ในอาคารสูงระฟ้าที่ตั้งตระหง่านริมอ่าวจงหวน ท่ามกลางสำนักงานใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่ขาดสาย เหอชูซานผู้กำลังจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ก็พลันจามออกมาเสียงดังสนั่น!
หลังจากจามเสร็จก็เกิดความเงียบสงัดอย่างประหลาดขึ้น เขาสูดน้ำมูกแล้วเงยหน้าขึ้นมอง เครื่องปรับอากาศกลางที่อยู่บนเพดานไกลออกไปกำลังปล่อยลมเย็นออกมาอย่างแรง
เย็นวันนั้นเหอชูซานเลิกงานตรงเวลาทำให้เพื่อนร่วมงานหลายคนประหลาดใจ หลังจากซื้อเนื้อสดกับผักที่ตลาดแล้วเขาก็รีบกลับบ้าน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปเขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศแปลกๆ ไปบ้าง
เวลาโพล้เพล้ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เมื่อปิดม่านลงบรรยากาศในห้องก็ยิ่งมืดมิด ชย่าลิ่วอีไม่ได้เปิดไฟหรือทีวี เขานั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาเท้าทั้งสองข้างวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ มือข้างหนึ่งเท้าคางอีกข้างหมุนเล่นม้วนฟิล์ม บรรยากาศรอบตัวเขาเต็มไปด้วยความเ็าและอึมครึม
จาน ชาม และกล่องข้าวบนโต๊ะกาแฟถูกปัดออกไปอย่างไม่ใยดี เศษอาหารมันเยิ้มและเศษชามสีขาวเทากระจัดกระจายเกลื่อนพื้น กลางโต๊ะกาแฟมีกล้องที่ถูกทุบจนแตกเป็สองซีก และมีรูปถ่ายหลายรูปกระจัดกระจายอยู่ใกล้ๆ
ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนภรรยาหลวงจ้างนักสืบเอกชนไปจับชู้ แล้วเอารูปถ่ายกลับมาบ้านเพื่อเอาเื่
เหอชูซานเ้าแห่งการแสดงกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดผวา รีบปัดความคิดที่ไม่เข้าท่าออกไปจากหัว เขาล็อกประตู เปิดไฟ วางของ และถอดแว่นตาอย่างไม่สะทกสะท้าน จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาซย่าลิ่วอีที่กำลังเดือดดาล
"พี่ลิ่วอี" เขาเอ่ยขึ้น ใบหน้ายังคงแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจเหมือนเช่นเคย ดูไร้เดียงสาและซื่อสัตย์อย่างที่สุด
ชย่าลิ่วอีเตะเข้าที่หัวเข่าของเขาอย่างแรง จนเขาทรุดลงคุกเข่าทันที!
เหอชูซานล้มลงท่ามกลางเศษอาหารที่มันเยิ้ม หัวเข่าถูกเศษแก้วบาดจนเืซิบ เขากัดฟันทนความเ็ป พยายามยันตัวลุกขึ้นคุกเข่า เงยหน้ามองชย่าลิ่วอี สีหน้ายังคงนิ่งสงบ
"พี่ลิ่วอี" เขาเรียกอีกครั้ง
ชย่าลิ่วอีหน้าดำคล้ำเปล่งเสียงเ็า "ใครถ่าย? ถ่ายเมื่อไหร่? ถ่ายยังไง?"
รูปถ่ายบนโต๊ะและฟิล์มที่ยังไม่ได้ล้างทั้งหมด เป็ภาพของเขาที่เพิ่งออกมาจากบริษัท มีทั้งภาพที่เขายืนอยู่หน้าบริษัท กำลังก้มตัวเข้ารถ และที่น่าใที่สุดคือภาพโคลสอัพที่ชัดเจน ——เขาเปิดหน้าต่างรถ นั่งอยู่ในรถสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย!
นี่มันถ่ายใกล้ขนาดไหนวะเนี่ย? แล้วแอบอยู่ตรงไหน?!
เหอชูซานตอบคำถามแต่ละข้ออย่างตรงไปตรงมา "ผมถ่ายเองครับ ตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่ได้ทำโอที ผมปลอมตัวไปถ่าย"
ชย่าลิ่วอีกัดฟันแน่น หัวเราะอย่างเ็า "เก่งมากนะ เหอชูซาน! กล้ามากเลยนะ?! เวลาว่างก็ยังเล่นสะกดรอยคนอื่นอีกหรือ?! ไม่แปลกใจเลยที่พอพูดถึงตำรวจแล้วนายดูสะใจ นายก็เป็ตำรวจเหมือนกันใช่ไหม?!"
