หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่พาลู่จื่อยู่ออกไปข้างนอก อธิบายวิธีการรักษาไข้ทรพิษโดยสังเขประหว่างทาง
เมื่อฟังสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่ก็ก้มศีรษะลงครุ่นคิด
ราวกับว่าเขาครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ เขาเหลือบมองไปที่หลินกู๋หยู่ "เ้ารู้ได้อย่างไรว่าไข้ทรพิษสามารถรักษาได้ด้วยฝีดาษเช่นที่เ้าได้พูดถึง?"
เมื่อได้ยินคำถามของลู่จื่อยู่ หลินกู๋หยู่ก็คลี่ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก จากนั้นก้มศีรษะลงและพูดเรียบๆ ว่า "ข้าก็แค่โชคดีบังเอิญพบวิธีรักษาก็เท่านั้น"
“ไข้ทรพิษเป็โรคที่อันตรายมาก ถ้าเ้า้ารักษาถึงต้นตอ จะต้องใช้สมุนไพรชนิดพิเศษ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะใช้สมุนไพรใดถึงจะหายได้” หลินกู๋หยูแสร้งทำเป็งงงวยระหว่างพูดต่อว่า “แต่ถ้าใช้พิษต่อสู้กับพิษ ก็ยังมีความเป็ไปได้อยู่”
ลู่จื่อยู่พยักหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "นั่นเป็สาเหตุที่เ้าใช้ฝีดาษสินะ"
“อืม” หลินกู๋หยู่ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด วิธีการรักษานี้นางไม่ใช่คนคิดค้น แต่คนสมัยใหม่ต่างก็รู้วิธีการรักษานี้ดี
ผู้คนสมัยใหม่ต่างได้รับการฉีดวัคซีนและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่คนที่นี่ไม่มีใครใช้สิ่งเหล่านี้เลย จึงไม่รู้ว่าจะรักษาให้หายได้อย่างไร
"ข้าได้รับคำสอนแล้ว" ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่ข้างๆ อย่างมีความสุขก่อนจะถอนหายใจ "เมื่อเื่นี้จบลง ข้าหวังเป็อย่างยิ่งว่าแม่นางหลินจะสามารถมาทำงานที่โรงหมอของข้าได้"
ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังจะพูด นางก็ได้ยินลู่จื่อยู่พูดอย่างมีความสุขต่อว่า "เงินเดือนนั้นต่อรองได้"
เมื่อ่เวลาที่ผ่านมา ลู่จื่อยู่คอยช่วยเหลือนางมาโดยตลอด หลินกู๋หยู่พยักหน้า แล้วพูดต่อว่า "ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่ข้าจะทำงานที่นั่นเป็บางวันเท่านั้น"
ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยความผิดหวัง จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเื่นี้ หลินกู๋หยู่ที่เก่งกาจเช่นนี้ มาทำงานที่โรงหมอบางวันย่อมดีกว่าไม่มาเลยสักวัน และเวลานี้เขากำลังขอร้องหลินกู๋หยู่ให้มารักษาคนไข้ที่โรงหมอของเขา
"ตกลง"
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ลู่จื่อยู่ก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเดินตามหลินกู๋หยู่ไปที่บ้านของผู้ป่วย
จากการเดินตามหลินกู๋หยู่ตรวจเยี่ยมผู้ป่วย ลู่จื่อยู่รู้สึกว่าเขามักจะพบสิ่งใหม่ได้เสมอ
วิธีการฝังเข็มของหลินกู๋หยู่นั้นแย่มาก มองแวบแรกก็รับรู้ได้ว่านางเป็มือใหม่ แต่จะเห็นได้ว่าในทุกจุดที่นางปักเข็มลงไป นางฝังเข็มได้แม่นยำมาก
“ร่างกายของเขายังร้อนอยู่มาก และเขายังมีไข้อยู่” หลินกู๋หยู่มองไปที่ลู่จื่อยู่ด้านข้าง “มีไข้ตัวร้อนเป็อาการหนึ่งของไข้ทรพิษ ในเวลานี้หลังจากที่เราใช้ฝีดาษแล้ว เรายังต้องให้คนไข้กินยาลดไข้ เช่นนี้จะได้หายเร็วขึ้น”
"บางครั้งร่างกายของเขาอาจจะไม่เห็นผลแม้จะทานยาไปแล้วก็ตาม และจำเป็ต้องรักษาภายนอก ซึ่งก็คือการเช็ดตัวด้วยสุรา" หลินกู๋หยู่ค่อยๆ ดึงเข็มออกจากร่างกายของผู้ป่วย แล้วพูดต่อว่า "โดยปกติแล้วพวกเรามักจะใช้น้ำเย็นมาเช็ดตัวผู้ป่วย แต่ฤทธิ์การระเหยของน้ำไม่ดีเท่าสุรา ถ้าใช้สุราเช็ดตัว ไข้ก็จะลดเร็ว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ลู่จื่อยู่รู้สึกมึนงงแม้เขาพยักหน้าคล้ายเข้าใจ แต่คล้ายไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
หลังจากรักษาผู้ป่วยบ้านนี้เสร็จแล้ว เขาติดตามหลินกู๋หยู่ไปที่บ้านของผู้ป่วยรายถัดไป
