หลิวฉีซื่อทำราวกับว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเอ่ยกับหลิวต้าฟู่ว่า “ตอนนี้หลันเอ๋อร์อายุแปดขวบแล้ว ฮูหยินของเซียงเซินทั้งหลายมักจะกล่าวถึงหลันเอ๋อร์ ถึงเวลาต้องตัดชุดฤดูใบไม้ผลิให้นางสักสองตัวแล้ว”
เขาหันไปหาชุ่ยหลิวและถามว่า “ที่ข้าสั่ง เ้าจัดการเรียบร้อยดีหรือไม่?”
“เรียนฮูหยิน ตอนนั้นที่คุณชายสูงศักดิ์ท่านนั้นส่งมา สามารถทำเสื้อฤดูใบไม้ผลิได้ บ่าวได้เอาผ้าสองม้วนออกมาตัดแล้ว แต่กลับไม่มีเนื้อผ้าที่ทำกระโปรงได้ ก่อนหน้านี้ที่โรงผ้าไหมมีผ้าเข้ามาใหม่ เพียงแต่ราคา... ฮูหยินเองก็รู้ว่า สถานะของคุณชายสูงศักดิ์ไม่ได้ธรรมดาทั่วไป แล้วจะเอาผ้าทั่วไปมาให้ฮูหยินได้อย่างไร!”
การสนทนาระหว่างพวกนางทั้งสองดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากนัก
หลิวเต้าเซียงนั่งยิ้มอย่างเ็าอยู่ด้านข้าง
หลิวฉีซื่อไม่ได้ตัดใจจริงๆ คงตั้งใจใช้ลูกไม้นั่นนี่มาล้วงเอาเงินจากมือจางกุ้ยฮัวทีละเล็กทีละน้อย
เพียงแค่เห็นครอบครัวนางอยู่ดีมีสุขไม่ได้ก็เท่านั้น
นางจึงหันไปหาจางกุ้ยฮัวและพูดเสียงดังฉะฉาน “ท่านแม่ จะว่าไปข้ากับพี่สาวก็ควรตัดชุดฤดูใบไม้ผลิด้วยสักสองตัว ไม่รู้เป็อะไร ชุดของปีก่อนพวกข้าใส่ไม่ได้แล้ว”
ความคิดของจางกุ้ยฮัวได้วกกลับมาที่นาง ก่อนจะตอบว่า “ต้องโทษแม่ที่เลินเล่อ มัวแต่ยุ่งกับการต่อเติมบ้านจนลืมเื่นี้ไปชั่วขณะ”
“ท่านแม่ หรือไม่ท่านก็ช่วยพวกข้าตัดผ้าไว้ ข้าจะเย็บเอง” ปีนี้หลิวชิวเซียงอายุสิบขวบแล้ว การเย็บผ้าหรือทำอาหารกลายเป็งานถนัดแล้ว
“เอ๋ ที่แท้หลานชิวเซียงก็เย็บเสื้อผ้าเป็แล้วหรือ พอดีเลย ชุ่ยหลิวไม่ว่าง เ้าช่วยเย็บกระโปรงสองตัวให้ข้าด้วยก็แล้วกัน”
หลิวเสี่ยวหลันไม่พอใจอย่างหนัก ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าจางกุ้ยฮัวได้เงินมา ก็ระดมความคิดว่าจะเอามาใช้อย่างไรได้บ้าง
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองนางเบาๆ และยกคิ้วขึ้น “ดูอาเล็กพูดเข้าสิ นี่จะยากอะไรกัน? เ้าก็ให้ชุ่ยหลิวนำผ้าที่ตัดเรียบร้อยมา ฝีมือการเย็บของพี่สาวข้านั้นใช้ได้ทีเดียว”
