บทที่ 156 ผีร่ำสามสังหาร
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันบนเวทีน่าตกตะลึงยิ่งนัก
การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันนี้ ไม่มีใครคิดว่าแค่ฉู่อวิ๋นไม่พอใจก็จะชักกระบี่ออกมาฟันโดยไม่ปริปาก
แต่สิ่งที่น่าใที่สุด คือปราณกระบี่ของฉู่อวิ๋นที่ฟันออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้โม่ซิวที่ไม่ทันระวังตัวถอยหลังจนเกือบร่วงจากเวที
ถ้าไม่ใช่เพราะโม่ซิวตอบสนองได้เร็ว ฉู่อวิ๋นก็อาจจะชนะในกระบวนท่าเดียวก็ได้
นี่แสดงถึงอะไร?!
ทุกคนเข้าใจทุกอย่างในทันที เห็นได้ชัดว่าั้แ่ขึ้นเวทีไป ฉู่อวิ๋นก็ปิดบังพลังของตนเองมาตลอด!
ในการประลองสี่ครั้งติดต่อกัน เขาเพียงใช้ฝ่ามือเข้าปะทะและไม่ใช้อาวุธเลย
แท้จริงแล้วเขาคือผู้ฝึกกระบี่! คือนักกระบี่มากพร์! มิเช่นนั้นจะพลังอันมหาศาลนี้ได้อย่างไร?
“ข้าอยู่มาจนถึงป่านนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เห็นคนหยิ่งผยองเช่นนี้ ไม่ยอมใช้กำลังทั้งหมดในการประลอง ซ้ำยังเป็เพียงเด็กจากขอบเขตควบแน่นพลังปราณ!”
ชายชรากะพริบตา ดูค่อนข้างตื่นเต้น ราวกับได้จุดประกายความหลงใหลที่หายไปนานในหัวใจของเขา
“ตอนที่เ้าเด็กชาวป่านั่นเหวี่ยงกระบี่ พลังปราณของเขาก็จะเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่ไร้ประโยชน์ กระบวนท่าโจมตีจึงเกิดผลอย่างสูงสุด เขาเป็คนที่บรรลุถึงจิตไหวกระบี่ระดับสูงได้แล้วจริงๆ!”
บริเวณลานประลองมีนักกระบี่หลายคนถอนหายใจ
นักกระบี่าุโเหล่านี้เองก็เคยบรรลุจิตไหวกระบี่ แต่น่าเสียดายที่ทักษะกระบี่ของพวกเขาหยุดนิ่งมานานหลายปี ทว่ากลับไม่คิดหวังว่าจะได้เห็นนักกระบี่อัจฉริยะรุ่นเยาว์สองคนปรากฏตัวพร้อมกันในวันเดียว นี่ทำให้พวกเขาละอายใจจริงๆ
แน่นอนว่าผู้ฝึกกระบี่เหล่านี้ล้วนสามารถมองเห็นระดับพลังยุทธ์ของฉู่อวิ๋นได้ อันนำมาซึ่งความประหลาดใจและยกย่องเขาไม่หยุด
คำพูดยืนยันและคำชื่นชมเ่าั้แพร่กระจายไปยังผู้ชมทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนมันจะจุดประกายอารมณ์ของทุกคนขึ้นอย่างสมบูรณ์
“นี่คือการต่อสู้ระหว่างนักกระบี่อัจฉริยะรุ่นเยาว์สองคน!”
“ผลึกมืดซิวหลัวกับกระบี่สังหารหรือ?!”
ใบหน้าของทุกคนแดงก่ำ ลำคอคล้ายตีบตัน พวกเขายืนขึ้น ะโ และโห่ร้อง นี่เป็การแข่งขันที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุดในประวัติศาสตร์!
นักกระบี่มากพร์เพียงคนเดียวก็เหลือร้ายแล้ว นับประสาอะไรกับสองคน?
