เหล่าไท่ไท่เบิกตากว้างมองหยางมามาด้วยความแปลกใจ ในความทรงจำของนาง นางไม่เคยพูดว่าร้ายผู้เป็นายแม้แต่คำเดียว ทั้งยังไม่เคยเอ่ยคำพูดรุนแรงและเด็ดขาดเช่นนี้มาก่อน
“หงเจียง เ้าพูดอะไร? คำที่เ้าบอกว่า “ทำลายชื่อเสียงของเสี่ยวอี้” และคุณหนูเส่า “เชี่ยวชาญการวางแผน” หมายถึงอะไรกัน? พูดเช่นนั้นได้อย่างไร” เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้วแน่นด้วยความโมโห ก่อนเอ่ยเสริม “ข้ารู้ว่าครั้งนี้เ้าต้องทนทุกข์ทรมาน แต่เ้าก็ไม่ควรว่าร้ายคุณหนูเส่าเช่นนั้น ดูเสี่ยวอี้สิ นางยังปล่อยวางได้” คำพูดของเหล่าไท่ไท่ชี้ให้เห็นว่าหยางมามาใจแคบเกินไป
หยางมามาส่ายศีรษะแน่วแน่ “เหล่าไท่ไท่ หากบ่าวทำเกินหน้าที่ โปรดยกโทษให้บ่าวด้วย แต่บ่าวจำเป็ต้องพูด คุณหนูสามยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ ความคิดเห็นของนางจึงไม่สามารถรวมในขอบเขตการพิจารณาเื่นี้ได้” เมื่อเหอตังกุยได้ยินก็ก้มหัวด้วยความละอายใจ หยางมามาเอ่ยเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น บ่าวไม่ได้พูดเพียงเพราะโกรธคุณหนูสี่ ในทางกลับกัน บ่าวพูดความรู้สึกที่แท้จริงเพื่อประโยชน์ของคุณหนูสี่! เหล่าไท่ไท่ การที่ท่านปกป้องคุณหนูสี่เช่นนี้เป็ผลดีต่อนางหรือ? ไม่ช้าก็เร็ว นางจะต้องแต่งงานและจะไม่มีผู้าุโเช่นท่านคอยปกป้องนางอีก หากท่านเป็เช่นนี้จะไม่ส่งผลดีต่อนางแม้แต่น้อย!”
เหล่าไท่ไท่นิ่งเงียบครู่หนึ่งพลางพยักหน้า “เอาล่ะ เช่นนั้นก็บอกข้าทีว่าคุณหนูเส่าทำผิดอะไร? นางจงใจวางแผนทำร้ายเสี่ยวอี้อย่างไร?”
หยางมามาถอนหายใจ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ในบรรดาเสื้อผ้าที่บ่าวส่งให้คุณหนูสาม ชุดผ้าโปร่งปักลายดอกอวี้หลานสีขาวถูกคุณหนูสี่ใส่หนามแหลมของต้นกระบองเพชรปะปนมาด้วย แม้คุณหนูสามจะได้รับาเ็จากหนาม แต่ความเ็ปก็คงอยู่ไม่นาน ไม่ได้สร้างความเสียหายที่แท้จริง เมื่อแผลหายดี นางก็ยังคงเป็คุณหนูที่มีคุณค่า แต่มีอีกเื่หนึ่งที่บ่าวต้องบอกท่าน นั่นคือผงคันที่ชื่อว่า “เตียวซานเย่า” ได้ถูกโรยใส่ชุดชั้นในผ้าไหมงาช้างซึ่งเป็ชุดที่แนบเนื้อคุณหนูสามมากที่สุด! เหล่าไท่ไท่โปรดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หากพวกเราไม่สังเกตเห็นผงคันเ่าั้บนเสื้อผ้าของนางเมื่อวานนี้ หากคุณหนูสามเปลี่ยนชุดใหม่ก่อนขึ้นเกี้ยว เช่นนั้น…นางก็จะคันอย่างรุนแรงขณะอยู่บนเกี้ยว!”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ หยางมามาก็เห็นความประหลาดใจในดวงตาเหล่าไท่ไท่ นางจึงแบมือที่แดงและบวมเพราะอาการคันก่อนเอ่ยต่อ “ผงเตียวซานเย่าทำให้ทรมานเพียงใด การคันทะลวงข้อต่อกระดูกเ็ปเพียงใด บ่าวไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้! แต่เหล่าไท่ไท่ มือที่หยาบกร้านของบ่าวยังกลายเป็เช่นนี้เพราะได้รับผงคันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากผิวกายบอบบางและอ่อนโยนของคุณหนูสามััผงนี้ผ่านเสื้อผ้า ไม่ว่านางจะมีสติมากเพียงใดก็ไม่พ้นจะต้องถอดชุดชั้นในออกทันที! เหล่าไท่ไท่ องครักษ์ตระกูลหลัวที่ตามมาคุ้มครองคุณหนูสามในครั้งนี้มีทั้งหมดแปดคน หากพวกเขาได้ยินเสียงร้องไห้ของคุณหนูสามจากในเกี้ยวก็จะต้องเข้ามาตรวจสอบเป็แน่ นั่นไม่เท่ากับว่าร่างของคุณหนูสามได้ถูกสายตาของพวกเขาจับจ้องหมดแล้วหรือ? ถือเป็การทำลายชื่อเสียงนางใช่หรือไม่?”
