โม่จ้านถูกเสียงประหลาดปลุกให้ตื่น
าาปีศาจนึกประหลาดใจว่าเพราะเหตุใดตนจึงหลับไปในตอนกลางวัน หันมองไปยังทิศทางที่มีเสียงประหลาดดังขึ้นก็คล้ายกับตนเผลอหลุดเข้าไปในฉากถ่ายหนังสยองขวัญ เมื่อเจอเข้ากับชายชราร่างผอมราวท่อนฟืนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตู สายตานั้นเอาแต่จดจ้องตนตาไม่กะพริบ ภายใต้แสงสลัวของตะเกียงด้านหลัง ช่างมิต่างอันใดกับซากศพเดินได้
คอเสื้อคลุมตัวยาวสีขาวและชายอาภรณ์ของชายชราล้วนตกแต่งด้วยสีทอง ด้ายทองทั้งสองเส้นทักทอเป็ลวดลายวิจิตรั้แ่ใต้วงแขนจรดชายแขนเสื้อกว้าง ผนวกกับผ้าคลุมไหล่เย็บขอบสีเงินและพู่ห้อยระย้าเป็ระเบียบเรียบร้อย ต่อให้เป็ผู้มิค่อยมีความรู้เช่นโม่จ้านก็ยังดูออกว่าผู้มาเยือนต้องมีฐานะสูงส่งมิน้อยเป็แน่
ทว่าเมื่อเทียบอาภรณ์หรูหรากับร่างกายของชายชรากลับดูมิค่อยสอดคล้องกันสักเท่าใด เส้นผมบางตา ใบหน้าเงาวับสะท้อนแสง เส้นเอ็นบนลำคอผอมแห้งคดเคี้ยวราวกับกระดูกที่ถูกคลุมไว้ด้วยิัเพียงหนึ่งชั้น ดวงตาสั่นไหวถลนออกมาจากเบ้ามิต่างกับผู้ป่วยไทรอยด์เป็พิษ ทำเอาโม่จ้านเห็นแล้วอดรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงมิได้
สาเหตุที่โม่จ้านใ ย่อมมิใช่เพราะศีรษะที่สะท้อนแสงจนแทบตาบอด แต่เป็เพราะััได้ถึงสายตาอันเร่าร้อนของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มีชื่อเสียงจะต้องมีความหยิ่งยโสหาสิ่งใดเปรียบมิใช่หรือ? เหตุใดชายชราที่ริ้วรอยเต็มใบหน้าผู้นี้จึงได้มองตัวเขาด้วยสายตา...ชั้นต่ำเช่นนั้น?
ชายชราเดินมาอยู่ข้างแท่นลงทัณฑ์อย่างงกๆ เงิ่นๆ ภายในดวงตาขุ่นมัวมีประกายบางอย่างวาดผ่าน เขาทอดมองาาปีศาจที่อยู่ตรงหน้าั้แ่หัวจรดเท้าก่อนจะเลียริมฝีปากพลางฉีกยิ้ม เผยฟันสีเหลืองด่างมิต่างกับข้าวโพดเก่าออกมา
“...เฮ้...”
โม่จ้านกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ทั้งๆ ที่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือชายชราใกล้จะเข้าโลง ทว่าตัวเขากลับยังอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นมิได้
ราวกับ้ายืนยันข้อสันนิษฐานของตน ชายชราจ้องร่างกายกำยำของโม่จ้านแล้วเริ่มหอบหายใจถี่ ยังมิทันให้โม่จ้านได้ตั้งสติดีนัก ทันใดนั้นชายชราก็เข้ามาประชิดตัวด้านหน้า มือทั้งสองข้างที่มิต่างกับตีนไก่เริ่มลูบไล้กล้ามท้องแข็งแรงของโม่จ้าน
“เฮ้ย!” โม่จ้านขนลุกขนชันทันใด คิดอยากจะถีบชายอัปลักษณ์ตรงหน้าออก กลับติดที่โซ่ตรวนมัดเอาไว้แน่นเสียจนมิอาจขยับเขยื้อนได้
“...อือว้าว...สมบูรณ์แบบอย่างที่คิดเอาไว้มิมีผิด... ข้านั้นอยากจะขังเ้าเอาไว้ตลอดกาลเพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชม เหตุใดจึงต้องทำลายกันด้วยเล่า...”
ชายชราย่อกายลงพลางหอบหายใจ ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องอยู่บนกายของโม่จ้าน ขาที่มีลักษณะเป็หนังหุ้มกระดูกสั่นเทาคล้ายกับจะยืนไม่มั่นคง แต่ยังคงฝืนยันกายอยู่บนพื้น
สีหน้าของชายชราเปี่ยมด้วยความคลุ้มคลั่งขณะสูดน้ำลาย มือแห้งเหี่ยวผอมลีบทั้งสองข้างสั่นเทาราวกับผู้เป็โรคพาร์กินสัน เขายื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว ปลายนิ้วไล้ลงไปตามร่องกล้ามเนื้อที่ขึ้นเป็ลอนงามอย่างเชื่องช้า
“...อือว้าว....ช่างมิต่างอันใดกับผลงานศิลปะ...น่าเสียดาย...ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน...”