ยิ่งไปกว่านั้น อัจฉริยะผู้ฝึกกระบี่อีกคน “อวิ๋นชู” เป็เพียงนักรบของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้น! การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ลานประลองของเมืองชุยเสวี่ยอย่างแน่นอน!
ทุกคนต่างตื่นเต้นรอคอย เพราะไม่ว่าผู้ใดแพ้หรือชนะ การประลองครั้งนี้ก็คุ้มค่าที่ได้ชม!
ผลลัพธ์สุดท้าย คือการประชันห้าัจะยังคงรักษาชื่อเสียงเอาไว้ต่อไป?
หรือจะเป็คนป่าจากขอบเขตควบแน่นพลังปราณที่ทำลายสถิติการประชันห้าัไป?
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นไร แต่นอกเหนือจากข่าวงานแต่งของตระกูลฉู่ นี่จะเป็อีกหนึ่งเื่ที่ถูกกล่าวขานไม่น้อยไปกว่ากัน!
ยามนี้ เมื่อได้ยินเสียงโห่จากผู้ชม โม่ซิวก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น เขาหายใจเข้าเพื่อสงบสติอารมณ์เล็กน้อย
จากนั้นก็กลับมาเย่อหยิ่ง มองไปที่ฉู่อวิ๋นแล้วพูดว่า “เ้าขยะ คิดว่าใช้เพียงปราณกระบี่ครั้งเดียวก็จะผลักข้าลงจากเวทีได้หรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
“ครั้งเดียวไม่ได้?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นส่อแววเ็า เขายืนพร้อมยกกระบี่ขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เช่นนั้นก็...สองครั้ง!”
“ควับ!”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ปราณกระบี่ก็พุ่งออกไปแล้ว ฉู่อวิ๋นไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับโม่ซิว เขาถือหิมะย่ำรุ้งพุ่งออกไป ก่อนจะยกมือขึ้นและฟันปราณกระบี่ไฟหยางออกไปหลายสิบครั้ง คล้ายเป็ก้อนเมฆที่ล้อมอยู่รอบตัวโม่ซิว
เขา้าโจมตีก่อน กระบี่ในมือกะพริบอย่างต่อเนื่อง แสงสีสองดวงสว่างวาบ ทำให้ทั่วทั้งเวทีประลองร้อนระอุ
ฉู่อวิ๋นรู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ผู้มีชื่อเสียงด้านการสังหาร เขาต้องปรามอีกฝ่ายให้อยู่หมัด ไม่เช่นนั้นแม้เพียงหายใจเข้าสถานการณ์ก็อาจจะพลิกผันได้
โม่ซิวเป็ที่รู้จักในนามกระบี่สงัดนิรันดร์ เขามีชื่อเสียงพอๆ กับคุณชายชุยเสวี่ย นี่ไม่ใช่เื่เท็จแต่อย่างใด
“เ้าขยะ เช็ดคอให้สะอาดไว้ แล้วรอให้ข้าปาดมันเสียเถอะ!”
ในขณะเดียวกัน โม่ซิวก็เริ่มกระตุ้นตัวเอง เขาหยิบกระบี่ขึ้นมา ตัวกระบี่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีฟ้า พุ่งทะลุม่านกระบี่หนาแน่นที่อยู่ตรงหน้าตน
“ฉึก!”
แสงสีฟ้าสาดไปทั่วความว่างเปล่า โม่ซิวถือกระบี่อยู่ในมือ พุ่งทะลุม่านกระบี่ที่หนาทึบคล้ายห่าฝนเข้าไป จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วมากขึ้น ร่างกายกลายเป็ภาพเงา หมุนไปรอบๆ ฉู่อวิ๋นอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจคาดเดาตำแหน่งได้
“สมแล้วที่เป็นักรบระดับห้าขั้นมหาสมุทร แม้แต่พลังปราณไฟหยางก็เอาชนะเขาไม่ได้ง่ายๆ!”