เมื่อเหล่าไท่ไท่ได้ยินก็ใทันที ริมฝีปากพลันอ้าออกราวกับ้าเอ่ยบางอย่างทว่าไม่รู้จะเอ่ยคำใด ใบหน้าของเหอตังกุยซีดเผือดด้วยความใกลัว พลันยกมือขวาปิดปากแน่น ร่างสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว เหล่าไท่ไท่จึงปลอบนางด้วยการตบเบา ๆ
“บ่าวติดตามคุณหนูมาั้แ่ยังเด็ก เดิมทีตั้งใจจะรับใช้ท่านตลอดชีวิต แต่หากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพราะบ่าวทำผิดพลาดครั้งใหญ่ บ่าวจะมีหน้าอยู่ในตระกูลหลัวต่อไปได้อย่างไร?” หยางมามาเอ่ยด้วยความเสียใจ “คุณหนู บ่าวรู้ว่าท่านรักคุณหนูสี่มากกว่าคุณหนูรอง แต่คราวนี้ท่านควรเปิดตา เปิดใจและให้ความยุติธรรม! แม้ท่านจะไม่ได้ทำเพื่อให้ความยุติธรรมแก่คุณหนูสาม ก็นึกเสียว่าเห็นแก่ชื่อเสียงตระกูลหลัวตงเถิด!”
“พูดอย่างไรดี” เหล่าไท่ไท่จับเบาะเก้าอี้แน่นพลางขมวดคิ้วมุ่น คิดในใจว่า ‘หงเจียงพูดถูก หากเื่นี้เกิดขึ้นกับเสี่ยวอี้จริง ๆ ข้าควรบอกชวนสยงอย่างไร? เสี่ยวอี้เป็ลูกคนเดียวของนาง หากชื่อเสียงนางได้รับความอัปยศ ข้าก็ไม่อยากส่งใครไปรับนางกลับบ้าน!”
“ในความคิดบ่าว เอ้อร์ไท่ไท่คือฮูหยินใหญ่ผู้จัดการดูแลเื่ในจวนตระกูลหลัว ต้องเผชิญปัญหาในบ้านไม่ว่างเว้น จึงอาจละเลยที่จะอบรมสั่งสอนคุณหนูสี่ เป็สาเหตุให้คุณหนูสี่เรียนรู้กลอุบายอันตรายภายใต้การแนะนำของบ่าวรับใช้ชั่วช้า สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือผ่านมาระยะหนึ่งแล้วที่คุณหนูสี่กลายเป็เช่นนี้ ตามคำบอกเล่าของสาวใช้ในเรือนคุณหนูสี่ที่ถูกบ่าวคุมขังไว้เพื่อเค้นถาม ครึ่งปีก่อน...ขณะคุณหนูสามเพิ่งย้ายมาที่นี่ คุณหนูสี่จ้างและสั่งการให้หญิงชราผู้หนึ่งที่เขียนหนังสือได้เขียนบทความดูิ่อาจารย์หญิงหวังเซียนลี่ มีเนื้อหาว่านางไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติของสตรี ไม่สมควรเป็อาจารย์ วันรุ่งขึ้นคุณหนูสี่ก็มอบบทความนี้แก่หวังเซียนลี่ในนามคุณหนูสาม ทำให้หวังเซียนลี่เดือดดาลจนลาออก”
เหล่าไท่ไท่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “หวังเซียนลี่…ไม่ได้บอกว่านางจากไปเพราะเสี่ยวอี้หรอกหรือ?” เมื่อกล่าวจบก็หันไปทางเหอตังกุยพลางถาม “เสี่ยวอี้ มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ หรือ? ตอนนั้นทุกคนต่างบอกว่าเ้าเป็คนทำให้อาจารย์โกรธจนลาออก เหตุใดเ้าไม่ชี้แจงว่าเ้าบริสุทธิ์?”