เหอชูซานเงยหน้ามองเขา แล้วให้คำอธิบายที่จริงใจมาก "ไม่ใช่นะครับ พี่ลิ่วอี ผมไม่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางกายแน่ๆ แถมยังเรียนจบด้านการเงินอีก เป็ตำรวจไม่เหมาะหรอกครับ อย่างมากก็เข้าหน่วย ICAC ได้"
ชย่าลิ่วอีะโขึ้นมาเตะเขาอีกครั้ง! "ยังจะเถียงอีก! หุบปาก!"
เหอชูซานทรุดตัวลงไปกองกับพื้น แล้วค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล คราวนี้เขาเชื่อฟัง ไม่พูดอะไรอีก
ชย่าลิ่วอีกลับมานั่งลงบนโซฟาอีกครั้งแล้วตบเข้าที่เท้าแขนของโซฟา “ดีนะ เหออาซาน ฉันไม่ควรประเมินแกต่ำไปเลย ใน่หกเดือนที่ผ่านมา แกทำตัวเป็ผู้ชายรักษาความบริสุทธิ์ นัดเดทกับเสี่ยวเหอ ซื้อของให้ กินข้าวด้วยกัน แล้วเมื่อวานยังไป ‘หาหมอ’ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ฉันเห็นใช่ไหม?”
เหอชูซานพยักหน้าอย่างว่าง่าย "ครับ"
ชย่าลิ่วอีปล่อยเสียงหายใจแรงออกจากลำคอ ก่อนจะพุ่งตัวขึ้นมาแล้วกระชากผมของเขาอย่างแรง “ปัง!” แล้วกดหัวของเขาลงไปบนโต๊ะน้ำชา จากนั้นก็หยิบเศษชิ้นส่วนที่เปื้อนน้ำมันและเืขึ้นมาจากพื้นมาจี้ที่คอของเขา พร้อมกับยิ้มอย่างเหี้ยมโหด “แกยังกล้ายอมรับอีกไหม? หรืออยากตายแล้ว?”
เหอชูซานถูกกดจนหน้าบี้แบน ตาพยายามกลอกไปมองเขา ปากก็ขยับพูด "พี่ลิ่วอี รอแป๊บนึง"
ชย่าลิ่วอีคลายมืออย่างสงสัยเล็กน้อย เหอชูซานค่อยๆ หันตัวไปหยิบผ้าเช็ดมือผืนหนึ่งจากใต้โต๊ะกาแฟ หยิบเศษกระเบื้องแหลมคมออกจากฝ่ามือของชย่าลิ่วอี แล้วเช็ดมือให้ชย่าลิ่วอีอย่างระมัดระวัง เช็ดเศษเล็กเศษน้อยที่ติดอยู่บนนิ้วของชย่าลิ่วอีออก จากนั้นวางผ้าทับไว้แล้วค่อยวางเศษแก้วกลับเข้าไป
แล้วก็ทำใจยอมรับชะตากรรม เอาหน้าแปะลงบนโต๊ะกาแฟอีกครั้ง "พี่ทำต่อเถอะ ระวังอย่าบาดมือล่ะ"
"..." ชย่าลิ่วอี
ชย่าลิ่วอีโยนเศษแก้วทิ้งไป คว้าเสื้อสูทของเหอชูซานมาม้วนเป็ท่อน แล้วฟาดเขาไม่ยั้ง! ระหว่างที่ฟาดก็สบถด่าว่า "ไอ้เวร! มึงคิดว่าเล่นละครแบบนี้แล้วกูจะทำอะไรมึงไม่ได้ใช่ไหม?! ไอ้สารเลว! ไอ้ลูกหมา! เล่นกับกูหรือ?! วันนี้กูจะตีมึงให้ตาย!"
