“โอหัง” เฟิงอวิ๋นเซียวคำราม เคล็ดวิชาในมือยิ่งดุดัน บ้าคลั่งอย่างยิ่ง ลมแรงพัดมาเป็ระลอก จู่โจมใส่เซียวเฉินราวกับกวาดใบไม้แห้ง
หากบอกว่าเมื่อครู่เฟิงอวิ๋นเซียวยังออมมืออยู่บ้าง เขาในยามนี้ประหนึ่งสิงโตคลุ้มคลั่ง และสาเหตุที่ทำให้เขาคลั่งมีเพียงหนึ่งเดียว
เซียวเฉินสังหารน้องชายของเขา!
ปึกปึก!
ภายใต้การจู่โจมของเฟิงอวิ๋นเซียว เซียวเฉินตกเป็ฝ่ายรับไม่หยุดหย่อน ถูกอัดลอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่ได้รับาเ็ ทว่าในสายตาของคนที่อยู่ด้านล่างเวที พลังของเซียวเฉินลดลงแล้ว อีกไม่นานก็จะพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของเฟิงอวิ๋นเซียว
“เซียวเฉิน...”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดเป็ห่วงไม่ได้ ถึงอย่างไรความสามารถของเซียวเฉินกับเฟิงอวิ๋นเซียวก็ยังห่างชั้นกันมาก ่ก่อนต้านทานได้ แต่ต่อมาต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงอวิ๋นเซียวแน่ๆ
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกังวล
ส่วนหลินหนิงก็เป็เช่นเดียวกัน นางกำมือทั้งสองข้างไว้แน่นจนซีดขาว เม้มริมฝีปากจนมีโลหิตไหลออกมานิดๆ
“เมื่อครู่ยังได้เปรียบชัดๆ ทำไมจึงเป็แบบนี้...”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปรายตามองนางแล้วเอ่ยช้าๆ “ระดับขั้นของเฟิงอวิ๋นเซียวกับเซียวเฉินห่างกันเกินไป แม้ว่าเซียวเฉินโดดเด่นเช่นไร ก็ยังมีความห่างชั้นระหว่างขั้นแรกกำเนิดและขั้นตานฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
เอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ทอแววลึกล้ำ
เซียวเฉิน หากเ้ามีอันตราย ข้าจะช่วยเ้าให้ได้...
ตูม!
หมัดหนึ่งต่อยลงมาอีก เซียวเฉินถอยหลังไปหลายก้าว เงาร่างโอนเอนอยู่บ้าง
เื่นี้ทำให้ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซียวมีรอยยิ้มกว้างขึ้น
“ราชันศิษย์ใหม่อะไรกัน ก็แค่เศษสวะที่มีความสามารถเล็กน้อยคนหนึ่ง มีความสามารถแค่นี้ก็กล้ามาท้าสู้กับข้า? ช่างไม่รู้จักที่ตายจริงๆ แต่ต่อให้เ้าไม่มาท้าสู้กับข้า ข้าก็จะฆ่าเ้าเพื่อล้างแค้นให้น้องชาย!”