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไป” เมื่อเห็นเหอตังกุยมีสีหน้า “ประหลาดใจ” หยางมามาจึงถือโอกาสตอบคำถามแทน “นี่คือเหตุผลที่ข้าบอกว่าคุณหนูสี่มี “ความเชี่ยวชาญในการวางแผน” ...ก่อนที่นางจะให้บทความแก่หวังเซียนลี่ นางได้วางยาพิษเหอตังกุยเพื่อทำให้คุณหนูสามพูดไม่ได้ชั่วขณะ! คุณหนูสามเขียนได้ไม่กี่คำ อีกทั้งคอยังได้รับาเ็จากพิษ แน่นอนว่านางไม่สามารถชี้แจงความบริสุทธิ์ของตัวเองได้!”
เหล่าไท่ไท่เบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ เขย่าไหล่บอบบางของเหอตังกุยเบา ๆ ก่อนเอ่ยถาม “ที่หงเจียงพูดเป็ความจริงหรือ? เสียวเส่าวางยาพิษให้เ้าพูดไม่ได้จริงหรือ?”
คล้ายว่าเหอตังกุยจะจำความทรงอันน่าเวทนานั้นได้ ความรู้สึกหวาดกลัวพลันปรากฏในดวงตางดงาม ไม่นานนางก็ส่ายหัวพลางพึมพำช้า ๆ “ข้า…ข้าไม่รู้… แต่หลังจากวันแรกที่เข้าเรียน ข้าก็ไม่สามารถพูดได้ถึงสิบกว่าวัน ข้าไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใด คิดเพียงว่าตนเป็หวัด…ความจริงแล้วก็ไม่สำคัญนัก เพราะข้าไม่ได้ชอบพูด แม้พูดไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหา…”
“เด็กโง่ พูดอะไรเช่นนั้น!” เหล่าไท่ไท่กอดเหอตังกุยไว้ในอ้อมแขน ก่อนเอ่ยตำหนิตัวเอง “เป็ความผิดของข้า ข้าไม่ได้ส่งคนไปถามหวังเซียนลี่ถึงเหตุผลที่นางจากตระกูลหลัวไป หากรู้ว่าบทความฉบับนั้นเป็เหตุก็จะรู้ทันทีว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวอี้ เพราะในตอนนั้นเ้าแทบเขียนหนังสือไม่ได้!”
หยางมามาเอ่ยเสริมทันที “นอกจากเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนผงคัน ยังมีบทความที่เขียนในนามคุณหนูสามจนทำให้อาจารย์หญิงหลายท่านโกรธถึงขั้นจากไป อีกทั้งคุณหนูสี่ยังใส่ผงยาเตียวซานเย่าลงบนหวี ปิ่นปักผม โต๊ะหนังสือ พู่กัน กระดาษ หนังสือเรียนและของใช้อื่น ๆ ทำให้คุณหนูสามผู้ไร้เดียงสาตกหลุมพรางที่นางวางไว้ แต่นี่ยังนับว่าน้อย ที่แย่กว่านั้นคือคุณหนูสี่มักใส่สลอด ถั่วเขียวและถั่วเหลืองที่ไม่ได้ผ่านการต้มสุกลงในอาหารคุณหนูสาม เมื่อคุณหนูสามกินก็เกิดอาการท้องเสียและไม่สบาย ร่างกายของคุณหนูสามจึงอ่อนแอลงทุกวัน!” ระหว่างพูดก็ชี้ใบหน้าเล็กสีเหลืองซีดของเหอตังกุยไปด้วย
“เสี่ยวอี้ สิ่งที่หงเจียงพูดทั้งหมดจริงหรือไม่?” เหล่าไท่ไท่จ้องเหอตังกุยพร้อมจับมือเล็กพลางเค้นถาม “เสี่ยวอี้ เสียวเส่าเคยทำร้ายเ้าหรือไม่?”