คนขี้ขลาดอย่างโม่จ้านรู้สึกหวาดผวาอย่างยิ่ง ร่างกายของาาปีศาจในตอนนี้แทบจะเปล่าเปลือย บริเวณเอวมีเพียงผ้าคลุมขาดรุ่งริ่งลวดลายแปลกประหลาดมิต่างกับผ้าเช็ดตัวแค่หนึ่งผืนปกปิด หรืออีกนัยหนึ่งคือข้างในผ้าคลุมนั้น ‘โล่งโจ้ง’ หากตาเฒ่านี่อดกลั้นไม่ไหวแล้วกระชากผ้าคลุมออก ความบริสุทธิ์ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมาของเขาคงต้องสูญสิ้นไปทั้งแบบนี้แน่
...ไม่ ไม่ใช่แค่นี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเหมือนหญิงสาวในหนังแนวสืบสวน หนีไม่พ้นต้องโชคร้ายถูกข่มขืนก่อนแล้วค่อยฆ่าทิ้งทีหลัง
“เฮ้ย หยุดเดี๋ยวนี้! เ้าๆๆๆ แท้จริงแล้วเ้าเป็ใครกัน ไม่สิ แท้จริงแล้วเ้ามาทำอันใดกันแน่!?”
โม่จ้านกัดฟันพยายามขัดขืน คิดอยากจะออกแรงดึงสายโซ่ให้ขาดเสียเดี๋ยวนั้น
“...ข้า? ข้า ข้ามาทำอันใด...”
ชายชราชะงัก มือทั้งสองข้างเคลื่อนต่ำลง การกระทำทั้งหมดหยุดชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองดวงตาสีดำแดงของโม่จ้าน ทันใดนั้นสายตาเลื่อนลอยพลันแปรเปลี่ยนจากลุ่มหลงกลายเป็คลุ้มคลั่ง
“ข้ามาเพื่อรับเ้ากลับไปอย่างไรเล่า...กลับไปยังที่ที่เ้าสมควรจะอยู่ แต่ แต่เหตุใดพวกเขาต้องห้ามไม่ให้ข้าทำเช่นนั้นด้วย! ทำไมกัน!”
“...ห๋า? เดิมทีข้าอยู่ที่ใด? จะกลับหรือไม่กลับไปมันเกี่ยวอันใดกับเ้าด้วย...บัดซบ เ้าหยุดมือเดี๋ยวนี้!”
โม่จ้านยังร้องะโหนึ่งประโยคไม่ทันจบ สายลมเย็นพลันพัดั้แ่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงศีรษะ ในที่สุดชายชราก็ฝืนประคองตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ร่างกายผอมแห้งราวกับโครงกระดูกลื่นไถลไปครึ่งรอบก่อนจะล้มลงตรงหว่างขาทั้งสองข้าง กอดขาข้างซ้ายของโม่จ้านเอาไว้มิต่างกับหมีโคอาลากอดต้นไม้
ยิ่งไปกว่านั้นคือชายชราทั้งกอดขาโม่จ้านไว้แน่นและหมายจะลุกขึ้นยืนอย่างซวนเซ ศีรษะล้านที่มีผมอยู่เพียงไม่กี่เส้นของอีกฝ่ายเคลื่อนมาแตะขอบผ้าคลุมแล้ว หากอีกฝ่ายยืนขึ้น...
โม่จ้านเหม่อมองออกไปด้านหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย นึกอิจฉาผู้บำเพ็ญฌานในนิยายที่สามารถตัดเส้นลมปราณหรือปลิดชีพตนเองได้
บุรุษฆ่าได้หยามมิได้ เมื่อเหล่าชายชาตรีที่ยึดหลักประพฤติตนโดยชอบเป็ความภาคภูมิใจถูกปฏิบัติเช่นนี้ ต่อให้มีชีวิตรอดกลับไปก็มิมีหน้าไปพบพ่อแม่พี่น้องแล้ว...
ขณะฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะขาดลง ประตูหนักอึ้งกลับถูกผลักออกดัง ‘ปัง’ อัศวินอาวุธครบมือสามคนบุกเข้ามา ผู้ที่เข้ามาอย่างกะทันหันเป็คนแรกคืออัศวินติดหนี้ ตามด้วยอัศวินโง่เง่าที่ต่อยท้องเขาหนึ่งหมัดในตอนแรก ด้านหลังยังมีอัศวินผมน้ำเงินหน้าแปลกอีกหนึ่งคน
โม่จ้านรู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ใบหน้าที่ดูราวกับติดหนี้ของเจียเอ่อลั่วในยามนี้ช่างคล้ายกับเทพบุตรเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองทางใดก็สบายหูสบายตานัก หากมิเพราะอยู่กันคนละโลก วันพรุ่งนี้ตนคงจะทำธง ‘พิรุณทันกาล’ กับมือแล้วส่งไปที่กองอัศวินด้วยตนเองแล้ว
การกระทำของชายชราถูกขัดจังหวะ เขาเงยหน้าด้วยความโมโห ตาขุ่นมัวทรงสามเหลี่ยมหนึ่งคู่ถลึงมองคนทั้งสาม
“พวกเ้า! เหตุใดพวกเ้าจึงมักขัดขวางข้าอยู่เรื่อย... เขาเป็ของข้า! เขาเป็ของข้ามาโดยตลอด! พวกเ้าอย่าได้คิดจะแย่งเขาไปจากข้าอีก!”