สีหน้าของหลิวเสี่ยวหลันดูไม่จืดในทันใด ทั้งที่เมื่อครู่นางพูดจาได้ชัดเจน แต่กลับถูกคำพูดของหลิวเต้าเซียงดักทางไว้หมด
นางเป็คนรักหน้าตา แม้จะพูดออกมาไม่ได้แต่ก็จะเอาให้ได้
มือของหลิวฉีซื่อที่ถือตะเกียบสั่นเล็กน้อย ที่ข้อนิ้วนั้นขาวซีด แสดงว่ากำลังโมโหอยู่ไม่น้อย
“หลันเอ๋อร์ งานเย็บปักถักร้อยของชิวเซียงไม่ดีเท่าของชุ่ยหลิว เดี๋ยวให้นางพาอิงเอ๋อร์ช่วยเย็บชุดฤดูใบไม้ผลิให้เ้าสองชุด”
ไม่รู้ว่านางคิดอะไรได้ เพราะคำพูดท้ายๆ กลับสงบนิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดหลิวเต้าเซียงก็วางตะเกียบลง ก็แค่กินข้าวหนึ่งมื้อกลับทำให้เป็เื่เป็ราว นางกลัวว่าตนเองจะอาหารไม่ย่อยจริงๆ
จางกุ้ยฮัววางชามข้าวของนางลงด้วย จากนั้นหลิวฉีซื่อหันไปสั่งชุ่ยหลิวที่อยู่ข้างๆ “ใช่สิ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ฮูหยินเซียงเซินได้มอบตะกร้าลูกพลับแห้งกับลูกพลัมมา เ้าเอาไปล้างมากินหน่อย”
ชุ่ยหลิวตอบรับ
“ท่านแม่ ไม่จำเป็หรอก พวกข้าอิ่มแล้ว” จางกุ้ยฮัวโบกมือ นางรู้สึกเกรงใจจริงๆ
ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า เวลาที่หลิวฉีซื่อไม่โมโหเกรี้ยวกราดนั้นคุยง่ายกว่าปกติ
หลิวฉีซื่อยิ้มอย่างสบายๆ และหัวเราะอย่างเป็ตัวเองด้วยความรื่นเริงใจ “พูดอะไรกัน ก็แค่ของกินเล็กน้อย เ้าอย่าหาว่าแม่บ่นเลยนะ เงินสินเ้าสาวที่น้องเ้าให้มา ข้าว่าเอาไปแลกซื้อที่ดินไว้ดีกว่า แม้ว่าที่นาดีในหมู่บ้านจะมีไม่มาก แต่ก็มีที่นาดีระดับกลางกับที่ดินรกร้าง ล้วนสามารถซื้อได้ แล้วค่อยเอาเงินไปสร้างบ้านใหม่ก็ไม่เลว”
เมื่อเข้าใกล้ลำธารจักรู้นิสัยปลา เข้าใกล้ภูผาจักรู้เสียงของนก
นิสัยของหลิวฉีซื่อเปลี่ยนไปกะทันหัน หัวใจของหลิวเต้าเซียงรู้สึกหวาดหวั่น!
นิสัยของคนจะเปลี่ยนได้โดยง่ายเช่นนี้เชียวหรือ!?
“ฮูหยิน รีบชิมลูกพลับแห้งเร็วเข้า ตอนที่บ่าวล้างของเหล่านี้ เห็นว่าลูกพลับแห้งนี้ไม่ใช่ของทั่วไป แล้วยังมีของดำๆ นี้ก็ดูเหมือนจะเป็ลูกพลัมจริงๆ เ้าค่ะ?”
