ตลอดหลายวันที่หมกมุ่นกับการสำรวจปักกิ่งอย่างจริงจัง หมี่หลันเยว่ก็ค้นพบบางสิ่งที่เธอเคยมองข้ามไป นั่นคือศูนย์การค้าระดับนานาชาติ หรือ ‘กั๋วเม่า’ กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง!
ที่นี่แหละคือทำเลทองอย่างแท้จริง ถ้าปรารถนาความเจริญก้าวหน้าในระยะยาว สถานที่แห่งนี้คือจุดยุทธศาสตร์ที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้
"พี่ใหญ่คะ ศูนย์การค้าระดับนานาชาติที่กำลังสร้างอยู่นี่ แค่ดูจากทำเลที่ตั้งและขนาดการก่อสร้างก็รู้แล้วว่าต้องรุ่งโรจน์แน่นอน! ดังนั้นพวกเราพี่น้องต้องหาทำเลเป็ของตัวเองที่นี่ให้ได้ ไม่ว่าจะซื้อหรือเช่า พี่ต้องหาสำนักงานสักแห่ง ส่วนฉันจะหาพื้นที่สำหรับเปิดห้างสรรพสินค้าค่ะ"
เมื่อมองไปยังสถานที่ก่อสร้างที่เพิ่งเริ่มต้น ยังขุดดินวางรากฐานได้ไม่เท่าไรนัก เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกถึงความปั่นป่วนในใจอย่างประหลาด เด็กสาวคนนี้มักมีััที่หกอันน่าทึ่ง การตัดสินใจของเธอดูหนักแน่นและชัดเจน แถมมีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย เธอเชื่อมั่นในเื่นี้อย่างสุดใจ
ยกตัวอย่างเช่น ตอนเพิ่งมาถึงปักกิ่ง เธอยืนกรานที่จะซื้อบ้านสี่ประสาน ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ไม่หวั่น หรือตอนที่เธอ้าจัดหาพื้นที่ร้านค้า เมื่อเห็นร้านที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เธอก็แสดงท่าทีราวกับต้องได้มา ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าเธอมีความรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเป้าหมายเหล่านี้ในใจ เหมือนกับว่าเธอได้เห็นภาพอนาคตอีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้าของตัวเลือกเหล่านี้แล้ว สิ่งนี้ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกสับสน ไม่ใช่แค่สับสนในความแน่วแน่ของหมี่หลันเยว่ แต่เป็เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของหมี่หลันเยว่โดยไม่มีเงื่อนไข
"ได้สิ รอแค่ศูนย์การค้าระดับนานาชาติเปิดทำการ เราจะซื้อทำเลเป็ของตัวเองที่นี่เลย แต่ไม่รู้ว่าจะสร้างนานแค่ไหน ถ้าแค่ครึ่งปี ฉันรอได้สบาย"
เจิ้งซวี่เหยาตัดสินใจตามคำพูดของหมี่หลันเยว่อย่างไม่ลังเล ที่จะจัดหาพื้นที่สำหรับสำนักงานของตัวเองในกั๋วเม่า แถมยังได้เป็เพื่อนบ้านกับหมี่หลันเยว่อีกด้วย
"ไม่มีทางเร็วขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่ไม่เห็นแบบแปลนทั้งหมดเหรอคะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่สร้างเสร็จได้ในหนึ่งหรือสองปี พี่หาที่ทำการแบบลงหลักปักฐานไปก่อนเถอะค่ะ สร้างบริษัทให้เป็ที่รู้จักภายในห้าปี พอห้าปีผ่านไป ที่นี่ก็สร้างเสร็จแล้ว พี่ค่อยย้ายสำนักงานของพี่มาที่นี่ ฉันรับประกันเลยว่าพี่จะรุ่งเรืองเฟื่องฟูแน่นอน"
ห้าปี? เจิ้งซวี่เหยาจดจำ่เวลานี้ไว้ในใจอย่างเงียบๆ เขาอยากจะดูว่าความคิดที่แวบเข้ามาในวันนี้ จะได้รับการพิสูจน์ในอีกห้าปีข้างหน้าหรือไม่ หมี่หลันเยว่สามารถมองเห็นอนาคตได้จริงหรือ ถึงเวลาจะนานไปสักหน่อย แต่เจิ้งซวี่เหยาไม่สนใจ ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับหมี่หลันเยว่ เขาก็อดทนรอได้เสมอ
ข้อพิสูจน์ในอีกห้าปีต่อมาแสดงให้เห็นว่าหมี่หลันเยว่พูดถูกอีกครั้ง การก่อสร้างศูนย์การค้าระดับนานาชาติแห่งนี้ใช้เวลาถึงห้าปีจริงๆ เจิ้งซวี่เหยามองดูเด็กสาวที่เติบโตเป็สาวสะพรั่ง ความตกตะลึงและความยินดีในใจของเขาไม่อาจปิดบังได้ หมี่หลันเยว่ใช้ข้อเท็จจริงยืนยันการคาดเดาของเขาที่มีต่อเธอ