เหอชูซานใส่เสื้อเชิ้ตบางๆ กอดศีรษะและปกป้องใบหน้าเอาไว้ หลบไปพลางหัวเราะคิกคัก ชย่าลิ่วอีเห็นเขาไหล่สั่นขณะก้มหน้า ก็ยิ่งโมโห ด่าทอ ตี เตะ อย่างไม่หยุด จนกระทั่งผ่านไปสิบกว่านาทีจึงหยุด
หลังจากที่ชย่าลิ่วอีระบายอารมณ์อย่างหนัก เขาก็นั่งหอบบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อเห็นคนไร้ประโยชน์เหอพยายามจะลุกขึ้นยืน เขาก็เตะให้เหอชูซานกลับไปนอนอีกครั้งอย่างไม่พอใจ
"พี่ลิ่วอี หยุดตีเถอะ" เหอชูซานรีบกอดขาเขาไว้ พูดอย่างขมขื่น "พรุ่งนี้ผมยังต้องไปพบลูกค้าอีก"
"พบมารดาแกสิ..." ชย่าลิ่วอีกำลังจะเตะเขาต่อ แต่เมื่อเห็นเหอชูซานลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ กางเกงขายาวั้แ่หัวเข่าลงไปเต็มไปด้วยเศษแก้วและคราบเื เขาก็หน้าดำหน้าแดงแล้วชักขาหลบ
เหอชูซานยันโต๊ะกาแฟลุกขึ้นยืน มองดูสภาพน่าเวทนาของตัวเอง แล้วก้มลงดึงเศษแก้วที่เปื้อนเืออกจากหัวเข่าเบาๆ สายเืเล็กๆ ก็พุ่งออกมาทันที
หัวใจของชย่าลิ่วอีเต้นแรง เขาพยายามอดทนแล้วอดทนอีก แต่ก็ไม่สามารถอดทนได้ "ไปเปลี่ยนกางเกง แล้วออกมาทายาซะ"
มือของเหอชูซานที่กำลังดึงเศษแก้วหยุดชะงัก เงยหน้ามองเขา
เ้าพ่อมาเฟียใจโหดคนนี้ สามารถใช้ดาบสองเล่มฟันคนได้หลายสิบคน สามารถต่อยหัวชายร่างใหญ่จนจมดินได้ พูดว่าจะตีเขาให้ตายแต่ตัวเองกลับเหนื่อยหอบ เห็นฉากนองเืมานับไม่ถ้วนแต่กลับทนไม่ได้กับาแเล็กๆ ที่หัวเข่าของเขา
เขาเดินโซเซไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เหยียบเศษแก้วที่เกลื่อนพื้น หัวเข่างอแล้วก็ล้มลงไปบนตัวของชย่าลิ่วอี!
ชย่าลิ่วอีใในตอนแรก คิดว่าเขาถูกตัวเองตีจนสลบไปแล้ว แต่เมื่อเขาประคองศีรษะที่ซุกอยู่ที่ไหล่ของเขาขึ้นมาอย่างลนลาน เขาก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!
เหอชูซานมีเหงื่อเย็นๆ ทั่วใบหน้าจากการอดทนต่อความเ็ป เขาโอบกอดเอวของชย่าลิ่วอีไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง เพื่อตอบรับสายตาที่เป็กังวลของชย่าลิ่วอีซึ่งยังไม่ทันได้เก็บกลับไป
"แกจะทำอะไร? ลงไปเดี๋ยวนี้!" ชย่าลิ่วอีรู้สึกว่าเ้าเด็กนี่คงโดนเขาตีจนเบลอไปแล้ว มือขวาที่ไร้เรี่ยวแรงตบไปที่หน้าผากของเขา
"พี่ลิ่วอี" เหอชูซานกระซิบเรียกเขาเบาๆ ในขณะที่ซบอยู่บนตัวเขา ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนสระน้ำสีดำสนิทที่สะท้อนภาพของชย่าลิ่วอีเอาไว้
บนใบหน้าที่ซื่อสัตย์และจริงใจของเขา จู่ๆ ก็ปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้นมา
"พี่ลิ่วอี พี่ต้องรู้ไว้นะว่า คนอย่างผมถ้าพี่ทำอะไรผมไม่ได้... พี่ก็จะไม่มีทางผลักผมออกไปได้อีกเลย"
ทันใดนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงแล้วประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของชย่าลิ่วอี
ลูกพี่ใหญ่ชย่าไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็ไม่เคยคาดคิดว่าไอ้ตัวแสบนี้จะกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้ เมื่อถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว สมองของเขาก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ ใจนตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้!
ไอ้ขี้ขลาดเหอยังแทรกลิ้นเข้ามาอย่างละมุนละไม นุ่มนวลและอ่อนโยน ค่อยๆ ละเลียดเลียริมฝีปากและฟันของเขา จากนั้นก็ใช้ลิ้นแตะหยอกล้อเบาๆ ที่ปลายลิ้นของเขา
ครั้งสุดท้ายที่ชย่าลิ่วอีจูบใครสักคนก็เมื่อสิบกว่าปีก่อน ในห้องสีแดงเข้มที่ทั้งชื้นและขึ้นรา กับผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งหน้าจัดจนจำไม่ได้ กลิ่นแป้งผสมกับกลิ่นเหล้าและลิปสติก ทำให้เขาผลักเธอออกและะโลงจากเตียงทันที เขาอาเจียนไม่หยุด แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็ถูกเหอชูซานจูบอย่างอ่อนโยนและสดชื่น เขาถึงกับหายใจไม่ออกโดยไม่รู้ตัว