ชุ่ยหลิวทำงานเป็ เพียงแค่พูดคุยไม่นานนางก็เอาของกินมาวางที่โต๊ะแล้ว
“เร็วเข้า มาๆๆ ซานกุ้ย กุ้ยฮัว กินเยอะหน่อย”
หลิวฉีซื่อคว้าพุทราจีนสีดำกับลูกพลับแห้งให้ทั้งสองคน “รีบกินเร็ว รสชาติหวานนัก อย่าเห็นว่ามันไม่มีอะไร ได้ยินว่าของกินเหล่านี้มาจากเมืองหลวงเชียวนะ”
หลิวซานกุ้ยชอบกินลูกพลับแห้ง เนื่องจากปีที่แล้วจางกุ้ยฮัวคลอดลูก หลิวเต้าเซียงจึงมักจะแอบซื้อพุทราจีนกลับมา จึงกินจนเลี่ยนแล้ว เมื่อเห็นลูกพลับก็รู้สึกอยากกิน
หลิวฉีซื่อเห็นทั้งสองกัดลูกพลับแห้งก็ยิ่งดีใจ แต่ไม่ได้คิดถึงมุมที่หลิวเสี่ยวหลันเกลียดชังสองพี่น้องเหลือเกิน ลูกพลัมนั้นนางเคยกิน รสชาติต่างจากพุทราจีนเล็กน้อย แต่ก็มีความหอมกลิ่นนมเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีวิธีทำอย่างไร
ทันทีที่ละสายตา หลิวฉีซื่อก็เห็นหลิวเสี่ยวหลันคว้าลูกพลัมไปกว่าครึ่ง
“หลันเอ๋อร์ เ้าทำอะไร แบ่งลูกพลัมให้หลานสาวสองคนของเ้าด้วย แต่ก่อนเห็นว่าเ้ายังเล็กจึงตามใจ ตอนนี้เ้าโตแล้ว ยามปกติก็ต้องหัดเรียนรู้มารยาทที่ดีกับแม่ด้วย”
นางกำลังมีจุดประสงค์บางอย่างกับครอบครัวสาม ย่อมไม่พอใจที่หลิวเสี่ยวหลันทำเสียเื่
“ท่านย่า ไม่เป็ไร ให้อาเล็กกินเถิด”
หลิวเต้าเซียงทำตัวเป็เด็กดีว่าง่าย ยิ่งทำให้หลิวเสี่ยวหลันดูไม่ดี
หลิวต้าฟู่มองนางแล้วหันไปบอกกับหลิวเสี่ยวหลัน “แบ่งให้หลานสาวเ้าด้วย เหตุใดจึงหัดเป็คนใจแคบเช่นนี้”
หลิวฉีซื่อไม่พอใจที่หลิวต้าฟู่ต่อว่าหลิวเสี่ยวหลัน จึงกลอกตาใส่เขาแล้วเอ่ย “ก็แค่ลูกพลัมนี้พิเศษกว่า ถูกปากหลันเอ๋อร์พอดี เอาเถิด ข้าจะให้ชุ่ยหลิวไปห่อให้พวกนางสักหน่อย จะได้เอากลับไปกินที่ห้อง”
ไม่รู้ด้วยเหตุใด วันนี้หลิวฉีซื่อดูเหมือนจะคุยง่าย หากลูกพลับแห้งกับลูกพลัมมีปัญหา แต่คนทั้งโต๊ะก็กินกันหมดยกเว้นหลิวเต้าเซียง
แม้แต่หลิวต้าฟู่เอง หลิวฉีซื่อก็หยิบลูกพลับแห้งมาสองชิ้นแล้วเอาใส่มือเขาด้วย
เพียงชั่วพริบตา หลิวฉีซื่อก็คว้าลูกพลัมมาแล้วเอาใส่มือของหลิวเต้าเซียง รอยยิ้มนั้นเป็มิตรยิ่งนัก แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่หลิวฉีซื่อคิดไปเอง
แต่ในสายตาของหลิวเต้าเซียงนั้นจอมปลอมเป็พิเศษ ไม่เห็นถึงความจริงใจแม้เพียงสักนิด
“พวกเขาไม่ชอบกิน เราก็กิน ลูกพลัมนี่มีเพียงแดนเหนือจึงจะมี ได้ยินว่าดีกับผู้หญิงนัก แต่ว่าพวกเ้ายังเด็ก ข้าพูดออกมาไม่ได้ ต่อไปเมื่อพวกเ้าโตแล้วก็จะรู้เอง”
หลิวฉีซื่อทำตัวราวกับฮูหยินตระกูลร่ำรวยที่รักใคร่เอ็นดูหลานสาว