หลัง ‘สาธยายความคิดของตนอย่างห้าวหาญ’ ชายชราเอาหน้าแนบต้นขาของโม่จ้านไว้แน่น เผยสีหน้าท่าทางคล้ายกับยอมตายโดยไม่ยี่่หระต่อสิ่งใด
“...ต้องขออภัยแล้วขอรับ ท่านอูลั่ว การปะาาาปีศาจมิใช่เพียงคำสั่งของพระผู้เป็เ้า แต่ยังเป็หลักการอันถูกต้องของสันตะสำนักและหนทางอันจำเป็ต่อการมุ่งสู่แสงสว่าง มิอาจปล่อยให้ท่านทำตามอำเภอใจได้ขอรับ”
อัศวินติดหนี้ส่งสายตาให้อัศวินทั้งสองคน อัศวินร่างกายกำยำทั้งสองเดินตรงมาข้างหน้า ร่วมแรงร่วมใจกันดึงชายชราออกจากตัวโม่จ้าน ชายชราทั้งร้องไห้ขัดขืนและถูกอัศวินใช้กำลังกดไหล่ น่าเวทนาไม่ต่างกับสวี่เซียนที่พยายามดึงรั้งไป๋ซู่เจินเอาไว้
โม่จ้านนึกถึงการเปรียบเปรยของตนเองแล้วทำเอารู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันที เมื่อเห็นชายชราถูกคุมตัวออกไป โม่จ้านก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก คาดไม่ถึงว่าพวกเขาเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว อัศวินที่เคยลงไม้ลงมือกับตนก็หันกลับมา ทำเอาหัวใจของโม่จ้านกระโจนขึ้นมาอยู่บนลูกกระเดือกอีกครั้ง
ยังนับว่าดีที่ครั้งนี้ท่านอัศวินมิได้ลงไม้ลงมือ เพียงออกปากตักเตือนโม่จ้านด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเท่านั้น
“เ้าเผ่าปีศาจชั้นต่ำ หากเ้ายังคิดจะใช้ร่างกายสกปรกโสมมของเ้ายั่วยวนท่านอูลั่วอีกละก็จงตัดใจเสียเถิด กองอัศวินแห่งพระวิหารของพวกข้าจะปกป้องคุ้มครองมิให้สันตะสำนักต้องถูกล่อลวงด้วยความชั่วร้าย”
......ห๋า! คิดจะปรักปรำกันหรืออย่างไร!
โม่จ้านถึงกับแทบกระอักเื พวกเ้าตาบอดกันหรือ? ทั้งๆ ที่เ้าหมอนั่นเป็ผู้ลงไม้ลงมือกับข้าก่อนแท้ๆ! หากเทพพระเ้าแห่งแสงรู้ว่าพวกโง่อย่างพวกเ้าเอ่ยคำสาบานจะปกป้องนักโทษอนาจารเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่าเขาคงโมโหจนเข้าสู่ทางสายมาร!
ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงอย่างแรงอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างของโม่จ้านคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาขณะท่องบทอมิตาพุทธอยู่ในใจ นึกอยากจะลบความทรงจำสุดแสนจะขมขื่นนั่นออกไปจากสมองโดยเร็ว
ครานี้ผู้ที่เคยโอ้อวดตนว่าเคยประสบพบเจอโลกภายนอกอย่างาาปีศาจโม่จ้านใกลัวมากจริงๆ เพราะแม้จะสั่งสมประสบการณ์มามากมายเพียงใด ก็ยังมิอาจบอกตนเองได้ว่ายามที่ถูกผู้อื่นมุดเข้าไปในกางเกงนั้นจะต้องรับมืออย่างไร
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง ในที่สุดโม่จ้านก็สงบสติอารมณ์ลงเป็การชั่วคราว ถึงพบว่าท่ามกลางความวุ่นวาย ตนได้พลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่อย่างไป
สรรพนามแสดงความเคารพที่อัศวินติดหนี้ใช้ บ่งบอกว่าฐานะของอูลั่วน้้นมิได้เป็รองกองอัศวินแห่งพระวิหาร นึกมิถึงว่าตาเฒ่าบ้ากามนั่นจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้?
นอกจากนั้นอูลั่วยังบอกว่าตน ‘เป็ของเขามาโดยตลอด’ หรือว่า...
อาการหนาวสั่นเข้าจู่โจมร่างกาย โม่จ้านฝืนหักปีกแห่งจินตนาการของตน มิเหมาะสม มิเหมาะสม
ทั้งความใและความอ่อนเพลียผสมปนเปกันไปหมด โม่จ้านรู้สึกเหนื่อยกายเหนื่อยใจไม่นานก็เอียงคอผล็อยหลับไปอีกครั้งหนึ่ง