ทุกครั้งที่พวกเขาจะเข้าไปในบ้านของผู้ป่วย ลู่จื่อยู่มักจะเห็นผู้คนยืนรอพวกเขาอยู่ที่ประตู
เมื่อทุกคนเห็นหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความขอบคุณ
คนป่วยในบ้านนี้คือคนชรา หญิงชราอายุมากแล้ว ร่างกายซูบผอมเนื้อหนังแทบติดกระดูก ดวงตาทั้งสองเหลืองเป็พิเศษ
“ท่านหมอ” หญิงชราพูดอย่างอ่อนแรง นางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยสายตาวิตกกังวล นางพูดอย่างช้าๆ ว่า “ข้าจะมีโอกาสหายดีได้หรือไม่?”
หลินกู๋หยู่ฉีกยิ้มและพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ขณะยื่นมือออกไปััชีพจรของหญิงชรา
เมื่อสังเกตสภาพร่างกายของหญิงชรา ดูเหมือนนางจะดีขึ้นกว่าเมื่อวาน
“พี่หญิง พี่ให้ท่านยายดื่มชาที่ข้าให้ไปเมื่อวานนี้หรือไม่?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองไปทางลูกสะใภ้คนใหม่
ลูกสะใภ้คนใหม่ผงกศีรษะอย่างแรง และพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าโศกเต็มประดา "ข้าทำทุกอย่างที่ท่านหมอได้สั่งกำชับไว้ แต่แม่สามีของข้าก็ดูเหมือนจะยัง... "
หลินกู๋หยู่คิดถึงเื่นี้ ในวันนี้นางจึงสั่งกำชับให้ผู้ดูแลให้หญิงชราดื่มน้ำต่อไปอีกหนึ่งวัน
น้ำเกิดใหม่เป็น้ำจากยาสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์จริงๆ และอาการของหญิงชราดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวาน
ตัวนางเองก็ไม่แน่ใจว่ายาสมุนไพรจะมีผลอย่างไร บางทีหญิงชราอาจจะอยู่ได้อีกสักระยะ
เมื่อออกจากบ้านผู้ป่วย ลู่จื่อยู่ก็หันไปมองหลินกู๋หยู่ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า "นางป่วยหนักเกินเยียวยาแล้ว แต่เ้าก็ยังให้ยากับนางอีกหรือ?"
“ร่างกายของนางดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก” หลินกู๋หยู่พูดอย่างครุ่นคิด “ถ้าผู้ป่วยผ่านจุดนี้ไปได้และบำรุงร่างกายให้ดี นางจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกสักระยะหนึ่ง”
หากเป็ลู่จื่อยู่พบผู้ป่วยเช่นนี้ เขารู้สึกว่าการที่ผู้ป่วยจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเช่นนี้ ผู้ป่วยควรจะเสียชีวิตให้เร็ว ย่อมดีกว่าการมีชีวิตอยู่ก็เป็ภาระให้ผู้อื่นเสียเปล่า
หลังเดินต่อไปข้างหน้า เขาก็เห็นบ้านที่ว่างเปล่า หลินกู๋หยู่เดินเข้าไป และเห็นชายชรานอนเงียบๆ อยู่บนเตียง หลานสาวของเขาคุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตาไหลท่วมหน้า
“ท่านหมอหลิน” เมื่อเด็กสาวตัวเล็กๆ เห็นหลินกู๋หยู่เดินเข้ามา น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างอดไม่ได้ เสียงของนางก็สำลัก “ท่านปู่ของข้าเสียแล้ว”
หลินกู๋หยู่มองไปที่ศพซึ่งปราศจากความอุ่น และมองไปที่เด็กสาวตัวเล็กๆ ด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อยเต็มประดา
เมื่อมารดาของนางเสียชีวิต หลินกู๋หยู่ร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวัน นางยังจำความรู้สึกเศร้านั้นได้จนถึงตอนนี้อย่างชัดเจน
“จากนี้ไป” เด็กสาวตัวเล็กๆ สูดจมูกอย่างแรง และมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ข้าก็ไม่เหลือญาติแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กสาว หลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดทรมานอย่างมาก นางเอื้อมมือไปแตะที่ศีรษะของเด็กสาวคนนั้น "มันจะดีขึ้น"
หลังจากพูดปลอบโยน หลินกู๋หยู่ออกจากบ้านนั้น แล้วเดินออกไปข้างนอก
ทันทีที่ไปถึงประตูบ้าน หลินกู๋หยู่ก็พบว่าขาของนางถูกคนจับไว้
เมื่อนางหันกลับมา นางก็เห็นเด็กสาวตัวเล็กๆ คุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง
“ท่านหมอหลิน” เฉิงอันอันมองหลินกู๋หยู่น้ำตาอาบท่วมใบหน้าและพูดพลางร่ำไห้ว่า “ข้าขอร้องท่าน ขอท่านได้โปรดสอนทักษะทางการแพทย์ให้ข้าที ได้หรือไม่?”