หลิวเต้าเซียงมองไปรอบๆ หลิวฉีซื่อไม่สนใจสายตาของนางจึงหยิบลูกพลัมใส่เข้าปากด้วยเช่นกัน
ลูกพลัมรสชาติหวานจริง ไม่เคยเห็นร้านในตำบลเหลียนซานขายมาก่อน
หลิวเต้าเซียงหวั่นไหวกับลูกพลัม นางชื่นชอบรสชาติเช่นนี้
หากหลิวฉีซื่อไม่หาเื่บ่อยๆ ภาพตรงหน้าที่ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ปรองดองคงทำให้ผู้อื่นชื่นชมอิจฉา
มื้ออาหารไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ
สิ่งที่ครอบครัวนางกิน ฝั่งของหลิวฉีซื่อก็กินทุกคน
หลิวเต้าเซียงคิดไม่ตก แต่นางยังคงจับตาดูโดยไม่ให้พลาด
เื่นี้เหมือนนางจะคิดมากไปเอง
สุดท้าย หลิวชิวเซียงก็ยิ้มแย้มพร้อมกับหอบของกินสองห่อกลับห้องตนเอง
เห็นได้ชัดว่าหลิวเต้าเซียงไม่ได้พูดอะไร แต่หลิวชิวเซียงรู้สึกได้ว่านางไม่มีความสุข
“น้องรอง เหตุใดเ้าไม่มีความสุขเล่า?”
หลิวเต้าเซียงก้มลงมองกระดาษห่อสองอันที่วางบนคั่ง ด้านในมีลูกพลับแห้งกับลูกพลัม
“ไม่มีอะไร ท่านพี่ ท่านบอกว่ารอกระเป๋าใบนี้เย็บเสร็จ จะให้ข้านำไปแลกเงินที่ตำบลไม่ใช่หรือ?”
หลิวชิวเซียงกระตือรือร้นมากเื่การเย็บปักถักร้อย “ใช่ ข้าสะสมกระเป๋าเงินได้สิบอันและผ้าเช็ดหน้าสิบห้าผืนแล้ว”
ั้แ่แยกบ้านกัน สองพี่น้องก็มีเวลาว่างค่อนข้างมาก หลิวชิวเซียงก็ยิ่งพยายามฝึกฝนการเย็บปัก
“ไม่รู้ว่าที่โรงปักจะรับรองเท้าปักหรือไม่ ได้ยินว่าคุณหนูบ้านคนรวยต่างก็สวมใส่รองเท้าปักกันทั้งนั้น” สายตาของหลิวชิวเซียงนั้นกระตือรือร้นมาก เดาว่าการปักรองเท้าคงใช้ทั้งฝีมือและเรี่ยวแรงเป็อย่างมาก เห็นทีคงแลกเงินได้มาก
“เื่นี้ข้าเองก็ไม่รู้ ครั้งหน้าข้าจะไปถามในตำบลให้” หลิวเต้าเซียงคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าแปลก คำพูดของนางนั้นออกมาด้วยความเคยชิน
“ไม่ใช่สิ ท่านพี่ ตอนนี้เราไม่ต้องทำงานบ้านหนัก อีกเดี๋ยวท่านกับข้าไปพร้อมกันดีกว่า”
โอกาสที่หลิวชิวเซียงจะได้เข้าตำบลนั้นนับครั้งได้ เมื่อได้ยินน้องสาวกล่าวเช่นนี้ก็หวั่นไหวเป็ธรรมดา
“รอผ่านพ้น่ที่บ้านยุ่งๆ ไปก่อน เราค่อยหาเวลาว่างพาท่านแม่ไปเที่ยวเล่นด้วยกัน”
สองพี่น้องตัดสินใจอย่างมีความสุข
หลิวเต้าเซียงกระสับกระส่ายตลอด่บ่าย แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งใดผิดปกติ ตอนนี้กำลังพาหลิวชุนเซียงนั่งเล่นอยู่ตรงทางเดิน
“เต้าเซียง เต้าเซียง แย่แล้ว แย่แล้ว” หลี่ชุ่ยฮัวรีบร้อนวิ่งเข้าบ้านตระกูลหลิว
หลิวเต้าเซียงตัวเกร็ง ราวกับคันธนูที่ถูกตรึงไว้
“ชุ่ยฮัว!”
