บทที่ 9 หนูในกับดัก
นามบัตรสีดำสนิทที่ทำจากกระดาษเนื้อดีมีเพียงชื่อ โม่ อี้ฟาน และชื่อบริษัทเทียนเฉิง แคปปิตอลสลักไว้ด้วยตัวอักษรสีทองเรียบง่าย มันไม่มีเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีที่อยู่ มีเพียง QR Code เล็กๆ ที่มุมขวาล่างเท่านั้น ความเรียบง่ายที่แฝงไว้ด้วยความพิเศษและหยิ่งทระนงนี้บ่งบอกถึงสถานะของผู้เป็เ้าของได้เป็อย่างดี
หลินซูเม่ยกำนามบัตรในมือแน่น หัวใจของเธอที่เคยสงบนิ่งจากการได้รับชัยชนะ บัดนี้กลับมาเต้นระรัวอีกครั้งด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป
โม่ อี้ฟาน... ในชาติก่อน เธอรู้จักชื่อนี้ในฐานะตำนานที่อยู่ไกลเกินเอื้อม เขาคืออัจฉริยะลึกลับแห่งวอลล์สตรีทแห่งเอเชีย ผู้ก่อตั้งเทียนเฉิง แคปปิตอลด้วยวัยเพียงยี่สิบกว่าๆ และสร้างมันให้กลายเป็กองทุนเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) ที่น่าเกรงขามที่สุดแห่งหนึ่งของทวีป ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้ตลาดสั่นะเืได้เสมอ แต่เขากลับเก็บตัวเงียบ ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นหน้าค่าตาที่แท้จริงของเขา
การที่เขาปรากฏตัวในงานแข่งขันของนักศึกษาเช่นนี้ แถมยังเข้ามาทักทายเธอเป็การส่วนตัว... มันผิดวิสัยอย่างร้ายแรง!
"ประธานโม่ให้เกียรติเกินไปแล้วค่ะ" ซูเม่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็มืออาชีพที่สุด ซ่อนความตื่นตระหนกไว้ภายใต้ท่าทีที่สุขุม "แผนของหนูเป็เพียงทฤษฎีบนกระดาษ คงเทียบไม่ได้กับประสบการณ์จริงของท่านประธาน"
"ความถ่อมตนเป็คุณธรรมที่ดี" โม่ อี้ฟาน กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาคมกริบของเขาราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงความคิดของเธอ "แต่ในโลกของการลงทุน ความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของตัวเองสำคัญกว่า คุณขาดซึ่งคุณสมบัตินั้นหรือ?"
เป็การย้อนถามที่เฉียบคมและกดดันในที!
หลินซูเม่ยไม่สะทกสะท้าน เธอยิ้มรับ "หนูเชื่อมั่นในแผนของหนูค่ะท่านประธาน แต่หนูก็รู้ดีว่าทฤษฎีที่สวยหรูกับความเป็จริงในสนามรบมันแตกต่างกัน"
"ถูกต้อง"โม่ อี้ฟาน พยักหน้า "สนามรบของการลงทุนไม่ได้้าแค่นักทฤษฎี แต่้านายพลที่อ่านเกมขาดและกล้าตัดสินใจในเสี้ยววินาที... แววตาของคุณบอกผมว่าคุณมีคุณสมบัติของนายพลคนนั้น"
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "ผมสนใจใน Crisis Catalyst ของคุณเป็พิเศษ แิการเข้าซื้อ Distressed Debt ใน่วิกฤตเป็กลยุทธ์คลาสสิกของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แต่การจะทำให้สำเร็จได้นั้น ไม่ได้้าแค่ความกล้า... แต่้า ข้อมูลเชิงลึกและแหล่งเงินทุนที่อดทน คุณคิดว่าตัวเองมีสองสิ่งนั้นแล้วหรือยัง?"