หลินกู๋หยู่มองไปที่เฉิงอันอันด้วยความประหลาดใจ เมื่อนางนึกขึ้นได้ นางก็รีบก้มลงและเอื้อมมือประคองเฉิงอันอันเพื่อให้ลุกขึ้นยืน
เฉิงอันอันผลักมือของหลินกู๋หยู่ออกไป พูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง "ท่านหมอหลิน ข้าไม่อยากเห็นคนอื่นตายต่อหน้าข้าอีก ข้าอยากเรียนแพทย์ ข้าอยากจะช่วยชีวิตคนป่วยทุกคน และข้าก็ไม่อยากที่จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อลูกของข้าป่วย"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉิงอันอันพูด มือของหลินกู๋หยู่ก็หยุดอยู่ท่ามกลางอากาศ นางมองไปที่เฉิงอันอันด้วยความประหลาดใจ
"ท่านหมอหลิน ข้ารู้ว่าท่านจิตใจดี ท่านสอนทักษะการแพทย์ให้ข้าได้หรือไม่?"
“เ้าลุกขึ้นก่อน” หลินกู๋หยู่มองท่าทางของเฉิงอันอัน “ข้าไม่ชอบให้คนอื่นคุกเข่าเช่นนี้”
“ขอแค่ท่านตอบตกลง ข้าก็จะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” เฉิงอันอันพูดอย่างไม่ย่อท้อ สายตาของนางจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ “ได้โปรดเถอะ”
มองไปที่เฉิงอันอันที่กำลังคุกเข่า นางถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "ข้าจะไม่เป็อาจารย์ของเ้า แต่ข้าสอนเ้าได้ เ้าเรียนรู้ได้มากเท่าที่เ้าจะเรียนรู้ได้ เ้ารีบลุกขึ้นมาเถอะ!"
เมื่อได้ยินหลินกู๋หยู่พูดเช่นนี้ เฉิงอันอันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า
“กลับไปเผาปู่ของเ้าเถอะ” หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่เช่นนั้นโรคนี้จะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น ทุกสิ่งที่เขาใช้ก็ต้องเผาด้วย”
“นี่?” เฉิงอันอันมองหลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ
“ในวันข้างหน้าข้าจะบอกสมาชิกในบ้านของผู้ป่วยไข้ทรพิษด้วยว่าสิ่งของเครื่องใช้ที่คนป่วยใช้ เชื้อโรคมักจะติดอยู่ที่ข้าวของเ่าั้ ตราบใดที่นำของเ่าั้มาเผาไฟทั้งหมด เช่นนั้นย่อมไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดโรคนี้อีกในอนาคต” หลินกู๋หยู่กล่าวอย่างใจเย็น
ใบหน้าของเฉิงอันอันมีน้ำตาใสแจ๋วอยู่ นางสูดจมูกอย่างแรง ดวงตาของนางเปียกปอนอย่างไม่อาจควบคุมได้ "ท่านหมอ ข้ามีท่านปู่เพียงคนเดียว"
หลินกู๋หยู่ส่ายศีรษะอย่างหมดหนทางอื่น พูดอย่างเคร่งขรึมว่า "เผาข้าวของเครื่องใช้ของเขาทั้งหมดเสียดีกว่า"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด เฉิงอันอันก็รู้สึกทรมานมาก แต่อย่างไรก็ตาม นางผงกศีรษะ
หลังจากเดินไกลจากบ้านดังกล่าว ลู่จื่อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม "เ้าไม่กลัวว่าในอนาคตนางจะเคียดแค้นที่เ้ารักษาปู่ของนางไม่หายหรือ?"