เพียงแต่ในเวลานี้ เจิ้งซวี่เหยาได้แต่งงานมีลูกไปแล้ว ส่วนหมี่หลันเยว่ก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน อดีตไม่อาจหวนคืน ห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้อีกต่อไป แต่นั่นก็คืออีกห้าปีข้างหน้า ในปัจจุบันก่อนหน้าห้าปี ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้น
"ดี งั้นฉันจะใช้เวลาห้าปี พยายามอย่างเต็มที่ แล้วเราจะรอจนถึงอีกห้าปีข้างหน้า จัดหาธุรกิจของตัวเองที่นี่ เริ่มต้นธุรกิจใหม่ของตัวเอง"
เจิ้งซวี่เหยายินดีที่จะรอและให้คำมั่นสัญญาแบบนี้เพื่อหมี่หลันเยว่
"งั้นพี่ก็ต้องพยายามเข้านะคะ อีกสี่ปีฉันก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ภายในสี่ปี ฉันคิดว่าธุรกิจของฉันจะมีการพัฒนาครั้งใหญ่ และในหนึ่งปีหลังจากเรียนจบ ฉันจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อให้ธุรกิจของฉันก้าวไปอีกขั้น ถึงตอนนั้น ฉันมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายของตัวเอง พี่ล่ะคะ?"
มองดูเด็กสาวที่เลิกคิ้วขึ้น ท้าทายราวกับกำลังเรียกร้องการรับประกันจากเขา เจิ้งซวี่เหยาไม่อยากให้เธอประเมินเขาต่ำไป
"ดี เรามาพนันกัน อีกห้าปีข้างหน้า ฉันจะเปิดสำนักงานขนาดใหญ่ในย่านศูนย์การค้าระดับนานาชาติแห่งนี้ ให้เธอเห็นฝีมือของพี่ชายเธอ"
หมี่หลันเยว่หัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะของเด็กสาวมีความแหลมคมแบบเด็กๆ ผสมกับความสดใสของหญิงสาววัยรุ่น มันแทรกซึมเข้าไปในแก้วหูของเจิ้งซวี่เหยา กวาดล้างเส้นเืของเขา แทรกซึมเข้าไปในใจของเขา สลักชื่อของเธอลงบนหัวใจของเขา จนไม่อาจลืมเลือน
หญิงสาวตรงหน้าไม่มีวันเป็ภรรยาหรือคนรักของเขาได้ เพราะเขาปล่อยมือและยอมแพ้ไปก่อนแล้ว แต่เขารู้ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็อายุ สถานะ หรือตำแหน่ง ทั้งสองคนไม่เหมาะสมกัน ความรักต่างวัยเ่าั้ ใช้ความรักแท้เป็เครื่องบังหน้า แต่เื้ัเป็เพียงการฉวยโอกาสที่น่ารังเกียจ
เธอยังเด็กนัก เมื่อแิในชีวิตของเธอยังไม่แน่นอน การบิดเบือนความรู้สึกของเธออย่างเห็นแก่ตัวนั้นน่าขยะแขยงเกินไป เจิ้งซวี่เหยาทำไม่ได้ การมีอายุมากกว่าเด็กสาวสิบกว่าปี ใช้ช่องว่างของอายุ ทำให้เด็กสาวติดอยู่กับความอ่อนโยนของตนเอง เป็สิ่งที่เจิ้งซวี่เหยาไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าด้วยความไม่เต็มใจและความสกปรกก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็ในประเทศหรือต่างประเทศ เขาเคยเห็นความรักต่างวัยแบบนี้มามาก ผู้ชายเ่าั้เพียงแค่เห็นแก่ความเยาว์วัยของเด็กสาว เมื่อเด็กสาวสูญเสียความอ่อนเยาว์ไป ก็ถึงคราวที่พวกเธอจะถูกทอดทิ้ง ผู้ชายก็จะผจญภัยต่อไปในชีวิต นี่คือการดูิ่ความรู้สึก และเป็การทรยศต่อจิตสำนึกของตนเอง แต่พวกเขาก็ยังจะะโอย่างไม่อายว่า พวกเขากำลังตามหารักแท้ รักแท้อะไรกัน มีแต่หัวใจที่ดำมืดเท่านั้นเอง
คำสัญญาห้าปี ไม่รู้ว่าเด็กสาวจะจำได้หรือไม่ แต่เจิ้งซวี่เหยาได้สลักเื่นี้ไว้ในความทรงจำของตัวเอง กลายเป็แรงผลักดันในการเริ่มต้นธุรกิจของเขาใน่ห้าปีนี้ เขาหวังว่าในอีกห้าปีข้างหน้า เขามีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ไม่ว่าสถานการณ์ของศูนย์การค้าระดับนานาชาติแห่งนี้จะเป็ยังไง เขาจะต้องทำให้สถานการณ์ของตัวเองดีขึ้นให้ได้
"่สองสามวันที่พวกเธอไปเดินเล่นกันมาเป็ยังไงบ้าง มีความคิดใหม่ๆ อะไรบ้างไหม หรือแม้แต่ร้านค้าและทำเลที่ถูกใจ?"