เซียวเฉินกลับไม่ส่งเสียง
ต้านรับการโจมตีของเฟิงอวิ๋นเซียวไม่หยุดหย่อน
“ดูท่า เซียวเฉินจะแพ้แล้ว” การต่อสู้ของคนทั้งสอง ย่อมทำให้ศิษย์สำนักในตื่นตระหนกเป็ธรรมดา เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองการต่อสู้ของคนทั้งสองแล้วเอ่ยเรียบๆ ทำให้ศิษย์สำนักในจำนวนไม่น้อยลอบผงกศีรษะ
“เซียวเฉินผู้นี้ผยองเกินไป หากเขาเข้าสู่สำนักใน การต่อสู้ครั้งนี้ ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่รู้ แต่เขาในตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงอวิ๋นเซียวเด็ดขาด”
“อวดความแหลมคมแล้วถูกกำหนดให้มีชีวิตไม่ยืนยาว”
มีเพียงคนเดียวที่หรี่ตาน้อยๆ มองเซียวเฉิน ดวงตามีประกายลึกล้ำวาบขึ้น ไม่ได้เอ่ยวาจา
ส่วนการต่อสู้ของคนทั้งสองบนเวทีประลองมีแนวโน้มที่เฟิงอวิ๋นเซียวจะเอาชนะและสะกดเซียวเฉินได้ ใน่ที่ทุกคนต่างคิดว่าเซียวเฉินกำลังจะแพ้ ร่างของเซียวเฉินพลันเปล่งแสงเสวียนกะทันหัน เจิดจรัสดุจดวงดารา
ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
เฟิงอวิ๋นเซียวตะลึงงัน ส่วนใบหน้าของเซียวเฉินกลับเผยรอยยิ้ม มองเฟิงอวิ๋นเซียวแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ต่อยมานานขนาดนี้ สมควรเป็ทีข้าบ้างล่ะ”
สาเหตุที่เซียวเฉินไม่ตอบโต้มาตลอด ก็เพราะกำลังหยิบยืมแรงของเฟิงอวิ๋นเซียวมาทะลวงโซ่ตรวนและอุปสรรคของนิรวาณขั้นสองในร่าง บัดนี้เขาบรรลุนิรวาณขั้นสองขณะอยู่ในการต่อสู้ แม้ระดับขั้นยังหยุดอยู่ที่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าดังเดิม แต่เซียวเฉินก็ไม่ด้อยไปกว่าขั้นตานฟ้าเลย
มองความเปลี่ยนแปลงของเซียวเฉินออก สีหน้าของเฟิงอวิ๋นเซียวอัปลักษณ์มากขึ้น
“เ้าถึงกับกำลังฝึกวิชา!”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “ถูกต้อง ตอนนี้ถึงทีข้าตอบโต้บ้าง” ระหว่างที่พูดจา เขาจู่โจมหนึ่งฝ่ามือ พลังเสวียนอันรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็ประทับขนาดใหญ่โจมตีไป เวทีประลองสั่นะเืนิดๆ
เห็นได้ชัดถึงอานุภาพจากเื่นี้
ตูม!
พริบตา เฟิงอวิ๋นเซียวก็รู้สึกได้ถึงพลานุภาพของฝ่ามือนี้ มือทั้งสองข้างเ็ปและปลิวลอยออกไป ร่างค่อนข้างกระเซอะกระเซิง ความพลิกผันของสถานการณ์โดยรวมนี้ทำให้ผู้ที่ได้เห็นตกตะลึงจังงัง
เซียวเฉินถึงกับเข่นฆ่ากลับแล้ว!
ตึงตึงตึง!
เฟิงอวิ๋นเซียวถอยหลังไปหลายก้าว จึงทรงกายมั่นคง
สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว
“ทำไมความสามารถของเ้าก้าวหน้าเร็วถึงเพียงนี้?” เฟิงอวิ๋นเซียวเอ่ยอย่างใ เมื่อครู่ตนสะกดเขาไว้ได้อย่างแน่นอนแล้วชัดๆ เหตุใดตอนนี้จึงถูกกระบวนท่าง่ายๆ ของเขาสนองคืนมาอย่างง่ายดาย?
เซียวเฉินมีสีหน้าเฉยเมย
“เพราะเ้าโง่ ข้าผลาญพลังของเ้ามาโดยตลอด ส่วนเ้ากลับนึกว่ากำราบข้าจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจู่โจมได้ เ้าไม่รู้ตัวว่าถูกข้าปั่นหัวเล่นแล้ว หึหึ” เซียวเฉินส่งเสียงหัวเราะ เงาร่างไหววูบ พริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าของเฟิงอวิ๋นเซียวแล้วฟาดฝ่ามือหนึ่งเพื่อโจมตี เฟิงอวิ๋นเซียวรับแรงกดดันไร้สภาพ ทำให้เขารู้สึกหายใจลำบาก ครู่ต่อมา ร่างกายก็ถูกเซียวเฉินอัดจนกระเด็นไป
กระแทกลงบนเวทีประลองอย่างแรง ทรวงอกและแขนเ็ป พ่นโลหิตคำหนึ่งออกมา
“เซียวเฉิน นี่เ้าบีบคั้นข้าเองนะ!”