เหอตังกุยกะพริบตา ภายใต้สายตารอคอยของหยางมามาทำให้นางต้องกลืนน้ำลายด้วยความเครียด ก่อนเอ่ยตอบอย่างหวาดกลัว “ที่จริง…มันไม่ได้เลวร้ายเช่นหยางมามาอธิบาย ข้าท้องเสียเพียงสองหรือสามครั้งเท่านั้น นับแต่นั้นมา ข้าก็มักจะหยิบต้นสลอด ถั่วเขียวและถั่วเหลืองออกก่อนกินทุกครั้งเพื่อจะได้ไม่ปวดท้องอีก! ความจริงแล้วข้าก็รู้ว่าน้องสี่เพียงซุกซน นางทำเพราะอยากเล่นกับข้าเท่านั้น!” ใบหน้าไร้เดียงสาของเหอตังกุยทำให้หยางมามาโกรธจนอยากจะหยิกนาง ไม่นานเหอตังกุยก็พูดเสริม “ท่านยายโปรดอย่าตำหนิน้องสี่เลย นางมีจิตใจเมตตา มักจะถามเกี่ยวกับข้าและห่วงใยข้าเสมอ ตอนข้าไม่มีอะไรกิน อาหารทั้งหมดก็ได้รับมาจากนาง!”
“ไม่...ไม่มีอะไรกิน?” ดวงตาของเหล่าไท่ไท่เบิกกว้าง “เกิดอะไรขึ้น?”
ทันใดนั้นหยางมามาก็ยืนแล้วกล่าวต่อ “ ตายแล้ว จู่ ๆ นายน้อยจูก็เสียชีวิต บ่าวจึงลืมจัดการเื่นี้เสียสนิท! เหล่าไท่ไท่ แม่บ้านหวังฉีผู้ดูแลครัวไม่ส่งอาหารไปที่เรือนซีคั่วของคุณหนูสามเป็เวลากว่าครึ่งปีแล้วเ้าค่ะ! ทั้งยังยักยอกเงินสี่ร้อยตำลึงซึ่งเป็ค่าอาหารของคุณหนูสามที่ส่วนกลางมอบให้ไปสร้างบ่อนพนันใต้ดินอีกด้วย! นอกจากนี้ยังได้รับเงินมหาศาลจากค่าเบี้ยหวัดของบ่าวรับใช้ทั้งหมด!”
ดวงตาของเหล่าไท่ไท่เบิกกว้างจนลูกตาแทบถลน นางเอ่ยด้วยความใ “หวังฉี? นางทำเื่เช่นนี้ถึงครึ่งปีแล้ว เหตุใดจึงไม่มีใครบอกข้าสักคน? มีบ่อนพนันใต้ดินอีกหรือ? กฎตระกูลของพวกเราห้ามเล่นการพนันั้แ่เมื่อหลายปีก่อน พวกเขากล้าทำอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้อย่างไร”
หยางมามาถอนหายใจก่อนเอ่ย “เท่าที่บ่าวรู้ หวังฉีและหวังเสี่ยวต้าหลานชายของนางตั้งบ่อนพนันในห้องใต้ดินหลังเรือนซีคั่ว พวกเขาเรียกบ่าวรับใช้เกือบทั้งหมดในจวนหลัวมาเล่นการพนัน แม้นักพนันเ่าั้จะแพ้และไม่จ่ายเงิน พวกเขาก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช้หนี้ เพียงข้ามชื่อของบ่าวรับใช้พวกนั้นในรายชื่อเบี้ยหวัดรายเดือน ส่วนเงินที่ข้ามก็จะตกเป็ของพวกเขาทั้งสอง”
หยางมามามีเวลาไม่เพียงพอจึงไม่ได้ตรวจสอบเื่นี้อย่างละเอียด สิ่งที่เรียกว่า ‘เท่าที่บ่าวรู้’ ความจริงแล้วก็ฟังมาจากปากของคุณหนูสาม ไม่ใช่เพราะหยางมามาอยากแย่งความพยายามของคุณหนูสาม ทว่าเหตุผลที่พูดเช่นนั้นเพราะคุณหนูสามไม่สามารถพึ่งพาได้ ทำให้นางผิดหวังไม่น้อย นางจึงต้องพึ่งตัวเองในการบอกความจริงแก่เหล่าไท่ไท่ หยางมามามองเหอตังกุยพลันเห็นว่านางจับชายเสื้อคล้ายผิดหวังที่ตัวเองไม่สามารถพูดได้สักคำ...เฮ้อ เด็กน้อยยังไม่อาจจัดการเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้ได้