นี่ไม่ใช่แค่การพูดคุยธรรมดา แต่มันคือการทดสอบ
หลินซูเม่ยรู้ทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบกลับด้วยความรู้ที่เธอสั่งสมมาทั้งชีวิต (และจากความทรงจำ)
"สำหรับข้อมูลเชิงลึกหนูเชื่อว่ามันไม่ได้มาจากการนั่งอ่านรายงานบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ค่ะ แต่มันมาจากการ เดินสำรวจภาคสนาม การพูดคุยกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า หรือแม้แต่พนักงานระดับล่างของบริษัทเป้าหมาย เพื่อหาข้อมูลที่ไม่ปรากฏอยู่ในงบการเงินค่ะ"
เธออธิบายต่อ "ส่วนการซื้อหนี้เสียนั้น ความเสี่ยงที่สุดไม่ใช่การที่บริษัทจะล้มละลาย แต่คือการติดอยู่ใน กระบวนการทางกฎหมาย ที่ยืดเยื้อ ดังนั้น ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญที่สุดก็คือการประเมินโครงสร้างทางกฎหมายของหนี้นั้นๆ และทำความเข้าใจสิทธิ์ของผู้ถือหนี้แต่ละประเภทเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะอยู่ในลำดับแรกๆ ที่จะได้รับการชำระหนี้คืน หรือมีสิทธิ์ในการเข้าควบคุมสินทรัพย์ของบริษัทค่ะ"
โม่ อี้ฟาน ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประทับใจ เด็กสาวคนนี้เข้าใจในสิ่งที่แม้แต่นักวิเคราะห์มืออาชีพบางคนยังมองข้าม!
"แล้วแหล่งเงินทุนที่อดทนล่ะ?" เขาถามต่อ
"นั่นคือสิ่งที่หนูยังขาดอยู่ค่ะ" ซูเม่ยยอมรับอย่างตรงไปตรงมา "เงินทุนของหนูในตอนนี้ยังเป็ เงินร้อน ที่้าผลตอบแทนในระยะสั้นถึงกลาง การจะลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานอย่างหนี้เสียนั้น จำเป็ต้องใช้เงินทุนจากนักลงทุนสถาบันหรือ Family Office ที่มีกรอบเวลาการลงทุนยาวนานกว่า และสามารถอดทนรอคอยผลตอบแทนเป็เวลาสามถึงห้าปีได้ ซึ่งนั่นก็คือบทบาทของกองทุนอย่างเทียนเฉิง แคปปิตอล ไม่ใช่หรือคะ?"
เธอโต้กลับได้อย่างสง่างามและชาญฉลาด! เป็การบอกเป็นัยว่า "ฉันมีสมอง แต่ฉันยังขาดเงินทุนของคุณ"
โม่ อี้ฟาน ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ เป็ครั้งแรก "คุณฉลาดกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ คุณหลิน... ฉลาดมากจริงๆ"
เขาเหลือบมองนาฬิกา"ผมคงต้องขอตัวก่อนแต่ผมหวังว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้คุยกัน" เขามองไปที่นามบัตรในมือเธอ "QR Code นั้น... ใช้สำหรับติดต่อผมโดยตรง"
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หลินซูเม่ยยืนอยู่กับความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตื่นเต้น กดดันและท้าทาย การเผชิญหน้ากับโม่ อี้ฟาน ทำให้เธอตระหนักว่าโลกใบนี้ยังมีคนที่น่ากลัวและฉลาดล้ำลึกอยู่อีกมาก ความทรงจำจากอนาคตของเธออาจจะเป็ข้อได้เปรียบ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จเสมอไป
"เป็ไงบ้าง! เขาพูดอะไรกับเธอบ้าง!?" หลี่น่าที่รออยู่ห่างๆ รีบวิ่งเข้ามาถามด้วยความตื่นเต้น
"เขาบอกว่า... เกมเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น" ซูเม่ยตอบพลางเก็บนามบัตรใบนั้นลงในกระเป๋าอย่างดี
ในขณะเดียวกัน ที่อพาร์ตเมนต์ซอมซ่อแห่งหนึ่ง
จางเหว่ยขว้างแฟ้มเอกสารลงบนพื้นด้วยความโมโห "เป็ไปไม่ได้! ทำไมมันถึงเป็แบบนี้ไปได้! แผนธุรกิจที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ทำไมถึงไม่มีธนาคารไหนอนุมัติเลย!"