นางะโเสียงดัง หลี่ชุ่ยฮัวที่กำลังกระวนกระวายถึงกับชะงัก
“เต้าเซียงรีบเก็บคั่งแล้วออกมาเร็ว พ่อกับแม่เ้าเกิดเื่แล้ว”
หลี่ชุ่ยฮัวพูดอย่างรวดเร็วและรีบตรงดิ่งมาที่ห้องปีกตะวันตก
“เ้าว่าอะไรนะ?”
“พ่อกับแม่เ้าอาเจียนไม่หยุด บอกว่าปวดหัวกับปวดท้อง แม่ข้าไปเรียกหมอท้องถิ่นมาแล้ว หวงเสียวหู่ให้คนไปช่วยหามพ่อกับแม่เ้าแล้ว”
หลังจากที่หลิวซานกุ้ยและจางกุ้ยฮัวทานอาหารกลางวันเรียบร้อย พวกเขาก็กลับไปที่บ้านใหม่ และเนื่องจากหลิวฉีซื่อเรียกให้ไปกินข้าว ในตอนเที่ยงวันนี้จึงไหว้วานให้ฮูหยินหลี่เจ้งกับป้าหลี่ช่วยทำอาหารแทน
ตอนนี้การซ่อมแซมเป็ไปตามแผนที่วางไว้ แม้ว่าสองสามีภรรยาจะไม่อยู่ แต่งานก่อสร้างก็เดินหน้า
หลังจากทานอาหารร่วมกับหลิวฉีซื่อ จางกุ้ยฮัวและหลิวซานกุ้ยก็ไปที่บ้านใหม่อีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่า ขณะที่ส่งต่อหินร่วนกัน จู่ๆ จางกุ้ยฮัวก็ร้องโอ๊ย มือไม้อ่อนแรงขึ้นมาจนทำก้อนหินหล่นบนพื้น เกือบกระแทกถูกเท้า ที่สำคัญคือนางทรุดนั่งลงอย่างกะทันหันแล้วใช้มือกุมท้องไว้
นางนั่งปวดท้องอยู่ตรงนั้น ไม่นานนักก็อาเจียนออกมา
หลิวซานกุ้ยได้ยินก็รีบไปหา จางกุ้ยฮัวร้องโอดครวญว่าเจ็บท้อง ขณะที่เขากำลังพยุงนางลุกขึ้น ใครเล่าจะคิดว่าพอก้มตัวก็เกิดเหตุการณ์พลิกผันอีก
“โอ๊ย ข้าก็ปวดท้องเช่นกัน”
เสียงของหลิวซานกุ้ยไม่ดังนัก แต่เนื่องจากการะโก่อนหน้านี้ของจางกุ้ยฮัวจึงมีผู้คนล้อมรอบอยู่นานแล้ว ในนั้นมีฮูหยินหลี่เจิ้ง ซึ่งก็คือย่าหวงกับป้าหลี่ที่เป็ห่วงคนทั้งสองอยู่ด้วย
“เป็อะไรไป กินอะไรผิดสำแดงหรือ?”
ย่าหวงมองทั้งสองคนด้วยความเป็ห่วง แล้วบอกให้ป้าหลี่ไปเรียกหมอท้องถิ่นมาดู
“พวกเ้ารีบมาทางนี้เร็ว พยุงทั้งสองคนเข้าไปพักที่บ้าน”
บ้านใหม่ของหลิวเต้าเซียงนั้นเก็บกวาดด้านในเรียบร้อยหมดแล้ว รอเพียงสร้างกำแพงบ้านให้เสร็จแล้วย้ายสำมะโนครัวเข้ามา
ดังนั้น ย่าหวงจึงพูดเช่นนี้
-----