เวลานี้ ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงอวิ๋นเซียวมืดมิด ดั่งสุนัขป่ากระหายเืเล็งเหยื่อ หากไม่บรรลุเป้าหมายก็จะไม่ยอมเลิกรา
ส่วนเซียวเฉินคือเหยื่อในสายตาของเขา
นับจากวินาทีที่เขาถูกเซียวเฉินโจมตีจนล่าถอยเป็ต้นมา เขาก็คลุ้มคลั่ง เพราะเขาเป็ถึงศิษย์สำนักใน ยิ่งกว่านั้นยังเป็บุคคลที่จัดอยู่อันดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวงอีกด้วย ทว่าบัดนี้ถูกราชันศิษย์ใหม่ของสำนักนอกจู่โจมจนล่าถอย เื่นี้ประหนึ่งมีฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง เขาเ็ปจนแทบหายใจไม่ออก
นี่คือการหยามเกียรติ!
เขาจะไม่อนุญาตให้มีการหยามเกียรติเกิดขึ้นเป็อันขาด!
ดังนั้น เขาต้องฆ่าเซียวเฉินให้ได้!
รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเฟิงอวิ๋นเซียว ใบหน้าของเซียวเฉินเผยความหนักใจนิดๆ ส่วนใบหน้าของศิษย์สำนักในที่อยู่ด้านล่างเวทีทุกคนมีรอยยิ้มประหลาด
“ท่าทางเฟิงอวิ๋นเซียวถูกเซียวเฉินบีบจนต้องใช้กระบวนท่านั้น คราวนี้มีละครสนุกให้ชมแล้ว”
ศิษย์สำนักในอีกคนก็ยิ้ม “ข้าก็รอดู ครานี้ เซียวเฉินจะยังรอดชีวิตหรือไม่”
ตูม!
วิ้งวิ้ง!
ร่างกายของเฟิงอวิ๋นเซียวพลันเปล่งอานุภาพที่ไม่มีมาก่อนอย่างกะทันหัน พลังเสวียนดั่งเกลียวคลื่นที่ถั่งโถมมาไม่หมดสิ้น จากนั้น สิ่งที่ตามมาก็เป็อานุภาพกดดันจางๆ ขุมหนึ่ง ทั้งยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด
อานุภาพกดดันนี้ทำให้เซียวเฉินรู้สึกถึงอันตราย
เนื่องจากเขารู้สึกได้ อานุภาพกดดันขุมนี้มาจากาเช่นเดียวกับสายโลหิตหงสาของเขา เพียงแต่ของเขาเป็พลังแห่งสายโลหิต ส่วนของเฟิงอวิ๋นเซียวน่าจะเกิดจากการฝึกวิชาบางอย่างสำเร็จ
แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ ก็ไม่ควรดูแคลนเหมือนเดิม
เซียวเฉินลอบคิดในใจ ‘หรือว่าเฟิงอวิ๋นเซียวเคยฝึกเคล็ดวิชาอันแข็งแกร่งเหมือนตนเอง?’
เห็นสีหน้าของเซียวเฉินแปรเปลี่ยน เฟิงอวิ๋นเซียวก็หัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่า เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังแล้วสินะ สามารถบีบคั้นข้าได้ถึงขั้นนี้ ทั้งยังเป็ศิษย์สำนักนอกด้วย เ้านับเป็คนแรก!”