ฉู่อวิ๋นลอบถอนหายใจ และจู่ๆ ก็ดึงหิมะย่ำรุ้งกลับมาอยู่ในท่าป้องกัน ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าผมที่ท้ายทอยลุกชัน เขาใมาก ก่อนจะรีบหันกลับไปและะโหลบ!
“ควับ!”
ทันทีที่ถอยกลับ ก็มองเห็นแสงกระบี่สีฟ้าฟันผ่านเขาไปด้วยแรงอาฆาต แม้แต่อากาศก็ยังส่งกลิ่นคาว
ฉู่อวิ๋นฮึใส่ไปหนึ่งคำ ระดมพลังปราณไฟหยางก่อนจะยกกระบี่ขึ้นมาสกัดกั้น ปล่อยเมฆเพลิงสีแดงเข้มออกมา แผดเผาพลังสังหารที่พุ่งเข้ามา ทำให้กระบวนท่าสังหารที่มาจากอีกฟากสลายหายไป
แต่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงผีร้องโหยหวน และในเวลาเดียวกัน แสงกระบี่สีน้ำเงินเข้มอีกสองดวงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า!
อาจกล่าวได้ว่าผีทั้งสองนี้อยู่ในกระบวนท่าสังหาร เกิดขึ้นจากกระบวนท่าสังหารถูกฉู่อวิ๋นเอาชนะได้ เรียกได้ว่าร้ายกาจอย่างยิ่ง ยากที่จะหลบเลี่ยง
“เหอะ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แสนอันตราย ฉู่อวิ๋นมองดูอย่างเคร่งขรึม แค่นเสียงเล็กน้อยแล้วะโกลับ!
ขณะที่ทะยานขึ้นไปในอากาศ เขายกกระบี่ขึ้นในแนวทแยง คมกระบี่ลุกโชนด้วยไฟผลาญ เมฆกระบี่สีแดงถูกฟันออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาหลีกเลี่ยงการโจมตี ทั้งยังตอบโต้กลับได้อย่างสูสี
“ควับ!”
โม่ซิวสูดจมูกอย่างเ็าและขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะสกัดกั้นผีร่ำสามสังหารของเขาได้ เขาฟันกระบี่ไปปะทะกับปราณกระบี่ไฟหยาง จากนั้นก็ถอยออกไปสองสามก้าว ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“ตึก!”
พวกเขาทั้งสองร่อนลงบนพื้นพร้อมๆ กัน ยืนห่างกัน ทั้งสองสบตากัน ต่างก็แสดงท่าทางที่น่าเกรงขาม
“เมื่อครู่เกือบโดนกระบี่นั่นเข้าไปแล้ว สมญานามกระบี่สงัดนิรันดร์ของโม่ซิวสมชื่อดีจริง ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งหาจุดตาย!”
