ยามเช้าช่างไม้หลี่พาชาวบ้านมาทำงานที่เรือนของเมิ่งอู่ต่อ ยามที่เมิ่งอู่ตื่นขึ้น พวกเขาก็นั่งล้อมวงกินแผ่นแป้งผักป่าที่นางเซี่ยทำอย่างเอร็ดอร่อยอยู่บนไม้กระดานเต็มลานเรือน
กลิ่นหอมของแผ่นแป้งผักป่านั้นชวนให้น้ำลายสอ ชาวบ้านพากันเอ่ยชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมิ่งอู่ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมผมเผ้ายุ่งเหยิง นางหวีผมของตนเองก่อน แล้วค่อยอุ้มอินเหิงใส่เก้าอี้เข็น
พอชาวบ้านกินอิ่มก็เริ่มลงมือทำงาน เมิ่งอู่เข็นอินเหิงออกจากประตูห้อง ตักน้ำให้เขาล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็มองอินเหิงให้อาหารไก่ตัวนั้นในลานเรือน
พอแม่ไก่ป่าเห็นเขาก็ร่าเริงเหลือหลาย วิ่งวนไปมารอบตัวเขา อินเหิงโปรยธัญพืชให้มัน มันจิกกินไม่กี่ครั้งก็ะโขึ้นไปบนเก้าอี้เข็นอย่างมีความสุขเพื่อให้อินเหิงลูบขนของมันให้เรียบ
ช่างเป็ไก่ที่ดีใจจนเหลิงจริงๆ
ดูคล้ายมันจะรู้สึกได้ถึงไอสังหารน่ากลัวของเมิ่งอู่ แม่ไก่ป่าจึงรีบะโลงจากเก้าอี้เข็น และพยายามอยู่ห่างจากเมิ่งอู่ให้มากที่สุด
เมิ่งอู่มองอินเหิง หน้าของเขายังคงซีดเซียวสองสามส่วน แต่กลับทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงตะวันที่สาดส่องต้องร่างของเขาราวกับซีดลงตามไปด้วย สูญเสียความอบอุ่นเหมือนแสงตะวันในฤดูหนาว คงเหลือไว้เพียงความเจิดจ้า
ั์ตาสีอ่อนที่หรี่ลงเล็กน้อยคู่นั้นช่างงดงามเหลือเกิน
เมิ่งอู่อดทอดถอนใจไม่ได้ ช่างเป็บุรุษรูปงามขี้โรคจริงๆ ยิ่งเขาแสร้งทำว่าไม่เป็อันใด ความดื้อรั้นนั้นยิ่งชวนให้คนปวดใจ!
เมิ่งอู่ต้มยาให้เขาอย่างดีเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มทำงานหนักอย่างผ่าฟืนและดูแลพืชผัก
นางเซี่ยมองไป เมิ่งอู่ก็ยกขวานขึ้นผ่าฟืนออกเป็สองท่อน กล่าวด้วยความกระตือรือร้น “วันนี้ข้ารู้สึกว่าทั่วตัวมีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม ต้องทำอะไรบางอย่างสักหน่อย อาเหิง ไม่มีประโยชน์ที่เ้าจะต่อสู้แย่งงานกับข้า ข้าจำต้องระบายออก!”
นางเซี่ย “...”
นางเซี่ยคร้านจะสนใจ ต่อมาจึงไม่ได้มอบหมายให้อินเหิงทำงานหนักอะไรอีก
ในเรือนมีควันจากการทำอาหารลอยโขมงั้แ่เช้า เพราะมีคนรอกินจำนวนมากจึงต้องรีบทำอาหารกลางวันก่อนเวลา
ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมามักแวะมายืนที่ประตูลานเรือนเป็ครั้งคราว ก่อนมองเข้ามาดูว่าการสร้างเรือนหลังใหม่ของครอบครัวเมิ่งอู่เป็อย่างไรบ้าง
นางเซี่ยสนทนาทักทายชาวบ้าน สีหน้าของนางผ่อนคลายและสดใสอย่างหาได้ยาก
เรือนของเมิ่งอู่ยุ่งมาก แต่เรือนของเมิ่งต้าอีกฝั่งหนึ่ง ทุกคนกลับเต็มไปด้วยความหดหู่กลัดกลุ้ม
เมื่อนึกถึงว่าหญิงหม้ายลูกกำพร้าคู่นั้นในอนาคตไม่เพียงมีเรือนหลังใหม่ แต่ยังมีชีวิตที่สุขสบายด้วย ครอบครัวของเมิ่งต้าก็รู้สึกไม่พอใจยิ่งยวด
ยามเช้าเมิ่งเจียนเจียออกจากเรือนโดยอ้างว่าจะไปเก็บผักในทุ่ง แต่นางกลับหายไปนาน
ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด หลังเมิ่งเจียนเจียเก็บผักสีเขียวพอเป็พิธีแล้ว นางก็สะพายตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่งแล้วจงใจเดินอ้อมเป็พิเศษเพื่อผ่านหน้าเรือนของเมิ่งอู่
นางอยากเห็นว่าเรือนหลังใหม่ของเมิ่งอู่เป็อย่างไร ที่สำคัญกว่านั้นนางอยากเห็นสามีแต่งเข้าของเมิ่งอู่ด้วย
นางได้ยินเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านพูดกันหนาหูว่าหวังสิงเ้าบ่าวแต่งเข้าของเมิ่งอู่นั้นหล่อเหลารูปงามราวเทพบน์ นี่มิได้กล่าวเกินจริงเลย อย่าว่าแต่หาคนหน้าตาดีเช่นนี้ไม่ได้ในหมู่บ้าน เกรงว่าแม้แต่ในเมืองก็ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงเขาได้