"พี่จางเหว่ย... ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ" หลินซูซานที่นั่งร้องไห้จนตาบวมพูดขึ้น "มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ"
"ผิดพลาดเหรอ!?" จางเหว่ยตวาด "ฉันว่ามันไม่ผิดพลาดหรอก! แต่มันจงใจ! นังซูเม่ย!มันต้องจงใจวางยาเราแน่ๆ! มันรู้ว่าแผนนี้มีช่องโหว่ แต่มันก็ยังทิ้งไว้ให้เราเอาไปใช้ เพื่อทำให้เราเสียเวลาและเสียเงิน! นังอสรพิษนั่น!"
ในที่สุด... สมองที่เต็มไปด้วยความโลภของเขาก็เริ่มทำงานและมองเห็นความจริงขึ้นมาบ้าง
"แล้ว... แล้วเราจะทำยังไงกันต่อดีคะ" ซูซานถามเสียงสั่น เงินเก็บก้อนสุดท้ายของพวกเขากำลังจะหมดลงแล้ว
จางเหว่ยทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเก่าๆ อย่างหมดแรง ความฝันที่จะเป็เ้าของธุรกิจและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วกำลังจะพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เขานั่งนิ่งไปนาน ก่อนที่แววตาของเขาจะเปลี่ยนไป... จากความโกรธเป็ความเคียดแค้นและ... ความละโมบในรูปแบบใหม่
เขานึกถึงข่าวใหญ่ที่เพิ่งเห็นในทีวีเมื่อเย็นนี้... ข่าวการแข่งขันแผนการลงทุนที่หลินซูเม่ยได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
"ฉันเห็นข่าวแล้ว... นังนั่นชนะการแข่งขัน ได้ทั้งชื่อเสียง ได้ทั้งเงินรางวัลตั้งห้าแสนหยวน!" เขากำหมัดแน่น "ซูซาน... ในเมื่อมันไม่ยอมให้เราดีๆ... เราก็ต้องหาวิธีอื่น"
"วิธีอื่น? วิธีอะไรคะ?"
แววตาของจางเหว่ยฉายประกายอันชั่วร้าย "ในเมื่อเราเคยเป็แฟนกัน... ฉันย่อมต้องมี ความลับ ของมันอยู่บ้างสิ... หรือถ้าไม่มี... เราก็สร้างมันขึ้นมาก็ได้!"
แผนการของเขาเปลี่ยนจากการแข่งขันทางธุรกิจ... ไปสู่การแบล็กเมล์ และ ทำลายชื่อเสียง
ที่ห้องพักแห่งใหม่ของหลินซูเม่ย
ตอนนี้มันไม่ใช่ห้องเช่าธรรมดาอีกต่อไปแล้ว หลังจากได้รับเงินรางวัลห้าแสนหยวน บวกกับกำไรส่วนหนึ่งที่เธอแอบขายบิตคอยน์ออกมา เธอก็ได้ย้ายมาเช่าคอนโดมิเนียมหรูขนาดสองห้องนอนในย่านที่ปลอดภัยและมีความเป็ส่วนตัวสูง ห้องหนึ่งเป็ห้องนอนของเธอ อีกห้องถูกดัดแปลงให้เป็โฮมออฟฟิศเต็มรูปแบบ มีจอคอมพิวเตอร์หลายจอ, ไวท์บอร์ดขนาดใหญ่, และชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยตำราการเงินและการลงทุนฉบับล่าสุด
เธอกับหลี่น่ากำลังนั่งฉลองชัยชนะกันด้วยอาหารที่สั่งมาจากโรงแรมห้าดาว
"เพื่อฟีนิกซ์ แคปปิตอล!" หลี่น่าชูแก้วแชมเปญขึ้นชน!