“ดูท่าแล้ว สิ่งที่เรียกว่าวิชากระบี่สงัดนิรันดร์ของเขาคือการพุ่งเข้าโจมตีซ้ำๆ เฉือนฟันทีละครั้งโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่แปลกใจเลยที่แรงอาฆาตจะมากขนาดนั้น”
ฉู่อวิ๋นถือกระบี่ในแนวนอนพลางวิเคราะห์ในใจ หลังจากปะทะกันสองสามรอบ เขาก็รับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดในวิชากระบี่ของโม่ซิว
“ฮ่าๆ ข้าดูเบาเ้าแล้ว! ถึงกับสามารถหลบหลีกผีร่ำสามสังหารของข้าได้ แต่ครั้งต่อไปเ้าไม่มีทางโชคดีเช่นนี้แล้วแน่”
โม่ซิวดูถูก แต่ในความเป็จริง เขาเองก็ใไม่น้อย เพราะในอดีต ฝ่ายตรงข้ามที่อ่อนแอกว่าเขาย่อมไม่อาจสังเกตเห็นผลที่ตามมาของกระบวนท่านั้นได้ การต่อต้านมันยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่กระบวนท่าสังหารที่แสนภาคภูมิใจนี้กลับถูกฉู่อวิ๋นมองออก นี่ทำให้โม่ซิวประหลาดใจอยู่เงียบๆ
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้ ไม่มีใครได้เปรียบใคร”
“ไม่ถูก ผีร่ำสามสังหารเป็หนึ่งในกระบวนท่าที่โด่งดังของโม่ซิว ทั้งรวดเร็วทั้งประหลาด ยากจะป้องกัน แต่เ้าเด็กชาวป่าคนนี้กลับปัดทิ้งได้ เห็นได้ชัดว่ามีทักษะที่เหนือกว่า”
มีคนคอยจับตาดูทุกสถานการณ์การต่อสู้บนเวทีประลองแล้ววิเคราะห์อย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน หลายคนก็เฝ้าดูด้วยความหวาดหวั่น เพราะพวกเขารู้ดีว่าใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ โม่ซิวอาศัยกระบี่เล่มนั้นกวาดล้างการประชันห้าั ผู้ท้าทายก่อนหน้านี้ต่างพ่ายแพ้ภายในสองกระบวนท่าสุดท้าย
แต่เห็นได้ชัดว่าฉู่อวิ๋นได้ทำลายกระบวนท่าสังหารนี้ลงเสียแล้ว แม้จะอันตราย แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก
“เหอะๆ ดูเหมือนว่าโม่ซิว หมาบ้าแสนผยองได้พบกับคู่ต่อสู้ตัวจริงเข้าแล้ว… แต่เด็กสวมหน้ากากนั่นอยู่ในขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้นนะ จะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนั้นเลยหรือ? น่าสงสัยจริงๆ”
ซิวหลัวหน้าผีจับจ้องไปยังเวทีประลอง ดวงตาภายใต้หน้ากากค่อนข้างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าชายลึกลับคนนี้สนใจในทักษะวิชายุทธ์มาก
“อะไรกัน?”
ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ แสร้งทำเป็ไม่ใส่ใจ และพูดว่า “กระบวนท่าของเ้าถูกข้าทำลายลงอีกแล้ว ไม่รู้สึกอับอายหรือ?”
“หุบปาก!” โม่ซิวะโด้วยความโกรธ หน้านิ่ว จากนั้นยกกระบี่ขึ้นอีกครั้งและพูดว่า “ข้ารับรองว่าเ้ารอดไม่พ้นกระบวนท่าถัดไปของข้าแน่!”
“ควับ!”
พูดจบ โม่ซิวก็ขมวดคิ้วแน่น ท่าทางเปลี่ยนไปทันที เขาเริ่มจริงจังขึ้นมาแล้ว!
สายตามองเห็นเขาวิ่งไปข้างหน้า รวดเร็วราวภูตผี พุ่งตรงเข้ามาหา แสงกระบี่นั้นเ็าราวกับหิมะ มันเบ่งบานด้วยแสงสีแสนลึกลับและแหลมคม ราวกับผีจากนรกที่แทรกพื้นพิภพผุดขึ้นมาบนโลก
ด้วยเสียงควับ กระบี่ก็ฟันผ่านอากาศ ทำให้เกิดคลื่นลมราวกับผีกำลังร่ำไห้ ส่งเสียงหึ่งหนวกหู จากนั้นแสงกระบี่ก็กลายเป็เงาผีพุ่งตรงมาหาเขาทีละตัว
กระบวนท่านี้อันตรายมาก มันก่อตัวเป็เงาผีสูงและบิดเบี้ยวในทันที ปิดกั้นภาพตรงหน้าของฉู่อวิ๋น ทรงพลังยากเกินต้านทาน!
“เป็กระบี่ที่ทรงพลังจริงๆ!”