ก่อนหน้านี้เมิ่งเจียนเจียสงวนท่าทีและทำตัวให้ดูพิเศษ ไม่เหมือนพวกเด็กสาวชาวบ้านที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก จึงยิ่งรังเกียจที่จะมาแอบดูพร้อมพวกนาง
นางเป็เด็กสาวที่มีความรู้และมีคุณค่า ยามมองคนจะมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอกได้อย่างไร
ดังนั้นยามที่ได้ยินเด็กสาวคนอื่นๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนานถึงรูปโฉมของหวังสิง นางก็เพียงยิ้มบางก่อนกล่าวว่า “งามหรืออัปลักษณ์ล้วนเป็เพียงถุงหนัง สิ่งล้ำค่าอย่างแท้จริงคือจิติญญาและการฝึกฝนตนเองที่อยู่ภายใน”
บรรดาเด็กหนุ่มในหมู่บ้านล้วนไม่พอใจกับความจริงที่ว่าเหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านพากันชื่นชมรูปลักษณ์ของหวังสิง เมื่อเมิ่งเจียนเจียเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ แน่นอนว่าย่อมได้รับความประทับใจที่ดีจากบรรดาเด็กหนุ่ม
บัดนี้การที่เมิ่งเจียนเจียสะพายตะกร้ามาที่เรือนของเมิ่งอู่ย่อมมีเหตุผลที่ฟังขึ้น
พอเมิ่งเจียนเจียเห็นนางเซี่ย ก็เอ่ยเรียกเสียงอ่อน “ท่านอาสะใภ้รอง”
นางเซี่ยตะลึงงัน ก่อนมองไปทางประตูลานเรือนก็เห็นเมิ่งเจียนเจียเดินเข้ามา ท่าทางสง่างาม
เมิ่งเจียนเจียผู้นี้ไม่ได้มีสีหน้าดุร้ายเฉกเช่นนางเหอ นางเย่ หรือเมิ่งซวี่ซวี กลับกันนางอ่อนโยนและใจกว้างทั้งคำพูดและการกระทำ ยังพูดจานุ่มนวลอ่อนหวาน ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนในหมู่บ้านล้วนชื่นชอบนาง อย่างไรก็ดีพูดไม่ได้ว่านางเซี่ยสนิทสนมกับเมิ่งเจียนเจีย ทว่าก็ไม่ได้รังเกียจ
นางเซี่ยถาม “เจียนเจีย ไฉนเ้าถึงมาที่นี่?”
เมิ่งเจียนเจียกล่าว “ข้าบังเอิญเดินผ่านมา เห็นเรือนของท่านอาสะใภ้รองยุ่งมากจึงแวะเข้ามาดูว่ามีอันใดให้ช่วยหรือไม่เ้าคะ”
เมิ่งเจียนเจียกวาดตามองโดยรอบ เห็นชาวบ้านขนย้ายไม้และก่อสร้างเรือนกันอย่างขะมักเขม้น ส่วนที่เคยเป็ครัวเวลานี้ก่อโครงสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดูมั่นคงแข็งแรง
เพราะครอบครัวของเมิ่งอู่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำอาหารให้พวกเขากินจนอิ่ม ทั้งยังให้เหรียญทองแดงแก่พวกเขาด้วย ดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจทำงานหนักกันสุดกำลัง
นางเซี่ยกำลังทำอาหารกลางวันอยู่ข้างเรือนไม้หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเพียงครึ่งเดียว ไม่ทันสนใจเมิ่งเจียนเจีย นางกล่าวว่า “ที่นี่ยุ่งมาก เ้าไปนั่งตรงนั้นเถิด”
เมิ่งเจียนเจียพยักหน้ารับเอ่ยว่า “ท่านอาสะใภ้รอง หาก้าความช่วยเหลือก็เรียกข้าได้”
ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่นางเซี่ยจะขอให้นางทำงานได้อย่างไร
เมิ่งอู่กำลังผ่าฟืน เมื่อฟันขวานลงไป เงยหน้าขึ้นก็เห็นเมิ่งเจียนเจียเดินดูรอบๆ ลานเรือนของนาง
เมิ่งเจียนเจียมองเรือนหลังใหม่ก่อน จากนั้นค่อยมองไก่ที่กำลังขันกะต้ากๆ อยู่ที่มุม สุดท้ายแสร้งมองผ่านไปยังอินเหิงที่นั่งในร่มเงาใต้ชายคาเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เพียงมองผาดเดียวั์ตาของเมิ่งเจียนเจียก็อ่อนโยนดุจมีน้ำหยดลงมา
เด็กสาวในหมู่บ้านมิได้พูดเกินจริง ยิ่งเมิ่งเจียนเจียเห็นด้วยตาตนเองยิ่งรู้สึกว่ารูปงามยิ่งกว่าที่คนอื่นพูดมากนัก
ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านหล่อเหลางดงามเทียบเท่าเขา นี่สิถึงจะคู่ควรสมกับเป็ลักษณะสามีในอุดมคติที่นางแสวงหา ไม่ใช่บุรุษที่เหงื่อเหม็น หยาบคาย มุทะลุใจร้อนในหมู่บ้านพวกนั้น
ทว่าเขาต้องนั่งเก้าอี้เข็น ทำให้เมิ่งเจียนเจียรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
เมิ่งเจียนเจียสาวเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยถาม “คุณชายผู้นี้คือ...”