"การที่จะรอดชีวิตหรือไม่ ทั้งหมดทั้งมวลก็ล้วนเป็เพราะโชคชะตาของแต่ละคน ข้าไม่ใช่เทพเซียน ข้าไม่สามารถช่วยทุกคนได้" หลินกู๋หยู่หยุดก้าวช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่ "บางคนอาการดีขึ้นได้ นั่นเป็เพราะเดิมทีพื้นฐานร่างกายของคนนั้นดีอยู่แล้ว แต่บางคนสุขภาพไม่ดี เมื่อถึงอายุขัยแล้ว ข้าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ชีวิตเป็สิ่งที่บังคับกันไม่ได้จริงๆ”
เมื่อก่อนนางไม่เชื่อเื่นี้ แต่หลังจากที่นางข้ามภพมาที่นี่ นางก็ตระหนักได้ว่า ผีและิญญาอาจจะมีจริง
"เ้า…" ลู่จื่อยู่มองไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู สายตาคู่นั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ดวงตาของหลินกู๋หยู และเอ่ยถามเบาๆ ว่า "เ้าแต่งงานกับคนๆ นั้นด้วยความเต็มใจหรือไม่?"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่ลู่จื่อยู่ด้วยความสับสน
“เ้า” ลู่จื่อยู่กัดริมฝีปากล่าง เสียงของเขาลังเลอยู่หลายส่วน “เ้าคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่านี้”
ในยุคปัจจุบัน แม่ของนางล้มป่วยและจากไป เมื่อเห็นว่าพ่อของนางแต่งงานกับแม่เลี้ยงเร็วดุจสายฟ้าแลบ หลินกู๋หยู่ก็ไม่มีความคาดหวังต่อความสัมพันธ์ใดๆ มากมายอีกต่อไป
ความรักคืออะไรหรือ? พ่อกับแม่ของนางอยู่ด้วยกันมาเป็เวลายี่สิบปี พ่อของนางก็สามารถปล่อยความสัมพันธ์นี้ไปได้อย่างง่ายดาย ผู้ชายแบบไหนกันที่ควรค่าต่อการเชื่อใจหรือ?
“ข้าไม่เชื่อในเื่ความรัก” หลินกู๋หยู่พูดเย้ยหยันตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าเมื่อไร ผู้ชายก็มักจะเป็ฝ่ายที่ทำให้ผู้หญิงผิดหวังได้อย่างง่ายดายเสมอ”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความคับข้องใจเล็กน้อย เต็มไปด้วยความผันผวนที่ไม่สิ้นสุด
ลู่จื่อยู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจหลินกู๋หยู่
"แต่ยังมีผู้ชายที่ไม่ทำให้ผู้หญิงผิดหวัง" ลู่จื่อยู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบโยน
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปที่ดวงตาที่เป็ห่วงเป็ใยของลู่จื่อยู่ แล้วหันศีรษะไปอีกข้างหนึ่ง "เ้าพูดถูก ย่อมมีบางคนที่ไม่ทำให้ผิดหวัง"
ไม่รอให้ลู่จื่อยู่พูด หลินกู๋หยู่ก็กล่าวต่อว่า "การไม่ทำให้ผิดหวังนั้นเป็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ยังมีใครบ้างที่สามารถยึดติดและดูแลปกป้องคนที่พวกเขาชอบไปตลอดชีวิตได้หรือ?"
"นี่......"
“นกยวนยาง [1]” หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลง นางนึกถึงนกในตำนาน พูดอย่างหมดหนทางว่า “ข้าได้ยินมาว่าพวกมันอยู่กันเป็คู่ และที่เรียกว่าเป็คู่ คือหนึ่งตัวเมีย หนึ่งตัวผู้”
"แต่ในโลกนี้ บุรุษจำนวนมากแต่งงานกับสตรีหลายคน และสตรีส่วนใหญ่ก็ทำได้แต่รอบุรุษของตนเองในบ้านอย่างขมขื่น" หลินกู๋หยู่รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เมื่อนึกถึงบรรดาสตรีที่น่าสงสารเ่าั้
…………………………………………………………………………………….
[1] นกยวนยาง หรือเป็ดแมนดารินเป็สัญลักษณ์ที่คนจีนสื่อถึงสามีภรรยาที่รักใคร่กัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้