ดวงตาของฉู่อวิ๋นเข้มขึ้น เขาไม่กล้าประมาท เพราะเงาผีที่อยู่ตรงหน้าไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังป้องกันร่างของโม่ซิวไว้ด้วย ถ้าเขาเสี่ยงใช้กระบี่ไปต้าน มันก็จะพุ่งเข้าโจมตีเขาจากด้านหลังแทน!
นี่เป็กระบวนท่ากระบี่ที่ร้ายกาจมาก แม้ว่าโม่ซิวจะโอหัง แต่ยามเคลื่อนไหวจริงจัง เขาก็แสดงให้เห็นคุณสมบัติที่แท้จริงในฐานะอัจฉริยะรุ่นเยาว์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง!
“ดวงดาราแปรผัน”
ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อเผชิญกับท่าสังหารที่แปลกประหลาดนี้ ฉู่อวิ๋นพลันนึกถึงทักษะป้องกันของวิชากระบี่ดาวตก
หากใช้ดวงดาราแปรผัน เขาย่อมรับมือการโจมตีของโม่ซิวได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเล่นกลอุบายกี่ครั้งและแทงจากที่ใด เขาก็สามารถต้านทานการโจมตีของโม่ซิวได้
แต่ว่า! ลานประลองในตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คน หากใช้ทักษะกระบี่ของบรรพบุรุษตระกูลฉู่ในเวลานี้ มีความเป็ไปได้สูงที่ข่าวจะรั่วไหลและคนจะจำเขาได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะกระบี่ดวงดาราแปรผันยังเป็ทักษะเฉพาะของฉู่อวิ๋นเท่านั้น กล่าวได้ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ใช้มันได้ แล้วใครจะกล้าใช้?
“บ้าเอ๊ย! ใช้ไม่ได้!”
ขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจ ฉู่อวิ๋นก็เห็นแสงสีฟ้ากะพริบอย่างต่อเนื่อง แสงกระบี่หมอกผีที่อยู่ตรงหน้าใกล้มาถึงเขาแล้ว พวกมันแบ่งออกเป็สามทิศทางกำลังพุ่งโจมตีเข้ามา หมอกผีสีดำอลวน!
“มาลองกันสักตั้ง!”
ฉู่อวิ๋นกัดฟันไม่ยอมถอย เขาหันไปเผชิญหน้า ถือกระบี่ไว้มั่น ระดมพลังปราณไฟหยางแล้วถ่ายเทมันลงในหิมะย่ำรุ้ง เพื่อกระบวนท่าต่อไปนี้!
“ควับ!”
เขาก้าวไปข้างหน้าและฟันกระบี่ออกไปในแนวนอน แสงสมบัติสองสีส่องแสงไปรอบๆ สว่างจ้าราวกับกลางวัน ฉับพลันก็มองเห็นรังสีปราณกระบี่ไฟหยางพุ่งออกมา ทำลายเงาที่น่ากลัวเ่าั้ทันที
แต่หลังจากกำจัดเงาผีและแสงกระบี่แล้ว เมื่อฉู่อวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงหน้าเขา
โม่ซิวดูเหมือนจะหายตัวไปทันที!
“ฮิๆ เ้าติดกับแล้ว ตายเสียเถอะ!”
ทันใดนั้น ขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังฟันกระบี่ เสียงเ็าก็ดังขึ้นเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็เห็นเงาสะท้อนบนพื้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ...
เขาหันหน้าไปมองทันที ในใจของเขาสั่นสะท้านโดยพลัน! โม่ซิวตกลงมาจากท้องฟ้าจริงๆ ในมือของอีกฝ่ายถือกระบี่เอาไว้ สีหน้าดุร้ายอย่างยิ่ง และปลายกระบี่ก็ชี้ไปที่คอของเขา!
ระยะห่างเพียงสามชุ่น[1]เท่านั้น!
หลบไม่ทันแล้ว!
---------------
1 นิ้ว เป็หน่วยวัดความยาว