ก่อนหน้านี้เวลาที่แม่ไก่ป่าเข้าไปใกล้ชิดอินเหิง เมิ่งอู่ยังต้องต่อสู้แย่งชิงกับไก่ตัวหนึ่ง แต่ครานี้กลับมีคนยืนอยู่ในลานเรือนพยายามใกล้ชิดอินเหิง แต่เมิ่งอู่กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ
บางทีในสายตาของเมิ่งอู่ เมิ่งเจียนเจียสู้ไม่ได้แม้แต่กับไก่ตัวหนึ่ง
อินเหิงไม่แม้แต่จะชายตามองเมิ่งเจียนเจีย เพียงโปรยธัญพืชไม่กี่เมล็ดไปที่มุมอย่างจงใจ แม่ไก่ป่ารีบเอียงตัวไปจิกกินทันควัน
แม่ไก่ป่าตัวนี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนมันวาวเงาวับ ดูคล้ายจะอ้วนท้วนสมบูรณ์กว่ายามที่เมิ่งอู่พากลับมาใหม่ๆ ดูท่าว่ามันคงปรับตัวและคุ้นเคยกับชีวิตที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากคนแล้ว
อินเหิงปัดเศษธัญพืชที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าออกอย่างสบายๆ แล้วกล่าว “คนทั้งหมู่บ้านต่างรู้ว่าข้าเป็สามีแต่งเข้าของอาอู่ เ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็ไม่รู้กันแน่?”
แน่นอนว่าแกล้งทำเป็ไม่รู้ เพื่อฉวยโอกาสตีสนิทกับเขาอย่างไรเล่า แต่ไม่คิดเลยว่าอินเหิงจะไม่ไว้หน้านางถึงเพียงนี้
ดวงหน้างดงามอ่อนนุ่มของเมิ่งเจียนเจียแข็งทื่อ กล่าวว่า “ข้าได้ยินมาบ้าง แต่พอเห็นตัวจริงก็ยังตอบสนองไม่ทันอยู่บ้าง”
อินเหิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ไม่เป็ไร”
จากนั้นเขาก็พูดคุยกับเมิ่งเจียนเจีย สีหน้าท่าทางอ่อนโยน ราวกับเป็คนที่เข้าถึงง่าย ทำให้ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียแดงระเรื่อ ยิ้มเขินอาย
อินเหิงเหลือบมองตะกร้าของเมิ่งเจียนเจียแล้วถามว่า “เ้าเพิ่งกลับจากการเก็บผักหรือ?”
เมิ่งเจียนเจียขานรับ “ใช่เ้าค่ะ”
อินเหิงซัก “เช่นนั้นเ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เมิ่งเจียนเจียตอบ “ข้ามาช่วยท่านอาสะใภ้รอง เพราะเห็นว่านางยุ่งมากเ้าค่ะ”
เมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษรูปงาม นางย่อมต้องแสดงออกอย่างสมเหตุสมผลเป็ธรรมชาติ ไม่ให้คนรู้สึกว่าจงใจเกินไป ปากนางบอกว่ามาช่วย แต่ในเมื่อนางเซี่ยไม่ยอมให้นางช่วย นั่นย่อมไม่ใช่ความผิดของนาง
อินเหิงหันมองเมิ่งอู่ที่กำลังผ่าฟืนอยู่แล้วกล่าว “อาอู่ หางานให้นางทำเถิด นางมาช่วยพวกเรา”
เมิ่งเจียนเจียอึ้งงันไป