ดังนั้นถ้าอยากฆ่านางให้ตาย ใส่เพียงแค่หญ้าซวงฮวาแบบเว้น่ระยะก็พอแล้ว เช่นนี้ก็ไม่ทำให้คนเกิดความสงสัยด้วย
ซูิเยว่ยกยิ้ม แววตาประกายเ็า คนคนนี้จะช้าหรือเร็วนางต้องหาตัวให้ได้
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จซูิเยว่ก็เรียกเสี่ยวอวี่ หนิงหยวนและหวังซวินมาด้วย พวกเขาหลบอยู่ในห้องไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกัน ตอนที่ทั้งสามคนออกมานั้นสีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความจริงจัง
กลางดึกคืนนั้นภายในจวนสกุลซูเงียบสนิท มีเพียงเสียงร้องของแมลงกับเสียงกบที่อยู่ในสระบัวร้องดังออกมาเป็ระยะ
ภายในเรือนจุดไฟมานานแล้ว พอลมพัดตอนกลางคืนก็ทำให้แสงไฟสั่นไหวเล็กน้อย
ในเรือนของซูิเยว่มีแสงส่องออกมาจากหน้าต่างอย่างหาได้ยาก
จู่ๆ ภายในเรือนก็เกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย เหมือนว่ามีของบางอย่างตกลงมาจากที่สูง ต่อมาก็เป็เสียงดังอีกหลายครั้ง
อี้จูที่เฝ้าอยู่หน้าประตูซึ่งกำลังจะไปเปลี่ยนกะกับคนอื่น พอได้ยินเสียงนี้ก็ระวังตัวขึ้นมาทันทีแล้วรีบเข้าไปตรวจสอบภายในเรือน แต่ด้านในเงียบมาก ไม่มีความผิดปกติอะไรเลย
“พอเถิด อย่าทำเป็ใใหญ่โตกับเื่เล็กๆ”
น้ำเสียงของอวิ๋นเฉินเจือเสียงหัวเราะสบายๆ “ด้านหลังหอฮวาซีเป็ถนน ยากที่จะหลีกเลี่ยงให้มีแมวป่าหรือตัวอะไรเข้ามาได้ เ้าก็อย่าใไปเลย ไปเถิด ไปเปลี่ยนกะ เ้ายังต้องไปรายงานเื่ในวันนี้ให้กับใต้เท้าซูอีก”
อี้จูวางความระมัดระวังในใจลงแล้วหมุนตัวเดินออกจากเรือนไป “ข้าขอตัวก่อน”
หลังจากพวกเขาเดินออกไปได้ไม่นาน คนชุดดำหลายสิบก็พากันะโลงมาจากคานบ้าน
คนชุดดำที่เป็หัวหน้าทำท่าสั่งให้เคลื่อนตัวไปด้านหน้า คนสิบกว่าคนเดินเบาๆ มุ่งหน้าไปที่ห้องของซูิเยว่
ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงนอกห้องของซูิเยว่แล้วดันประตูเข้าไปนั้น แสงไฟภายในห้องก็พลันดับลง หัวหน้าคนชุดดำชะงักไปก่อนจะยกมือขึ้นทำสัญญาณให้หยุดแล้วพูดเสียงเบา “ระวังด้วย”
ต่อมาเขาก็ยกมือขึ้นผลักประตูห้อง ต้องอาศัยแสงจันทร์จากด้านนอกถึงจะมองเห็นได้ชัดเจน ตอนที่เข้าใกล้เชิงเทียนตรงหน้าประตูที่เพิ่งดับไปเพราะเทียนละลายจนสุดเล่ม คนชุดดำที่เป็หัวหน้าก็ถอนหายใจ พวกเขาได้ตรวจสอบมาก่อนแล้ว ด้านในเรือนที่ซูิเยว่พักนั้นไม่มีคนอื่นอยู่ แถมองครักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็มีความสามารถในการต่อสู้น้อย ไม่มีค่าพอให้หวาดกลัว
หัวหน้าคนชุดดำโบกมือก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไป ภายในเรือนมืดมากและเงียบสงัด เขาย่องฝีเท้าเดินอ้อมไปด้านข้างเตียง จากนั้นก็ยกมือเปิดผ้าม่านที่เตียงออก ผ้าห่มบนเตียงนูนขึ้นมาเล็กน้อย
