิตได้เริ่มขึ้นแล้ว...
“อ๊ากๆ! ไม่! อ๊าก...!”
เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวช ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง การโจมตีของกระบี่เจวี๋ยเซิงสำหรับกลุ่มคนครึ่งอสูรนั้น ยากต้านทานนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้