"ชน!" ซูเม่ยยิ้มรับ
"ต่อไปจะทำอะไรต่อล่ะ ท่านประธานหลิน?" หลี่น่าถามอย่างอารมณ์ดี
"ต่อไป..." ซูเม่ยหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "เราจะจดทะเบียนบริษัทอย่างเป็ทางการ"
"จริงเหรอ! เยี่ยมไปเลย!"
"และเราจะเริ่ม จ้างงาน พนักงานคนแรกของเรา" ซูเม่ยพูดต่อ
"ใครเหรอ!?"
หลินซูเม่ยหยิบคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วเปิดไฟล์ประวัติของคนๆ หนึ่งให้เพื่อนดู "เขาชื่อ สวี่ เจี๋ย เป็นักศึกษาปริญญาเอกภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เป็อัจฉริยะด้าน Data Science และความปลอดภัยทางไซเบอร์"
"เธอจะจ้างเขามาทำอะไร?"
"มาเป็หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของเรา" ซูเม่ยตอบ "ฉัน้าให้เขาสร้าง อัลกอริทึม สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลมหภาค (Big Data) และค้นหาสัญญาณความผิดปกติในตลาดหุ้นให้เรา และที่สำคัญ...ฉัน้าให้เขาสร้างกำแพงไฟ (Firewall) ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อป้องกันบริษัทของเราจากการโจมตีทางไซเบอร์"
"เธอรู้จักเขาเหรอ?"
"ยัง...แต่ฉันกำลังจะไปรู้จัก" ซูเม่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย "ฉันรู้ว่าเขากำลัง้าเงินทุนสำหรับทำโปรเจกต์วิจัยส่วนตัวของเขาที่ถูกมหาวิทยาลัยปัดตกไป และฉัน... ก็มีเงินทุนที่เขา้า"
นี่คือการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเธอ การสร้างทีมที่แข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้
ขณะที่เธอกำลังวางแผนอนาคตอย่างรัดกุม โทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้น เป็ข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก
"ยินดีด้วยกับชัยชนะนะซูเม่ย คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า? - จางเหว่ย"
ตามมาด้วยอีกข้อความหนึ่ง เป็รูปภาพ... ภาพถ่ายเก่าๆ ของเธอและเขาในสมัยที่ยังรักกันดี เป็ภาพที่ดูใกล้ชิดและสนิทสนม
หลินซูเม่ยดูข้อความและรูปภาพนั้นด้วยสายตาที่เ็าดุจน้ำแข็ง
หนูสกปรก... ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ
เธอลบข้อความและรูปภาพนั้นทิ้งไปโดยไม่คิดจะตอบกลับ
"มีอะไรเหรอซูเม่ย?" หลี่น่าถามเมื่อเห็นสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป
"ไม่มีอะไร... ก็แค่ขยะที่ต้องกำจัดทิ้งน่ะ"
เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาสนใจแผนการสร้างทีมของเธอต่อ สำหรับเธอแล้ว... การคุกคามจากจางเหว่ยมันน่ารำคาญ แต่ก็ไม่เป็อันตรายอะไร มันเป็เพียงเสียงเห่าของหมาข้างถนนที่ทำอะไรเธอไม่ได้
แต่เธอหารู้ไม่ว่า... บางครั้งหมาขี้เรื้อนที่จนตรอก... ก็สามารถกัดได้เจ็บกว่าที่คิด
เกมการเงินได้ยกระดับขึ้น และในขณะเดียวกัน... เกมสกปรกนอกสนาม... ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเช่นกัน