หัวหน้าคนชุดดำยกยิ้ม เขาชักกริชที่เอวออกมาก่อนจะแทงรอยนูนบนเตียงอย่างแรง กริชด้ามนั้นแทงลึกลงไปจนถึงที่นอน หากเป็คนคนหนึ่ง คาดว่ายังไม่ทันส่งเสียงออกมาก็สิ้นลมไปก่อนแล้ว
ทว่าหลังจากแทงไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ตรงจุดที่กริชแทงเข้าไปนั้นอ่อนนุ่ม ไม่มีจุดที่สู้แรงเลย
ทันใดนั้นหัวหน้าคนชุดดำก็ระวังตัวขึ้นมาแล้วเปิดผ้าห่มออก ด้านใต้ผ้าห่มมีคนเสียที่ไหน ตรงจุดที่นูนเมื่อครู่ก็แค่วางหมอนใบหนึ่งเอาไว้ก็เท่านั้น ส่วนจุดที่กริชแทงเข้าไปก็เป็ด้านในหมอน
“คนล่ะ?” ในใจของหัวหน้าคนชุดดำส่งเสียงร้องเตือนยกใหญ่ เขารู้ว่าตัวเองติดกับเข้าแล้ว ตอนที่ถอยหลังไปได้สองสามก้าวก็รีบหันกลับแล้วพุ่งไปด้านนอก “รีบออกมา เกรงว่าจะมีคนซุ่มโจมตี”
คนชุดดำที่เหลือเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รีบถอยออกมาด้านนอก ระหว่างนั้นทุกอย่างก็วุ่นวายขึ้นไม่รู้ว่าพวกเขาไปชนเข้ากับอะไรบ้าง ต่อมาภายในห้องก็เงียบสงบลงพร้อมกับมีเสียงกระดิ่งใสๆ ดังขึ้นมาหลายเสียง จากนั้นก็มีกลิ่นแสบจมูกลอยมา
ทุกคนต่างหยุดชะงัก พอเริ่มรู้สึกตัวก็ยกมือขึ้นมาปิดจมูก แต่ก็สายไปเสียแล้ว คนชุดดำหลายคนร้องเสียงอู้อี้ ต่อมาก็เริ่มกระอักออกมาเป็ฟองสีขาวแล้วล้มลงไป
คนชุดดำที่เป็หัวหน้าพอเห็นแบบนี้ก็รีบกลั้นหายใจ โชคดีที่เขามีวิทยายุทธมากพอถึงได้ออกจากห้องทันเวลา แต่ก็มีคนชุดดำหลายคนล้มอยู่ในนั้น
คนชุดดำหลายคนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก พอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เข้ามาหา “ภายในห้องมืดเกินไป มองไม่เห็นอะไรในนั้นเลย เป็อย่างไรบ้าง?”
“มีกับดัก พวกเราติดกับแล้ว” หัวหน้าคนชุดดำสีหน้าเคร่งเครียด เขายกมือขึ้นมากุมอก
ตอนนี้เขารู้สึกแค่ว่าแน่นหน้าอกหายใจได้สั้นลง โชคดีที่เมื่อครู่เขาไหวตัวทัน พิษที่สูดเข้าไปจึงไม่มาก ไม่เช่นนั้นตอนนี้ก็คงเป็เหมือนคนพวกนั้นแล้ว “เร็วเข้า ปล่อยพลุสัญญาณ แจ้งพวกคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก”
“ขอรับ” คนชุดดำคนนั้นรีบล้วงพลุสัญญาณออกมายิงขึ้นฟ้า
เ้านายเคยสั่งเอาไว้ การเคลื่อนไหวในวันนี้จะต้องสำเร็จเท่านั้น ห้ามล้มเหลว ดังนั้นถึงความจะแตกก็ไม่สนแล้ว ซูิเยว่จะต้องตายเท่านั้น
สัญญาณสีแดงถูกยิงขึ้นไปบนฟ้าแล้วแตกกระจาย อีกทั้งสว่างเจิดจ้าเป็พิเศษในท้องฟ้าที่มืดสนิท
องครักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าหอฮวาซีเงยหน้ามองทิศทางที่พลุเด้งขึ้นมาก็หันมามองตากัน จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปโดยไม่ทันได้คิด