ระหว่างที่เอ่ยวาจา เบื้องหน้าของเฟิงอวิ๋นเซียวพลันปรากฏม้วนภาพอันหนึ่ง ม้วนภาพนั้นเปล่งแสงมัวหม่นและกลิ่นอายอันตรายออกมารางๆ ทำให้ผู้คนอดก้าวถอยหลังไม่ได้
ส่วนมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านล่างเวทีก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่
“ถึงกับเป็กระบวนท่านี้”
“สามารถตายใต้ตำราทลายคุกของข้าได้ก็เพียงพอให้เ้าได้ภาคภูมิใจแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซียวเอ่ยเรียบๆ จากนั้น ตำราพลันคลี่ออก และมีสัตว์ร้ายตนหนึ่งะโออกมาจากในนั้น!
เรือนร่างสูงห้าเมตร ตัวพยัคฆ์ใบหน้าั เขาแพะหางกวาง ั์ตามีม่านตาสองชั้น ชั่วร้ายอย่างยิ่ง เขี้ยวยาวเผยอยู่ด้านนอก เห็นว่าดุดันอำมหิตเป็พิเศษ มีเสียงคำรามจากลำคอดังมาเป็ระยะ แสบแก้วหูเป็พิเศษ
“สัตว์ร้ายทลายคุก!”
สีหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนเป็อัปลักษณ์ หลินหนิงที่อยู่ด้านข้างเห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์สีหน้าแปรเปลี่ยนจึงเอ่ยถามอย่างกังวล “ศิษย์พี่มู่หรง สัตว์ร้ายทลายคุกคืออะไร?”
“สัตว์ร้ายแห่งา เคยมีบันทึกไว้ในตำราโบราณ สัตว์ร้ายตรงเบื้องหน้าไม่แตกต่างจากที่บรรยายไว้ในตำราโบราณเลยสักนิด ผู้คนต่างเล่าขานกันว่าสัตว์ร้ายนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเฟิงอวิ๋นเซียวถึงกับได้เคล็ดวิชาที่เก็บรักษาไว้ไป ตอนนี้เซียวเฉินมีอันตรายแล้ว”
สัตว์ร้ายทลายคุกที่กระโจนออกมาทำให้เซียวเฉินใจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หน้าตาของเ้าตัวทลายคุกน่าสะพรึงเกินไป
แต่เซียวเฉินดูออกว่า สัตว์ร้ายตนนี้เป็เพียงเงามายาที่ฉายมาจากในม้วนตำรา ไม่ใช่ตัวจริง ไม่มีพลังต่อสู้ทั้งหมดของสัตว์ร้ายทลายคุก แต่ก็มิอาจดูเบาได้
“เ้ามีวิชาเรียกสัตว์เทพมิใช่หรือ เคล็ดวิชานี้ก็แค่ร่องรอยที่เก็บรักษาไว้นิดเดียวเท่านั้น” เซียวเฉินเอ่ยราบเรียบ
เฟิงอวิ๋นเซียวนิ่งอึ้ง แล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะ “แล้วอย่างไรเล่า”
“สัตว์ร้ายตนนี้ของเ้ายังด้อยกว่าสัตว์เทพที่แท้จริงอยู่บ้าง”
เฟิงอวิ๋นเซียวหัวร่อหยัน “เ้ารู้แล้วอย่างไร ต่อให้เ้าพูดจน์ซาบซึ้งก็ช่วยอะไรไม่ได้ วันนี้เ้าถูกลิขิตให้มาตายที่นี่”
มุมปากของเซียวเฉินโค้งขึ้นนิดๆ
เผลอหลุดปากออกมา
“บังเอิญเสียจริง ข้าก็มีวิชาสัตว์เทพ!”
สิ้นเสียง ร่างของเซียวเฉินก็เปล่งแสงเสวียนฉับพลัน เปลวเพลิงพวยพุ่ง เสียงหงส์ร้องกังวานสะท้านเก้าชั้นฟ้า