ในวันนั้นหลังจากเดินเล่นกับเจิ้งซวี่เหยากลับบ้าน หมี่หลันเยว่รอจนพระจันทร์เกือบจะขึ้นแล้ว พวกหนุ่มๆ ถึงได้กลับมาบ้านกันอย่างอืดอาด
หมี่หลันเยว่และเฉียนหย่งจิ้นมองหน้ากัน เลิ่กลั่กอยู่นานก็ไม่มีใครพูดอะไร หลินเผิงเฟยและหนิวเถียจู้ก้มหน้าตลอดเวลา ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน
"ทำไม ไม่มีใครพูดอะไรเลยเหรอ?"
เมื่อเห็นว่าทั้งสี่คนก้มหน้างุด หมี่หลันเยว่ก็แทบจะพูดอะไรไม่ออก นี่มันชัดเจนว่าเล่นจนลืมตัวกันหมด เอาเื่สำคัญทิ้งไว้ข้างหลัง เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความผิดหวัง ตัวเธอเองแทบจะวิ่งจนขาขวิดใน่สองสามวันนี้ เขียนแผนไปห้าหกแผนแล้ว กำลังคัดเลือกทีละขั้นตอน
ยังคิดว่าจะเอาแผนมาเทียบกับพวกพี่ๆ ดู ถ้ามีข้อเสนอแนะที่เป็เอกฉันท์ ก็จะได้ออกแบบรายละเอียดอย่างดีๆ ดูว่ามันเป็ไปได้ไหม แต่ที่ไหนได้ คนพวกนี้ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยจริงๆ คิดว่าครั้งนี้เป็การออกมาเที่ยวเล่นที่ปักกิ่งเฉยๆ สินะ
"ฉันกำลังพูดกับพวกนายอยู่นะ ทำไม ทำเป็ว่าตัวเองมีเวลาเหลือเฟือ ออกไปเที่ยวเล่นกัน?"
หลิวเสี่ยวหว่านอาศัยสถานะที่าุโกว่า สั่งสอนพวกเด็กๆ อย่างไม่ไว้หน้า เธอเห็นความลำบากของหลันเยว่ใน่สองสามวันนี้แล้ว ทุกวันกลับมาต้องแช่เท้าด้วยน้ำร้อนนานๆ แต่่เวลาแช่เท้าก็ยังไม่ลืมที่จะถือสมุดมาเขียนๆ วาดๆ
พอคิดว่าหลันเยว่อายุน้อยนิด ต้องดิ้นรนอยู่คนเดียว หลิวเสี่ยวหว่านก็รู้สึกไม่สบายใจ
"หลันเยว่อายุเท่าไหร่เอง ตอนนี้อยู่ใน่เริ่มต้นธุรกิจ เธอเดินจนเท้าแทบจะพองอยู่แล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะทำแผนทุกคืน พวกนายยังหนุ่มยังแน่น กลับไม่ช่วยอะไร แถมยังเที่ยวเล่นกันจนเพลิน ทำไมไม่กลับมาตอนดึกกว่านี้เลยล่ะ?"