ในความมืดมีฝีเท้ามากกว่าเดิมเริ่มมารวมตัวกัน องครักษ์เงาที่เฝ้าคุ้มกันอยู่ทุกมุมของจวนสกุลซูรวมถึงองครักษ์ หลังจากเห็นสัญญาณนั้นก็เริ่มมุ่งหน้าไปที่หอฮวาซีโดยเร็วที่สุด
ในตอนนี้เองตรงตรอกเล็กด้านนอกจวนที่อยู่ด้านข้างกำแพงหอฮวาซี ซูิเยว่เงยหน้ามองพลุสัญญาณที่ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าจนส่องแสงสว่างเจิดจ้า สีหน้าก็เริ่มจริงจังขึ้นมา
ลางสังหรณ์ของนางบอกว่าคืนนี้อาจจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น นางจึงได้วางกับดักไว้ในห้องของตัวเองก่อนล่วงหน้า ภายในห้องผูกด้วยด้ายแดง บนเส้นด้ายแดงก็ห้อยกระดิ่งเอาไว้ ขอแค่มีคนััโดนกระดิ่ง ผงพิษที่นางใส่เข้าไปในกระดิ่งก็จะกระจายร่วงลงมา
จากนั้นนางก็พาเสี่ยวอวี่ หนิงหยวนและหวังซวินออกจากจวนไปรออยู่ด้านนอก
เป็ไปอย่างที่คิด เพียงไม่นานก็มีคนบุกเข้ามาที่หอฮวาซี
ตอนนี้ดูเหมือนว่ากลไกของนางเริ่มส่งประสิทธิภาพแล้ว แต่อย่างไรนางก็ประเมินพลาดไปนิดหน่อย ไม่คิดว่าพวกคนที่ตามฆ่านางจะไม่กลัวว่าแผนจะถูกเปิดเผยแถมยังส่งสัญญาณไปแจ้งนอกจวนอีก
“คุณหนู ท่านคงจะเดาได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าหรือขอรับ?” หนิงหยวนที่ยืนอยู่ข้างซูิเยว่ทำหน้าจริงจัง มือวางอยู่ตรงกริชที่บริเวณเอวตลอด “เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดีขอรับคุณหนู?”
“แยกย้ายก่อน พวกเขาส่งสัญญาณขึ้นไปแล้วก็หมายความว่ายังมีแผนอื่นอีก ตอนนี้องครักษ์ภายในจวนก็คงตกอกใกันหมดแล้ว พวกเราก็แค่ถ่วงเวลาจนกว่าองครักษ์มาถึงก็พอ”
“ขอรับ”
ซูิเยว่เดินไปด้านหน้า เสี่ยวอวี่ที่ไม่มีวิทยายุทธกับหวังซวินเดินอยู่ตรงกลาง ส่วนหนิงหยวนเดินคุ้มกันด้านหลัง ทั้งสามคนเพิ่งออกมาจากในตรอกเล็กๆ นาทีต่อมาฝีเท้าของซูิเยว่ก็หยุดลง
ตรงหน้าตรอกมีคนชุดดำหลายสิบคนล้วนสวมชุดเตรียมต่อสู้ ในมือของพวกเขาต่างถือกระบี่เอาไว้
“คุณ....คุณหนู” เสี่ยวอวี่ไม่เคยเห็นขบวนรบใหญ่ขนาดนี้ วินาทีนั้นนางจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หวังซวินที่ยืนอยู่ด้านหลังนางก็หน้าซีดขาวเช่นกัน เขาคิดว่าคนพวกนี้เป็คนที่องค์ชายห้าส่งมาฆ่าเขา
หนิงหยวนที่อยู่ท้ายสุดเดินมาเคียงไหล่ซูิเยว่ ในมือกำกริชแน่น กล้ามเนื้อบนตัวแข็งเกร็ง ท่าทางเตรียมพร้อมต่อสู้
สายตาเฉียบคมกวาดมองไปบนตัวของคนชุดดำหลายคนที่อยู่ไม่ไกล “คุณหนู อีกเดี๋ยวข้าจะคุ้มกันท่าน พวกท่านหนีไปก่อน”
ยิ่งเกิดเื่แบบนี้ขึ้นในใจของซูิเยว่กลับยิ่งสงบลง แววตาของนางลุกโชน มือวางไว้ที่เอว ตรงนั้นนางได้ใส่ผงพิษหลายสิบห่อเอาไว้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้