หยางมามากล่าวต่อ “ตกกลางคืนบ่าวรับใช้ส่วนใหญ่เบื่อหน่าย ไม่มีอะไรทำ จึงเล่นการพนันครั้งสองครั้ง ั้แ่ครั้งแรกที่พวกเขาเข้าสู่แวดวงพนัน พวกเขาก็ตกอยู่ในกำมือของหวังฉีทันที ไหนเลยจะกล้าไปฟ้องผู้เป็นาย? ครั้งแรกที่เล่นเสียจนเงินไม่เหลือ ผ่านไปสองเดือนก็จะถูกล่อลวงไปเล่นอีกด้วยเงินเบี้ยหวัดเดือนใหม่ หวังจะชนะเพื่อนำเงินกลับคืน แล้วพวกเขาจะถอนตัวได้อย่างไรกัน? บ่อนพนันนั้นสร้างขึ้นจากการโกง! หากเหตุการณ์เป็เช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วบ่าวรับใช้เ่าั้ก็จะไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัวหรือเลี้ยงดูตัวเอง คงทำได้เพียงหันไปหาเ้านาย หากขอยืมเงินแบบเปิดเผยก็ถือเป็เื่ดี แต่เกรงว่าบ่าวรับใช้บางคนจะแอบวางแผนชั่ว คิดว่าเ้านายจะโง่ให้พวกเขาหลอกง่าย ๆ …”
เหล่าไท่ไท่ตบผนังรถอย่างแรงพลางเอ่ย "ช่างดีเสียจริง ดีมาก ข้าวางมือให้ฮูหยินใหญ่ดูแลเื่ในจวนไม่กี่ปี คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเื่ใหญ่เช่นนี้ มิหนำซ้ำข้าเพิ่งจะรู้เมื่อผ่านมากว่าครึ่งปี!”
เมื่อเห็นเหล่าไท่ไท่บันดาลโทสะ หยางมามาจึงรีบเอ่ยปลอบใจ “พวกเราจัดการบ่าวรับใช้ชั่วช้าเ่าั้ได้เมื่อกลับถึงจวน หากท่านเอ่ยคำนั้นก็ไม่มีใครหนีรอดได้ ผู้ที่บังอาจกลั่นแกล้งเ้านายจะต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับอย่างสาสม แต่ตอนนี้บ่าวคิดว่าพวกเราควรให้ความสำคัญกับเื่คุณหนูสี่เป็อันดับแรก เพื่อเป็การดีต่อนาง บ่าวแนะนำว่านางควรได้รับการลงโทษ เหล่าไท่ไท่ ท่านรู้นิสัยบ่าวดี หากไม่ไร้หนทาง บ่าวจะไม่รายงานพฤติกรรมของคุณหนูสี่แก่ท่าน คุณหนูสี่มีนิสัยเสียั้แ่เด็ก นอกจากคุณหนูรองแล้ว ทุกคนในจวนต่างรักและเอ็นดูนางมากที่สุด ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็การสร้างนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจให้นาง โชคดีที่ตอนนี้นางอายุเพียงเก้าขวบ นางยังสามารถเป็สตรีที่ดีได้ ตราบใดที่พวกเราอบรมสั่งสอนได้ทันท่วงที” เหล่าไท่ไท่หายใจเข้าลึก ค่อย ๆ ผ่อนคลายอารมณ์ให้สงบ ใน่หลายปีที่ผ่านมานางมีแต่ความสงบสุข นานแล้วที่ไม่ได้ยินเื่น่ากลัวมากมายในคราวเดียว มิหนำซ้ำแต่ละเหตุการณ์ก็เกิดใต้จมูกของนางมาตลอด ทำให้นางใไม่ใช่น้อย เหล่าไท่ไท่นิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนมองไปยังหยางมามา “หงเจียง ตามความเห็นของเ้า ข้าควรสั่งสอนเสียวเส่าอย่างไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้