สำหรับการกลับบ้านดึกของพวกเด็กๆ หลิวเสี่ยวหว่านก็ไม่พอใจมากเหมือนกัน ต้องรู้ว่าปักกิ่งไม่ใช่ซวงเฉิงที่คุ้นเคย พอถึงเวลาอาหารเย็น พวกเขาไม่กลับมา เธอเป็ห่วงจริงๆ กลัวว่าพวกเด็กๆ จะมีเื่ แต่สุดท้ายพวกเขากลับมาดึกขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเื่งาน กลับเป็เพราะมัวแต่เที่ยวเล่น เธอจะไม่โกรธได้ยังไง
"หรือว่าจะปล่อยปละละเลยกันแบบนี้? ถ้างั้นก็บอกมาตรงๆ เลย เราก็จะไม่พึ่งพวกนายแล้ว ฉันกับหลันเยว่ก็จัดการได้ ตอนนี้โรงงานก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ไม่จำเป็ต้องให้ฉันตามติดอยู่ที่โรงงานตลอดเวลา พรุ่งนี้ฉันก็จะออกไปเดินเล่นบ้าง มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ก็ยังดีกว่าไม่มีหัวใจ"
พวกเด็กๆ ที่ถูกหลิวเสี่ยวหว่านดุด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้น ก็รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งในใจ หลันเยว่ไม่ได้ห้ามพวกเขาเล่น ครั้งนี้ปล่อยพวกเขาออกไป ก็แค่อยากให้พวกเขาได้เดินเล่นในปักกิ่งอย่างสนุกสนาน แต่ในระหว่างการเล่น ก็ให้พวกเขาสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวไปด้วยก็เท่านั้น
ใครจะรู้ว่าพอได้ออกไปวิ่งเล่น พวกเขาก็ลืมเื่งานไปหมด
"พี่เสี่ยวหว่านคะ อย่าดุพวกเขาเลยค่ะ พวกเขายังเด็กอยู่นะคะ ั้แ่พวกเราเริ่มทำธุรกิจเสื้อผ้า พวกเขาก็แทบไม่มีเวลาออกไปเล่นข้างนอกเลย ถึงแม้จะมาปักกิ่ง ก็ยังหมกมุ่นอยู่กับงาน"
"ตอนนี้ก็เหลืออีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว ให้พวกเขาได้สนุกกันบ้างเถอะค่ะ ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นหรอก โชคดีที่เรามีพื้นฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ต่อไปก็แค่ทำอย่างมั่นคง ไม่ต้องรีบร้อนอย่างในตอนนี้"
หมี่หลันเยว่ช่วยพี่ๆ ไว้ พี่ๆ กลับแสดงสีหน้าละอายใจ ในสายตาของน้องสาว พวกเขาเป็แค่เด็กๆ แล้วน้องสาวเป็ผู้ใหญ่หรือ เด็กผู้หญิงอายุสิบห้าปี คนอื่นๆ ยังเอาแต่ประจบแม่กับพ่ออยู่เลย แต่น้องสาวของพวกเขาคนนี้ กลับคุ้นเคยกับการดิ้นรนเพื่อชีวิตแล้ว
"หลันเยว่..."
พวกหนุ่มๆ เกือบจะพร้อมใจกันเรียกชื่อหลันเยว่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจและเสียดาย
"เฮ้อ ไม่เป็ไรจริงๆ ค่ะ ฉันแค่ถามเล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกพี่ทำงานอะไร ทำความคุ้นเคยกับปักกิ่ง ก็ถือว่าทำภารกิจสำเร็จแล้ว ไม่งั้นคนอื่นถามว่ามาปักกิ่งแล้วไปไหนมา สุดท้ายถามอะไรก็ไม่รู้เื่ มันจะไม่น่าอายกว่าเหรอคะ"
รู้ว่าหมี่หลันเยว่กำลังช่วยพวกเขาแก้ตัว ตอนแรกที่ปล่อยคนออกไป ก็ตกลงกันแล้วว่าจะไปเลือกพื้นที่ร้านค้า แต่ในเมื่อหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้แล้ว หลิวเสี่ยวหว่านก็ไม่สามารถด่าพวกเขาได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่โบกมือไล่พวกเขาออกไป ไม่อยากสนใจพวกเขาแล้ว
แต่หมี่หลันเยว่กลับไม่ลืมภารกิจของตัวเอง ในวันรุ่งขึ้นก็ยังคงยืนกรานที่จะไปสำรวจปักกิ่ง เพียงแต่ตอนนี้เธอได้วาดแผนผังเส้นทางที่เธอจะเดินอย่างตั้งใจ ในเมื่อไม่อยากพึ่งพาพี่ๆ แล้ว เธอก็ต้องหาวิธีสำรวจปักกิ่งให้ทั่ว อย่าให้พลาดที่ไหนหรือเสียทำเลดีๆ ไป
เธอตั้งใจจะไปคนเดียว แต่เจิ้งซวี่เหยาที่ติดตามเธอมาสองวัน ก็ยังคงยืนกรานที่จะตามไปด้วย
"ยังไงฉันก็ต้องหาที่สร้างสำนักงานอยู่แล้วนี่ มีเธอคอยนำทาง ฉันก็สบายขึ้นเยอะเลย"
ในเมื่อเจิ้งซวี่เหยาจะตามไปด้วย หมี่หลันเยว่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยเลยตามเลย แต่ไม่คาดคิดว่าในวันนี้ หมี่หลันเยว่กลับค้นพบความยินดีที่ไม่คาดฝัน
